Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2008 ประหนึ่งเทพแห่งการต่อสู้!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2008 ประหนึ่งเทพแห่งการต่อสู้!

ตอนที่ 2008 ประหนึ่งเทพแห่งการต่อสู้!

การตายของเวินอวี๋ สะเทือนใจคนราวกับฟ้าผ่า

และนับแต่นี้ไปหลินสวินที่เดิมทีถูกเหล่าผู้กล้ากำราบจนบาดเจ็บสะสม ได้เริ่มเอาคืนอย่างแข็งกร้าวถึงขีดสุดแล้ว

เขาสู้จนอาบเลือด ร่างกายดุจเพลิงผลาญ จิตต่อสู้ทรงพลังสะเทือนเมฆา

แค่มองเงาร่างที่พุ่งสังหารตามลำพังของเขาจากไกลๆ ในใจเสวียนจิ่วอิ้นและหลิงเคอจื่อก็สั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก

หน้าประตูทลายนี้หมู่ดาวเจิดจรัส เหล่าปีศาจรวมตัว บุคคลอย่างพวกหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนาน สามารถเป็นตัวแทนของกลุ่มคนที่แข็งแกร่งที่สุดในระดับมกุฎราชันอริยะในโลกปัจจุบัน

พวกเขามีผลงานการต่อสู้ที่รุ่งโรจน์ กิตติศัพท์เจิดจรัส หากสุ่มมาสักคนหนึ่งก็ย่อมเป็นยอดอัจฉริยะที่ชื่อเสียงสะเทือนทั่วฟ้าดารา

แต่จนถึงตอนนี้ ขนาดพวกเขาร่วมมือกันก็จัดการหลินสวินคนเดียวให้พินาศไม่ได้!

นี่คือเรื่องน่าเหลือเชื่ออย่างไม่ต้องสงสัย

ต้องรู้ว่าหลินสวินยึดแท่นมรรคต่อสู้กับเหล่าผู้กล้ามาตั้งแต่แรก ฆ่าฟันซัดกวาดตลอดทาง เลือดหลั่งอย่างต่อเนื่อง บุคคลแห่งยุคแต่ละคนล้วนร่วงหล่นอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขา

กระทั่งเมื่อครู่เขายังบาดเจ็บสาหัส เปื้อนเลือดไปทั้งตัว เดิมทีตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายสุดขีด ถูกกำราบจนไม่อาจเงยหน้าขึ้น

แต่ตอนนี้เขากลับเริ่มเอาคืนอีกครั้ง!

ท่าทางในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งและทรงพลังนั้น เหมือนเทพในตำนานที่ไม่อาจเอาชนะได้จริงๆ จะไม่ให้ตกตะลึงได้อย่างไร

เคลื่อนขวางซัดกวาดเป็นทางโลหิต บนโลกนี้จะมีสักกี่คนที่สู้เขาได้

ตูม!

ในสนามรบมีเสียงกัมปนาทดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราวฟ้าผ่าสะเทือนเก้าสวรรค์ แสงมรรคที่งามแปลกตาและสมบัติจักรพรรดิที่เริงระบำไม่หยุด เปิดฉากความโกลาหลและภาพการทำลายล้างครั้งใหญ่มากมาย

“อ๊าก…”

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ผู้สืบทอดแกนหลักของเรือนมรรคเหล่ามารคนหนึ่งร่างระเบิดกระจุย

เขาตายอย่างไม่เป็นธรรมที่สุด ด้วยทะเล่อทะล่าเข้าไปอยู่ระหว่างการประมือของหมีอู๋หยาและหลินสวินที่กำลังห้ำหั่นกันอย่างดุเดือด ถูกลูกหลงจากการต่อสู้ที่น่าหวาดกลัวโจมตีจนร่างแหลกมรรคสลายทันที

น่ากลัวนัก!

ต้องรู้ว่าหากคนผู้นี้อยู่ในโลกภายนอก ก็เป็นบุคคลยิ่งใหญ่ที่โดดเด่นอย่างมาก แต่ในการต่อสู้ชุลมุนนี้กลับเห็นได้ว่าไม่ประมาณตนเองนัก

ปึง!

ไม่ทันไรหมีอู๋หยาถูกกระเทือนจนร่างไหวเอน

ปากหลินสวินก็กระอักเลือด แต่เขากลับก้าวไปข้างหน้าอย่างแข็งกร้าว มาถึงพื้นที่เก้าจั้งหน้าประตูทลายนั่น!

“ฆ่า!”

“ขวางเขาไว้!”

เสียงตวาดดังลั่น เหล่าผู้กล้าต่างบันดาลโทสะ ภายใต้การล้อมโจมตียังถูกหลินสวินเข้าประชิดประตูทลายได้ นี่ทำให้ในใจพวกเขาเหมือนถูกกระตุ้น เปลี่ยนเป็นคลุ้มคลั่ง

“พวกเจ้า… ขวางไม่อยู่หรอก…”

เสียงของหลินสวินแหบพร่า ผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าซีดเผือดจนแทบโปร่งแสง บาดแผลบนตัวหลั่งเลือดออกมาอย่างหยุดไม่อยู่ พาให้หวาดหวั่น

แต่จิตต่อสู้ของเขาไม่เคยซึมเซาหรืออ่อนกำลังลงแม้แต่น้อย กลับเป็นว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าเดิม เด็ดเดี่ยวยิ่งกว่าเก่า ความมุ่งมั่นแห่งเจตจำนงราวกับไม่สั่นคลอนชั่วกาล!

“กำลังคนมีจำกัด หากพี่หลินดื้อดึงเช่นนี้ ต่อให้ศึกนี้ไม่ตายก็ต้องทำให้มรรควิถีของตนถูกทำลาย ทำไมต้องทำเช่นนี้ด้วย”

หมีอู๋หยาถอนหายใจเบาๆ

ขณะเดียวกันในใจเขาก็ลอบตระหนก ในการต่อสู้นี้เขาไม่ได้เก็บงำ แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้นหลินสวินก็ยังต้านการโจมตีของเขาภายใต้การถูกปิดล้อมได้ ทำให้เขารู้สึกผิดคาด

ยอดมรรคาของหลินสวิน ทำไมถึงแข็งแกร่งเช่นนี้

หมีอู๋หยาไม่เข้าใจ

โดยเฉพาะยามที่การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้ เขาพลันพบว่า ‘สหายร่วมวิถี’ ที่ทำให้เขาชื่นชมเพียงคนเดียวนี้ ถึงกับมีจุดที่เขาไม่เข้าใจมากเหลือเกิน

ความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไม่ใช่แค่พลังมหามรรคที่ครอบครอง ความมั่นคงแห่งสภาวะจิต ความแข็งแกร่งแห่งเจตจำนง เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวเช่นกัน!

“แต่ข้ายังไม่ถึงคราวเข้าตาจน”

หลินสวินกล่าวชัดทีละคำ “พี่หมี เก็บความสงสารในใจเจ้าไปเถิด สู้ให้สุดกำลังก็พอ มิฉะนั้นอีกเดี๋ยวเจ้าต้องเสียใจภายหลังแน่!”

ตูม!

เขาโจมตีต่อไป แววตาเด็ดเดี่ยว จิตต่อสู้ดุจพวยพุ่ง

หมีอู๋หยาสูดหายใจลึก พลังขับเคลื่อนทั่วร่างหมุนวน แผ่อานุภาพเด็ดขาดอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ข้า… จะให้เจ้าแพ้อย่างมีเกียรติ!”

สภาวะจิตของเขาไม่มีคลื่นลมอีกแม้แต่น้อย มองหลินสวินเป็นคนรู้ใจ ทั้งมองเขาเป็นศัตรูตัวฉกาจคนเดียวที่เคยเจอในชีวิตนี้!

ทุกคนล้วนสังเกตเห็นอย่างชัดเจน หมีอู๋หยาเปลี่ยนไปแล้ว เขาในตอนนี้มีมาดไร้เทียมทานประหนึ่งว่าไร้คู่ต่อกร!

และเวลานี้เองที่ทำให้ผู้คนตระหนักได้อย่างลึกซึ้ง ว่าหมีอู๋หยาที่ครองอันดับหนึ่งของกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาหกร้อยปีน่าหวาดกลัวระดับใด!

“แพ้หรือ”

ใบหน้าซีดเผือดราวโปร่งแสงของหลินสวินเผยรอยยิ้มกำแหง

เขาหลินสวินต่อสู้บนฟ้าดารามาถึงตอนนี้ เคยแพ้สักครั้งหรือ

“พื้นที่เก้าจั้งตัดสินเป็นตาย เส้นทางของข้า… ต้องไร้คู่ต่อกร…”

หลินสวินสูดหายใจเข้าลึกๆ สายตากวาดมองคู่ต่อสู้ในที่นั้นทีละคน ความคิดทุกอย่างในหัวล้วนถูกสลัดทิ้งไปหมดในยามนี้

จิตใจว่างเปล่า ไร้ตัวตนไร้รูปลักษณ์

ความเจ็บปวดสาหัสที่เกิดจากบาดแผลชุ่มเลือดรอบตัว ความเหนื่อยล้าและอ่อนกำลังที่เกิดจากการผลาญพลังกาย… ทั้งหมดราวกับหายไป

ตูม!

ในการห้ำหั่นที่ดุเดือดหาใดเปรียบ กลิ่นอายต่อสู้ที่น่าพรั่นพรึงกระจายออกมาจากตัวหลินสวิน

พริบตานี้นัยน์ตาเยียบเย็นของเขาดุจเพลิงผลาญ ร่างกายเดือดพล่าน ยามขยับตัวจะมีอานุภาพที่โจมตีเก้าสวรรค์ แข็งกร้าวทะลุเมฆ

ห้วงอากาศใกล้เคียงล้วนระเบิดออกท่ามกลางเสียงครวญเสียดหู

“นี่…”

คนมากมายตกใจกลัว

“เป็นไปไม่ได้! เขาบาดเจ็บสาหัสเช่นนั้นแล้ว ทำไมอานุภาพกลับแข็งแกร่งขึ้นอีกช่วงใหญ่”

มีคนขุ่นเคือง ยากจะจินตนาการได้

เหตุการณ์นี้น่าเหลือเชื่อเกินไปจริงๆ ใครต่างก็มองออกว่าหลินสวินบาดเจ็บสะสม พลังกายเผาผลาญไปมาก มีโอกาสจะถูกซัดพินาศได้ตลอดเวลา

แต่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้อานุภาพของเขากลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้ น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม!

จิตต่อสู้ที่เร่าร้อนดั่งตะวันลุกโชนนั้นถึงขั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งหลายคนลมหายใจสะดุด ล้วนหน้าเปลี่ยนสี

“ปลดปล่อยพลังสุดกำลัง อยากสู้จนตัวตายหรือ…”

จิ่งเทียนหนานยิ้มหยัน เขาคิดว่าหลินสวินกำลังจะสู้สุดชีวิต พลังของเจ้าตัวต้องถึงขีดจำกัดแล้วแน่นอน

หลิงหงจวงถอนหายใจ

บุคคลแห่งยุคอย่างหลินสวิน สามารถต่อสู้ภายใต้การปิดล้อมเช่นนี้มาถึงปัจจุบันได้ก็มีมาดไร้คู่ต่อกรในระดับเดียวกันแล้ว!

แต่หากต้องตายก่อนวัยอันควร… จะไม่ทำให้คนเสียดายไปหน่อยหรือ

“ต้องโทษที่เขาโลภไม่รู้จักพอ ถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่วางมือ ต่างอะไรกับรนหาที่ตาย”

ผู้คนมากมายสีหน้าเย็นชา

หลินสวินในตอนนี้แม้จะอานุภาพแข็งแกร่งถึงขั้นน่ากลัว แต่กลับถูกคนมองเป็นการกระทำที่เหมือน ‘แสงสายัณห์ยามตะวันรอน’ ไม่ต่างอะไรกับการยอมสู้จนตาย

แววตาหมีอู๋หยาผ่องแผ้ว ไม่มีคลื่นความรู้สึกแม้แต่น้อย พลังต่อสู้ของเขาถูกกระตุ้นถึงขีดสุดเช่นกัน ไม่ปรานีสักนิด ทั้งไม่เคยออมมือ

เหมือนอย่างที่เขาพูด สู้ให้สุดกำลัง อาจเป็นการให้เกียรติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับ ‘สหายร่วมวิถี’ คนนี้!

“ตั้งใจจะสู้ตายสุดกำลังจริงหรือ”

เสวียนจิ่วอิ้นอึ้งไป สีหน้าวูบไหว เขาดูไม่ออก จิตใจกลับตึงเครียดหาใดเปรียบ

“เด่นผงาดจากการฆ่าฟัน ฟื้นคืนจากการทำลายล้าง ต้องการแจ้งมรรคที่ไร้คู่ต่อกรทั่วหล้า สยบอริราชศัตรูในระดับเดียวกัน…”

หลิงเคอจื่อพึมพำ อกสั่นขวัญหาย

ตูม!

ในสนามรบพลังขับเคลื่อนของหลินสวินราวกระแสน้ำ ต่อสู้อย่างบ้าคลั่ง

เขาสลัดความคิดฟุ้งซ่านทั้งหมดไป หลงลืมตัวตน กายใจล้วนจมสู่การต่อสู้ถึงขีดสุดและไม่มีสิ่งใดเจือปน

ฆ่า!

สมบัติจักรพรรดินานัปการรอบตัวเขาดังกัมปนาท สาดส่องเก้าสวรรค์ แสนยานุภาพราวกับห้วงสมุทร เปลี่ยนเป็นชวนประหวั่นกว่าก่อนหน้านี้เช่นกัน

ฆ่า!

เงาร่างเขาดุจเพลิงผลาญ ซัดกวาดสังหาร มรรคและวิชาแห่งตนถูกอนุมานจนถึงขั้นสุดยอด

ในจุดชีพจรทั่วร่างเขา ปราณกระบี่ไท่เสวียนที่พร่างพราวนับไม่ถ้วนพุ่งออกมากึกก้อง

‘กระบี่ของข้าเกิดจากหนึ่ง หวนคืนสู่ไร้สิ้นสุด สรรพสิ่งคือตัวข้า หมื่นวิญญาณแปรเปลี่ยนด้วยตัวข้า มรรคกระบี่ไร้สิ้นสุด เปลี่ยนไปตามโอกาส แก่นจริงแท้แห่งการแปลงกระบี่มากเหลือคณาดั่งเม็ดทราย!’

‘มรรคกระบี่นี้ ข้าเป็นผู้สร้าง นามว่า ‘ไท่เสวียน’ ’

‘หล่อเลี้ยงแก่นจริงแท้ไท่เสวียนในทวารหัวใจ สั่งสมเจตกระบี่ไท่เสวียนในแปดร้อยสี่สิบล้านจุดชีพจร ทุกจุดล้วนราวกับซ่อนเทพไว้ภายใน ยิ่งใหญ่ดุจดั่งหุบเหว ราวกับเตาหล่อเลี้ยงกระบี่!’

…ในสถานการณ์การที่ต่อสู้จนหลงลืมตัวตนและเร่าร้อนถึงขีดสุดนี้ นัยเร้นลับที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน สะท้อนอยู่ในใจหลินสวินเป็นระลอก จากนั้นก็ซึมซาบเข้าไปในวิชาต่อสู้ของหลินสวินทั้งหมด

ตูม…

เหล่าผู้กล้าทั่วทิศล้วนถูกปราณกระบี่ แสงกระบี่ เจตกระบี่ ค่ายกลกระบี่ที่น่าพรั่นพรึงสั่นคลอน หน้าพลันเปลี่ยนสี

แม้แต่พวกหมีอู๋หยา จิ่งเทียนหนานก็เลือดลมตีกลับ ไม่กล้าเข้าปะทะด้วย นัยน์ตาหดรัด

พร้อมกันนั้นมีบุคคลแห่งยุคสามคนถูกทำลายการป้องกัน ถูกปราณกระบี่ที่เจิดจรัสไร้สิ้นสุดฝังกลบ

ฉัวะๆๆ!

ร่างของพวกเขาราวถูกเชือดเฉือน กลายเป็นฝนโลหิตที่กระเซ็นแตกตัว สีแดงสดบาดตา

ในที่นั้นมีเสียงร้องดังขึ้นทันที ถูกกระตุ้นด้วยภาพนี้

เงาร่างหลินสวินถือโอกาสก้าวเข้าพื้นที่แปดจั้ง!

สำหรับทุกอย่างนี้เขาไม่รับรู้อะไร เขาในตอนนี้ราวกับเทพแห่งการต่อสู้ ซัดกวาดเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน หยิ่งผยองไม่เป็นสองรองใคร!

ตูม!

วิชามรรครอบตัวเขาเปลี่ยนไปอีกครั้ง ร่างแปลงเป็นเหวลึกหมายจะกลืนกินสวรรค์

คัมภีร์กลืนกินไร้สิ้นสุด!

‘กลืนฟ้ากินดิน ช่วงชิงอานุภาพความว่างเปล่าเป็นของตน ความว่างเปล่าไร้สิ้นสุด พลังข้าไร้สิ้นสุด กายข้าไร้ขอบเขต วิชาข้าไร้จำกัด…’

นัยเร้นลับที่เจ้าแห่งมรรคาสวรรค์เหลือทิ้งไว้ กลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งประหนึ่งหินหนืดที่เดือดพล่าน ถูกหลินสวินปลดปล่อยออกมาเต็มกำลังในการต่อสู้

“ไม่…!”

ผู้แข็งแกร่งหลายคนที่พุ่งสังหารมาทางหลินสวินราวกับถูกพายุที่น่ากลัวม้วนกลืน ร่างถูกกลืนเข้าไปในส่วนลึกของหุบเหวอย่างควบคุมไม่ได้ทันที

หลังจากเสียงกัมปนาทดังขึ้น ร่างกายของพวกเขาระเบิดกระจุย สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณถูกกลืนกินและหลอมละลายหายไปในพริบตา

เวลานี้ท่าทางเผด็จการหาใดเปรียบของหลินสวินทำให้ทั้งที่นั้นสั่นสะเทือนอีกครั้ง ล้วนไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

นี่ใช่ร่างที่บาดเจ็บหนักเจียนตายเสียที่ไหน

ไหนเลยจะเป็นการสู้สุดชีวิตของแสงสายัณห์ยามตะวันรอน

หลินสวินในตอนนี้แค่มองจากไกลๆ คนมากมายยังรู้สึกขนพองสยองเกล้า ราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง!

ตอนนี้หลินสวินก้าวไปข้างหน้าอีกหนึ่งจั้งแล้ว!

สีหน้าหมีอู๋หยาเปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างยากจะได้เห็น จิตต่อสู้ทั้งตัวลุกโชนดุจอัคคี

หลินสวินในตอนนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัวที่ถาโถมเข้าใส่ นี่ทำให้เขาเกินคาดหมาย และทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นอย่างไม่เคยมีมาก่อน

“ข้าอยากดูนักว่าภายใต้การสู้สุดชีวิตนี้ เจ้าจะยืนหยัดได้ถึงเมื่อไหร่!”

จิ่งเทียนหนานคล้ายไม่ยินยอมอย่างยิ่ง ส่งเสียงตวาดลั่น อานุภาพดุจอสนีบาตรวดเร็วรุนแรง พุ่งสังหารออกไป

พร้อมกันนั้นหลินสวินสำแดงคัมภีร์เก้ากระถางสยบหล้าออกมา หุบเหวลึกเปลี่ยนเป็นกระถาง จากหนึ่งกลายเป็นเก้า กำราบลงไป

เก้าคือจำนวนสูงสุด ทันทีที่เก้ากระถางปรากฏย่อมสยบได้ทั่วหล้า!

ตูม!

พริบตานี้จิ่งเทียนหนานราวกับถูกฟ้าผ่า ถูกเก้ากระถางบีบกดจนปากกระอักเลือด ร่างถอยกรูดไปหลายก้าวกว่าจะสลายการโจมตีนี้ได้

สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง นี่…

เป็นไปได้อย่างไร

หลิงหงจวงถือแส้อสนีสีเขียวโจมตีมาจากด้านข้าง แต่ถูกหลินสวินใช้เก้ากระถางกดข่มจนเซถอยไปเช่นกัน ใบหน้างามพลันซีดขาว สั่นสะท้านไปทั้งตัว!

นางสูดหายใจหนาวเยือกเช่นกัน ในใจพิศวง

หลินสวินในตอนนี้เหมือนนายเหนือหัวที่ไร้คู่ต่อกรในการต่อสู้ พาให้คนรู้สึกว่าไม่อาจต่อต้านได้

………………………..

 

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท