เดิมมนุษย์ล้วนเห็นแก่ตัว ก็เหมือนกับนางที่ไม่สามารถชอบบุรุษอื่นได้ ซูชีไม่ชอบนาง ก็ไม่ผิดเช่นกัน
บางทีตอนแรกสุด นางอาจจะนึกว่าตรงไหนของตนเองล้วนดีหมด เหตุใดซูชีถึงไม่ชอบนาง ซูชีตาบอดเช่นนั้นหรือ ในภายหลังตนเองรักลึกซึ้ง ถึงได้เข้าใจว่า ในเรื่องของความรัก ไม่มีใครดีใครไม่ดี ไม่มีใครถูกใครผิด มีเพียงแค่ใครรักมากกว่าเท่านั้น
ในเรื่องของความรัก มีเพียงแค่หัวใจดวงหนึ่ง…ไม่ว่าซูชีจะมีฐานะอะไร ดีหรือไม่ดี นางก็จะเป็นแมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ[1]อยู่ดี…
ระหว่างทางกลับมา หัวใจของนางจมอยู่กับความหวานละมุน จึงไม่ได้คิดอันใดมาก แต่หลังจากที่ปิดประตูห้องแล้ว กลับคิดอะไรเยอะแยะมากมาย
ซูชี…
ซูชีรู้สึกกับนางอย่างไรกันแน่
เขาจูงนางกลับมา และตอบเพียงคำเดียวว่า ต้องการ ไม่มีคำสัญญา และไม่ได้กล่าวอันใดให้ชัดเจน ทำไมถึงต้องการ ต้องการอย่างไร ต้องการเมื่อใด…
นางไม่มีความรู้สึกมั่นใจในความรักครั้งนี้เลยจริงๆ
นางนึกถึงคราแรกสุดที่นางห้อตะบึงมาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่เขากลับผลักออกเป็นการปฏิเสธและดูแคลน
นางนึกถึงตนเองที่ไปรายงานตัวที่แม่ทัพเก้าประตู เพื่อที่จะได้เห็นเขาทุกวัน เขาฉุนเฉียวง่าย ตั้งใจทำให้นางลำบากใจ
เมื่อไปยังชายแดน ร่างกายนางได้รับบาดเจ็บหนัก เขาดูแลนาง เพียงเพราะเนื่องด้วยไม่สะดวกจะอธิบายให้กับเสด็จพ่อทราบ
ไล่ตามเขาออกจากเมืองหลวง โดดเดี่ยวไร้ที่พึ่งพิง แม้ว่าซูชีจะมาตามหา แต่กลับเป็นเพราะเคยเป็นสหายร่วมรบ
ตนเองถูกยาวสันต์ เกาะเกี่ยวอยู่บนร่างเขา ขอร้องเขา แม้ว่าจะต้องเป็นแค่ตัวแทน เขาก็ยังไม่แยแส…
ยิ่งคิด ก็ยิ่งรู้สึกไม่แน่ใจ
การที่เขายื่นมือออกมาพานางไป ก็เป็นแค่แผนที่จะพานางกลับไปเมืองหลวงในสภาพสมบูรณ์ใช่หรือไม่…กูเสี่ยวซูถูกความคิดของตนเองทำให้ตกใจ ความอ่อนโยนนุ่มนวลในใจพลันกลายเป็นความหวาดกลัวขึ้นมา เท้าก็ชะงัก ซูชีจึงหยุดเดิน แล้วหันกลับมา “เป็นอันใดหรือ”
ความจริงแล้วในใจของซูชีจะสงบได้อย่างไร
เขาก็คิดมากเช่นกัน
“ไม่…ไม่มีอะไร”
“กูเสี่ยวซู เจ้าบอกข้าได้ไหมว่า เจ้าตกลงปลงใจกับข้าเพื่ออะไร”
ใบหน้าของซูชีไร้รอยยิ้ม ไม่มีสีหน้าทะเล้น ไม่จริงจังอย่างที่เคยเห็นบ่อยๆ น้ำเสียงก็ทุ้มหนัก คล้ายกับต้องการจะทำการตัดสินใจครั้งใหญ่
กูเสี่ยวซูที่ถูกถามนิ่งอึ้ง ปากอ้าเล็กน้อย มองซูชีด้วยสีหน้าท่าทางตะลึง นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่า วาจานี้ของเขาหมายความว่าอะไร!
ตกลงปลงใจกับเขาเพื่ออะไร?
หรือว่าตนเองจะคาดเดาได้ถูกต้องกัน เขาต้องการจะเอ่ยให้ชัดเจน แล้วโน้มน้าวให้ตนเองตัดใจจากเขาใหม่อีกครั้ง? คืนวันแห่งความสุขจะสิ้นสุดลงเร็วขนาดนี้เชียวหรือ กระทั่งเวลาวันหนึ่งก็ไม่ให้นาง กูเสี่ยวซูหดหู่สิ้นหวัง ยิ้มเฝื่อนๆ “ไม่มีอะไรนะ…” ก็เป็นเพราะชอบเจ้า ดังนั้นถึงได้คบหากับเจ้า ง่ายมาก ไม่ใช่หรือ
แต่ประโยคนี้กลับไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ซูชีต้องการรู้ และไม่ใช่คำตอบที่เขาอยากได้ยิน!
เมื่อครู่ สิ่งที่กูเสี่ยวซูเอ่ยกับจ้าวเฟยลู่ จนถึงตอนนี้เขายังจำได้ชัดเจน! นี่คือเรื่องที่เขาทนไม่ได้! ในเมื่อเขายื่นมือออกไปแล้ว ย่อมต้องรักและเคียงคู่นางไปตลอดชีวิต
“ในเมื่อเจ้าไม่มั่นใจในตัวข้าขนาดนั้น ทั้งยังไม่มีแผนการใดเกี่ยวกับชีวิตในอนาคตของพวกเราแม้แต่น้อย เหตุใดถึงได้ตามมา และหันกลับมาตามตื๊อข้าอีกกัน” ประโยคสุดท้ายนี้ของซูชีเป็นการเอ่ยถามอย่างชัดเจน!
กูเสี่ยวซูตะลึงค้าง!
ไม่
จะเอ่ยว่าตะลึงค้างไปไม่ได้ ต้องบอกว่า กูเสี่ยวซูถูกวาจานี้ของซูชีทำให้รับมือไม่ทันอยู่บ้าง!
คบหากับเขา เพื่อชีวิตในภายภาคหน้า เพื่อชีวิตในภายภาคหน้า? เขาเอ่ยเช่นนี้ใช่ไหม
กูเสี่ยวซูยอมรับว่า ตอนที่ซูชีเอ่ยวาจานี้ออกมา ในใจของนางตื่นเต้นจริงๆ! ตื่นเต้นจนรู้สึกว่า สิ่งที่เรียกว่าหัวใจในทรวงอกดวงนี้เต้นตึกตักๆ จนเกือบจะกระดอนออกมา!
“ซูชี วาจานี้ของเจ้าหมายความว่าอันใด เจ้าไม่ได้…ไม่ได้ใช้แผนขัดตาทัพกับข้าหรอกหรือ” ความรู้สึกกระวนกระวายใจท้ายสุดสงบลง
ซูชีพลันมีสีหน้าทะมึน!
เขาอยากจะใช้กระบี่มอบความตายให้กับสตรีสมควรตายนางนี้จริงๆ!
เขาไม่ได้เอ่ยอันใดมาก แต่กูเสี่ยวซูคงไม่ได้นึกว่า หากพวกเขาตกลงปลงใจกันขึ้นมาจริงๆ จะเป็นเรื่องง่ายมากหรอกนะ
อย่าเพิ่งเอ่ยเรื่องที่ตระกูลซูไม่เคยแต่งงานกับเชื้อพระวงศ์มาก่อน ให้เอ่ยถึงสถานการณ์ที่ตึงเครียดในตอนนี้ พี่ใหญ่รักและสงสารเขา จึงอนุญาต เสด็จพ่อของนางรักและทะนุถนอมนาง แต่สุดท้ายการแต่งงานของพวกเขาก็มีฮ่องเต้เป็นคนตัดสินใจ และเป็นเรื่องของสองตระกูล
ล้อเล่นน่ะได้ แต่จะพระราชทานสมรส แต่งงานกันขึ้นมาจริงๆ นั้น ย่อมมีเงื่อนไขและการประนีประนอมกันมากมาย
แล้วดูวาจาที่นางเอ่ยออกมานั่นมันวาจาอันใดกัน สิ่งใดที่เรียกว่าแผนขัดตาทัพ!
สัญญาของสุภาพบุรุษมีค่าดั่งทองคำพันชั่ง รับปากแล้วต้องทำให้ได้! และเขา ซูชีก็ให้ความสำคัญกับคำสัญญามาตลอด
“กูเสี่ยวซู เจ้าเป็นหมูหรือ สมองเจ้าถูกลาเตะใช่ไหม ถึงได้โง่แบบนี้” น้ำเสียงนี้เอ่ยด้วยความโมโหแน่นอน!
กูเสี่ยวซูก้มหน้าไม่เอ่ยอันใด
ในมุมของซูชี บางทีอาจจะนึกว่า กูเสี่ยวซูจะก้มหน้าร้องไห้เพราะรู้สึกน้อยใจต่อความใจร้ายของเขา แต่หารู้ไม่ว่า กูเสี่ยวซูในตอนนี้ แม้ว่าจะก้มหน้าลง แต่หางตาที่มองพื้นหิมะนั้นเต็มไปด้วยความยินดี และเจือรอยยิ้ม นั่นเป็นความเบิกบานใจที่ออกมาจากหัวใจ
นาง กูเสี่ยวซูไม่เคยเป็นคนโง่ ย่อมเข้าใจความนัยในวาจาเหล่านั้นของซูชี!
ก่อนหน้านี้นางถูกความใจดำของซูชีทำให้เสียใจจนกลัวไปแล้ว ถึงได้วิตกกังวลกับผลได้ผลเสียของตนเองเช่นนี้
ซูชีมองท่าทางก้มหน้าเสียใจของกูเสี่ยวซูแล้ว ก็รู้สึกสงสารเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกนี้มาเยือนอย่างน่าประหลาด ในตอนที่เขาไม่รู้ว่า เหตุใดจึงเจ็บปวดหัวใจ ความรู้สึกเช่นนี้ก็ถูกอัดเข้ามาในสมองของเขาแล้ว โดยเฉพาะตอนที่กูเสี่ยวซูคล้ายกับถูกปกคลุมไปด้วยความเศร้าเสียใจ หัวใจของเขาก็เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิม!
ซูชีเม้มปาก รู้สึกไม่คุ้นเคยกับความรู้สึกประเภทนี้ยิ่งนัก แต่กลับไม่ได้ต่อต้าน หลังจากครุ่นคิดครู่หนึ่ง ก็ค่อยๆ เดินไปทางกูเสี่ยวซู แล้วคว้านางเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมแขน!
“กูเสี่ยวซู เจ้าว่าสวรรค์ส่งเจ้ามาเล่นงานข้าใช่หรือไม่” ไม่อย่างนั้น เหตุใดข้าที่รักอิสระ ไม่เคยผูกพันกับผู้ใดถึงได้ร่วงลงไปในหลุมลึกหลุมนี้ของเจ้ากัน
กับมั่วเชียนเสวี่ย แม้ซูชีจะเคยเจ็บปวดใจ แต่ที่มากกว่าคือความทุกข์ใจรวดร้าวและไม่ยินยอม!
ภายในส่วนลึกของจิตใจ เขาก็เคยเคียดแค้น เขาแค้นใจที่ตนเองพบกับมั่วเชียนเสวี่ยช้าเกินไป แค้นใจที่สามีของนางเก่งกาจถึงขนาดนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนจะเริ่มต้นจากความไม่ยินยอม
แต่กลับไม่อาจปฏิเสธได้เช่นกันว่า เขาหวั่นไหวกับมั่วเชียนเสวี่ยเข้าแล้วจริงๆ ในวันที่มั่วเชียนเสวี่ยแต่งงาน เขารู้สึกจริงๆ ว่า โลกทั้งใบว่างเปล่า คล้ายกับว่า ชีวิตไม่มีสิ่งใดให้ไล่ตาม
อย่างไรก็ตาม เขาโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ตอนที่เขาตัดสินใจเนรเทศตนเองไปในที่ห่างไกล กูเสี่ยวซูก็ปรากฏตัวขึ้น
ไม่ว่าตนเองจะเยาะเย้ยถากถาง หรือเย็นชาไม่ใส่ใจ นางก็ใช้วิธีของนาง ทำให้นางมีตัวตนอยู่ในชีวิตและหัวใจเขาอย่างแจ่มชัด
ก่อนหน้านี้เป็นเพราะได้ครอบครองความรู้สึกนี้เอาไว้ ถึงได้ไม่รู้ รอจนสูญเสียไป และเห็นนางสวมชุดแต่งงาน เตรียมแต่งงานให้กับบุรุษอื่น เขาถึงได้รู้ว่าความรู้สึกนี้ซึมลึกเข้าถึงกระดูกไปแล้ว
[1] แมลงเม่าที่บินเข้ากองไฟ หมายถึง รนหาที่ตาย