ร้อยรักปักดวงใจ – ตอนที่ 700 มานะ (กลาง)

ตอนที่ 700 มานะ (กลาง)

ถึงแม้ว่า​สกุล​หลัว​จะ​เขียนจดหมาย​มาถาม​ถึง​รายละเอียด​ของ​กำหนดการ​งานแต่งงาน​ ​แต่​ตอนที่​อิง​เหนียง​แต่ง​เข้า​จวน​จริง​นั้น​ก็​ปา​ไป​ต้นเดือน​สิบสอง​แล้ว

หลังจากที่​กราบไหว้​ฟ้า​ดิน​และ​พบปะ​ทักทาย​สกุล​ญาติ​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้ว​ ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​และ​อิง​เหนียง​ก็​ไป​คารวะ​ไท่ฮู​หยิน

เมื่อ​เห็น​คู่บ่าวสาว​ที่​สวม​ชุดแต่งงาน​สีแดง​สด​ ​สีหน้า​ของ​ไท่ฮู​หยิน​ก็​เต็มไปด้วย​ความปิติยินดี​ ​กุมมือ​ของ​อิง​เหนียง​ไว้​พร้อมกับ​พยักหน้า​ไม่​หยุด​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​ถามฮู​หยิน​สอง​ที่​คอย​ปรนนิบัติ​ดูแล​อยู่​ข้างๆ​ ​ว่า​ ​“​เจ้า​ดู​สิ​ ​หน้าตา​เหมือน​สือ​อี​เหนียง​หรือไม่​”

ความจริง​แล้ว​หน้าตา​ของ​ทั้งสอง​คน​ไม่ได้​คล้าย​กัน​เลย

แต่​ไท่ฮู​หยิน​รัก​และ​เอ็นดู​สือ​อี​เหนียง​เป็นอย่างมาก​ ​ตอนนี้ฮู​หยิน​สอง​เอง​ก็​ปรนนิบัติ​ต่อ​ไท่ฮู​หยิน​ราวกับว่า​ไท่ฮู​หยิน​เป็น​เด็กน้อย​ก็​ไม่​ปาน​ ​เมื่อ​ได้ยิน​แล้วฮู​หยิน​สอง​ก็​หันไป​สังเกต​ใบหน้า​ของ​อิง​เหนียง​อย่างละเอียดถี่ถ้วน​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ข้า​เอง​ก็​รู้สึก​ว่า​เหมือน​อยู่​บ้าง​เจ้าค่ะ​!​”

ไท่ฮู​หยิน​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​กว้าง​ ​ดวงตา​หรี่​เล็ก​และ​โค้ง​งอ​ราวกับ​จันทร์​เสี้ยว​ก็​ไม่​ปาน​ ​จากนั้น​ก็​พูด​กับ​อิง​เหนียง​ว่า​ ​“​ตอนที่​อา​หญิง​ของ​เจ้า​แต่ง​เข้ามา​ก็​อายุ​พอ​ๆ​ ​กับ​เจ้า​ ​แต่​คำพูดคำจา​และ​การกระทำ​ไม่​ประหม่า​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ตรงจุด​นี้​ ​เจ้า​เหมือน​อา​หญิง​ของ​เจ้า​ไม่มี​ผิด​”

ถึงแม้ว่า​อิง​เหนียง​จะ​เป็น​คน​นิสัย​เปิดเผย​และ​ตรงไปตรงมา​ ​แต่​อย่างไร​เสีย​ก็​เป็น​เจ้าสาว​ ​ถูก​ไท่ฮู​หยิน​เชยชม​เช่นนี้​ ​ใบหน้า​ของ​นาง​จึง​แดงก่ำ​ขึ้น​มาทัน​ที

“​ข้า​จะ​เทียบท่า​นอา​หญิง​ได้​อย่างไร​กัน​เล่า​!​”​ ​อิง​เหนียง​พูด​ขึ้น​อย่าง​ถ่อมตน​ ​“​ท่าน​อา​หญิง​นิสัย​ดี​ ​อีกทั้ง​ยัง​มีความรู้​และ​สติปัญญา​ดีเยี่ยม​ ​สิ่ง​ที่​ข้า​ต้อง​เรียนรู้​ยัง​อีก​มากมาย​เจ้าค่ะ​!​”

“​ผิด​แล้ว​ ​ผิด​แล้ว​!​”​ ​นาง​เพิ่งจะ​พูด​จบ​ ​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ที่มา​พร้อมกับ​นาง​ก็​พูด​หยอกล้อ​ว่า​ ​“​ตอนนี้​เรียก​ท่าน​อา​หญิง​ไม่ได้​แล้ว​ ​ต้อง​เปลี่ยนไป​เรียก​ท่าน​แม่​แทน​!​”

อิง​เหนียง​ได้ยิน​แล้วก็​ทำตัว​ไม่​ถูก​ด้วย​ความ​เคอะเขิน

ทุกคน​เห็น​แล้ว​ต่าง​ก็​พากัน​หัวเราะ​ด้วย​ความ​เอ็นดู

ป้า​ตู้​นำ​ของขวัญ​เจอ​หน้าที่​ได้​เตรียม​เอาไว้​มายื​่น​ให้​กับ​อิง​เหนียง​ ​ไท่ฮู​หยิน​ปลด​กำไล​ลูกปัด​พลอย​ปี้​สี่​ออกจาก​ข้อมือ​ไป​สวม​ให้​กับ​อิง​เหนียง​ ​“​สิ่ง​นี้​ก็​มอบให้​เจ้า​ด้วย​”​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ต่อไป​ว่า​ ​“​ต่อไป​ภายภาคหน้า​ก็​ให้​ใช้ชีวิต​กัน​ดี​ๆ​ ​รีบ​ผลิดอกออกผล​ให้​แก่​สกุล​สวี​ใน​เร็ว​วัน​”

“​ขอรับ​/​เจ้าค่ะ​”​ ​ทั้งสอง​ก้มหน้า​ลง​ต่ำ​พลาง​ขานรับ​เสียง​เบา​อย่าง​พร้อมเพรียง

ฮู​หยิน​สอง​มอบ​เครื่องประดับ​ผม​ไข่มุก​ตง​จู​หนึ่ง​คู่​เป็น​ของขวัญ​เจอ​หน้า

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​และ​อิง​เหนียง​กล่าว​ขอบคุณ​ ​จากนั้น​คุณนาย​สาม​สกุล​หวง​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​พูด​อวยพร​ด้วย​คำพูด​ที่​เป็น​สิริมงคล​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​เวลา​ไม่​เช้า​แล้ว​ ​ก็​เอ่ย​ขอตัว​กับ​ไท่ฮู​หยิน​และฮู​หยิน​สอง​เพื่อ​ไป​ที่​งานเลี้ยง

บรรยากาศ​ใน​เรือน​จึง​เงียบสงบ​ลง​ ​ไท่ฮู​หยิน​ถอนหายใจ​ออกมา​เฮือก​ใหญ่​ ​ค่อยๆ​ ​เอน​ตัว​พิง​ลง​บน​หมอนอิง​ใบ​ใหญ่​ ​“​ตอนนี้​ก็​เหลือ​แค่​รอ​ซิน​เจี่ย​เอ๋อร​์​แต่งงาน​ออกเรือน​แล้ว​”​ ​น้ำเสียง​ราวกับว่า​เพิ่ง​ทำการ​ใหญ่​สำเร็จ​อย่างไร​อย่างนั้น

ฮู​หยิน​สอง​ยิ้ม​ขึ้น​ด้วย​ความเข้าใจ​ ​จากนั้น​ก็​เปลี่ยน​ถ่าน​เตา​อัง​มือ​มา​ใหม่​ ​“​ท่าน​แม่​ตั้งตาคอย​ตั้งแต่​เช้าตรู่​ ​ตอนนี้​ได้​เจอ​หน้า​เจ้าสาว​แล้ว​ ​รีบ​พักผ่อน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​”

ไท่ฮู​หยิน​พยักหน้า​เล็กน้อย​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​หลับตา​ลง​อย่าง​ช้าๆ

ฮู​หยิน​สอง​ช่วย​ไท่ฮู​หยิน​ขยับ​ชายผ้า​นวม​ห่ม​ให้​ทั่วถึง​ ​จากนั้น​ก็​นั่ง​เฝ้า​ไท่ฮู​หยิน​อย่างเงียบเชียบ​ ​เมื่อ​เห็น​ว่า​ลมหายใจ​ของ​ไท่ฮู​หยิน​สม่ำเสมอ​แล้ว​ ​ก็​หยิบ​หนังสือ​ที่อยู่​ข้างๆ​ ​ขึ้น​มา​อ่าน

*****

เจียง​ซื่อ​เปลี่ยนไป​สวม​ชุด​เป้ย​จื่อ​ลาย​คนโท​สีแดง​กุหลาบ​เรียบๆ​ ​พลาง​หันไป​ถาม​กับ​เป่า​จู​ว่า​ ​“​ถิง​เกอ​เล่า​”

“​เพิ่งจะ​นอนหลับ​ไป​เจ้าค่ะ​!​”​ ​เป่า​จู​ตอบกลับ​พลาง​ยก​ถ้วย​น้ำชา​มา​ให้​เจียง​ซื่อ​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม​ ​“​มี​แม่นม​คอย​ดูแล​อยู่​ ​ถิง​เกอ​เล่น​สนุกสนาน​เป็นอย่างมาก​ ​ท่าน​วางใจ​เถิด​!​ ​ช่วงนี้​ท่าน​เอง​ก็​เหนื่อย​มาก​แล้ว​”

สวี​ซื่อ​เจี​้ย​แต่งงาน​เป็นฝั่งเป็นฝา​ ​ถึงแม้ว่า​จะ​มี​แม่​สามี​ ​แต่​รายละเอียด​ของ​งาน​ต่างๆ​ ​นาง​ก็​ยัง​ต้อง​ลงมือทำ​เอง​อยู่ดี​ ​เมื่อ​สามารถ​ดูแล​และ​ต้อนรับ​เจ้าสาว​คน​ใหม่​เข้ามา​ใน​จวน​ได้​อย่างราบรื่น​โดยที่​ไม่มี​อะไร​ผิดพลาด​ ​นาง​จึง​ค่อยๆ​ ​ถอนหายใจ​ออกมา​ด้วย​ความ​โล่งอก

เจียง​ซื่อ​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​ยก​ถ้วย​น้ำชา​ขึ้น​มา​จิบ​ ​รู้สึก​ผ่อนคลาย​ทั้ง​ร่างกาย​และ​จิตใจ​ไป​ไม่น้อย​ ​นาง​กำลังจะ​ถามถึง​สวี​ซื่อ​จุน​ ​แต่​สวี​ซื่อ​จุน​ก็​กลับมา​ถึง​พอดี

งานแต่งงาน​ของ​สวี​ซื่อ​เจี​้ย​ ​สวี​ซื่อ​จุน​เป็น​คนดู​แล​จัดการ​ทาง​ฝั่ง​ลาน​นอก​ทุกอย่าง

“​ท่าน​พี่​!​”​ ​เจียง​ซื่อ​ลุกขึ้น​พลาง​เดิน​เข้าไป​ช่วย​สวี​ซื่อ​จุน​ผลัดผ้า​ ​“​แขก​ที่อยู่​ด้านนอก​กลับ​ไป​หมด​แล้ว​หรือ​เจ้า​คะ​”

“​ข้า​เปลี่ยน​เอง​ดีกว่า​!​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​อ่อนโยน​ ​“​หลาย​วัน​มานี​้​เจ้า​เอง​ก็​เหนื่อย​มาก​แล้ว​”​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​สั่ง​ให้​สาวใช้​น้อย​ช่วย​เขา​ผลัดผ้า​ ​แล้ว​พูด​กับ​เจียง​ซื่อ​ว่า​ ​“​เวย​เป่ย​โหว​และ​หย่ง​ชัง​โหว​ซื่อ​จื่อ​ยัง​ไม่​กลับ​ ​ตอนนี้​กำลัง​ดื่ม​สุรา​กับ​ท่าน​พ่อ​ที่​โถง​บุปผา​ของ​ลาน​นอก​!​”

เจียง​ซื่อ​ได้ยิน​แล้วก็​ขมวดคิ้ว​เล็กน้อย​ ​เหมือนว่า​กำลังจะ​พูด​อะไร​บางอย่าง​แต่​ก็​ชะงัก​ไป

“​มี​อะไร​หรือ​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ถาม​ขึ้น​ด้วย​สีหน้า​ที่​ยิ้มแย้ม

“​เปล่า​เจ้าค่ะ​!​”​ ​เจียง​ซื่อ​ยิ้ม​พร้อมกับ​รีบ​ตอบกลับ​ ​นาง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ก็​ยัง​รู้สึก​ไม่สบายใจ​อยู่ดี​ ​จึง​ตัดสินใจ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​ท่าน​พี่​ ​ท่าน​พ่อ​ยัง​ไม่ได้​กลับมา​พักผ่อน​ ​ท่าน​กลับมา​เร็ว​ขนาด​นี้​…​ไม่ต้อง​อยู่​ปรนนิบัติ​ดูแล​หรือ​”

“​ข้า​เอง​ก็​อยาก​จะ​อยู่​ปรนนิบัติ​ดูแล​อยู่​ข้างๆ​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ตอบกลับ​ด้วย​รอยยิ้ม​ ​“​แต่​ท่าน​พ่อ​ให้​ข้า​รีบ​กลับมา​พักผ่อน​ ​ทาง​นั้น​ยัง​มีน​้​อง​หก​คอย​ดูแล​ ​ข้า​ก็​เลย​กลับมา​ก่อน​!​”​ ​พูดถึง​ตรงนี้​ ​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​เหมือนกับ​นึก​อะไร​ขึ้น​มา​ได้​ ​จึง​ยิ้ม​กว้าง​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​เจ้า​ไม่เห็น​ท่าที​ของ​น้อง​หก​ ​เขา​ถือ​สุรา​หนึ่ง​กา​ไว้​ใน​มือ​ ​เห็น​จอก​สุรา​ของ​ใคร​หมด​ก็​รีบ​เข้าไป​เติม​สุรา​ให้​เต็ม​ทันที​ ​ไม่สน​ใจ​ว่า​คนอื่น​เขา​กำลัง​พูดคุย​หรือ​กำลัง​ทานอาหาร​อยู่​ ​จน​ทำให้​เวย​เป่ย​โหว​ไม่กล้า​จะ​วาง​จอก​สุรา​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​เพราะ​กลัว​ว่า​หาก​ไม่ทัน​ระวัง​แม้แต่​นิดเดียว​ ​ก็​จะ​ถูก​น้อง​หก​เติม​สุรา​จน​เต็ม​จอก​…​”

“​จริง​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​เจียง​ซื่อ​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​ตาม​ ​แต่กลับ​ดู​ฝืน​เล็กน้อย

ดูเหมือนว่า​ท่าน​พี่​จะ​ไม่รู้​จัก​ทำตัว​ให้​ผู้อื่น​เอ็นดู​…

“​ท่าน​เอง​ก็​จริงๆ​ ​เชียว​”​ ​นาง​พูด​ขึ้น​ด้วย​ความจน​ใจ​ ​“​น้อง​หก​อายุ​ยังน้อย​ ​ท่าน​เอง​เป็น​พี่ชาย​ ​แต่​ไม่รู้​จัก​ดูแล​น้องชาย​เลย​!​”

สวี​ซื่อ​จุน​ได้ยิน​แล้วก็​ยิ้ม​ขึ้น​ ​“​หย่ง​ชัง​โหว​ซื่อ​จื่อ​เป็น​คนพูด​เอง​ว่า​เขา​เป็น​ซื่อ​จื่อ​ ​ข้า​เอง​ก็​เป็น​ซื่อ​จื่อ​ ​หาก​ข้า​อยู่​ที่นั่น​ด้วย​มี​แต่​จะ​ทำให้​เขา​ทำตัว​ไม่​ถูก​ ​ฉะนั้น​น้อง​หก​ก็​เลย​อาสา​เดิน​เติม​สุรา​ให้​แขก​แทน​ข้า​…​”

ถึงแม้ว่า​จะ​เป็น​ซื่อ​จื่อ​เหมือนกัน​ ​แต่​หย่ง​ชัง​โหว​เป็น​ผู้อาวุโส​…​คนอื่น​เขา​พูด​ไป​ตามมารยาท​ ​แต่​ท่าน​กลับ​ถือเป็น​เรื่องจริง​!

เจียง​ซื่อ​แอบ​ถอนหายใจ​ออกมา​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้นเสียง​เบา​ว่า​ ​“​เวลา​ไม่​เช้า​แล้ว​ ​ท่าน​พี่​รีบ​พักผ่อน​เถิด​!​ ​พรุ่งนี้​ยัง​ต้อง​ไปร​่ว​มทา​นอา​หาร​ที่​ตรอก​กง​เสียน​อีก​!​”

สวี​ซื่อ​จุน​พยักหน้า​ตอบกลับ​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​พากั​นพูด​คุย​ถึง​เรื่อง​งาน​ของ​พรุ่งนี้​ ​“​น้อง​ใหญ่​กับ​น้อง​ห้า​จะ​มาร​่วม​ส่งตัว​เจ้าสาว​ด้วย​ ​บอกว่า​จะ​เดินทาง​กลับ​อวี​๋​หัง​วันมะรืนนี้​ ​ข้า​อยาก​จะ​เลี้ยง​อาหาร​พวกเขา​ที่​หอ​ชุน​ซี​เพื่อ​เป็นการ​ส่งท้าย​”

น้อง​ใหญ่​ในที่นี้​หมายถึง​หลัว​เจีย​ซิว​ ​และ​น้อง​ห้า​หมายถึง​หลัว​เจีย​เกิง

“​จะ​ทันเวลา​หรือ​เจ้า​คะ​”​ ​เจียง​ซื่อ​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เรียบ​นิ่ง​ ​“​พรุ่งนี้​ทาง​น้อง​สะใภ้​ห้า​จะ​กลับ​ไป​เยี่ยม​สกุล​เดิม​ ​ทาง​ฝั่ง​ตรอก​กง​เสียน​คงจะ​เตรียม​อาหาร​มื้อ​ค่ำ​ให้​พวกเขา​ทาน​เสร็จ​เรียบร้อย​แล้วจึง​ค่อย​กลับมา​กระมัง​!​”

“​ถึง​เวลา​นั้น​ก็​พาน​้​อง​ห้า​ไป​ด้วย​เลย​ดีกว่า​”​ ​สวี​ซื่อ​จุน​ไม่​คิด​เช่นนั้น​ ​เขา​ยิ้ม​พร้อมกับ​เดิน​เข้า​ห้อง​ชำระ​ไป

เจียง​ซื่อ​จ้องมอง​เงา​แผ่น​หลัง​ของ​สวี​ซื่อ​จุน​ ​พูด​อะไร​ไม่​ออก​อยู่​พักใหญ่

เมื่อไร​สามี​จะ​เป็นผู้ใหญ่​ที่​รู้จักคิด​เผื่อ​คนอื่น​เสียที​!

ดึง​ตัว​น้อง​ห้า​ไป​ด้วย​ดื้อ​ๆ​ ​เช่นนี้​ ​น้อง​ห้า​ควรจะ​ไป​ด้วย​หรือไม่​ไป​ดี​เล่า

กลับ​ไป​เยี่ยม​สกุล​เดิม​แต่​ขาด​พี่น้อง​ของ​สามี​ ​ยัง​สามารถ​เรียกว่า​งานเลี้ยง​เยี่ยม​ญาติ​สกุล​เดิม​ได้​อยู่​อีก​หรือ

*****

สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้ยิน​ว่า​จิ​่น​เกอ​คอย​เดิน​เติม​สุรา​ที่​โถง​บุปผา​ก็​หัวเราะ​เสียงดัง​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​จากนั้น​ก็​โน้มตัว​ไป​ลูบ​ศีรษะ​ของ​อิ​๋​งอิ​๋ง​ที่มา​คารวะ​เขา​อย่างเบามือ​ ​“​อิ​๋​งอิ​๋ง​ ​ท่าน​อา​หก​ของ​เจ้า​แสนรู้​ยิ่งนัก​!​ ​เห็นได้ชัด​ว่า​หย่ง​ชัง​โหว​ซื่อ​จื่อ​ต้องการ​ยืมมือ​ท่าน​อา​หก​ของ​เจ้า​ไป​มอม​สุรา​เวย​เป่ย​โหว​ ​เพียงแต่​ไม่รู้​ว่า​หย่ง​ชัง​โหว​ซื่อ​จื่อ​ชื่นชอบ​อะไร​ใน​ตัว​ท่าน​อา​หก​ของ​เจ้า​”

ตอนนี้​อิ​๋​งอิ​๋ง​เริ่ม​พูด​เป็น​แล้ว​ ​นาง​กะพริบ​ดวงตา​กลม​โต​ ​พลาง​ลอกเลียนแบบ​การ​พูด​และ​ท่าที​ของ​บิดา​ ​“​ท่าน​อา​หก​แสนรู้​ยิ่งนัก​!​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​เห็น​แล้วก็​หัวเราะ​เสียงดัง​ด้วย​ความชอบ​ใจ

เซี่ยง​ซื่อ​เอง​ก็​เดิน​เข้ามา​พอดี​ ​เมื่อ​เห็น​แล้วก็​อด​ไม่ได้​ที่จะ​ยิ้ม​พร้อมกับ​พูด​ขึ้น​ว่า​ ​“​อิ​๋​งอิ​๋ง​ ​ห้าม​พูดจา​เหลวไหล​อีก​ ​เข้าใจ​หรือไม่​ ​ท่าน​อา​หก​ไม่ใช่​คนที​่​เจ้า​จะ​สามารถ​วิพากษ์วิจารณ์​ได้​ตามอำเภอใจ​ได้​ ​นี่​ก็​ไม่​เช้า​แล้ว​ ​ยัง​ไม่​รีบ​ไป​เข้านอน​อีก​”

บิดา​ใจกว้าง​และ​อ่อนโยน​ ​มารดา​เข้มงวด​และ​เคร่งครัด​ ​อิ​๋​งอิ​๋ง​จึง​ค่อนข้าง​ชอบ​บิดา​ที่​ไม่​ค่อย​อยู่​จวน​เสียมา​กก​ว่า

นาง​จึง​หันไป​แลบลิ้น​ให้​กับ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ ​จากนั้น​ก็​รีบ​ขานรับ​ว่า​ ​“​เจ้าค่ะ​”​ ​พลาง​ย่อ​ตัว​ทำความเคารพ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ด้วย​ความ​นอบน้อม​ ​ถอย​ออกจาก​เรือน​ไป​พร้อมกับ​แม่นม

สวี​ซื่อ​อวี​้​ค่อยๆ​ ​หุบ​ยิ้ม​ลง​ ​จากนั้น​ก็​หันไป​ถาม​เซี่ยง​ซื่อ​ว่า​ ​“​ท่าน​แม่​เข้านอน​แล้ว​หรือ​”

“​ยัง​เจ้าค่ะ​!​”​ ​เซี่ยง​ซื่อ​ตอบกลับ​เสียง​เบา​ ​“​ท่าน​แม่​บอกว่า​จะ​ปัก​ผ้า​ต่อ​อีก​สักประเดี๋ยว​ ​แต่​ดูเหมือน​กำลัง​รอท่า​นพ​่อ​ ​ข้า​ก็​เลย​กลับ​เรือน​มาก​่อน​!​”

สวี​ซื่อ​อวี​้​ได้ยิน​แล้วก็​พยักหน้า​เบา​ๆ​ ​จากนั้น​ก็​กำชับ​นาง​ว่า​ ​“​เรื่อง​ใน​จวน​เจ้า​ไม่ต้อง​ยื่นมือ​เข้าไป​ยุ่ง​จะ​เป็นการ​ดีกว่า​ ​แต่​เรื่อง​ใน​เรือน​ของ​ท่าน​แม่​ ​เจ้า​ควร​ดูแล​และ​เอาใจใส่​เป็นพิเศษ​ ​เรื่อง​ทำ​รองเท้า​ถุงเท้า​ ​รวมไปถึง​การ​ปัก​ผ้า​ต่างๆ​ ​หาก​มี​เวลาว่าง​ก็​ไป​ช่วย​นาง​บ้าง​”

เซี่ยง​ซื่อ​ขานรับ​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​เคารพ​ ​จากนั้น​ก็​ปรนนิบัติ​สวี​ซื่อ​อวี​้​ชำระล้าง​ร่างกาย

*****

สือ​อี​เหนียง​รอ​จน​ดึกดื่น​เที่ยงคืน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ที่​ดื่ม​สุรา​จน​เมามาย​ก็​กลับมา​ในที่สุด

“​พรุ่งนี้​เช้าตรู่​เจี​้ย​เกอ​กับ​อิง​เหนียง​ยัง​จะ​ต้อง​เข้า​พิธี​อีก​”​ ​สือ​อี​เหนียง​ประคอง​สวี​ลิ่ง​อี๋​พลาง​บ่น​ขึ้น​พึมพำ​ด้วย​ความ​ฉุนเฉียว​ ​“​พรุ่งนี้​ท่าน​อย่า​ได้​ลุก​ไม่​ขึ้น​เพราะ​ปวดหัว​เชียว​!​”

“​ไม่​หรอก​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยิ้ม​พลาง​เชย​คาง​ของ​สือ​อี​เหนียง​ขึ้น​มา​ ​“​เรื่อง​ของ​เจ้า​ ​ข้า​ยัง​จำได้​มิลืม​!​”

สาวใช้​ที่​เข้าเวร​กลางคืน​ต่าง​ก็​พากั​นก​้​มห​น้า​ลง​ต่ำ​ทันที​ ​แสร้งทำ​เป็น​ว่า​ไม่เห็น​อะไร​ทั้งนั้น

สือ​อี​เหนียง​ยิ้ม​พลาง​ปัด​มือ​ของ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ออก​ ​“​รีบ​เข้านอน​เถิด​เจ้าค่ะ​!​ ​อย่า​มา​พูดจา​เมามาย​แถว​นี้​ให้​มาก​นัก​!​”

“​อย่าง​ข้า​เรียกว่า​เมามาย​หรอก​หรือ​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ปรายตา​มอง​สือ​อี​เหนียง​ ​ตา​หงส์​กลม​โต​เป็นประกาย​แวววาว​ชัดเจน​ ​“​เจ้า​ยัง​ไม่เคย​เห็น​ตอนที่​ข้า​เมา​จริงๆ​!​”​ ​พูด​จบ​เขา​ก็​อุ้ม​สือ​อี​เหนียง​ขึ้น​มาทัน​ที​ ​“​วันนี้​ข้า​จะ​ให้​เจ้า​ได้​รู้​ ​ว่า​ข้า​เมา​สุรา​แล้ว​จะ​เป็น​อย่างไร​!​”

สือ​อี​เหนียง​ร้อง​อุทาน​ด้วย​ความตกใจ​ ​รีบ​โอบกอด​รอบ​คอ​ของ​เขา​ไว้​แน่น​ ​“​สวี​ลิ่ง​อี๋​…​”​ ​น้ำเสียง​ตกใจ​เป็นอย่างมาก

สวี​ลิ่ง​อี๋​ได้ยิน​แล้วก็​หัวเราะ​เสียงดัง​ ​จากนั้น​ก็​ค่อยๆ​ ​วาง​สือ​อี​เหนียง​ลง​บน​เตียง​ ​“​ข้า​ล้อ​เจ้า​เล่น​หรอก​!​”​ ​พูด​จบ​ก็​ยื่นมือ​ไป​ลูบ​แก้ม​ของ​สือ​อี​เหนียง​อย่างเบามือ​ ​“​วันนี้​ข้า​ดื่ม​เยอะ​ไป​หน่อย​จริงๆ​!​”​ ​พูด​จบ​ก็​ทิ้งตัว​ลงนอน​ข้างๆ​ ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​มั่ว​เหยี​ยน​ ​จิ​่น​เกอ​ของ​เรา​ฉลาด​หลักแหลม​เสีย​จริง​ ​ตรุษจีน​ปีนี​้​ ​พา​เขา​เข้า​วัง​เถิด​!​”

สือ​อี​เหนียง​รู้สึก​แปลกใจ​เป็นอย่างมาก

ปี​ที่ผ่านมา​สวี​ลิ่ง​อี๋​ยัง​หา​ข้ออ้าง​ไม่​อยาก​ให้​จิ​่น​เกอ​เข้า​วัง​อยู่​เลย

สือ​อี​เหนียง​ครุ่นคิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​จากนั้น​ก็​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​ที่​สงบ​ ​“​ท่าน​โหว​รู้สึก​ว่า​จิ​่น​เกอ​นิสัย​ดีขึ้น​มาก​แล้ว​ใช่​หรือไม่​เจ้า​คะ​”

“​ใช่​!​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​ตอบกลับ​ด้วย​น้ำเสียง​เกียจคร้าน​ ​“​จื่อ​ฉี​อยาก​จะ​มอม​สุรา​เวย​เป่ย​โหว​ให้​เมามาย​ ​แต่​ก็​กลัว​ว่า​บ่าว​รับใช้​ชาย​ทั่วไป​จะ​ไม่กล้า​เข้ามา​ริน​สุรา​ ​ก็​เลย​ตั้งใจ​ว่าจ้าง​จิ​่น​เกอ​สอง​ร้อย​ตำลึง​ ​จิ​่น​เกอ​ไม่ได้​รับเงิน​มา​ ​แต่กลับ​พูดว่า​จื่อ​ฉี​ไม่ได้​ปฏิบัติ​ต่อ​เขา​เหมือน​เป็น​หลานชาย​ ​พลอย​ทำให้​จื่อ​ฉี​ชื่นชอบ​เขา​เป็นอย่างมาก​ว่า​เขา​ฉลาด​และ​รู้เรื่อง​ ​เวลา​ที่​ริน​สุรา​ให้​เวย​เป่ย​โหว​ ​เขา​ก็​จะ​ริน​จน​ครบ​ทั้ง​โต๊ะ​ ​ไม่​ตกหล่น​แม้แต่​คนเดียว​ ​ทุกครั้งที่​จื่อ​ฉี​และ​เวย​เป่ย​โหวด​วล​สุรา​ ​เขา​ก็​จะ​หา​โอกาส​เข้าไป​เติม​สุรา​ให้​กับ​เวย​เป่ย​โหว​ทุกครั้ง​ ​อีกทั้ง​ยัง​พูดจา​สนุกสนาน​และ​ตลกขบขัน​ ​จน​เวย​เป่ย​โหว​ไม่รู้​ว่า​ควรจะ​หัวเราะ​หรือ​ร้องไห้​ดี​ ​จะ​ไม่​ดื่ม​ก็​ไม่ได้​ ​ตอนนี้​เวย​เป่ย​โหว​เมา​หมดสติ​ไป​แล้ว​ ​เขา​ก็​เรียก​บ่าว​รับใช้​คนสนิท​พา​เวย​เป่ย​โหว​ไป​นอน​พัก​ที่​ห้อง​รับรอง​ ​จากนั้น​ก็​สั่ง​ให้​ห้องครัว​ทำ​น้ำแกง​สร่าง​เมา​มา​ให้​เวย​เป่ย​โหว​ ​ยัง​ช่วย​ชง​น้ำชา​และ​ยก​น้ำร้อน​มา​ให้​อีกด้วย​…​”​ ​ขณะที่​พูด​อยู่​นั้น​ ​ใบหน้า​เต็มไปด้วย​ความปลื้ม​ปิติ​ ​“​ข้า​คิด​ว่า​ถึงแม้​เวย​เป่ย​โหว​จะ​รู้​ว่า​จิ​่น​เกอ​ถูก​จื่อ​ฉี​ไหว้วาน​ให้​มาช​่ว​ยม​อม​สุรา​เขา​ ​เกรง​ว่า​คงจะ​ไม่​กล่าวโทษ​จิ​่น​เกอ​เสียด​้วย​ซ้ำ​ ​มั่ว​เหยี​ยน​”​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​หันมา​กุมมือ​ของ​สือ​อี​เหนียง​ ​“​จิ​่น​เกอ​รู้​ว่า​ควรจะ​ต้อง​วางตัว​อย่างไร​ ​เขา​จะ​ต้อง​ไม่เป็นอะไร​อย่างแน่นอน​!​”

นับประสา​อะไร​กับ​ตระกูล​เช่น​พวกเขา​ ​จะ​ไม่​เข้า​วัง​ตลอดไป​ได้​อย่างไร​กัน

สือ​อี​เหนียง​ขานรับ​เสียง​เบา​ ​“​เจ้าค่ะ​ ​กฎระเบียบ​บางอย่าง​ ​ท่าน​โหว​ยัง​ต้อง​อบรม​สอนสั่ง​เขา​ให้​มาก​ถึง​จะ​ถูก​”

สวี​ลิ่ง​อี๋​พยักหน้า​เบา​ๆ

เมื่อ​สวี​ซื่อ​เจี​้​ยส​อง​สามีภรรยา​กลับ​ไป​เยี่ยม​ญาติ​สกุล​เดิม​ใน​วันที่​สาม​ ​ก็ได้​ส่ง​หลัว​เจีย​ซิว​และ​คนอื่นๆ​ ​เดินทาง​กลับ​อวี​๋​หัง​ ​ใน​จวน​ก็​เริ่ม​เตรียมตัว​ต้อนรับ​เทศกาล​ตรุษจีน​ ​สวี​ลิ่ง​อี๋​เรียก​จิ​่น​เกอ​ให้​มาติด​ตาม​ข้าง​กาย​ ​เริ่ม​สอน​กฎระเบียบ​และ​ขนบธรรมเนียม​ใน​การ​เข้า​วัง​ให้​กับ​เขา​ ​อธิบาย​ให้​เขา​ฟัง​ว่า​ใน​วัง​มี​ใคร​บ้าง​ ​ขันที​เน่ย​ซื่อ​ที่​คอย​ติดตาม​แต่ละคน​นั้น​มี​ใคร​บ้าง​ ​ขันที​เน่ย​ซื่อ​มีหน้า​ที่​ดูแล​และ​จัดการ​เรื่อง​ใด​บ้าง​ ​แต่ละคน​มีนิ​สัย​ใจคอ​อย่างไร​…

จิ​่น​เกอ​ตั้งอกตั้งใจ​ฟัง​ราวกับว่า​มัน​เป็น​นิทาน​อย่างไร​อย่างนั้น

เมื่อถึง​วัน​ขึ้น​หนึ่ง​ค่ำ​เดือนอ้าย​ ​จิ​่น​เกอ​ก็​ติดตาม​สือ​อี​เหนียง​เข้า​วัง​ด้วย​ความดี​อก​ดีใจ

ปี​ที่​ผ่านๆ​ ​มาส​วีลิ​่​งอี​๋​คอย​หา​ข้ออ้าง​เพื่อ​หลีกเลี่ยง​อยู่​ตลอดเวลา​ ​ฮองเฮา​ทรง​เข้า​พระทัย​ถึง​เจตนา​ของ​เขา​เป็น​อย่างดี​ก็​เลย​ไม่ได้​บังคับ​แต่อย่างใด​ ​จะ​ว่า​ไป​แล้ว​ ​ฮองเฮา​ได้​เจอ​กับ​จิ​่น​เกอ​ครั้ง​ล่าสุด​ก็​ตอนที่​จิ​่น​เกอ​ยัง​ถูก​ห่อ​อยู่​ใน​ผ้าอ้อม​อยู่​เลย​ ​เมื่อ​ได้ยิน​ว่า​จิ​่น​เกอ​เข้า​วัง​ ​ฮองเฮา​ก็​ทรง​รู้สึก​ตื่นเต้น​จน​แทบจะ​รอ​ไม่ไหว​ ​รีบ​สั่ง​กับ​หวง​เสียน​อิง​ว่า​ ​“​เร็ว​เข้า​ ​รีบ​ไป​พา​จิ​่น​เกอ​มา​ให้​ข้า​ดู​!​”

หวง​เสียน​อิง​หันไป​มอง​นาฬิกาน้ำ​ที่​ทำ​จาก​เครื่องเคลือบ​เขียน​สี​ฟ่า​หลัง​สีฟ้า​…​นี่​ก็​ใกล้​จะ​ถึง​เวลา​เข้าเฝ้า​แล้ว​…​แต่​เมื่อ​เห็นท่า​ที​ที่​ตื่นเต้น​ของ​ฮองเฮา​จน​ทรง​ลุกขึ้น​มายืน​ ​นาง​จึง​ตัดสินใจ​ที่จะ​ไป​พา​คุณชาย​น้อย​หก​ของ​จวน​หย่ง​ผิง​โหว​เข้ามา​ก่อน​แล้ว​ค่อย​ว่า​กัน​อีกที

ร้อยรักปักดวงใจ

ร้อยรักปักดวงใจ

Status: Ongoing

เมื่อจวนสกุลหลัว มีภรรยาเอกหนึ่งคนและอนุภรรยาอีกหกคน จึงตามมาด้วยพี่น้องต่างมารดามากมาย

หลัวหยวนเหนียง บุตรีคนโตจากนายหญิงใหญ่ ได้แต่งเป็นภรรยาเอกของ สวีลิ่งอี๋ ที่มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงหย่งผิงโหว แม่ทัพใหญ่

ทว่า ช่างโชคร้ายที่หลัวหยวนเหนียงล้มป่วนหนักและรู้ดีว่าใกล้ถึงวาระสุดท้าย นางจึงวางแผนการใหญ่กับมารดา

นั่นคือ การเลือกหนึ่งในหญิงสาวพี่น้องสกุลหลัวที่ยังไม่ได้ออกเรือนมาคอยดูแล จุนเกอ บุตรชายสุดที่รักเพียงคนเดียว และ...

คอยรักษาอำนาจของสกุลหลัวไว้ในฐานะภรรยาเอก โดยการแต่งงานกับหย่งผิงโหวเพื่อเป็นภรรยาตัวแทน!

สุดท้าย ผู้ถูกเลือกนั้นกลับกลายเป็นบุตรีของอนุภรรยา คุณหนูสิบเอ็ดผู้รักความสงบอย่าง สืออีเหนียง

แม้ไม่อาจหนีพ้นชะตากรรมที่มีผู้กำหนดมาให้ มีแต่ต้องเผชิญกับความวุ่นวายตรงหน้าต่อไป

ทักษะการปักผ้า ไหวพริบที่ติดตัวมา และเสน่ห์สุขุมดั่งน้ำนิ่ง อาจนำไปสู่กระแสน้ำพัดพาเหนือใครจะคาดเดา!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท