ตอนที่ 688 ทุบตีชายอ้วนลงพุงอย่างรุนแรง
หลินม่ายวิ่งไปหาฟางจั๋วหรานเหมือนเด็กที่ถูกรังแกวิ่งหาพ่อแม่ของตน และบอกฟางจั๋วหรานว่าจ้าวซั่วหยางรังควานเธอตั้งแต่เริ่มเรียน
ใบหน้าของฟางจั๋วหรานมืดมนอย่างมาก เขาเดินไปทุบตีจ้าวซั่วหยางโดยไม่พูดอะไรสักคำ
จ้าวซั่วหยางต้องการที่จะต่อต้านโดยสัญชาตญาณ แต่น่าเสียดายที่เขามีรูปร่างอ้วนและไม่มีเรี่ยวแรง
เมื่อถูกฟางจั๋วหรานทุบตีโดย เขาย่อมไม่มีพลังที่จะต่อสู้กลับ
หลินม่ายไม่เพียงไม่ห้ามปราม แต่ยังก้าวไปข้างหน้าและเตะชายอ้วนอย่างแรง
เธอมั่นใจในอำนาจและความแข็งแกร่งของสามี
นับตั้งแต่ฟางจั๋วหรานยังไม่ได้ถูกย้ายไปยังโรงพยาบาลโหย่วเหอ เขาประสบความสำเร็จในการผ่าตัดให้เจ้าหน้าที่ระดับสูงหลายคน
ไม่ว่าภูมิหลังครอบครัวของจ้าวซั่วหยางจะทรงพลังเพียงใดก็ไม่มีทางยิ่งใหญ่ไปกว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้น
หากฟางจั๋วหรานพูดเรื่องนี้กับเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านั้น เกรงว่าจ้าวซั่วหยางจะรู้สึกหนักใจและเดินจากไป
นี่ไม่ใช่เพียงการให้บทเรียนแบบธรรมดาทั่วไป มาดูกันเถอะว่าใครจะกลัวใคร!
จ้าวซั่วหยางถูกฟางจั๋วหรานและภรรยาของเขาทุบตีจนกรีดร้องครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เขาก็ยังบังคับตัวเองให้ตะโกน “แกกล้าตบฉันเหรอ? ฉันเอาแกตายแน่!”
ฟางจั๋วหรานเตะเขาอย่างแรง “ฉันจะรอดูแล้วกันว่าแกจะจัดการกับฉันอย่างไร!”
ในที่สุดเขาก็พาหลินม่ายไปที่รถจี๊ปแล้วเดินออกไป
เมื่ออธิการบดีมหาวิทยาลัยทราบข่าว หลินม่ายและฟางจั๋วหรานก็ได้หายตัวไปแล้ว
แม้จะรู้สึกสะใจเมื่อได้ทุบตีใครสักคน แต่หลินม่ายก็ยังกังวลเล็กน้อยหลังจากเอาชนะเขาได้
ระหว่างทางกลับ เธอถามฟางจั๋วหรานด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อยว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้นหรือไม่
ฟางจั๋วหรานตอบกลับอย่างเด็ดขาด “ไม่มี”
หลินม่ายจึงรู้สึกสบายใจ
เมื่อทั้งสองขับรถกลับบ้าน โต้วโต้วพลันวิ่งตะโกนออกมา “พ่อคะ แม่คะ เรามีแขก!”
หลินม่ายถามอย่างเป็นกันเอง “ใครคะ?”
“คุณยายคนสวยที่มักจะดูถูกแม่เสมอน่ะค่ะ”
โต้วโต้วไม่ใช่เด็กไร้เดียงสา หล่อนโตพอที่จะสังเกตคำพูดและกิริยาท่าทางของผู้คนได้ดี
แม้ว่าหล่อนจะไม่ได้ติดต่อกับแม่ไป๋มากนัก แต่หล่อนก็รู้ว่าแม่ไป๋ปฏิบัติต่อหลินม่ายไม่ดี ดังนั้นหล่อนจึงพูดอย่างนั้น
หลินม่ายพึมพำ “หล่อนมาที่นี่ทำไม? หรือว่ามาเพื่อคืนเงิน?”
แน่นอนว่าหลินม่ายคาดเดาถูกต้อง แม่ไป๋มาที่นี่เพื่อจ่ายเงินคืน
แม่ไป๋ไม่ได้มาคนเดียว หล่อนมาพร้อมกับคุณยายหลัวและคุณตาหลัว
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางเดินมาพร้อมกับพวกเขาทั้งสามคน เพื่อไม่ให้การพูดคุยนั้นน่าอึดอัดใจ
เมื่อเห็นครอบครัวของหลินม่ายทั้งสามคนเข้ามาในห้องนั่งเล่น คุณย่าฟางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
นางพูดกับครอบครัวหลัวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “คุยกับม่ายจื่อไปก่อนนะจ๊ะ ฉันแก่แล้ว ต้องพักผ่อนสักหน่อย!”
คุณปู่ฟางรีบไปช่วยพยุงนาง “ผมจะพาคุณกลับห้องเอง”
เมื่อผู้เฒ่าทั้งสองออกไป พวกเขาก็พาโต้วโต้วไปด้วย ทั้งสามตนออกจากห้องนั่งเล่น ทิ้งหลินม่ายให้อยู่กับครอบครัวหลัว
แม่ไป๋ไม่ได้ไปทำงานมาครึ่งเดือนแล้วตั้งแต่ที่ล้มป่วย
หล่อนจึงได้ใช้เวลาอยู่กับตัวเองและคิดทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
แม้แต่ตัวหล่อนเองก็ยังพบว่ามันเหลือเชื่อ ตรงที่หล่อนปกป้องหมาป่าตาขาวไป๋ซวงอย่างสุดหัวใจราวกับถูกทำของใส่ แต่เกลียดหลินม่ายลูกสาวในไส้ของตัวเองในทุกวิถีทาง
หล่อนทุ่มเทและปกป้องไป๋ซวงในทุกด้าน แต่กลับเย็นชาและเฉยเมยต่อลูกสาวของตน!
หล่อนปฏิบัติต่อหลินม่ายเช่นนี้ก็เพราะหมาป่าตาขาวอย่างไป๋ซวง
เมื่อนึกถึงอดีต แม่ไป๋ก็รู้สึกละอายใจที่ต้องเผชิญหน้ากับหลินม่าย
หล่อนยิ้มให้หลินม่ายด้วยความลำบากใจ “เสี่ยวฟางไปรับเธอมาเหรอ? โชคดีที่เขาไม่ให้เธอนั่งรถบัส เพราะการนั่งรถบัสเป็นอะไรที่ทรมานมาก!”
ในช่วงทศวรรษที่ 1980 การคมนาคมและการขนส่งสาธารณะนั้นแออัดอย่างมาก และคำพูดของแม่ไป๋ก็ไม่ได้เกินจริงแต่อย่างใด
หลินม่ายได้เห็นกับตาตัวเองเมื่อชายชราคนหนึ่งที่ต้องการขึ้นรถโดยสารประจำทาง แต่ก็ไม่สามารถขึ้นได้ และผู้โดยสารที่อยู่ข้างหลังก็ร่วมมือกันผลักเขาลงไป
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วนขณะเดินทางไปและกลับจากที่ทำงานเท่านั้น หากเป็นช่วงเวลาอื่น ทุกอย่างล้วนปกติ
หลินม่ายถามตรงประเด็น “มาหาฉันมีอะไรไหมคะ”
เธอกล่าวพลางนั่งลงบนโซฟาพร้อมกับฟางจั๋วหราน
แม่ไป๋หยิบเงินปึกหนึ่งจากกระเป๋าของหล่อน “นี่คือค่ารักษาพยาบาลที่เธอและสามีจ่ายให้ฉันล่วงหน้า ฉันควรจะคืนให้ทันทีที่ออกจากโรงพยาบาล แต่ตาและยายของเธอแนะนำให้ฉันพักผ่อนที่บ้านสักสองสามวันแล้วค่อยนำเงินมาคืนหลังจากอาการคงที่แล้ว นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันนำเงินมาคืนล่าช้าจนถึงวันนี้ ดังนั้นอย่าโกรธเลยนะ
แม้ว่าหลินม่ายจะยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นก็ไม่ได้เต็มใจมากนัก “คุณหลัวไม่ต้องคืนเงินนั้นก็ได้นะคะ คุณให้กำเนิดฉัน ถือซะว่าเงินนี้เป็นการตอบแทนความกรุณาของคุณที่ให้กำเนิดฉัน”
เธอคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็กล่าวต่อ “เงินนี้น้อยไปหน่อย ฉันให้เพิ่มอีกห้าพันนะคะ เพื่อไม่ให้คุณไปบอกเล่าต่อคนอื่นว่าฉันรวยแต่ให้เงินคุณเพียงน้อยนิดเพื่อตอบแทนบุญคุณ”
แม่ไป๋ละอายใจจนโงหัวไม่ขึ้น หากหล่อนไม่ประพฤติต่อหลินม่ายอย่างเลวร้ายก่อน หลินม่ายคงไม่ทำแบบนี้
ฟางจั๋วหรานและหลินม่ายสนับสนุนกันเป็นอย่างดี และก่อนที่หลินม่ายจะลุกขึ้น ฟางจั๋วหรานพลันกล่าว “คุณอยู่ที่นี่กับแขกดีกว่าครับ ผมจะไปนำเงินห้าพันหยวนมาให้เอง”
เงินค่าตอบแทนที่แม่ไป๋ให้กำเนิดเธอถูกเตรียมไว้พร้อมแล้ว และหลินม่ายก็ต้องการมอบให้กับแม่ไป๋
เธอวางแผนที่จะให้เงินกับแม่ไป๋ในเวลาที่เหมาะสม และจากนี้ไปก็จะไม่มีพันธะผูกพันระหว่างแม่กับลูกสาวอีก
วันนี้ถือเป็นโอกาสดี
ใบหน้าของแม่ไป๋แดงก่ำอยู่พักหนึ่ง รู้สึกละอายใจอย่างมาก “ม่ายจื่อ ฉันไม่ต้องการเงินของเธอเพื่อแทนคำขอบคุณหรืออะไรทั้งนั้น…”
“รับไว้เถอะค่ะ” หลินม่ายพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันไม่ชอบเป็นหนี้บุญคุณใครมากนัก แม้ไม่ใช่ความตั้งใจแต่เดิมที่จะเกิดมาในโลกนี้ แต่เจตนาของคุณและพ่อก็ทำให้ฉันเกิดมาแล้ว แต่ฉันไม่ต้องการให้คุณยืนอยู่ในจุดสูงสุดของศีลธรรมตลอดเวลาและกล่าวหาว่าฉันควรทำอย่างไรในฐานะที่คุณเป็นแม่ของฉัน จากนี้ไปเราจะตัดขาดกัน เพื่อที่จะได้ใช้ชีวิตของตัวเองให้ดีๆ ค่ะ”
คำพูดของหลินม่ายไม่เพียงทำให้แม่ไป๋รู้สึกละอายใจ กระทั่งคุณตาหลัวและคุณยายหลัวก็รู้สึกละอายใจ
เดิมทีพวกเขาต้องการเกลี้ยกล่อมให้หลินม่ายและแม่ไป๋คืนดีกัน แต่ตอนนี้กลับไม่สามารถพูดอะไรได้
ฟางจั๋วหรานนำเงินห้าพันหยวนออกมาจากห้องแล้วส่งให้หลินม่าย
หลินม่ายมอบเงินห้าพันหยวนให้กับแม่ไป๋
แม่ไป๋ไม่ต้องการเงินนี้ หล่อนปฏิเสธที่จะรับไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น “ม่ายจื่อ ให้โอกาสแม่เถอะนะ แม่จะปฏิบัติต่อลูกอย่างดี”
หลินม่ายยิ้ม รอยยิ้มนั้นสวยงามราวกับภาพวาด “ฉันขอโทษจริง ๆ ค่ะคุณหลัว ฉันไม่คิดให้โอกาสคุณ หว่านสิ่งใดไว้ก็ควรต้องเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น คุณสมควรได้รับผลจากการกระทำของตน”
แม้แม่ไป๋จะไม่ต้องการรับเงิน แต่สุดท้ายฟางจั๋วหรานและหลินม่ายก็บังคับยัดเงินใส่มือหล่อนจนได้
หล่อนไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากรับเอาเงินห้าพันหยวนและค่ารักษาตัวในโรงพยาบาลที่ค้างชำระด้วยความรู้สึกละอายใจ
สองสามีภรรยาเดินมาส่งตระกูลหลัวทั้งสามคน หลินม่ายพูดกับคุณตาหลัวและคุณยายหลัวอย่างกรุณา “คุณตาและคุณยายจะเป็นตายายของฉันตลอดไปนะคะ”
เมื่อคุณตาหลัวและคุณยายหลัวได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของพวกเขาก็พลันแดงก่ำ
เด็กคนนี้ตอบแทนความเมตตาด้วยความกรุณาและตอบแทนการแก้แค้นด้วยความพยาบาท เธอเป็นคนที่รู้ว่าสิ่งใดเหมาะสมและสิ่งใดพึงกระทำ
ทั้งสองเฝ้าดูครอบครัวหลัวเดินออกไปก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้าน
ทันทีที่ฟางจั๋วหรานปิดประตูลานบ้าน ประตูลานก็ถูกเคาะอีกครั้ง
เขาเปิดประตูลานบ้านด้วยความประหลาดใจ พบแขกผู้มาเยือนราวสองสามคนอยู่นอกประตู
อย่างไรก็ตาม หลินม่ายรู้จักแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านั้น ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้นำของมหาวิทยาลัยชิงหวา รวมถึงรองอธิบดีกู้
หลินม่ายเชิญให้พวกเขาเข้าไปในบ้านและถามด้วยรอยยิ้ม “รองอธิบดีกู้ อุตส่าห์เดินทางมาที่นี่ด้วยตัวเอง มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
เธอคาดเดาอยู่ในใจแล้วว่าคนเหล่านี้มาหาเธอเพราะเรื่องของจ้าวซั่วหยาง
ภูมิหลังของจ้าวซั่วหยางแข็งแกร่งมาก หลังจากถูกสองสามีภรรยาทุบตีอย่างรุนแรง แน่นอนว่าเขาต้องนำเรื่องนี้ไปบอกกล่าวต่อผู้มีอำนาจ
รองอธิบดีกู้ยิ้ม “เธอคงเดาได้ว่าทำไมเราถึงมาที่นี่”
ใบหน้าของฟางจั๋วหรานเปลี่ยนเป็นเย็นชา “คุณมาที่นี่เพราะเรื่องจ้าวซั่วหยางใช่ไหมครับ? เขาสมควรแล้วที่ถูกผมทุบตี ใครบอกให้เขารังควานภรรยาผมก่อน!”
หนึ่งในพวกเขาพูดด้วยใบหน้าที่จริงจัง “ถึงจะเป็นแบบนั้นคุณก็ไม่ควรเอาชนะคนอื่นด้วยความรุนแรงนะ!”
ฟางจั๋วหรานถามกลับ “หากคุณเห็นว่ามีชายคนหนึ่งกำลังพยายามรังแกภรรยาของคุณต่อหน้าคุณ คุณจะอดทนได้ไหมครับ?!”
ผู้ทรงอำนาจเหล่านั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก
รองอธิบดีกู้พูดอย่างจริงจัง “แต่การทุบตีใครสักคนถือเป็นเรื่องผิด
คุณควรไปขอโทษจ้าวซั่วหยางและจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้เขา แล้วทางมหาวิทยาลัยจะช่วยคุณแก้ปัญหาทั้งหมดที่เกิดขึ้น
คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางกำลังสอนโต้วโต้วถึงวิธีขี่จักรยานคันเล็กที่สวนหน้าบ้าน เมื่อได้ยินเช่นนี้ พวกเขาทั้งหมดก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังฟางจั๋วหราน
คุณปู่ฟางถามฟางจั๋วหรานอย่างจริงจัง “ใครรังแกม่ายจื่อ?”
ฟางจั๋วหรานโบกมือ “ปู่อย่ากังวลไปเลยครับ”
คุณปู่ฟางเข้ามาและถามอย่างเคร่งขรึม “บอกฉันมาว่าใครรังแกม่ายจื่อ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ทำอะไรไว้รับผลอย่างนั้นนะคะคุณแม๊ ในเมื่อคุณแม๊ไม่อยากได้ม่ายจื่อเป็นลูก ม่ายจื่อก็ไม่อยากได้คุณเป็นแม่เหมือนกันค่ะ
ปู่ฟางจะออกโรงแล้วหรือเปล่านะ? ภูมิหลังปู่ฟางไม่ธรรมดานะบอกไว้ก่อน
ไหหม่า(海馬)