ตอนที่ 693 การทะเลาะวิวาทในครอบครัวไป๋เหยียน
หลินม่ายมองแผ่นหลังของหญิงทั้งสองและถามฟางจั๋วหราน“พวกหล่อนมาหาคุณทำไมคะ?”
ฟางจั๋วหรานยิ้ม “ถ้าผมไม่เรียกพวกหล่อนมา คิดว่าพวกหล่อนจะมาไหมล่ะ?”
หลินม่ายถามอีกครั้ง “ทำไมพวกหล่อนถึงมาหาคุณคะ? คุณจัดการให้แล้วเสร็จไม่ได้เหรอ? ถ้าคุณเด็ดขาดกับพวกหล่อนแบบเดียวที่เด็ดขาดกับฉันก็คงดี”
ฟางจั๋วหรานกล่าว “แล้วเมื่อคืนนี้ผมไม่ได้ไปบ้านคู่หมั้นของซูอวี้เจี๋ยเหรอ? หลังไปถึงบ้านของคู่หมั้นหล่อน ผมก็ขอให้ว่าที่แม่สามีของหล่อนยกเลิกการแต่งงานระหว่างซูอวี้เจี๋ยและลูกชายของท่าน พ่อแม่ของซูอวี้เจี๋ยพยายามเกลี้ยกล่อมและอ้อนวอนในทุกทางเพื่อรักษาชีวิตสมรสของลูกสาวไว้ แต่แม่สามีของเธอปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ซูอวี้เจี๋ยจึงโทรหาซูอวี้อิ๋งผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของหล่อนและเดินทางมาหาผมด้วยกัน หล่อนต้องการให้ผมไปยังบ้านของว่าที่สามีเพื่อเกลี้ยกล่อมและอ้อนวอนว่าที่แม่สามีไม่ให้ยกเลิกงานแต่งงาน แต่ผมก็ไม่เคยตกลงที่จะทำแบบนั้น”
หลินม่ายตบไหล่ฟางจั๋วหราน “คุณทำได้ดีมาก”
ฟางจั๋วหรานผู้ได้รับคำชมทำตัวไม่ถูกทันที เมื่อเห็นว่าหลินม่ายกำลังจะขับรถเข้าไปในสวนหลังบ้าน เขาจึงพูดกับเธอ “อย่าเพิ่งขับรถเข้าไป พี่สาวคนโตของคุณเพิ่งโทรมาบอกว่า ครอบครัวของพวกเขาได้ย้ายไปอยู่บ้านใหม่ ไปกินข้าวที่บ้านใหม่ของหล่อนกันเถอะ “
พี่สาวคนโตที่ฟางจั๋วหรานหมายถึงคือไป๋เหยียน
หลินม่ายตะโกน “งั้นพาโต้วโต้วมาด้วยค่ะ”
ฟางจั๋วหรานเข้าไปในบ้านและออกมาพร้อมกับโต้วโต้วในอ้อมแขนของเขา
ทั้งสามคนขับรถไปยังห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของขวัญ จากนั้นจึงมายังบ้านที่ครอบครัวของไป๋เหยียนอาศัยอยู่ตามที่ให้ไว้ทางโทรศัพท์
ทั้งสองพาโต้วโต้วไปยังบ้านของไป๋เหยียนพร้อมของขวัญมากมาย และได้ยินเสียงแห่งความโกรธของไป๋เหยียนจากข้างใน “ทำไมฉันต้องยกบ้านใหม่ให้กับครอบครัวของน้องรองด้วย? พวกเขาไม่คิดบ้างหรือว่าหากฉันไม่มีบ้านฉันจะอยู่ยังไง? ฉันไม่ใช่ลูกของพวกเขาหรือยังไง?”
จากนั้นน้ำเสียงละล้าละลังทำอะไรไม่ถูกของหยางจิ้นก็ดังขึ้น “แม่ หยุดยุ่งวุ่นวายและปล่อยให้ครอบครัวของเราสามคนอยู่อย่างสงบสุขได้ไหม? แม่มอบสินเดิมทั้งหมดของเหยียนเหยียนให้กับครอบครัวน้องชายแล้วทำไมยังคิดจะเอาบ้านเราไปอีก? หากเรายกบ้านให้ครอบครัวน้องชายของผม ครอบครัวของเราก็คงต้องนอนบนถนนน่ะสิ!”
แม่หยางพูดอย่างมีเหตุผล “ก็ครอบครัวของแกให้กำเนิดลูกสาว หากไม่มอบทุกอย่างให้ครอบครัวของน้องชายแกแล้วจะให้ใคร? ทรัพย์สินของตระกูลหยางควรได้รับการสืบทอดจากลูกชายของเรา ใครบอกให้พวกแกไม่มีลูกชายเองล่ะ? เรื่องนี้แกจะมาโทษฉันไม่ได้ ฉันจะมอบบ้านใหม่ให้กับเจ้ารองและไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่อยู่อาศัย แกก็แค่กลับไปอยู่กับเรา เมื่อก่อนก็เคยอยู่ไม่ใช่เหรอ? ทำไมตอนนี้อยู่ไม่ได้?”
หยางจิ้นโกรธมากเมื่อได้ยิน การที่ขอให้พวกเขากลับไปอยู่บ้านนั้นก็เท่ากับการให้ไป๋เหยียนกลับไปเป็นแม่บ้านใช่ไหม?
เขายอมไม่ได้!
หยางจิ้นโต้กลับ “สินเดิมของเหยียนเหยียนไม่ใช่ทรัพย์สินของตระกูลหยางของเรา!”
แม่หยางพูดด้วยความก้าวร้าว “ถ้าเข้าสู่ตระกูลหยางของเราแล้ว ทุกอย่างก็จะกลายเป็นทรัพย์สินของตระกูลหยาง”
หล่อนชี้หน้าหยางจิ้นพลางกล่าว “แกยังมีหน้าจะพูดแทนเมียแกอีกเหรอ! แกกับเมียมีลูกแล้ว แต่พ่อตาแกกลับยังไม่ให้แกมีตำแหน่งอะไรในธนาคารสักตำแหน่ง การแต่งงานของแกแย่มาก! หากพ่อตาแกมาหาก็ให้บอกเขาฝากแกเข้าสู่ธนาคารซะ และขอให้เขาฝากน้องชายแกเข้าทำงานด้วย”
หน่วยงานของลูกชายสองคนของแม่หยางไม่ค่อยดีนัก และค่าจ้างของพวกเขาก็น้อยนิด
นับตั้งแต่ที่ไป๋เหยียนและหยางจิ้นตกหลุมรักกัน แม่หยางก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าพ่อไป๋จะฝากลูกชายทั้งสองของหล่อนไปทำงานในธนาคาร
แม้จะทำงานเป็นพนักงานเก็บเงินในธนาคารก็สามารถสร้างรายได้มากกว่าสองร้อยหยวนต่อเดือน ซึ่งเป็นเงินเดือนที่คนธรรมดาหลายคนเอื้อมไม่ถึง
แต่ในเวลานั้น หล่อนไม่กล้าปล่อยให้ลูกชายคนโตเจรจาข้อตกลงกับพ่อไป๋ เพราะอย่างไรเสียการแต่งงานของลูกชายหล่อนและไป๋เหยียนก็ถือเป็นเกียรติมากแล้ว
แต่วันนี้แตกต่างออกไป ไป๋เหยียนให้กำเนิดเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว ดังนั้นหล่อนจึงเป็นตราบาปของตระกูลหยาง
พ่อไป๋ควรชดเชยให้กับครอบครัวหยางโดยการฝากลูกชายสองคนของหล่อนไปทำงานในธนาคาร
ไป๋เหยียนโกรธเกินกว่าจะพูดอะไรได้
ส่วนหยางจิ้นมีสีหน้าไม่ดีนัก “แม่คิดว่าพ่อตาของผมเป็นเจ้าของธนาคารที่คิดอยากจะให้ใครเข้ามาทำงานก็ได้ตามใจเหรอ?!”
แม่หยางยกมือเท้าสะเอว “แกลืมไปแล้วเหรอว่าพ่อตาแกเป็นใคร? พ่อตาแกเป็นรองประธานธนาคาร การจะฝากใครเข้าทำงานก็ไม่ใช่เรื่องยากไม่ใช่เหรอ?”
หยางจิ้นได้ฟังแล้วก็หมดความอดทน ขับไล่แม่ของเขาออกไปทันที “แม่ออกไปซะ เราจะไม่ยกบ้านให้ใครทั้งนั้น และจะไม่ขอให้พ่อตาช่วยฝากเข้าทำงานด้วย แม่เลิกบังคับผมสักที”
แม่หยางถูกลูกชายคนโตผลักออกไปนอกประตูและชนเข้ากับครอบครัวสามคนของหลินม่ายพอดี
ไม่เพียงจะไม่เขินอาย แต่ยังขอให้หลินม่ายช่วยสั่งสอนพี่สาวของเธอด้วย
อีกทั้งยังบอกหลินม่ายว่าไม่ควรนำเนื้อชั้นดีเช่นนี้มาฝากพี่สาว เพราะหล่อนกินได้เพียงน้ำแกง
หลินม่ายพูดอย่างเย็นชา “ทำไมฉันถึงต้องลังเลด้วยหากจะนำสิ่งใดมาให้กับพี่สาว? ฉันเต็มใจจะให้! แต่ฉันก็ไม่แน่ใจได้เลยว่าเนื้อชั้นดีที่ฉันส่งมาให้พี่สาวตลอดเวลาเข้าไปอยู่ในปากของใคร!”
ขณะแม่หยางกำลังจะกลับไป พ่อไป๋ก็มาพร้อมกับของขวัญ โดยนำไป๋ลู่ ไป๋เซี่ย คุณปู่ไป๋ และคุณย่าไป๋มาด้วย
พ่อไป๋เอ่ยถามทันทีที่มาถึง “ม่ายจื่อ จำเป็นต้องสนใจกับคำพูดไร้ราคาด้วยเหรอ?”
หลินม่ายไม่รู้จะตอบอย่างไร
เพราะเธอไม่รู้ว่าไป๋เหยียนต้องการให้พ่อไป๋รู้เรื่องปัญหาในครอบครัวหล่อนหรือไม่
แม่หยางมาหาพ่อไป๋พลางกล่าว “ฉันกำลังพูดถึงคุณอยู่พอดี คุณก็คงเห็นแล้วว่าจิ้นจื่อและเหยียนเหยียนมีลูกด้วยกันแล้ว แล้วเมื่อไหร่คุณจะให้จิ้นจื่อและน้องชายของเขาไปทำงานในธนาคารกับคุณล่ะ? หากเขามีหน้าที่การงานที่ดี ชีวิตของลูกสาวคุณก็จะสุขสบายขึ้นด้วยจริงไหม?”
คำว่า ‘ชีวิตของลูกสาวคุณก็จะสุขสบายขึ้น’ ทำให้พ่อไป๋เข้าใจทันทีที่ได้ยิน
เขาหัวเราะพลางกล่าว “ผมควรฝากลูกชายคนเล็กของคุณเข้าทำงานในธนาคารเพื่อที่ชีวิตของเหยียนเหยียนจะได้ดีขึ้นสินะ”
แม่หยางเชิดหน้าราวกับว่าไม่เข้าใจถ้อยคำประชดประชันในคำพูดของพ่อไป๋
หล่อนพยักหน้าอย่างมีความสุข “นั่นเป็นการตัดสินใจที่ดี ขอบคุณนะคะว่าที่ทองแผ่นเดียวกัน”
พ่อไป๋ไม่สนใจหล่อน แต่มองไปยังหยางจิ้น“นายต้องการให้ฉันทำแบบนั้นไหม?”
หยางจิ้นส่ายศีรษะ “ก่อนที่คุณพ่อจะมา ผมบอกแม่ไปแล้วว่าไม่อยากให้พ่อทำแบบนี้”
ทันทีที่แม่หยางได้ยินสิ่งนี้ หล่อนก็แทบอยากตบหน้าหยางจิ้น แต่พ่อไป๋พลันตะโกน “กล้าตบเขาเหรอ?”
แม้ว่าแม่หยางจะไร้ยางอาย แต่หล่อนก็ยังกลัวว่าพ่อไป๋จะโกรธ
ยิ่งทุกคนในตระกูลไป๋จ้องมองมายังหล่อน หล่อนก็ยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้น ดังนั้นจึงทำได้เพียงข่มอารมณ์ตัวเองไว้ในใจ
ไป๋เหยียนและสามีรีบเชิญหลินม่ายและคนอื่น ๆ เข้าไปในบ้าน
คุณย่าไป๋พยักหน้าพลางกล่าว “แม่สามีของหลานช่างไร้มารยาท ไม่ควรเชิญหล่อนมาที่นี่”
ไป๋เหยียนกระซิบ “ฉันไม่ได้เชิญค่ะ หล่อนมาที่นี่โดยไม่ได้รับเชิญ”
ทุกคนต่างเยี่ยมชมบ้านของไป๋เหยียน
แม้จะเป็นบ้านที่มีเพียงหนึ่งห้องนอน แต่ห้องนั่งเล่นของพวกเขาก็ไม่ได้มีขนาดเล็กมากนัก พื้นที่สิบสองตารางเมตรก็เพียงพอแล้วสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกสามคน
ในขณะที่ทุกคนกำลังแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับบ้านอยู่นั้น ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ไป๋เหยียนพูดอย่างมีความสุข “แม่กับยายต้องมาแล้วแน่เลย!”
หล่อนวิ่งไปเปิดประตู ปรากฎว่าคนที่มาคือแม่ไป๋และคุณยายหลัว
ครั้งนี้ไป๋เหยียนและสามีของหล่อนเชิญเฉพาะญาติสนิทมาร่วมงานเลี้ยงของครอบครัว และเมื่อทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา อาหารก็ถูกนำมาเสิร์ฟ
นอกจากอาหารสำเร็จรูปแล้วยังมีหม้อไฟซึ่งอร่อยมาก
เมื่อทุกคนนั่งลง แม่ไป๋ก็ต้องการนั่งข้างหลินม่าย แต่หลินม่ายหลีกเลี่ยงหล่อนไปนั่งที่อื่น
ความเจ็บปวดฉายชัดในดวงตาของแม่ไป๋
หลินม่ายเห็นเช่นกัน แต่เพิกเฉยเสีย
มื้อค่ำของครอบครัวใช้เวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมงครึ่ง
หลินม่ายช่วยไป๋เหยียนล้างจานและถามถึงความทุกข์ยากในชีวิตที่มีแม่สามีเช่นนี้
ไป๋เหยียนยิ้มพลางตอบ “ก่อนแต่งงาน แม่สามีของฉันปฏิบัติต่อฉันอย่างดี แต่เป็นเพราะท่านไม่ชอบที่ฉันให้กำเนิดลูกสาว ทัศนคติของท่านจึงเปลี่ยนไปอย่างมาก ถึงจะเป็นแบบนั้นพี่เขยของเธอก็เข้าข้างพี่ตลอด ไม่ว่าแม่สามีจะเยอะอะโวยวายมากขนาดไหนก็ไม่ถือเป็นปัญหา”
หลินม่ายรู้สึกโล่งใจ
เธอไม่ต้องการให้การแต่งงานของพี่สาวคนโตต้องถูกทำลายโดยแม่สามี
หลังจากช่วยไป๋เหยียนล้างจานไปสักพัก หยางจิ้นก็เดินเข้ามาในครัวแล้วไล่สองพี่น้องออกไป เพื่อที่เขาจะล้างจานด้วยตัวเอง
หลินม่ายกระซิบกับไป๋เหยียน “สามีพี่น่ารักมาก”
เมื่อหยางจิ้นถูกชื่นชม ไป๋เหยียนก็ยิ้มอย่างมีความสุข “นั่นสิ พี่เขยของเธอไม่เพียงทำงานบ้านเท่านั้น แต่ยังทำอาหารได้ด้วย อาหารวันนี้พี่เขยเป็นคนปรุงเองทั้งหมด รสชาติเป็นยังไงบ้าง?
หลินม่ายพยักหน้า “อร่อย”
ไป๋เหยียนกล่าวชื่นชมสามีของหล่อน “เซาปิ่งที่พี่เขยของเธอทำก็อร่อย รสชาติดีกว่าฝีมือการทำอาหารของเสียอีก พรุ่งนี้ฉันจะขอให้เขาทำเซาปิ่งและปรุงอาหารที่มีเนื้อเพื่อส่งไปยังบ้านของเธอ”
หลินม่ายยิ้มพลางโบกมือ “อย่าลำบากเลยค่ะ”
ไป๋เหยียนตบหลังเธอ “ไม่ลำบากหรอก ฉันอยากกินอยู่พอดี”
ทั้งสองมายังห้องนั่งเล่น หลินม่ายหยิบกระเป๋าและอำลาไป๋เหยียน
ไป๋เหยียนรู้ว่าเป็นเพราะแม่ไป๋อยู่ที่นี่ หลินม่ายจึงรู้สึกอึดอัดใจและอยากออกไปก่อนเวลา ดังนั้นจึงไม่คิดรั้งเธอ
ฟางจั๋วหรานจากไปพร้อมกับโต้วโต้วและหลินม่าย
แม่ไป๋เรียกหลินม่ายอย่างกระตือรือร้น หยิบเสื้อกันหนาวผ้าแคชเมียร์สีขาวครีมออกมาจากกระเป๋าแล้วยื่นให้เธอ “นี่คือเสื้อที่แม่ถักเอง ช่วงนี้อากาศหนาว แม่อยากให้ลูกได้ใส่”
หลินม่ายไม่ยอมรับไว้ “ฉันมีเสื้อกันหนาวเยอะแยะเลยค่ะ”
หลังกล่าวจบ เธอก็จากไปพร้อมกับฟางจั๋วหรานและโต้วโต้ว
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังจะจากไป ไป๋เหยียนก็ถือถุงแอปเปิ้ลวิ่งไล่ตามหลังพวกเขา
หล่อนยัดแอปเปิ้ลถุงใหญ่ใส่มือหลินม่าย “ที่บ้านนี่มีผลไม้มากเกินไป ฉันกินไม่หมดหรอก เอากลับไปด้วยสิ ฉันล้างจนสะอาดแล้ว เธอกินได้เลย”
หลินม่ายจำได้ว่าถุงแอปเปิ้ลนี้แม่ไป๋เป็นคนนำมาด้วย
แสดงว่าแม่ไป๋ต้องขอให้ไป๋เหยียนมอบให้เธอ
หลินม่ายยัดถุงแอปเปิ้ลกลับเข้าไปในมือของไป๋เหยียน “ครอบครัวเราก็มีผลไม้เยอะจนกินไม่หมด หากเอาแอปเปิ้ลพวกนี้กลับบ้านไปด้วยมีหวังเน่าเสียหมด พี่ให้พี่ไป๋เซี่ยกับพี่ไป๋ลู่เอากลับไปกินเถอะ”
ไป๋เหยียนถามอย่างลังเล “ม่ายจื่อ เธอจะไม่ยกโทษให้แม่จริง ๆ เหรอ?”
หลินม่ายตอบอย่างหนักแน่น “ใช่ค่ะ ฉันไม่ใช่คนที่ลืมความเจ็บปวดได้ง่าย ๆ ดังนั้นโปรดอย่าเกลี้ยกล่อมให้ฉันยกโทษให้คุณหลัวอีก มันไม่ยุติธรรมกับฉันเลย”
ใบหน้าของไป๋เหยียนแดงก่ำด้วยความอับอาย
เมื่อหล่อนกลับเข้ามาในบ้านพร้อมกับถุงแอปเปิ้ล แม่ไป๋ก็มองแอปเปิ้ลแล้วถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ม่ายจื่อไม่เอาเหรอ?”
ไป๋เหยียนพยักหน้าด้วยความลำบากใจ
แม่ไป๋เสียใจจนแทบร่ำไห้
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
แม่หยางนี่น่าโดนตบกะโหลกสักทีค่ะ เผื่อความคิดชายเป็นใหญ่จะได้น้อยๆ ลงบ้าง ตัวเองก็เป็นผู้หญิงแท้ๆ ไปให้ท้ายผู้ชายทำไม
ทีนี้แม่ไป๋รู้ซึ้งถึงคำว่าเป็นโบ้หรือยังคะ พยายามขอญาติดีแต่ลูกไม่ยอมญาติดีอะ
ไหหม่า(海馬)