ยังดี…
ยังดีที่สวรรค์สงสารเขา!
ซูชีกอดกูเสี่ยวซูเอาไว้ในอ้อมแขนแน่น เป็นครั้งแรกในชีวิตนี้ที่ขอบคุณความเมตตาจากสวรรค์ที่สุดท้ายก็ทำให้พวกเขาไม่ได้คลาดกันไป
กูเสี่ยวซูที่ถูกซูชีกอดเอาไว้ยกริมฝีปากแย้มรอยยิ้ม
“ซูชี เจ้าพูดผิดไปแล้ว ข้าไม่ใช่คนที่สวรรค์ส่งมาเล่นงานเจ้า แต่ส่งมาช่วยชีวิตเจ้าต่างหาก!”
ซูชีดึงระยะห่างระหว่างทั้งคู่ออก แล้วก้มเพ่งพิศดวงหน้าของกูเสี่ยวซูอย่างละเอียด หน้าผากอิ่มเอิบ นัยน์ตาเปล่งประกาย และปากเล็กๆ สีแดงอมชมพูนั่น…
ซูชีก้มหน้าลงไปจุมพิตหน้าผาก และแก้มของกูเสี่ยวซู…และจบลงที่ริมฝีปากของนางอย่างหักห้ามใจไม่อยู่
บนโลกใบนี้ เหลือเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้น
หยาดน้ำตารินไหลลงมาจากนัยน์ตากูเสี่ยวซู ในที่สุดนางก็สมปรารถนา
แม้ว่าจะมีน้ำตา ทว่ากูเสี่ยวซูกลับตอบรับอย่างร้อนแรง ไม่ว่าเพลิงกองนี้จะแผดเผานางจนกลายเป็นเถ้าถ่านหรือไม่
เรียวลิ้นพัวพันกัน…
หัวใจของทั้งสองคนเข้าใกล้กันแบบนี้เป็นครั้งแรก
มีบางคนที่หากคลาดกันไปครั้งหนึ่ง ก็อาจจะคลาดกันตลอดชีวิต แต่บางคน เมื่อได้พบกันแล้ว ก็คือชั่วชีวิตหนึ่งเช่นกัน
ขอบคุณสวรรค์ที่ให้พวกเขาได้พบกัน ให้พวกเขาได้ผ่านความยากลำบากมากมายขนาดนี้ หลังจากที่ผ่านความเข้าใจผิดมากมายมา ก็ยังสามารถได้อยู่ด้วยกัน นี่คือความเมตตาที่สวรรค์มีต่อพวกเขา
สามปีให้หลัง
“อุแว้ๆ…”
“ซูชี! ลูกสาวสุดที่รักของเจ้าร้องไห้แล้ว!”
“จะไปเดี๋ยวนี้!”
เสียงกลัดกลุ้มใจ และวุ่นวายดังขึ้นในเรือนหลังของจวนซู เดิมซูชีกำลังนั่งอ่านจดหมายอยู่ในห้องหนังสือ หลังจากได้ยินเสียงขอให้ช่วยของกูเสี่ยวซูดังขึ้น ก็รีบสำแดงวิชาตัวเบาเหินกายไปทางห้องเจาเสีย โดยไม่สนใจจะอ่านจดหมายอีก
ตอนที่ตะบึงเข้าไปในห้อง กูเสี่ยวซูก็กำลังเร่งรีบจัดการตนเองอยู่!
เมื่อเห็นซูชีพุ่งเข้ามาแล้ว ก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง ตวัดสายตาคมกริบใส่ซูชีอย่างดุร้ายทันที!
“ซูชี ข้าขอบอกเจ้าเลยนะว่า ไม่อนุญาตให้เจ้าขึ้นเตียงข้าอีกภายในหนึ่งเดือนนี้!”
ขณะที่เอ่ยวาจานี้ กูเสี่ยวซูมีสีหน้าคับแค้นใจยิ่ง ทั่วร่างเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ!
ซูชีได้ยินก็ลูบจมูกตนเองด้วยความกระอักกระอ่วน แล้วมองไหล่สวยกับผิวขาวเนียนที่เปลือยอยู่ของกูเสี่ยวซูแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลืนน้ำลายอึกแล้วอึกเล่าอย่างไม่ได้ความ!
ช่วยไม่ได้ ในเวลาหนึ่งปีกว่าตั้งแต่ที่กูเสี่ยวซูตั้งครรภ์จนถึงให้กำเนิดบุตร เขาล้วนอดกลั้น และตอนที่อดทนไม่ไหวก็ทำได้เพียงแค่…หลังจากได้เริ่มมีสัมพันธ์กันด้วยความยากลำบาก จึงอดกลั้นไม่ไหว เคี่ยวกรำกูเสี่ยวซูตลอดทั้งคืน ตัวเขาเต็มอิ่ม กูเสี่ยวซูก็พอใจ แต่กลับลืมไปว่าตอนนี้พวกเขาไม่ใช่สองคน แต่เป็นครอบครัวสี่คน!
ถูกต้อง สามปีหลังจากนั้น กูเสี่ยวซูให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่งให้กับซูชี
เป็นเพราะชีพจรที่จับได้ในคราแรกที่ตั้งครรภ์นั้นบ่งบอกว่าเป็นฝาแผด กูเสี่ยวซูเคยได้รับบาดเจ็บมาหลายครั้ง ร่างกายจึงอ่อนแอ ซูชีสงสารนาง และคิดเพื่อทารกในท้องนาง จึงเริ่มใช้ชีวิตเฉกเช่นนักบวช
รอจนกูเสี่ยวซูคลอดบุตรด้วยความยากลำบาก แต่เป็นเพราะตอนคลอดสูญเสียพลังใจและพลังกายไป จึงต้องบำรุงอีกครึ่งปี เมื่อรวมเข้าด้วยกัน เขาก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับนางเป็นเวลาหนึ่งปีครึ่งแล้ว
ดังนั้น สภาพเหตุการณ์บ้าคลั่งเมื่อคืนนั้นสามารถเข้าใจได้!
ทว่าเมื่อคืนกูเสี่ยวซูเหนื่อยเกินไป ซูชีปล่อยนางไปตอนฟ้าใกล้จะสว่าง และนางก็นอนหลับจนถึงตอนกลางวัน ทารกน้อยสองคนจึงโวยวายขึ้นมา พวกเขาหิวเกินไป ดังนั้นสุดท้ายจึงทำได้แค่อาศัยเสียงร้องไห้มาดึงดูดความสนใจของท่านพ่อท่านแม่สุดแย่คู่นี้!
เห็นเด็กทั้งสองร้องไห้จนหน้าแดงก่ำ ซูชีก็สงสารจับใจ…
เมื่อคืนบ้าคลั่งเกินไปหน่อยจริงๆ ถึงขั้นที่ละเลยเหล่าลูกรักของเขาไป เสียงร้องไห้ดังจ้านี้ทำให้หัวใจซูชีเจ็บปวดยิ่งนัก!
ซูชีรีบไปอุ้มเด็กชายส่งให้กูเสี่ยวซู เพื่อให้นางป้อนนมทันที จากนั้นก็อุ้มเด็กหญิงขึ้นมาด้วยความสงสารและเอ็นดู พลางตบแผ่นหลังเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน พร้อมกับเดินไปมาในห้องช้าๆ
เดิมการตั้งครรภ์แฝด ก็มีเพียงแค่อัตราแค่หนึ่งในพันส่วน และเด็กสองคนนี้ก็สามารถก่อกวนได้ตั้งแต่อยู่ในท้องผู้เป็นมารดา รอจนคลอดออกมา สุขภาพขององค์ชายน้อยก็ไม่ค่อยดีเท่าไร แต่สุขภาพขององค์หญิงน้อยกลับแข็งแรงยิ่งนัก
ซูชีจิ้มปลายจมูกเด็กน้อยด้วยความรักและเอาใจ สัพยอกยิ้มๆ ว่า “ให้พี่ชายกินก่อน จากนั้นพวกเราค่อยกินดีไหม อยู่ในท้องเหนียงชิน เจ้าก็รังแกพี่ชายจนเป็นแบบนั้นแล้ว ดังนั้นตอนนี้เจ้าควรจะยอมให้พี่ชายบ้าง รู้ไหม?”
เด็กอายุห้าเดือนจะไปเข้าใจอะไร?
พวกเขาอาจจะไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น แต่สำหรับเรื่องกิน พวกเขายังคงดื้อดึงยิ่ง
เจ้าหญิงน้อยหันหน้าไป ก็เห็นพี่ชายกำลังกินอย่างมีความสุขอยู่ในอ้อมแขนของมารดา ส่วนนางทำได้เพียงนั่งโดดเดี่ยวอยู่ในอ้อมแขนของบิดา จึงรู้สึกไม่ยินยอมขึ้นมา!
“อา…ยา…อา…”
องค์หญิงน้อยไม่สนใจว่าท่านพ่อของนางกล่าววาจาใด นางรู้เพียงแต่ว่า ตอนนี้ตนเองหิวแล้ว ดังนั้นจึงแสดงท่าทางอันธพาล โดยการถอดเสื้อท่านพ่อนางออกอย่างไม่รีรอ!
หน้าอกของท่านแม่มีของกิน หน้าอกท่านพ่อก็ต้องมีแน่นอน!
ในเมื่อท่านแม่ป้อนพี่ชาย เช่นนั้นท่านพ่อก็ต้องป้อนนาง!
แบบนี้ยุติธรรมยิ่ง!
วันนี้ซูชีตื่นสายมาก อีกทั้งอยู่ในบ้านตนเอง ดังนั้นจึงสวมเสื้อผ้าสบายๆ เพียงแค่รวบเข้าหากันเล็กน้อย ก็เป็นอันเสร็จสิ้น คราวนี้ถูกองค์หญิงน้อยกระตุกซ้ายขวาบนล่างเล็กน้อย เสื้อผ้าจึงถูกดึงหลุดในทันที แผงอกกว้างเผยสู่ภายนอก
“นี่! ลูกรัก อย่าทำแบบนี้!” ซูชีกลุ้มใจมาก! และหมดคำบรรยายต่อการกระทำเช่นนี้ของบุตรสาวที่รักจริงๆ!
เหล่าเทียนเหยีย[1]มิได้ประทานความสามารถในการป้อนอาหารผู้เป็นลูกให้กับเขา แม้องค์หญิงน้อยจะเปลื้องผ้าเขาจนหมด ก็หาของกินไม่เจอแม้แต่น้อย!
กูเสี่ยวซูที่ได้ยินเสียง ก็หันหน้าไปมอง แล้วหน้าแดงระเรื่อทันที…
แผงอกเปลือยเปล่าที่เผยสู่ภายนอกของซูชี เต็มไปด้วยรอยแดงแจ่มชัด! กูเสี่ยวซูเห็นแผงอกซูชีแล้ว ก็นึกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนทั้งหมด และรู้สึกว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยความชั่วร้าย!
เมื่อวานไม่ใช่แค่ซูชีที่บ้าคลั่ง กระทั่งนางก็ควบคุมตนเองไม่อยู่ รอยแดงบนหน้าอกกับแผ่นหลังของซูชีพวกนั้นอธิบายได้!
ซูชีมองกูเสี่ยวซูแวบหนึ่ง ตอนที่เห็นใบหน้าแดงระเรื่อของนาง ก็รู้ว่าในใจนางคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากพลันโค้งขึ้น…
ยังจะเอ่ยว่าไม่ให้ปีนขึ้นเตียงนางภายในหนึ่งเดือนนี้ เมื่อคืนนี้นางเร่าร้อนและบ้าคลั่งเพียงใด!
“อ๊ะ!”
ตอนที่กำลังหวนนึกถึงความทรงจำอันงดงามเมื่อคืน หน้าอกก็พลันรู้สึกเจ็บแปลบ ซูชีร้องออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนที่เขาก้มหน้าเห็นภาพตัวการที่กำลังลงมือทำร้ายเขา ก็พลันเหงื่อตกเงียบๆ…
ใครจะบอกเขาได้บ้างว่า ทั้งหมดนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“จุ๊บ…” กูเสี่ยวซูที่ได้ยินเสียงก็เงยหน้าขึ้นมา จึงเห็นองค์หญิงน้อยของพวกเขาคงจะหิวหนักมาก จึงถอดเสื้อผ้าซูชี จากนั้นก็เล็งไปที่หน้าอกของเขา…
อ่อ! ภาพตรงหน้านี้งดงามเกินไปแล้วจริงๆ นางไม่กล้าแม้แต่จะมองตรงๆ!
ซูชีถูกเจ้าหญิงตัวน้อยทำให้เจ็บยิ่ง หลังจากยุ่งวุ่นวายกับการกอบกู้หน้าอกของตนเองออกมาจากปากแม่หนูน้อยอย่างยากลำบากได้แล้ว ถึงได้โล่งใจ!
เด็กคนนี้…” ไม่รู้จริงๆ ว่าควรจะเอ่ยอะไรถึงจะดี!
กูเสี่ยวซูก็ส่ายหน้าจนปัญญา พลางส่งเสียงว่า “ส่งลูกมาให้ข้าเถอะ นางหิวแล้ว”
อย่างไรเสียก็เป็นลูกที่ตนเองพยายามให้กำเนิดออกมา เสียงสะอื้นเพียงเล็กน้อย ตัวนางก็เจ็บปวดไปด้วย ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องใหญ่เฉกเช่นหิ้วท้องหิวเรื่องนี้เลย!
ซูชีรีบส่งเจ้าหญิงตัวน้อยไปไว้ในอ้อมแขนของกูเสี่ยวซู กูเสี่ยวซูขยับท่าทางเล็กน้อยแล้วอุ้มเด็กทั้งสองคนเอาไว้ หนึ่งซ้ายหนึ่งขวา และให้พวกเขาเริ่มกินนม
ซูชีที่ยืนอยู่ตรงหัวเตียงมองสามคนตรงหน้าอย่างเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกพึงพอใจ!
เขาคิดว่าตอนนี้ชีวิตของเขาสมบูรณ์แบบแล้ว
มีภรรยาคนงามคอยออดอ้อน มีบุตรชายบุตรสาวที่น่ารัก เหล่าเทียนเหยียปฏิบัติต่อเขาดีมากจริงๆ
ซูชีหันหน้าไปมองดวงตะวันที่กำลังฉายแสงแรงเปรี้ยง ในใจก็ปล่อยวางได้แล้ว
สามปีก่อน เขากลับมาเมืองหลวงกับกูเสี่ยวซู และได้พบกับมั่วเชียนเสวี่ยที่กำลังตั้งครรภ์ไปร่วมงานเลี้ยงต่างๆ ภายใต้การอยู่เป็นเพื่อนของหนิงเซ่าชิงเข้าพอดี เดิมซูชีคิดว่าตนเองจะริษยา ริษยาราวกับเสียสติ แต่เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นั้น เห็นนัยน์ตามั่วเชียนเสวี่ยเปี่ยมไปด้วยประกายแห่งความสุข หัวใจเขาก็สงบนิ่ง ถึงขั้นที่…ขั้นที่ในใจยังอวยพรมั่วเชียนเสวี่ยให้มีความสุขเงียบๆ
อวยพรให้นางเบิกบาน และมีความสุขไปตลอดชีวิต
และในตอนนั้นเองที่เขาปล่อยวางได้อย่างแท้จริง
และในคืนนั้น เขาก็เอ่ยคำสามคำที่กูเสี่ยวซูปรารถนามาเนิ่นนานกับนาง
จนกระทั่งตอนนี้ซูชียังจำได้ว่า คืนนั้น กูเสี่ยวซูร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล วันถัดมา พวกเขาก็ไปเข้าเฝ้าจิ่งอ๋องกับพระชายาเอกจิ่ง จากนั้นก็กำหนดวันเรียบร้อย หนึ่งเดือนหลังจากนั้น พวกเขาก็แต่งงาน และได้กลายเป็นสามีภรรยากันในที่สุด
คืนวันในภายหลังก็ยุ่งวุ่นวาย และทำตามสิ่งที่ตนเองต้องการ โดยไม่สนใจส่วนรวม
ฐานที่มั่นตระกูลซูย้ายจากเมืองหลวงไปยังที่ดินศักดินาทางใต้ พร้อมกับสร้างแคว้นตงอู่ขึ้นมา พี่ใหญ่ซูจิ่นอวี้เป็นผู้ปกครองแคว้นตงอู่ เขาก็เป็นอ๋องผู้สูงศักดิ์ที่สุดแห่งตงอู่ กูเสี่ยวซูย่อมเป็นพระชายาเอกของเขา
มั่วเชียนเสวี่ยติดตามหนิงเซ่าชิงไปยังเป่ยต้าฮวง หนิงเซ่าชิงแต่งตั้งตำแหน่งผู้สืบทอดของเขา นับแต่นี้จะถูกขวางกั้นด้วยระยะทางที่ห่างไกล และไม่มีวันได้พบหน้ากันอีก...
บางทีมั่วเชียนเสวี่ยอาจจะอยู่ในใจเขาไปตลอดชีวิต แต่เขาทำได้เพียงแค่ฝังความรู้สึกนี้เอาไว้ให้ลึก
ดวงตะวันฉายแสงราวกับเปลวเพลิง และชีวิตของซูชี ก็เหมือนกับเปลวเพลิงที่ร้อนแรง อบอุ่น และงดงาม
[1] เหล่าเทียนเหยีย หรือที่ชาวแต้จิ๋วเรียกกันว่า เง็กเซียนฮ่องเต้ เป็นเทพเจ้าสูงสุดผู้ปกครองสวรรค์ และดูแลเทพเจ้าทั้งปวง