GGS:บทที่ 978 ถามว่าจะยอมเชื่อได้รึยัง
“….เขาใช้วิธีอะไรกันถึงได้รักษาได้เร็วขนาดนี้” หวังกังหยุนและหมอคนอื่นๆต่างก็พยายามนึกถึงกระบวนการต่างๆที่ซูจิ้งใช้ในการรักษาคนไข้ที่เป็นต้อหินว่าทำยังไงเขาถึงรักษาเขาไปได้
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะนึกยังไงพวกเขาก็ไม่สามารถนึกออกได้อยู่ดีว่าซูจิ้งใช้วิธีการไหนกันแน่ในการรักษา ที่พอจะเหลืออยู่อย่างดีที่เป็นสาเหตุแห่งความมหัศจรรย์ในการรักษานี้ก็คือยาหม้อที่เขาให้ภรรยาของผู้ป่วยต้มให้ผู้ป่วยกิน
พวกเขาได้เดินเข้าไปมุงดูในหม้อยานั้นก็ผมว่ายังพอมีกากยาหลงเหลืออยู่บ้าง เมื่อพวกนำกากยาเทออกมาดูเพื่อศึกษา
พวกเขาก็พบเพียงเศษอะไรบางอย่างที่มีสีดำ คล้ายๆเมล็ดของใบขี้เหล็ก ลูกเดือย ดอกเก๊กฮวยขาว และสมุนไพรอย่างอื่นอย่างละเล็กละน้อยจนไม่รู้ว่าพวกมันคืออะไรกันแน่
เอาจริงๆทุกสิ่งที่พวกเขาเห็นรู้สึกเหมือนสมุนไพรธรรมดามากซะจนนึกไม่ออกว่ามันพิเศษยังไง
“นี่มันอะไรกันแน่เนี่ย” หมอคนหนึ่งบ่นอุบออกมาพลางเกาหัวแกรกๆบ่งบอกว่าความเร็วในการคิดหาคำตอบกับข้อมูลที่ได้เห็นนั้นทำให้หาคำตอบไม่ได้
“เดี๋ยวนะ ฉันจำได้ว่าเคยเห็นของพวกนี้ในตำรับยาโบราณนะ” หมออีกคนหนึ่งพูดออกมา
“ตำหรับยารักษาอะไรกัน” หวังกังหยุนได้ถามออกมา
“โรคตาบอดกลางวัน” หมอคนนั้นตอบออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำยิ่งทำให้หวังกังหยุนและหมอคนอื่นๆต่างก็มองหน้ากลับไปอย่างงงงวยด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
ไม่มีทางที่ยาโบราณแบบนั้นจะไปมีผลที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ทรายดำนั่นไม่มีใครเขากล้าใช้กันแล้วสมัยนี้
“…ต่อ…อืมมมม…ต่อให้ทรายดำนั่นมีสรรพคุณในการรักษาโรคทางสายตาตามตำรับยานั้นจริง แต่ฉันเชื่อว่าอย่างน้อยๆทรายดำนี่ต้องไม่ใช่ทรายดำธรรมดาอย่างแน่นอน ลองเอาไปศึกษาเพิ่มเติมดีกว่า” หวังกังหยุนพูดออกมาแล้วได้ใช้เวลาที่เหลือของวันนั้นนำกากยาไปศึกษา
แต่ก่อนหน้าที่เขาจะไปศึกษาอย่างจริงจังนั้น หวังกังหยุนได้บันทึกวิดีโอเอาไว้ก่อนที่จะนำไปโพสต์ไว้บนโลกอินเตอร์เน็ต
วิดีโอที่อัดเป็นการบอกเล่าเรื่องราวการรักษาของซูจิ้งที่ใช้เวลาเพียงสองวันในการรักษาผู้ป่วยโรคต้อหินคนหนึ่ง คนพูดที่เขากล่าวออกมานั้นเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ยอมรับ และกล่าวขอโทษในความผิดพลาดของตัวเองก่อนหน้านี้ที่ตีตราว่าซูจิ้งนั้นเป็นเพียงหมอเก๊ และบอกต่อสาธารณชนไว้ด้วยว่าตัวเขานั้นยอมรับว่าซูจิ้งเป็นหมอเทวดาไปแล้ว ไม่ว่าใครจะบอกว่าเขาไม่ใช่ก็ตามเขาก็ไม่สน
นี่ทำให้สถานะของซูจิ้งต่อสายตาสาธารณชนนั้นเปลี่ยนจากหมอเก๊กลายเป็นสุดยอดหมอภายในเวลาเพียงไม่กี่วัน นี่ทำให้มีหลายๆคนต่างมุ่งหวังที่จะได้รับการรักษาในคลีนิกพิเศษของซูจิ้ง
คนไข้ส่วนหนึ่งต้องการรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับดวงตา แต่ส่วนใหญ่คนที่ไปนั้นล้วนแล้วแต่เป็นคนที่ต้องการเพิ่มความสูง และเกินกว่าครึ่งเป็นดาราทั้งนั้น
แน่นอนว่าสำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับความสูงมากมายแบบนี้ต้องการเพียงทำให้ตัวเองดูดีขึ้นเฉยๆแบบนี้ แน่นอนว่าซูจิ้งนั้นย่อมจัดหนักจัดเต็มอย่างแน่นอน ผลก็คือตอนนี้เขาได้ตั้งค่าใช้จ่ายง่ายๆเอาไว้สำหรับความสูงที่เพิ่มขึ้นมาจากปกติหนึ่งเซนติเมตรคิดค่าใช้จ่ายสิบล้านหยวน
ราคานี้สร้างความสะพรึ่งให้กับผู้คนกันอย่างทั่วหน้า แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนอีกจำนวนหนึ่งที่ยินดีจะสู้ราคา
เพียงวันเดียวซูจิ้งสามารถได้รับเงินจากการเพิ่มความสูงนี้ถึง 300 ล้านหยวน หรือก็คือซูจิ้งสามารถขายความสูงไปได้กว่าสามสิบเซนติเมตร
ถึงแม้หลายๆคนที่มานี้จะมีท่าทีอิดออดไปบ้างแต่พวกเขาก็ยินดีที่จะซื้อ แต่ก็ต้องมีอีกหลายคนที่ทำได้แค่เพียงถอนหายใจและล้มเลิกความคิดนี้ไปเท่านั้น
บอกได้เลยว่ายาของซูจิ้งนี้เป็นยาที่มีมูลค่าแพงที่สุดในประวัติศาสตร์อย่างแน่นอน
ในขณะเดียวกันเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ก็ทำให้สาธารณชนพอจะเข้าใจได้แล้วว่าทำไมซูจิ้งถึงได้ทำการเปิดคลีนิกพิเศษทั้งๆที่เขานั้นเป็นคนที่รวยอยู่แล้วก็ตาม
ในตอนแรกเมื่อทุกคนได้ยินว่าซูจิ้งคิดราคาค่ารักษาที่หนึ่งล้านหยวนนั้น ทุกคนต่างนึกว่าซูจิ้งเพียงต้องการรีดเงินจากคนไข้เท่านั้น แต่ไม่ใช่อย่างนั้นเลย
ถึงแม้ว่าซูจิ้งนั้นจะทำท่าเหมือนจะต้องการรีดเงินจากคนรวยจริงๆก็ตาม แต่ก็ต้องรู้ก่อนว่าสำหรับคนเหล่านี้แล้ว เงินเพียงหลักล้านไม่ได้ทำให้พวกเขานั้นจนลงแม้แต่น้อย หากพวกเขาต้องการจะรักษาจริงๆ ด้วยราคารักษาเริ่มต้นเพียงเท่านี้สำหรับพวกเขาแล้วถือได้ว่าคุ้มค่ามาก
แต่ด้วยการที่ซูจิ้งตั้งเงินไขการรักษาขั้นต่ำที่หนึ่งล้านหยวนนี้อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อการคัดกรองผู้ที่เข้ามาให้รักษา จากเหตุการณ์ที่หลายๆคนเข้ามาเพื่อต้องการสูงนั้น
หลายๆคนไม่ได้มีปัญหากับความสูงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย พวกเขานั้นเพียงต้องการให้ตัวเองโดดเด่นขึ้นกว่าคนอื่นก็เท่านั้นซึ่งนั้นขัดจากสิ่งที่ซูจิ้งต้องการอย่างมาก
และหากเขาตั้งราคาไว้แบบเจาะจงตั้งแต่แรก แน่นอนว่าตั้งมีกระหายละโมบโลภมากเข้ามาหาผลประโยชน์จากการรักษาของซูจิ้งทั้งๆที่ไม่ได้เป็นอะไรเลยยิ่งกว่านี้เสียอีก
นี่ทำให้เหล่าคนที่คิดว่าซูจิ้งนั้นเป็นพวกละโมบโลภมากนั้นต้องคิดเพิ่มอีกสักหน่อยว่าโลกนี้ก็ยังมีคนที่กระหายในทรัพย์สินที่ไม่สมควรจะได้อย่างไม่เลือกวิธีการอยู่ร่ำไปเช่นเดียวกัน
ในตอนนี้นอกจากจะไม่มีใครกล้าว่าร้ายซูจิ้งอีกต่อไปแล้ว สาธารณชนก็ยังได้รับรู้ทักษะทางการแพทย์อันสูงเทียมฟ้าของซูจิ้งกันจนทั่วแล้ว
ในเมื่อคนไข้ต้องการรักษาก็จำเป็นที่จะต้องจ่ายเงิน หากฝ่ายหนึ่งเสนอแล้วอีกฝ่ายสนองด้วยความยินดีล่ะก็ แต่ให้คนนอกพูดไปก็เท่านั้นไม่ใช่หรือ
อีกด้านหนึ่ง ด้วยการที่โรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุนแห่งนี้ ด้วยการที่ซูจิ้งนั้นได้เปิดให้มีการรักษาผู้ป่วยทั่วไปในราคาที่ต่ำเสียยิ่งกว่าต่ำ แต่ก็มีคลีนิกพิเศษที่มีราคาสูงเสียดฟ้าพร้อมการรักษาขั้นเทพ
นี่ทำให้ดุลหมุนเวียนในโรงพยาบาลแห่งนี้อยู่ในระดับที่กำลังดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ต่อให้คนไข้จะไม่มีกำลังทรัพย์พอที่จะรักษาในคลีนิกพิเศษของซูจิ้งได้ก็ตาม
แต่ที่นี่ก็ยังการรักษาแบบธรรมดาด้วยแพทย์มืออาชีพคนอื่นที่พร้อมจะให้บริการโดยไม่มีการบังคับแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตอนนี้สถานภาพของซูจ้งในฐานะหมอนั้นเป็นที่กระจ่างชัดแล้วว่าเขานั้นมีความสามารถพอที่จะเป็นหมอเทวดาจริงๆ
การกระทำของซูจิ้งนั้นก็เปรียบได้ดั่งเจียงไทกง(เจียงจื่อหยา)ที่กำลังนั่งตกปลาที่ไม่ใช้เบ็ดเพื่อรอให้ปลาที่ยินยอมที่จะเป็นอาหารให้เขามากินเบ็ด
เขานั้นไม่ได้ต้องการเงินจนประชาชนทั่วไปแม้แต่น้อย หากคุณยากจนเขาก็มีทางเลือกที่ดีให้กับคนจนอยู่แล้ว
แต่กับคนรวยที่มีเงินเยอะมากมายนั้นเขาก็มีทางเลือกที่รวดเร็วโดยแลกกับเงินนั่นเอง
นี่คือสิ่งที่หลายๆคนเรียกว่านำเงินจากคนรวยมาช่วยคนจน ก็คล้ายกับการที่ปล้นคนรวยมาช่วยคนจนแต่มันถูกกฎหมายก็เท่านั้น
ดังนั้นเมื่อดูในภาพรวมแล้ว ซูจิ้งนอกจากจะไม่ได้เป็นหมอเก๊แล้ว เขายังเป็นหมอเทวดาที่ไม่ได้ละโมบเงินทองแม้แต่น้อย แต่เขานั้นได้ทำการนำเงินของคนรวยมาช่วยคนจน นี่ทำให้ชื่อเสียงของเขาได้พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“อาจิ้ง” ลูฉินหมิงได้เดินเข้ามาในคลีนิกพิเศษของซูจิ้งด้วยรอยยิ้มกว้าง
“โอ้ อะไรทำให้คุณลุงลูดูมีความสุขขนาดนี้ได้ล่ะนั่น” ซูจิ้งถามออกมาด้วยรอยยิ้ม
“แหงสิ ก็ต้องเป็นเพราะชื่อเสียงของนายที่กำลังพุ่งสูงขึ้นพลอยทำให้โรงพยาบาลของเรามีชื่อเสียงขึ้นตามไปด้วย
วันนี้มีผู้ป่วยเข้ามารับการรักษามากกว่าแต่ก่อน ถึงแม้ว่าค่ายาของเราจะถูกลงก็จริงแต่ด้วยจำนวนผู้ป่วยขนาดนี้ยังไงก็ทำให้เรามีกำไรอยู่พอสมควร” ลูฉินหมิงพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เป็นเรื่องที่ดีนี่นา” ซูจิ้งพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม ถึงแม้การรักษาในคลีนิคพิเศษของเขาแล้วที่มีกำไรสูงก็จริง แต่มันจะดีกว่าอยู่แล้วหากว่าการรักษาในคลีนิคทั่วไปจะได้กำไรจริงๆ
เพราะถึงแม้มันจะเล็กน้อยยังไงก็ตามแต่เมื่อรวมกันเยอะๆได้ก็จะเป็นกำไรก้อนโตอยู่ดี
“อ้อ แล้วก็ฉันได้รับสายมาพูดเกี่ยวกับสิทธิบัตรทางการแพทย์นะ และดูเหมือนเขาอยากจะคุยกับนายด้วย”
“อ้อ เรื่องนั้นผมเองก็ได้รับสายมาเรื่องทำนองเดียวกันเหมือนกัน ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ” ซูจิ้งแสยะยิ้มออกมา
เขาสามารถรักษาโรคกระจกตาเสื่อมให้หายในสามวัน ยืดความสูงให้ผู้ใหญ่ได้ 15 เซนติเมตรใน 7 วัน และรักษาอาการต้อหินโดยใช้เวลาแค่สองวัน
แน่นอนว่าแค่นี้ก็เพียงพอที่จะสามารถจดสิทธิบัตรในสถาบันเทคนิคการแพทย์ได้สองอย่างแล้วเพราะมันมีค่ามาก
เอาจริงๆแล้วประเทศนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าวิธีการรักษาของซูจิ้งจะได้รับความนิยมจนยกระดับการแพทย์ในประเทศไปอีกขั้นหนึ่งได้เลยด้วยซ้ำ
แต่ต่อให้ซูจิ้งอยากจะช่วยเรื่องนี้ขนาดไหนก็ตามแต่เขาก็ไม่สามารถทำได้ นั่นก็เพระว่าทรายดำที่เขาใช้ในการรักษาโรคทางดวงตานั้นเขาเองได้มาจากขยะห้วงเวลาฯจูเซียน และยาเพิ่มความสูงได้มาจากขยะห้วงเวลาฯลอร์ดออฟเดอะริง แล้วเข้าจะใช้วิธีไหนในการเผยแพร่พวกมันได้กันล่ะ
หากเป็นคนธรรมดาเมื่อเจอสถานการณ์แบบนี้ก็คงมีแต่ยอมยกให้เพราะเกรงกลัวที่จะโดนทำร้ายบังคับขู่เข็ญต่างๆนาๆเพื่อให้ปล่อยยาวิเศษนี้ออกไปจากมือแล้วจึงถูกหั่นเป็นชื้นๆ นี่จึงไม่แปลกเลยที่จะมีข่าวการอุ้มฆ่าอยู่บ่อยๆในโลกนี้
แต่กับเรื่องนี้ ซูจิ้งไม่ได้มีความเกรงกลัวแม้แต่น้อย เขาทรงพลังพอขนาดที่ว่าต่อให้ปฏิเสธความต้องการของทุกคนไปก็ไม่มีใครกล้าจะทำอะไรเขาได้
“อีกเรื่องหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีอีกหลายคนที่จะขอพบนายเพื่อรับการรักษา แต่แต่ละคนก็มีอาการที่แตกต่างกันไปน่ะ คนที่จะเข้ามาหานายคนแรกนี้ดูเหมือนว่าด้วยสถานะของเขาแล้วทำให้มีเรื่องซับซ้อนนิดหน่อยเลยไม่แน่ใจว่านาย…” ลูฉินหมิงพูดออกมา
“ก็ถ้าเขามีความสามารถที่จะจ่าย ผมก็ยินดีที่จะช่วยดูให้อยู่แล้ว หากว่าลูงลูกลัวมีปัญหาก็อยู่ก่อนแล้วกันครับ คุณสามารถอยู่คอยดูผมในฐานะผู้ช่วยก็ได้นี่ครับ อาจารย์” ซูจิ้งพูดออกมา
“เยี่ยม” ทันทีที่ได้ยิน ลูฉินหมิงก็ตอบรับออกมาอย่างรวดเร็วด้วยสายตาที่เปล่งประกาย ตอนนี้เขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่จะได้อยู่ในฐานะหมอผู้ช่วยของซูจิ้งแม้แต่น้อย
ที่เขาสนใจจริงๆก็คือการได้เห็นซูจิ้งรักษาเพื่อได้เรียนรู้วิธีการรักษาจากซูจิ้งว่าทำไมเขาถึงได้รักษาได้เทพขนาดนี้
สิ่งที่ซูจิ้งต้องการนั้นไม่เพียงแค่การขอให้ลูฉินหมิงมาเป็นหมอผู้ช่วยของเขาเท่านั้น เขาอยากจะให้หมอคนอื่นๆที่ตรงสายกับคนไข้มาหมุนเวียนเปลี่ยนกันมาเป็นหมอผู้ช่วยของเขาในแต่ละเคส
นั่นเพราะด้วยการที่เขายังด้อยประสบการณ์ในการรักษาจริงๆ อาจจะเกิดเหตุผิดพลาดในการวินิจฉัยโรคได้เหมือนกัน
แต่ยังไงก็ตาม ในกระบวนวินิจฉัยโรคตลอดจนการรักษานี้ นอกจากหมอผู้ช่วยทั้งหลายจะไม่มีข้อบกพร่องแล้ว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ซูจิ้งใช้อยู่คนละระดับกับวิธีการที่ลูฉินหมิงและหมอคนอื่นๆที่หมุนเวียนเปลี่ยนกันมาเป็นหมอผู้ช่วยจนทำให้พวกเขาได้แต่ตกตะลึง
และที่น่าตกตะลึงมากที่สุดนั่นก็คือยา ยาวิเศษที่ซูจิ้งเตรียมเอาไว้ในการรักษาโรคแต่ละประเภทนั้นราวกับเป็นยาที่มาจากสวรรค์ชั้นฟ้าเพราะว่ายาที่ใช้ได้ผลในทันที
นี่จึงเป็นเหตุผลว่าภายใต้การรักษาของซูจิ้ง ต่อให้ยากเย็นและหลายหลายแค่ไหนก็ตามก็เหมือนกับการรักษาไข้หวัดธรรมดา
เพียงช่วงไม่กี่วัน คลินิกพิเศษของซูจิ้งได้มีเคสการรักษาอันสุดแสนมหัศจรรย์ที่มากมายหลากหลายรายงานออกไปอย่างต่อเนื่อง
หญิงสาวผู้หนึ่งที่ป่วยหนักขนาดที่ว่าแค่ออกจากหลังคาก็เอาแล้ว เธอไอหนักมากจนไม่คิดว่าจะหายแล้วในชีวิตนี้ แต่ซูจิ้งกลับใช้เวลาเพียงสองวันในการรักษา
มีคนไข้กลุ่มหนึ่งที่ป่วยเป็นโรคไข้ตัวเย็น คนกลุ่มนี้เคยไปรักษาที่อเมริกามาสองปีก็ไม่หาย แต่ซูจิ้งใช้เวลาเพียงสองวัน
ชายแก่คนหนึ่งเป็นเป็นโรคเส้นประสาทไม่ตอบสนอง หลังจากเขาเข้าไปนอนในคลีนิกพิเศษของซูจิ้งสามวัน เมื่อเขาออกมาเขาแทบจะวิ่งไปมาไม่หยุดเกือบตลอดเวลาเลยด้วยซ้ำ
หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งเป็นหมันมาสิบปีแล้ว ในที่สุดก็สามารถตั้งครรภ์ได้
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเข้ามารับการรักษาด้วยอาการแผลไฟไหม้ที่น่ารังเกียจ แต่หลังจากนอนอยู่ในคลีนิคพิเศษสองวัน ผิวพรรณของเขากลับกลายเป็นนุ่มละมุนและกระจ่างใสราวกับหยก
เรื่องราวการรักษาขั้นเทพของซูจิ้งถูกร่ำลือออกไปจากคลีนิคพิเศษในโรงพยาบาลกังเฟิงจงหยุนของซูจิ้งอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ซูจิ้งก็ได้ส่งรูปและวิดีโอจำนวนมากออกไปเป็นหลักฐานภายใต้การยินยอมของคนไข้จนทำให้สาธารณชนเชื่ออย่างไรข้อกังขา แน่นอนว่าเมื่อทั่วทั้งโลกรู้ต่างก็ตกตะลึง
และด้วยเหตุเหล่านี้ แฟนคลับของซูจิ้งจึงได้ถามออกมาใส่พวกคนที่เคยใส่ร้ายซูจิ้งว่า ยอมเชื่อได้รึยัง