บทที่ 661 หลี่จิ่วเต้า ‘ใช้ได้ ถึงเวลาข้าได้ออกโรงอีกแล้ว!’
ได้ยินเซี่ยเหยียนเอ่ยถึงมื้อเย็น สุนัขขาวพิโรธขึ้นมาทันที
อะไรกัน คนพวกนี้คิดจะกินมันรึ?
“โฮ่ง คืนนี้ข้าจะกินซาลาเปาไส้เนื้อมนุษย์!”
มันเดือดดาลอย่างคุมอารมณ์ไม่อยู่ พร้อมศีลแตกกินเนื้อ พลานุภาพในกายโถมทับออกมา บุกสังหารไปด้านหน้า!
“ฆ่า!”
หลิงอินยกมือยิงธนูออกไป นางบุกอยู่หน้าสุด เปิดฉากศึกนี้ได้อย่างสะเทือนเลือนลั่น
ติ๊ง~
เสี่ยวหยาทะยานเข้ามากลางอากาศ แสงสีทองใต้เท้ารับร่างนางไว้ ฉินปี้เทียนชางไห่ลอยอยู่เบื้องหน้า ตัวนางเปรียบเสมือนเซียนฉิน นิ้วขาวผ่องเรียวยาวเปล่งประกายวาววาม ไล้ไปตามฉินเพื่อบรรเลง
บทเพลงนี้คือลำนำศึก ประพันธ์ขึ้นเพื่อคุณชาย หลังเสียงฉินดังขึ้น ความเลือดร้อนพลันเดือดพล่านอยู่ในใจของพวกหลิงอิน พลังแต่ละด้านของพวกเขาทวีคูณอย่างบ้าคลั่ง!
ทว่าลำนำศึกเช่นนี้เมื่อสะท้อนเข้าหูสุนัขขาวกลับกลายเป็นเสียงอีกแบบ เสียดแทงอย่างยิ่ง ไม่น่าฟังจนมันทนไม่ไหว
ลำนำศึกนี้มีคุณสมบัติสองด้าน ด้านหนึ่งเสริมพลัง ด้านหนึ่งบั่นทอนพลัง สุนัขขาวคือฝ่ายที่ถูกลำนำศึกรบกวนจนพลังลดลงไป
โฮ่ง!
สุนัขขาวร้องลั่น ทลายกระแสรบกวนที่ลำนำศึกมีต่อมันได้ในพริบตา มันกล้าแกร่งอย่างยิ่ง พลังของจักรพรรดิเซียนลึกล้ำเกินหยั่ง!
มันบุกสังหารไปข้างหน้า กรงเล็บแข็งแกร่งไร้เทียมทาน พลังนิรนามบางอย่างซัดสาด ศรอาบแสงทุกดอกที่ยิงเขามาถูกมันฉีกกระชากเป็นชิ้น ๆ ในอึดใจเดียว!
“เซี่ยเหยียน เจ้าลุย”
หลิงอินเก็บคันศรใหญ่กลับไป เรียกฉินเฟิ่งหมิงออกมา วิถียิงธนูมิใช่วิถีหลักที่นางฝึกฝน หากแต่เป็นวิถีฉิน
“เสี่ยวหยาเรียกตำราเพลงฉินออกมา วันนี้ เราสองจะร่วมมือบรรเลงบทเพลงเดียวกัน!”
ประสบการณ์ด้านต่อสู้ของนางโชกโชนกว่าทุกคน นางตระหนักดีว่าสุนัขขาวตัวนี้ไม่อาจต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ อย่างไรศึกนี้ก็แตกต่างจากการต่อสู้ที่ผ่านมา หากพวกเขาไม่ร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้ ย่อมไม่สามารถจัดการสุนัขขาวได้ หรืออาจถูกสุนัขขาวเอาชนะได้ง่าย ๆ
พวกเขาต้องการผู้บัญชาการ ต้องกลมเกลียวสมัครสมาน เช่นนี้จึงจะเอาชนะสุนัขขาวได้
“ได้!”
เสี่ยวหยาจบบทเพลงนั้น เรียกตำราเพลงฉินที่คุณชายประทานให้ออกมา เสี้ยวพริบตานั้น ลำแสงสว่างไสวสาดรดลงมา ทั้งยังมีกฎแห่งวิถีฉินมหัศจรรย์ต่าง ๆ พุ่งพรวดออกมา
นี่คือตำราเพลงฉินที่คุณชายเขียนขึ้นด้วยตนเอง ในนั้นบันทึกข้อคิดต่าง ๆ ของคุณชายไว้ ไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง!
หัวใจสุนัขขาวเต้นรัว นี่ต้องเป็นตำราเพลงฉินที่ประพันธ์โดยผู้ยิ่งใหญ่ระดับไหนกัน กฎแห่งวิถีฉินที่พวยพุ่งออกมาจากตำราเพลงฉินทำให้มันรู้สึกต่ำต้อย อดคิดมิได้ว่า นี่คือตำราเพลงฉินที่รังสรรค์ขึ้นโดยบรรพจารย์แดนต่าง ๆ ในแดนบรรพโกลาหลหรืออย่างไร?
ตำราเพลงฉินเช่นนี้ไฉนเลยจะเผยแพร่ออกจากแดนบรรพโกลาหลได้!
มันคิดไม่ตก!
ยามนี้ มันทุกข์ใจมาก คิดไม่ถึงเลยว่านอกจากยอดศาสตราในมือแล้ว พวกหลิงอินจะยังมียอดศาสตราอื่นอยู่ด้วย!
ฉินทั้งสองถูกดีดเป็นจังหวะ เสี่ยวหยาและหลิงอินร่วมบรรเลง ม่านแสงประหลาดส่องออกจากตำราเพลงฉิน ทาบทับลงบนตัวเสี่ยวหยาและหลิงอิน พวกนางดูสูงส่งวิเศษขึ้น ความสำเร็จด้านวิถีฉินยกระดับทวีคูณ!
นี่ไม่ได้เป็นการเพิ่มพูนเป็นเท่าตัวธรรมดา
ด้วยการเสริมพลังจากตำราเพลงฉิน การร่วมบรรเลงระหว่างเสี่ยวหยาและหลิงอินเป็นจังหวะไร้เทียมทาน ราวกับพวกนางได้ผสานเป็นหนึ่งแล้วอย่างสมบูรณ์ เสียงฉินกระจายออกไป พลังแต่ละด้านของพวกเซี่ยเหยียนทวีคูณจนถึงระดับน่าหวาดหวั่น!
เช่นเดียวกัน เมื่อเพลงฉินเยี่ยงนี้ดังไปถึงสุนัขขาว กลับกลายเป็นไม่น่าฟังอย่างสุดจะทน ราวกับมีแมลงวันหนึ่งหมื่นตัวบินวนเวียนอยู่ข้างหูของมัน จนมันรำคาญแทบบ้า!
โฮ่ง!
มันคำรามกราดเกรี้ยว หมายจะทลายกระแสรบกวนจากเพลงฉินอีกครั้ง ความรู้สึกมีแมลงวันบินรอบหูทรมานมากจริง ๆ
อนิจจา ครั้งนี้ต่างออกไป ด้วยกำลังเสริมจากตำราเพลงฉิน ลำนำที่หลิงอินและเสี่ยวหยาร่วมบรรเลงไม่อาจทลายได้ง่าย ๆ!
แต่ว่ากันตามตรง สุนัขขาวนั้นแข็งแกร่งอย่างแท้จริง หากเป็นสิ่งมีชีวิตตัวอื่น ไฉนเลยจะได้รับผลกระทบแค่นี้ คงถูกริดรอนพลังทั้งหมดไปแล้ว!
ทว่าสุนัขขาวแค่ได้รับแรงรบกวนเท่านั้น มิได้ถูกลดทอนกำลังรบลงไปแต่อย่างใด
“รำคาญ ๆๆ!”
สุนัขขาวบันดาลโทสะ กระโจนตัวปราดเข้าไปหาหลิงอินและเสี่ยวหยา มันทลายเพลงฉินมิได้ แต่ขอเพียงกำราบทั้งสองลงได้ เพลงฉินก็จะแตกดับไปโดยปริยาย
“เจ้าสุนัขเดนตาย ข้าต้าเต๋อฝอจะเทศนาจนเจ้าได้ดวงตาเห็นธรรมเอง!”
ต้าเต๋อเรียกลูกประคำออกมาอีกครั้ง พระพุทธรูปทองคำหนึ่งร้อยแปดองค์ปรากฏออกมาสกัดกั้นสุนัขขาว ประกายพุทธะส่องสว่าง รุนแรงกว่าคราวก่อนอย่างเห็นได้ชัด
เหล่าเด็ก ๆ อย่างอ้ายฉาน จู้จื่อตามไปติด ๆ พากันเรียกตุ๊กตุ่นออกมา ทั้งยังเรียกภาพวาดตัวละครโปรดของพวกเขาที่คุณชายเคยวาดให้ออกมาอีกด้วย
หลังเรียกภาพตัวละครออกมา พลังตุ๊กตุ่นก็ทวีคูณ ไม่รู้แข็งแกร่งกว่าก่อนหน้าตั้งเท่าไหร่!
ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย นาจา และตัวละครอื่น ๆ จากตำนานไซอิ๋ว และตำนานสถาปนาเทวดาบุกออกมา น่าประหวั่นพรั่นพรึงกันถ้วนหน้า โจมตีใส่สุนัขขาวพร้อมกัน
ขณะเดียวกัน ตัวของพวกอ้ายฉานเองบุกสังหารสุนัขขาวอย่างรวดเร็ว หมายจะต่อสู้ประชิดตัวกับสุนัขขาว
นี่คือคำสั่งจากหลิงอิน ให้พวกเขาต่อสู้ซึ่งหน้า และสู้ด้วยรูปแบบประชิดตัว เพื่อกระตุ้นหยกคุ้มกันที่คุณชายเคยประทานให้พวกเขา!
หลิงอินรู้ดีว่า หยกคุ้มกันที่คุณชายประทานให้อัศจรรย์ปานใด เสมือนมีคุณชายคอยปกปักษ์รักษาอยู่ข้าง ๆ ต่อให้สุนัขขาวดุดันไร้ใดเปรียบเพียงใด นางก็เชื่อว่าสุนัขขาวไม่อาจแผ้วพานพวกอ้ายฉานได้
อย่างที่คิด สุนัขขาวแกร่งกล้ามาก ต้านทานพระพุทธรูปทองคำหนึ่งร้อยแปดองค์ ซุนหงอคง ตือโป๊ยก่าย นาจา และตัวละครอื่น ๆ จากตำนานไซอิ๋ว และตำนานสถาปนาเทวดาได้ตามลำพัง
ทว่ายามมันบุกมาฆ่าพวกอ้ายฉาน กลับต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่
มันนึกว่าพวกอ้ายฉานบุกเข้ามาเท่ากับเอาชีวิตมาทิ้ง แต่หลังกรงเล็บใหญ่ฟาดเข้าไป มันก็ต้องตาค้างไปในบัดดล!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
ห้วงอากาศสะท้าน กฎระเบียบสูงส่งอย่างหามิได้ถักทอประสาน สายฟ้าฟาดลงมาครั้งแล้วครั้งเล่า กรงเล็บของมันถูกตัดสะบั้นจนแหลกเหลว เลือดสาดกระเซ็น เศษกระดูกปลิวว่อน!
นอกจากนี้ กฎระเบียบนี้ยังแผ่ซ่านอยู่ในตัวมัน สร้างความเสียหายให้มันมหาศาล!
“เกิดอะไรขึ้น!?”
มันมีสีหน้างุนงง ทั้งยังไม่อยากเชื่อ ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอันใดขึ้น พลังเช่นนี้มาจากไหน?!
สุนัขขาวไม่ทันใดคิดอันใดไปมากกว่านี้ ก็รู้สึกเจ็บปวดเกินทนที่ก้น
มันหันไปมองทางก้นอย่างอดมิได้
“!!!”
แล้วก็ต้องบันดาลโทสะ อะไรกัน ช่วยมีจรรยาบรรณหน่อยมิได้หรือ? ก้นของมันมีศรขนนกสีแดงปักอยู่เต็มไปหมด ถูกยิงจนพรุน เลือดเนื้อเละรวมเป็นหนึ่ง!
เซี่ยเหยียนเปลี่ยนคันศรเป็นคันศรใหญ่สีชาด นี่คือคันศรใหญ่ที่คุณชายตั้งใจรังสรรค์ขึ้นเพื่อนางอย่างพิถีพิถันในภายหลัง เป็นรางวัลชื่นชมที่นางก้าวหน้าในวิถีธนู
นางชื่นชอบการยิงธนูเป็นที่สุด พัฒนาทักษะได้อย่างว่องไว แต่เดิมในด้านวิถียิงธนูนี้หลิงอินเก่งกาจกว่านาง ทว่าต่อมา นางแซงขึ้นไปได้ เหนือกว่าหลิงอิน จนได้รับคำชมจากคุณชายอย่างมาก
ด้วยกำลังเสริมจากเพลงฉิน ประกอบกับคันศรสีชาดนี้อัศจรรย์อย่างยิ่งยวด โดยเฉพาะเมื่อสุนัขขาวถูกหยกคุ้มกันของพวกอ้ายฉานโจมตีเพราะมันจู่โจมพวกอ้ายฉาน จนอยู่ในสภาพสะบักสะบอม ศรขนนกสีแดงของเซี่ยเหยียนทลายเกราะป้องกันของสุนัขขาวได้ทันที
พรวด! พรวด! พรวด!
เวลานั้น พี่ชายเสี่ยวหยาออกโรง ท่วงท่าแผ่วเบาดุจวิญญาณ เสมือนนักฆ่าที่มิอาจป้องกัน เขาบุกออกไปฉับพลัน มีมีดสั้นสีเงินในมือ สุนัขขาวตั้งตัวไม่ทัน มีดสั้นสีเงินในมือของเขากรีดผ่านจุดสำคัญของสุนัขขาว โลหิตกระฉูดขึ้นมาเป็นสาย!
มีดสั้นสีเงินในมือเขาก็ถูกตีขึ้นโดยฝีมือคุณชายเช่นกัน เขาเคยสนทนากับคุณชาย ระหว่างที่สนทนากันอยู่ คุณชายได้รู้ว่าเขาชอบมีดสั้น จึงตั้งใจตีมีดสั้นสีเงินเล่มนี้ขึ้นมาให้เขา
เขาในอดีตเคยรับใช้กองกำลังมืดด้วยชีวิต การต่อสู้ที่ผ่านมาล้วนแต่มีชีวิตเป็นเดิมพัน คำสั่งจากหลิงอินสำหรับเขาคือรอโอกาสลงมือ ปลิดชีพสุนัขขาว
“แม่เจ้า พวกเจ้าล้วนแต่พิสดารผิดแผก! ข้า…ไม่ขอสู้กับพวกเจ้าแล้ว!”
สุนัขขาวร่ำไห้ คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่ามันผู้มีกำลังรบระดับจักรพรรดิเซียน จะอยู่ในสภาพน่าสังเวชเยี่ยงนี้!
มันไม่เหลือความคิดอยากต่อสู้อีก น่าขัน สู้ไม่ได้เลย!
โฮ่ง!
มันร้องลั่น ถึงอย่าง่ไรก็มีกำลังรบล้ำเลิศ จึงฝ่าออกจากตรงนี้ไปได้!
“หยุดมันไว้ มันไปทางคุณชายแล้ว!”
หลิงอินหน้าถอดสี บุกเข้าไปกับพวกเซี่ยเหยียนทันที ทิศที่สุนัขขาวหนีไปคือทิศที่คุณชายอยู่
อนิจจา สุนัขขาวว่องไวเกินไป พริบตาเดียวก็หายไปอย่างสิ้นเชิงจากสายตาพวกเขา
อีกด้าน หลี่จิ่วเต้ากำลังตกปลากับลั่วสุ่ยอย่างสุนทรีย์
เขาไม่รับรู้ถึงการต่อสู้ที่ด้านนี้
สุนัขขาวผนึกมิติผืนนั้น ไม่ว่าสุ้มเสียงหรือคลื่นพลังใด ล้วนมิอาจแผ่ซ่านออกไป
ลั่วสุ่ยไม่รู้เรื่องเช่นกัน
แม้ว่าขอบเขตพลังของนางจะก้าวหน้าอย่างมหัศจรรย์ พลังวิญญาณแกร่งกล้าจนน่าทึ่ง กระนั้นยังมิสู้สุนัขขาว ไม่อาจรับรู้ได้ถึงเหตุการณ์ในมิติผืนนั้น
‘ข้าก็ว่าเหตุใดคุณชายถึงไม่ยอมลงมือเสียที พวกหลิงอินมีไพ่ตายในมืออยู่มากจริง ๆ!’
ก้อนหินคิดในใจ
มันแกร่งกล้าไร้ใดเปรียบ เหนือกว่าพวกหลิงอินไปไกล กระทั่งสุนัขขาวยังไร้น้ำยาเมื่ออยู่ต่อหน้ามัน มันรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าทางนั้นเกิดเหตุการณ์ใดขึ้นบ้าง
ขณะที่สุนัขขาวแผลงฤทธิ์ พวกต้าเต๋อเป็นฝ่ายเสียเปรียบ มันก็นึกสงสัยว่า เหตุใดคุณชายถึงไม่ลงมือกำราบสุนัขขาว
บัดนี้มันถึงคราวกระจ่าง สุนัขไม่อาจทำอะไรพวกต้าเต๋อได้เลย คุณชายย่อมไม่มีความจำเป็นต้องลงมือ
สุนัขขาวพุ่งมาอย่างรวดเร็ว หลี่จิ่วเต้าได้ยินสุ้มเสียง ลุกขึ้นเห็นสุนัขขาวตัวมโหฬาร และเห็นพวกเซี่ยเหยียน ต้าเต๋อที่ไล่ตามสุนัขขาวมาติด ๆ
เขารู้สึกว่าเขาไม่สามารถปล่อยสุนัขขาวตัวนี้ไปได้
“ใช้ได้ ใช้ได้ ถึงเวลาข้าได้ออกโรงอีกแล้ว!”
เขาคลี่ยิ้ม ฟันขาวยวงเปล่งประกายระยิบระยับ แววตาแฝงไว้ด้วยความตื่นเต้น
นับแต่เขาได้ของวิเศษเหล่านั้นมา ก็อดอยากลงมือมิได้!