“ข้าน้อยคารวะท่านหญิงซูซู คุณชาย”
กูเสี่ยวซูอารมณ์ดีมากจึงยิ้มเห็นฟันจนตาปิดตลอด เมื่อได้ยินเสียงอาจ้าว ก็แค่พยักหน้า แต่ยังคงจูงมือซูชีไว้ไม่ปล่อย
ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ในสายตาอาจ้าว ในใจก็รู้สึกดีใจแทนพวกเขา
กล่าวตามตรง เขารู้สึกว่าคุณชายของเขาเหมาะสมกับท่านหญิงซูซูมาก อย่างไรเสียท่านหญิงซูซูก็ไม่ได้เข้มแข็งเหมือนคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่ว จึงเติมเต็มซึ่งกันและกันกับคุณชายของเขาได้พอดี
หวังว่า…คุณชายของเขาจะค้นพบความดีงามของท่านหญิงซูซูนะ
จ้าวเฟยลู่ที่กลับมาในตอนเย็นเห็นท่านหญิงซูซูกลับมาแล้ว ก็โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
หากว่าท่านหญิงซูซูหายไปจริงๆ เขาก็ไม่อาจรายงานผลภารกิจได้ อีกอย่างด้วยมโนธรรมในใจเขา ก็จะไม่สบายใจเช่นกัน
แต่เมื่อเห็นบรรยากาศคลุมเครือระหว่างท่านหญิงซูซูกับซูชีแล้ว จ้าวเฟยลู่กลับหรี่ตาลงอย่างไม่เห็นด้วย
จ้าวเฟยลู่ไม่ได้ใช้น้ำใจคนต่ำต้อย ไปประเมินวิญญูชน[1] และไม่ได้มีเป้าหมายอะไรต่อท่านหญิงซูซูที่ไม่อาจบอกให้ผู้อื่นรู้ได้
อยู่ร่วมกันมานานขนาดนี้ จ้าวเฟยลู่รักและทะนุถนอมดั่งท่านหญิงซูซูเป็นน้องสาวแท้ๆ ของตนเองนานแล้ว แม้ว่าวาจานี้จะให้ความรู้สึกว่าเขาอาจเอื้อมอย่างชัดเจน
แต่จริงๆ แล้ว ในใจเขาเข้าข้างกูเสี่ยวซู
จ้าวเฟยลู่อาศัยช่วงที่มีโอกาสเรียกกูเสี่ยวซูออกมาในตอนเย็น
ซูชีมองอยู่ไกลๆ โดยไม่ได้ห้าม เพียงแต่โค้งริมฝีปากแดงยิ้มเล็กน้อย
แม้ว่ากูเสี่ยวซูจะแปลกใจว่าจ้าวเฟยลู่มีเรื่องอะไร ถึงได้เรียกตนเองออกมา แต่กลับยังคงเดินตามจ้าวเฟยลู่ออกไปนอกบ้านด้วยกัน
“พี่ใหญ่จ้าว มีอันใดหรือ”
จ้าวเฟยลู่หันกลับไปมองตัวบ้านที่สะท้อนแสงไฟ จากนั้นก็เบนสายตามองไปทางกูเสี่ยวซู พลางถามว่า “ท่านหญิงซูซู โปรดให้อภัยที่ข้าน้อยเสียมารยาท ข้าน้อยแค่อยากรู้ว่า ระหว่างท่านกับคุณชายซูชี…”
พวกเขาคบหากันแล้วจริงๆ หรือ
แม้ว่าทุกคนล้วนคาดหวังเช่นนี้ แต่เมื่อเห็นกูเสี่ยวซูทุ่มเทให้กับความรักครั้งนี้อย่างลึกซึ้ง จ้าวเฟยลู่ก็เกิดรู้สึกกลัวขึ้นมาจริงๆ ว่า ในภายหลัง หากซูชีรังแกนางขึ้นมาจริงๆ นางจะรับได้อย่างไร!
ต้องรู้ว่า มีความสวยงามประเภทหนึ่ง ตอนที่ไม่เคยได้ครอบครองล้วนคิดถึงมันอยู่ตลอดเวลา แต่หากต้องสูญเสียไปหลังจากได้ครอบครอง ความรู้สึกแบบนั้นมากพอที่จะทำให้คนกลายเป็นปีศาจร้ายได้!
กูเสี่ยวซูจะไม่รู้สิ่งที่จ้าวเฟยลู่เป็นกังวลเหล่านี้ได้อย่างไร?
เขาเห็นนางยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกตื้นตันต่อจ้าวเฟยลู่ และเต็มไปด้วยความปรารถนาและการปล่อยวางกับอนาคต
“พี่ใหญ่จ้าว ท่านคิดว่าหลังจากนี้สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่จะเกิดคืออะไร ก็แค่ซูชีไม่ต้องการข้าแล้วเท่านั้นเอง แต่อย่างน้อยที่สุด สิ่งที่ข้าได้ประสบก็คือช่วงเวลาที่ข้ามีความสุขที่สุด ข้าไม่เคยหวังว่า ซูชีจะรักข้าเหมือนที่รักเชียนเสวี่ย แต่ขอแค่ให้วันเวลาที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันนั้นมีความสุขเพียงเท่านี้เอง”
นางคิดตกแล้ว ดังนั้นถึงได้เอ่ยเช่นนี้
นางชอบซูชี แม้ไม่รู้ว่า เขาจะจูงมือนางไปถึงเมื่อใด
แต่เคยได้ครอบครอง ย่อมทำให้คนมีความสุขมากกว่าไม่เคยได้ครอบครองใช่ไหม
กูเสี่ยวซูกับจ้าวเฟยลู่สนทนากัน โดยไม่ได้จงใจลดเสียงให้เบาลง ซูชีซึ่งอยู่ด้านในบ้านก็รวบรวมสมาธิตั้งใจฟังจึงได้ยินอย่างชัดเจนเช่นกัน
เขารู้ว่า กูเสี่ยวซูชอบเขา แต่กลับไม่รู้ว่าในใจของกูเสี่ยวซูจะถึงขั้นไม่มีความมั่นใจในตัวเขา และตัวเองขนาดนั้น!
ซูชีแค่นเสียงเย็น สลายพลังภายใน แล้วหมุนตัวเข้าไปในบ้านอย่างไม่ยินยอมรับฟังอีก
สำหรับเขา มีบางเรื่องที่ต้องคุยกับกูเสี่ยวซูต่อหน้า ถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ไม่เหมือนกัน
ตอนเย็น ยังคงเป็นอาจ้าวที่ไปหิ้วอาหารมื้อเย็นกลับมาจากในเมือง หลังจากทุกคนกินข้าวเสร็จ ซูชีก็พากูเสี่ยวซูตรงออกจากบ้านไป
อาจ้าวมองคุณชายของพวกเขาพาท่านหญิงซูซูไปข้างนอกด้วยความรู้สึกปลื้มใจ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่า คุณชายของเขาได้เปิดใจกว้างแล้ว!
จนทำให้จ้าวเฟยลู่ต้องกลอกตามองบนใส่เขาหลายครั้ง
อาจ้าวตะลึงอย่างไม่เข้าใจสาเหตุ “เจ้าทำอะไรน่ะ”
“เจ้าทำอะไรน่ะ” จ้าวเฟยลู่ไม่ตอบ แต่ถามกลับ ขณะแสดงสีหน้าเหยียดหยามใส่อาจ้าว!
บางทีเขาอาจจะไม่ได้ทำใส่อาจ้าว แต่ทำใส่นายท่านที่อยู่ด้านหลังเขา!
“ข้าปลื้มใจที่คุณชายของข้าเปิดใจพาท่านหญิงซูซูไปเดินเล่นข้างนอก ทำไม? เจ้าไม่ยินยอมหรือ” ตอนที่เอ่ยประโยคสุดท้าย น้ำเสียงของอาจ้าวพลันเย็นชาขึ้นมา!
หรือจ้าวเฟยลู่จะมีใจคิดไม่ซื่อกับท่านหญิงซูซูเช่นกัน เขาก็ตกหลุมรักท่านหญิงซูซูด้วยหรือ
แบบนั้นไม่ได้นะ! ท่านหญิงซูซูเป็นของคุณชายพวกเขา! ทั้งสองคนผ่านความเข้าใจผิดกันมามากกว่าจะเกิดผลลัพธ์ที่ดีเช่นนี้! เขาไม่อนุญาตให้จ้าวเฟยลู่ทำลายมันเด็ดขาด!
จ้าวเฟยลู่กลอกตาใส่อาจ้าวตรงๆ ครั้งหนึ่ง!
เจ้าคนโง่งมอะไรนี่? ไม่รู้จักดีชั่วเหมือนกับนายท่านผู้นั้นของเขาจริงๆ!
“ข้าเพียงแค่ดูแคลนคุณชายของเจ้าที่ในใจมีคนอื่นอยู่แท้ๆ แต่กลับเลือกที่จะไม่ปล่อยท่านหญิงซูซูไป ฝืนลากท่านหญิงซูซูมาเป็นแพะรับบาป! การทำเช่นนี้เป็นการกระทำของสุภาพบุรุษเช่นนั้นหรือ”
อาจ้าวถูกวาจาของจ้าวเฟยลู่ประชดประชันใส่จนไม่รู้ว่าควรจะเอ่ยอะไรดีไปชั่วขณะ!
ไม่ว่าจะเอ่ยอย่างไร เขาล้วนรู้สึกว่า ความจริงแล้วจ้าวเฟยลู่ก็กล่าวได้ถูกต้อง!
ในใจคุณชายมีคุณหนูใหญ่มั่วอยู่ นี่เป็นความจริงที่ใครๆ ก็รู้กัน! อีกอย่างคุณหนูใหญ่ตระกูลมั่วก็เพิ่งจะแต่งงานกับหัวหน้าตระกูลหนิง คุณชายก็เปลี่ยนเป้าหมายเสียแล้ว จึงสร้างความสงสัยว่าจะเป็นการหาตัวแทนจริงๆ ในสายตาคนนอกอย่างพวกเขา!
แต่คนผู้นั้นเป็นนายท่านของเขา! แม้ว่าในใจอาจ้าวจะคิดเช่นนี้จริงๆ แต่เขากลับยังคงไม่ยอมรับ!
“เจ้าจะไปเข้าใจอันใด! คุณชายของข้าจริงใจต่อท่านหญิงซูซูเช่นกัน! เจ้าที่เป็นคนนอกคนหนึ่งจะไปเข้าใจอะไร!”
วาจานี้ทำให้จ้าวเฟยลู่ยิ่งแค่นเสียงเย็นดูแคลน!
ได้ยินเขาแค่นเสียงเย็น อาจ้าวก็รู้สึกขายหน้าทันที…
คุณชายของพวกเขาจริงใจต่อท่านหญิงซูซูหรือไม่นั้น…ใครจะไปรู้ได้?
จ้าวเฟยลู่เห็นท่าทางของอาจ้าวแล้ว ในใจก็ยิ่งดูถูกซูชีมากยิ่งขึ้น
กระทั่งผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองยังมีท่าทีไม่มั่นใจต่อเขา เขาอาศัยสิ่งใดมาแสดงท่าทางมั่นใจในตนเองเช่นนี้?
ซูชีกับกูเสี่ยวซูเดินอยู่บนถนนสายเล็กของหมู่บ้านที่เต็มไปด้วยหิมะ ซูชีอยู่ด้านหน้า กูเสี่ยวซูอยู่ด้านหลัง โดยไม่มีใครเอ่ยวาจาใดสักประโยค
คล้ายกับรู้ใจกันโดยไม่ต้องบอก แต่ก็คล้ายกับในใจมีวาจามากมายหลายพันคำ ทว่าไม่รู้จะเริ่มเอ่ยจากตรงไหน
สายลมแผ่วเบาพัดผ่านใบหน้าของซูชี และปลายนิ้วของกูเสี่ยวซู กูเสี่ยวซูเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย มองเงาร่างสูงตระหง่านที่เดินนำอยู่ด้านหน้าอย่างมีความสุขระคนโศกเศร้า
วันเวลาเช่นนี้ ทุกนาที ทุกวินาทีล้วนเป็นการขโมยมา!
นางไม่เคยคิดมาก่อนว่า ซูชีจะชอบนางจริงๆ เพราะหัวใจ และความรู้สึกที่ซูชีมีต่อมั่วเชียนเสวี่ยนั้นมีเพียงนางที่เห็น และเข้าใจเท่านั้น นั่นเป็นความรักที่ลึกซึ้งถึงกระดูก
เดิมนางควรจะริษยา แต่นางกลับสงสาร สงสารที่เขาร้องขอเท่าใดก็ไม่มีทางได้มา สงสารที่ทุ่มเททุกสิ่งไปแต่ไม่ได้อะไรตอบแทน สงสารเงาร่างที่โดดเดี่ยวเงียบเหงาเพียงลำพังของเขา…
[1] ใช้น้ำใจคนต่ำต้อย ไปประเมินวิญญูชน หมายถึง ใช้ความคิดที่ไม่ดีไปคาดเดาคนที่มีคุณธรรมสูงส่ง