Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2003 บาดเจ็บ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2003 บาดเจ็บ

ตอนที่ 2003 บาดเจ็บ

เขาในตอนนี้อยู่ในการปิดล้อมทบเป็นชั้นๆ ถูกบีบอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ก็ทำให้จิตต่อสู้ของเขาลุกโชน พลุ่งพล่านราวกับเตาหลอมเช่นกัน!

“ตาย!”

ในการต่อสู้ดุเดือด หลินสวินตะโกนก้องราวกับพยัคฆ์คำรนมังกรคำรามทันใด ผมยาวแผ่สยาย ธงมหามรรคไร้ระเบียบปรากฏ ปราณกระบี่ที่เจิดจรัสสายหนึ่งผ่าแหวกออกมา

ฉึบ!

ปราณกระบี่สายนั้นสร้างลายอักขระนับหมื่นแสน แทรกสอดอานุภาพชั้นยอด ตัดทำลายผืนฟ้ากว้าง คมกริบบาดตา ในสายตาของทุกคนเสมือนสายฟ้ามหึมาตัดผ่านอากาศ เปล่งประกายหาใดเปรียบ

ทว่าในสายตาของชายชุดขาวที่ถูกฟันแขนขาดก่อนหน้านี้ นี่ก็เหมือนคบดาบมัจจุราชที่หมายปลิดชีพเขา!

เขาพลันพ่นเลือดพิสุทธิ์ออกมา ผลาญพลังต้นกำเนิด หลีกหลบเต็มกำลัง

ตูม!

ห้วงอากาศพังทลาย ปราณกระบี่สายนั้นดุดันเกินไป ทรงพลังเกินต้าน สาดส่องใต้หล้าเก้าหมื่นลี้ ต่อให้ชายชุดขาวหมุนตัวหลบ สุดท้ายก็ยังถูกปราณกระบี่สายนั้นฟาดฟัน

ฉัวะ!

ชั่วขณะนั้นสมบัติป้องกันที่อยู่ตรงหน้าชายชุดขาวแขนขาดนั่นถูกฟันจนแหลกอย่างแข็งกร้าว พลังที่เหลืออานุภาพไม่เสื่อมถอย ฟันตัวเขาขาดเป็นสองท่อน

ฝนโลหิตเทกระหน่ำ เสียงร้องอนาถพลันตัดผ่านฟ้าดิน ทำให้ทุกคนในที่นั้นตกตะลึง!

ชายชุดขาว สัตว์ประหลาดยุคโบราณที่มาจากเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์คนหนึ่ง ถูกฆ่าตายทั้งอย่างนี้ ในดวงตาฉายแววงุนงงและหวาดกลัว ร่วงหล่นไปเช่นนี้อย่างตายตาไม่หลับ

ทุกคนในที่นั้นเห็นแล้วขนพองสยองเกล้า หายใจลำบาก ล้วนตกตะลึง ยากจะรับความจริงที่เกิดขึ้น

ทำไมถึงเป็นเช่นนี้

นี่อยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขา

ภายใต้การร่วมมือกันล้อมสังหารของบุคคลแห่งยุคมากมาย หลินสวินกลับตีโต้อย่างแข็งกร้าว จนถึงตอนนี้สังหารคู่ต่อสู้ไปแล้วสองคนติดต่อกัน นี่เป็นอานุภาพแบบใดกัน

นั่นเป็นถึงนายเหนือหัวที่อยู่ในระดับเดียวกันสองคน กวาดสายตามองทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา ยากพบเห็นในรอบพันหมื่นปี แม้แต่กึ่งจักรพรรดิยังไม่อยู่ในสายตาพวกเขา!

แต่ตอนนี้กลับถูกฆ่าอย่างง่ายดายอยู่ที่นี่!

หลายคนยิ่งเห็นอย่างชัดเจนว่าขณะที่หลินสวินสังหารชายชุดขาวคนนั้น ยังถูกล้อมโจมตีจากทั่วทิศไปด้วย แต่ทั้งหมดล้วนถูกหลินสวินซัดออกไปในคราเดียว ไม่มีใครโต้กลับได้เลย!

ท่าทางผงาดกร้าวเช่นนี้ ใครจะไม่ตกตะลึง

ถ้าพูดว่าไม่นานมานี้ การที่หลินสวินสังหารพวกข่งเจาและหวงฝู่เซ่าหนงได้ด้วยตัวคนเดียว คือผลงานอันเกริกก้องที่เป็นหนึ่งไม่มีสอง

เช่นนั้นวันนี้ก็เหมือนปาฏิหาริย์ที่คาดไม่ถึงกำลังเปิดฉาก!

นี่ทำให้คนถึงขั้นรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อ ไม่อาจยอมรับได้ ครอบครองพลังต่อสู้ที่เย้ยฟ้าสะท้านโลกเช่นนี้ หากครั้งนี้เขามีโอกาสรอดไปได้ วันหน้าจะเป็นอย่างไร ยากจะจินตนาการได้ บางทีอาจสะเทือนอดีตสาดส่องปัจจุบันเข้าจริงๆ เหลือบแลเหล่าผู้กล้าในใต้หล้าได้อย่างหยิ่งทระนง!

มีน้อยคนนักที่รู้ว่าพลังต่อสู้ที่หลินสวินมีบรรลุถึงขั้นที่น่ากลัวระดับใดแล้ว

ด้วยก่อนหน้านี้ยามที่หลินสวินยังมีปราณระดับมกุฎราชันอริยะขั้นปลาย ก็ถล่มการร่วมกันโจมตีของพวกจู่เฟยอวี่ ถูเชียนเจวี๋ยและเยียนอวี่โหรวได้แล้ว!

ต้องรู้ว่าหากไม่ถูกหลินสวินเอาชนะ ด้วยรากฐานพลังของพวกถูเชียนเจวี๋ย ก็มีคุณสมบัติเข้ามาในเขตต้องห้ามเซียนโบราณนี้เช่นกัน

ไม่ต้องพูดเรื่องอื่น แค่พูดถึงหวงฝู่เซ่าหนงและข่งเจาที่ถูกเขาสังหาร คนหนึ่งจัดอยู่ในอันดับสองของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ อีกคนคืออันดับห้าของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์!

และต้องรู้ว่าความแข็งแกร่งด้านพลังต่อสู้ของสองคนนี้ ล้วนสามารถกำราบผู้แข็งแกร่งส่วนหนึ่งในที่นี้ได้!

แต่สุดท้ายพวกเขาก็ตายไปแล้ว

ยังมีจือไป๋ที่ถูกหลินสวินเอาชนะด้วย เห็นอยู่ว่าก้าวสู่หนทางเหนือสุดของระดับแล้ว ตารางหมากขาวดำที่ครอบครองก็น่ากลัวจนไม่อาจจินตนาการได้

แต่สุดท้ายเขาก็แพ้!

ทุกอย่างนี้ล้วนสามารถพิสูจน์ว่า พลังต่อสู้ของหลินสวินในยามนี้น่ากลัวแค่ไหน

ทั้งเขายังไม่ขาดสมบัติจักรพรรดิ และไม่ขาดไพ่ตาย!

ดูจากสมบัติที่เขาเรียกออกมา เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดเป็นของเจ้าแห่งคีรีดวงกมล ประทับไร้ชีพและธงไร้ระเบียบก็เป็นสมบัติสองอย่างใน ‘เก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุน’ ที่ถือกำเนิดในแหล่งสถานคุนหลุน

แต่ละอย่างล้วนมีอานุภาพอัศจรรย์เกินคาดเดา!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ยามกวาดสายตามองทั่วหล้า ในระดับเดียวกันใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้

เวลานี้ไม่ใช่แค่เหล่าผู้กล้าที่กำลังล้อมโจมตีหลินสวินที่ตกใจ แม้แต่ผู้แข็งแกร่งที่จ้องตะครุบดุจพญาเสือ คิดลงมือยามสบโอกาสซึ่งอยู่ห่างออกไปพวกนั้นก็สูดหายใจสะท้าน ในใจยากจะสงบ

หลินสวินนี่น่าสะพรึงเกินไปแล้ว เป็นศัตรูที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน เย้ยฟ้าจนไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ!

พวกหมีอู๋หยา หลิงหงจวง แต่ละคนต่างเผยสีหน้าจริงจัง

ในการต่อสู้นั้น เหล่าผู้กล้าเหมือนเจอศัตรูตัวฉกาจ แต่ละคนต่างโคจรพลังปราณทั้งหมด ทั่วร่างมีแสงศักดิ์สิทธิ์และไอสังหารล้นฟ้าอบอวลออกมา

พวกเขาเหมือนภูเขาเทพหลายลูกเรียงรายอยู่ตรงนั้น เปล่งแสงเจิดจ้า ขานรับซึ่งกันและกัน ทำให้กลางฟ้าดินอบอวลไปด้วยแสงมรรคไร้สิ้นสุด ทุกหนแห่งเต็มไปด้วยละอองแสง

สถานการณ์พลิกผันกะทันหัน ทำให้พวกเขาเข้าใจกระจ่างว่าพลังต่อสู้ของหลินสวินแข็งแกร่งแค่ไหน อยู่เหนือความเข้าใจที่พวกเขารับรู้ ไม่เหมือนเรื่องราวที่พวกเขาได้ยิน

อันตรายมาก!

เดิมทีพวกเขาต่างมั่นใจไร้เกรงกลัว คิดว่าอาศัยการร่วมมือกันของทุกคนแล้วต้องสังหารเขาได้อย่างง่ายดาย

แต่ตอนนี้…

พลังต่อสู้สะท้านโลกที่ไม่อาจใช้ความเข้าใจทั่วไปมาคาดคะเนของหลินสวิน กลับทำให้สถานการณ์เปลี่ยนเป็นอันตรายขึ้นมา

สวบ!

ทั้งหมดนี้ล้วนไม่ส่งผลต่อหลินสวินแม้แต่น้อย หลังจากสังหารชายชุดขาวแล้ว เขายังคงเคลื่อนไหวไม่หยุด ร่างยืนอยู่บนแท่นมรรคนั่น พุ่งทะยานไปเบื้องหน้าต่อไป

มีอานุภาพสะกดผู้คนที่ ‘แม้มีคนนับหมื่นก็ขวางข้าไม่ได้’!

เขตแดนมรรคแรกกำเนิดแผ่ลอยทั่วร่าง ราวกับราตรีนิรันดร์แผ่ขยาย บีบกดพุ่งไปข้างหน้า

อานุภาพของหลินสวินในยามนี้เจิดจรัสเกินไป คนผู้เดียวครอบครองสมบัติจักรพรรดิที่อัศจรรย์เกินคาดเดาสามชิ้น อย่างเจดีย์ไร้สิ้นสุด ประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ เอ่อล้นด้วยแสงไร้สิ้นสุด

ส่วนพลังต่อสู้ของเขาก็น่ากลัวหาใดเปรียบ ทำให้ผู้แข็งแกร่งแต่ละคนเครียดขมึงในใจ

“โอหัง!”

เสียงเยียบเย็นหนึ่งดังขึ้น

พลันเห็นชายรูปงามที่ศีรษะสวมเกี้ยวประดับขนนก สวมเสื้อคลุมนกกระเรียนคนหนึ่งเหยียบย่างห้วงอากาศมา พลังขับเคลื่อนทั่วร่างส่งเสียงกัมปนาทดังวายุอสนีบาต อานุภาพสะเทือนเก้าสวรรค์

เฟิงเป่ยหลิง!

อันดับหกของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ ทายาทเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลเฟิง

เขาถือกระบี่จักรพรรดิสีเงินยวงเล่มหนึ่ง แสงกระบี่เจตะหลายสายพวยพุ่ง โจมตีเข้ามาราวกับจอมกระบี่แห่งยุคมาเยือนโลก

ตูม!

ฟ้าพลิกดินตลบ ละอองแสงแน่นขนัดเพริศแพร้วไปทั้งแถบ ทะลวงโลดแล่นทั่วฟ้า ที่นี่กลายเป็นห้วงสมุทรที่ปราณกระบี่แผ่กระจาย อานุภาพยิ่งใหญ่หาใดเปรียบ สะกดข่มจิตวิญญาณ

ฉับพลันนั้นเอง หนทางข้างหน้าหลินสวินก็ถูกเฟิงเป่ยหลิงขัดขวาง!

แต่ไม่รอให้ทุกคนดีใจ แค่ชั่วขณะเสียงพรูดพลันดังขึ้น เฟิงเป่ยหลิงกระอักเลือด ถูกหลินสวินใช้ดาบหักซัดกระเด็น เงาร่างซวนเซ เลือดอาบสาบเสื้อ

“ไม่อาจไม่พูดถึง เจ้ายังห่างชั้นกับข่งเจานั่นอยู่มาก ยิ่งไม่อาจเทียบกับหวงฝู่เซ่าหนง”

คำพูดหลินสวินเจือความหยามเหยียด สีหน้าเรียบเฉย

ทั้งที่นั้นสั่นสะท้าน สิ่งที่เฟิงเป่ยหลิงเจอทำให้คนอื่นไม่กล้าชะล่าใจยิ่งกว่าเดิม แต่ละคนใช้พลังทั้งหมด ไม่กล้าเก็บงำเอาไว้อีก

ฟ้าดินแถบนี้เต็มไปด้วยคลื่นพลังที่ราวกับจะทำลายล้าง แข็งแกร่งและดุดัน สร้างพลังกดดันที่น่ากลัวกดข่มไปทางหลินสวินพร้อมกัน

การร่วมมือกันบุกโจมตีนี้น่ากลัวจนทำให้คนใจสั่นสะท้าน ยากจะมีพลังขัดขืน

แต่หลินสวินที่อยู่ตรงนั้นกลับเหมือนมังกรตื่นจากหุบเหว ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยหลบหลีก ซัดกวาดไปข้างหน้า

แม้การเคลื่อนไหวจะถูกขวางไม่หยุดหย่อน แต่ก็ค่อยๆ เขยิบเข้าไปใกล้ประตูทลายที่ห่างออกไปนั่น

ตูม! โครม!

ฟ้าดินเหมือนกำลังทรุดตัว จมดิ่ง ดับสูญ คลื่นปะทะที่น่ากลัวทำให้ที่นี่กลายเป็นพื้นที่อลหม่าน ละอองแสงสะเทือนเลือนลั่น ทำให้คนมองทุกอย่างที่เกิดขึ้นข้างในไม่ชัด

พาให้หวาดหวั่น!

ทันใดนั้นในการต่อสู้ที่ละอองแสงปกคลุม พลันมีเสียงกัมปนาทเสียดหูดังขึ้น

จากนั้นเสียงคำรามที่น่าอนาถหาใดเปรียบก็ดังก้อง…

“เจ้าปีศาจ! ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!!”

“คิดจะสู้ตายกับข้าคนแซ่หลิน อย่างเจ้าก็คู่ควรด้วยหรือ”

เกือบจะเวลาเดียวกัน เสียงที่สุขุมเยียบเย็นนั้นของหลินสวินสะท้อนก้อง

ยังไม่ทันสิ้นเสียง ในสายตาของทุกคนในที่นั้นพลันมองเห็น…

หลินสวินที่สวมชุดสีขาวพระจันทร์ ทั้งตัวส่องสว่างเป็นประกายดูโดดเด่นอย่างมาก พลันเหยียบย่างกลางอากาศมาถึงหน้าชายชุดเหลืองคนหนึ่ง

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งพุ่งตามมา ราวกับแสงสายหนึ่งที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดารา ฟันตัดลงมาทันที ศีรษะหนึ่งกระเด็นขึ้นเหนือฟ้า ฝนโลหิตสาดกระจาย!

ศีรษะนี้ลอยขึ้นไปสูงมาก สีหน้าเจือความหวาดผวา ไม่จำยอม เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจและยากจะเชื่อ

ในแววตาสุดท้ายของเขาเห็นแค่เงาร่างของหลินสวินที่โดดเด่นเช่นนั้น หลังจากฆ่าเขาแล้วยังนิ่งสงบและสุขุม เด็ดขาดและดุดัน ทั้งตัวปกคลุมด้วยอานุภาพไร้รูป

ตึง!

ร่างไร้หัวร่วงลงกับพื้น เลือดเนื้อระเบิดกระจุย

บุคคลแห่งยุคอีกคนถูกฆ่าแล้ว ร่างตายมรรคสลาย สิ้นชีพอย่างสมบูรณ์

เลือดของราชันอริยะฉูดฉาดอย่างยิ่ง แสงมรรคพรั่งพรู แต่ไม่นานก็กลายเป็นแสงที่ว่างเปล่า จางหายไปจากฟ้าดิน

เหตุการณ์นี้ทำให้ทั้งที่นั้นตกตะลึงอีกครั้ง ทำให้คนเหมือนหายใจไม่ออก ไม่อาจจินตนาการได้ แค่ไม่นานผู้แข็งแกร่งอีกคนก็ถูกหลินสวินฆ่าตาย!

นี่หมายความว่าต่อให้บุคคลแห่งยุคมากมายร่วมมือกัน ก็ไม่อาจเป็นคู่มือของหลินสวินได้หรือ

และตอนนี้หลินสวินก็อยู่ห่างประตูทลายนั่นไม่ถึงร้อยจั้ง!

การต่อสู้ยังดำเนินต่อไป ไม่ได้ล่าช้าด้วยเหตุนี้

ด้วยสามคนที่ทยอยตายในมือหลินสวินนั้น ทำให้สถานการณ์ต่อสู้เปลี่ยนเป็นดุเดือดยิ่งกว่าเดิม

ไม่มีใครกล้าประมาทอีก เข้าปะทะกับหลินสวินอย่างไม่คิดชีวิต

ส่วนหลินสวินก็ไม่ลังเลใดๆ เช่นกัน บุกตะลุยอยู่ในการโจมตีขนาบของเหล่าผู้กล้าด้วยตัวคนเดียว ผมยาวดำขลับเริงระบำ แววตาราวกับสายฟ้าเย็นชา ยามเคลื่อนไหวแสงมรรคแรกกำเนิดสายแล้วสายเล่าจะวนเวียนรอบตัว ปราณกระบี่ขมุกขมัวนับหมื่นแสนพุ่งสาดไปทั่วทิศ ผงาดผยองและหยิ่งทะนงราวกับนายเหนือหัวแห่งยุคที่ไม่อาจเอาชนะได้

ความห้าวหาญดังเทพยุทธ์นั้น ทำให้ทุกคนในที่นั้นเห็นแล้วตื่นตระหนกไปพักหนึ่ง จิตใจกวัดแกว่งไม่อาจสงบ

ฟุ่บ!

ไม่ทันไรหลินสวินก็ฉวยโอกาสได้เสี้ยวหนึ่ง ทะยานตัวขึ้นไปเหยียบหัวของผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งจนแหลก!

ซ่า…

ฝนโลหิตสาดกระจาย คนผู้นั้นไม่ทันได้ร้องก็ถูกฆ่าตายคาที่ สภาพการตายน่าอนาถ ทำเอาทุกคนในที่นั้นหวั่นหวาด

แต่ขณะที่หลินสวินสังหารคนผู้นี้ ด้านหลังได้ปรากฏช่องโหว่ และถูกหญิงงามเฉลาชุดเขียวคนหนึ่งใช้สมบัติจักรพรรดิที่คล้ายกระดูกขาวกระแทกไหล่ซ้ายอย่างแข็งกร้าว

ปึง!

เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรง เงาร่างหลินสวินก็ไหวเอน เลือดลมพลันตีกลับไปทั้งตัว เกือบจะกระอักเลือด

ทว่าสิ่งที่อยู่เหนือความคาดหมายของทุกคนในที่นั้นคือ หลินสวินไม่ถอยร่นแต่กลับบุกเข้าไป ฉวยโอกาสนี้พุ่งตัวกระแทกใส่อกของหญิงชุดเขียวคนนั้น

เดิมทีหญิงคนนั้นลอบโจมตีได้สำเร็จก็หมายจะฉวยโอกาสสังหารหลินสวิน ไหนเลยจะคิดว่าอีกฝ่ายถึงกับไม่หลบไม่หนี กลับพุ่งเข้ามาด้วยตัวเอง ทำเอานางรับมือไม่ทันไปชั่วขณะ

กร๊อบๆ!

เสียงกระดูกแตกดังกังวาน หญิงชุดเขียวคนนั้นรู้สึกแค่เหมือนถูกภูเขาเทพลูกหนึ่งซัดกวาด ผิวหนังและกระดูกทุกอณู รวมถึงสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณล้วนระเบิดออกจนสิ้น ทำให้นางกรีดร้องโหยหวนอย่างห้ามไม่อยู่

จากนั้นทั้งตัวนางก็แตกระเบิดดังตูมทั้งอย่างนั้น เลือดเนื้อสาดพรม!

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท