Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2011 หลีกทางให้เจ้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2011 หลีกทางให้เจ้า

ตอนที่ 2011 หลีกทางให้เจ้า

จิ่งเทียนหนานบาดเจ็บหนักแล้ว ไม่สามารถต่อสู้ได้อีก เหลือเพียงหมีอู๋หยาและผู้แข็งแกร่งคนอื่นๆ อีกสี่คน

ในระยะสามจั้ง พวกเขากับหลินสวินเข่นฆ่ากันอย่างบ้าคลั่ง!

ชั่วขณะนี้พวกเขาเองก็โจมตีอย่างเต็มกำลัง ใช้ทุกวิถีทาง

ทว่าเพียงพริบตาเดียวก็มีคนถูกหลินสวินเอาชนะอีกครั้ง ประทับไร้ชีพอึงอล กระแทกคนผู้นี้ร่างแตกกระจายไปทั่ว จิตสิ้นวิญญาณสลาย

ความจริงในการปะทะครั้งนี้ ศาสตราจักรพรรดิมากมายของหลินสวินสำแดงอานุภาพอยู่ตลอด แต่ก่อนหน้านี้ถูกสมบัติจักรพรรดิของผู้แข็งแกร่งคนอื่นสกัดกั้นมาตลอด

แต่ตอนนี้กลับต่างไปแล้ว ในระยะสามจั้ง ศัตรูของเขาเหลือเพียงไม่กี่คนแล้ว!

ตูมโครม!

เจดีย์ไร้สิ้นสุดส่งเสียงวู้ม ประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ ดาบไร้วิชาล้วนอานุภาพเย้ยฟ้า โจมตีเต็มกำลังร่วมกับหลินสวิน

“ในระดับนี้พี่หลินไร้เทียมทาน เรียกได้ว่าไร้ศัตรูอย่างแท้จริง ข้าน้อยเลื่อมใส”

ผู้แข็งแกร่งที่บาดเจ็บทั่วตัวไปนานแล้วส่งเสียงถอนหายใจ ถอยออกจากสนามรบ สีหน้าเต็มไปด้วยความหม่นแสง

เห็นภาพนี้เหล่าผู้กล้าที่ยอมแพ้ไปนานแล้วล้วนทอดถอนใจอย่างไม่มีข้อยกเว้น ต่างคิดไม่ถึงว่าการแย่งชิงครั้งนี้ คนที่สะดุดตาที่สุดไม่ใช่หมีอู๋หยา แต่เป็นผู้สืบทอดที่มาจากคีรีดวงกมลอย่างหลินสวิน

นี่เหนือความคาดหมายเกินไป และน่าทึ่งมากเป็นพิเศษ

“สยบ!”

ในสนามรบหลิงหงจวงส่งเสียงตะโกน ประทับฝ่ามือที่สว่างไสวราวกับสุริยันดวงโตควบรวมเบื้องหน้า กดกำราบออกไป

ประทับฝ่ามือนี้ทรงพลังสมบูรณ์ ประหนึ่งไร้ช่องโหว่ วิชามหามรรคที่หนาแน่นทับซ้อน เมื่อปรากฏออกมาก็ส่องสว่างภูผาธารา

นี่คือไพ่ตายของหลิงหงจวง เป็นการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของนาง นามว่า ‘ประทับยอดยุทธ์มหาสุเมรุ’ ประทับเดียวควบรวมสามพันวิชา!

กลับเห็นนิ้วมือของหลินสวินวาดออกมา ปราณกระบี่พร่างพราวที่ดุร้ายไร้ที่เปรียบและไร้ข้อจำกัดทะยานออกไป

ไปไร้หวน!

กลางอากาศประทับยอดยุทธ์มหาสุเมรุและปราณกระบี่ปะทะกัน เกิดปรากฏการณ์ประหลาดตะลึงโลก ท่ามกลางเสียงกึกก้องรุนแรงอย่างที่สุด ประทับยอดยุทธ์มหาสุเมรุถูกฟันขาดทุกกระเบียด กลายเป็นละอองแสงกระจายทั่วฟ้า

ตูม!

ห้วงอากาศปั่นป่วน หลิงหงจวงพลันกระอักเลือด สีหน้าซีดเซียวอับแสง

นางเผยสีหน้าขมขื่น มองหลินสวินที่กำลังประมือกับหมีอู๋หยา ภายในใจเกิดความรู้สึกซับซ้อนอย่างที่สุด

ความภาคภูมิใจชั่วชีวิต หมดสิ้นเพราะความพ่ายแพ้ครั้งนี้!

หลิงหงจวงถอนหายใจในใจ หมุนตัวจากไปเช่นกัน สีหน้าผิดหวัง

‘ไม่จำยอมหรือ… หากสู้ตัวต่อตัว ทุกคนในที่นี้จะมีใครเป็นคู่ต่อสู้ของเจ้าหมอนั่นได้’

เสวียนจิ่วอิ้นเฝ้ามองภาพนี้ ในใจหัวเราะเยาะ

จากที่เขาเห็น ศึกล้อมโจมตีครั้งนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับหลินสวินตั้งแต่แรกแล้ว ดังนั้นไม่ว่าใครพ่ายแพ้ในมือหลินสวินล้วนไม่ควรค่าให้เสียดาย

การพ่ายแพ้ของหลิงหงจวงก็ทำให้บรรยากาศทั้งที่นั้นหนักอึ้งอย่างที่สุดเช่นกัน

ตอนนี้เหลือเพียงแค่หมีอู๋หยาและผู้แข็งแกร่งอีกคนที่ปะทะกับหลินสวินอยู่ สถานการณ์การต่อสู้ดุเดือดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ชวนให้ขวัญหนีดีฝ่อ

“ถอยไป!”

ทันใดนั้นหมีอู๋หยาส่งเสียงตะโกน

ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่หลินสวิน แต่เป็นผู้แข็งแกร่งที่อยู่ข้างๆ

นี่เป็นชายหนุ่มที่ผมหนวดราวกับหมึก ท่าทางผึ่งผายยิ่งยวด นามว่าโหวเจิ้ง เป็นปีศาจแห่งยุคที่มาจากโลกอื่นในฟ้าดารา

สามารถต่อสู้มาถึงตอนนี้ เห็นได้ว่าพลังต่อสู้ของโหวเจิ้งแข็งแกร่งเพียงใด อันที่จริงภายในใจเขาตอนนี้มีความรู้สึกละเอียดอ่อนบ่มตัวอยู่

ทั้งตะลึงกับความน่ากลัวในพลังต่อสู้ของหลินสวิน และรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเอง

พวกจิ่งเทียนหนาน หลิงหงจวง เฟิงเป่ยหลิง ซางจื่อเหยี่ยน ทยอยจนถูกโจมตีจนพ่ายแพ้ในการต่อสู้ จนกระทั่งตอนนี้เหลือเพียงเขาโหวเจิ้งกับหมีอู๋หยาสองคนที่ยังคงต่อสู้กับหลินสวินอยู่!

หากแพร่ออกไป ต่อให้เขาโหวเจิ้งพ่ายแพ้ในศึกนี้ ก็เป็นเรื่องที่สามารถทำให้คนชื่นชมได้เรื่องหนึ่ง!

แต่เสียงตะโกนนี้ของหมีอู๋หยากลับทำให้โหวเจิ้งอึ้ง สีหน้าเปลี่ยนไป “พี่หมีหมายความว่าอย่างไร”

“ไสหัวไป!”

ครั้งนี้หมีอู๋หยาพูดสั้นๆ แต่ความหมายชัดเจน คำเดียวราวกับฟ้าร้อง สะเทือนทั้งที่นั้น

โหวเจิ้งอัดอั้นจนหน้าแดงก่ำ ในใจเกิดความอับอายที่พูดไม่ออก ภายใต้สายตาของทุกคน หมีอู๋หยากลับดูหมิ่นตนเช่นนี้!

เขาเห็นตนเป็นอะไร

และก็เป็นตอนนี้ที่ไอสังหารน่ากลัวสายหนึ่งกระจายออกจากตัวหมีอู๋หยา เข้าปกคลุมโหวเจิ้งเอาไว้ ทำให้เขาแข็งทื่อไปทั้งตัว ขนลุกซู่

“ความอับอายในวันนี้ ข้าคนแซ่โหวจะจำไว้!”

โหวเจิ้งหมุนตัวจากไป

เสียงหัวเราะเกรียวกราวดังขึ้นในที่นั้น ทำให้โหวเจิ้งอยากแทรกแผ่นดินเสียเดี๋ยวนี้ ก่อนหน้านี้เขายังภาคภูมิใจอยู่เลย แต่ตอนนี้คำว่าไสหัวไปคำเดียวของหมีอู๋หยา ก็ทำให้เขา ‘ไสหัว’ ออกจากสนามรบอย่างเศร้าหมอง นี่… น่าอับอายเกินไปจริงๆ

นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กที่แทรกเข้ามาเท่านั้น

การจากไปของโหวเจิ้ง ทำให้คนที่ขวางอยู่ตรงหน้าหลินสวินเหลือเพียงแค่หมีอู๋หยาคนเดียว!

……

“แม้ว่าจนตอนนี้เพิ่งจะมีโอกาสได้สู้ตัวต่อตัวกับพี่หลิน แต่ก็นับว่าได้ตัดความยึดมั่นในใจข้าคนแซ่หมีได้อย่างหนึ่งเงียบๆ แล้ว”

ในสนามรบหมีอู๋หยาหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยปาก ราวกับสะใจอย่างที่สุด

เงาร่างของเขาพร่างพราว วิชามรรคทับซ้อน อานุภาพทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

หลินสวินไม่พูดจา จมอยู่ในการต่อสู้ จิตต่อสู้ยังคงลุกโชนดั่งกองเพลิง

ทั้งสองปะทะกัน ราวกับสุริยันจันทราประชันแสง!

สายตาของทั้งที่นั้นล้วนถูกดึงดูด จิตใจสั่นสะท้าน แววตาตกตะลึง

คนหนึ่งเป็นปีศาจแห่งยุคที่ครองอันดับหนึ่งในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์มาแปดร้อยปี เรียกได้ว่าใต้ฟ้าดาราไร้ศัตรูอย่างแท้จริงในระดับมกุฎราชันอริยะ

อีกคนเป็นผู้สืบทอดที่มาจากคีรีดวงกมล เคยใช้ฐานะจินตู๋อีต่อสู้ สร้างผลงานการต่อสู้ไร้พ่ายที่ทำให้คนจับตามอง

ตอนนี้ทั้งสองต่อสู้กันเต็มกำลังอยู่หน้าประตูทลาย อานุภาพที่สำแดงออกมา สามารถเรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน

ย้อนไปตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน กวาดมองทั่วหล้า การต่อสู้ครั้งนี้เรียกได้ว่าไม่เคยมีมาก่อน สามารถสะเทือนอดีตปัจจุบัน!

พูดอย่างไม่เกินจริง ไม่ว่าสุดท้ายใครจะแพ้ใครจะชนะ เพียงแค่การต่อสู้ครั้งนี้ก็สามารถบันทึกชื่อของทั้งสองลงในหน้าประวัติศาสตร์ ชื่อเสียงเลื่องลือหมื่นกาล!

ตูม!

เขตแดนมรรคของหมีอู๋หยา นามว่า ‘คันฉ่องใส’

จิตใจใสดุจดั่งคันฉ่อง มรรคข้าดั่งคันฉ่อง เช่นนี้ หมื่นลักษณ์ทั่วหล้าล้วนสามารถสะท้อนในใจข้าอย่างละเอียดอ่อน!

ในการต่อสู้ วิชาและฝีมือทั้งหมดของศัตรูล้วนอยู่ในสายตาหมีอู๋หยา ทำให้เขาสามารถจับข้อบกพร่องของอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย โจมตีอีกฝ่ายให้พังทลายได้อย่างสบาย

แต่ในการประมือกับหลินสวิน กลับทำให้เขตแดนมรรคคันฉ่องใสของหมีอู๋หยาเห็นเพียงความขุ่นมัวที่ยากจะอธิบาย!

ขุ่นๆ มัวๆ มหาลักษณ์ไร้รูป ไม่อาจบรรยาย ไม่อาจค้นหาร่องรอย เช่นนี้ก็ไม่สามารถทำให้หมีอู๋หยาจับข้อบกพร่องได้แม้แต่เสี้ยวเดียว

แต่นี่ทำให้จิตต่อสู้ของเขายิ่งเดือดพล่าน ยิ่งเป็นเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เขามีความรู้สึกว่า ‘มรรคข้าไม่โดดเดี่ยว คนเช่นข้ามีศัตรู’

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น

หมีอู๋หยากระอักเลือด พวงแก้มซีดขาว ถูกฝ่ามือของหลินสวินซัดเข้าที่ไหล่ เลือดเนื้อกระเซ็น

ในเวลาเดียวกันหลินสวินชะงักเท้า ถูกพลังดรรชนีที่หมีอู๋หยาสำแดงออกมากรีดบาด หนังเนื้อช่วงท้องเปิดแยก เลือดสดอาบนอง

ทั้งสองล้วนราวกับไม่รู้สึก ต่อสู้กันต่อ

ผู้คนในที่นั้นไม่รู้เท่าไหร่ตัวสั่น หน้าเปลี่ยนสี สูดหายใจสะท้านเพราะเหตุนี้

หลินสวินก่อนหน้านี้ต่อสู้สุดชีวิต ท่าทางราวกับบ้าคลั่ง สังหารจนเหล่าผู้กล้าพ่ายแพ้ต่อเนื่อง!

แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหมีอู๋หยาเองก็ทุ่มสุดชีวิตเช่นกัน ต่อสู้เต็มกำลัง ไม่กลัวความตาย ไร้ซึ่งความกังวล เผยพลังที่น่าหวาดหวั่นยิ่งกว่าก่อนหน้านี้

“เทียบกับสองคนนี้ ข้า… ช่างห่างไกลเทียบไม่ได้…”

มีคนสีหน้าหม่นแสง

“ที่แท้ในระดับมกุฎราชันอริยะ นี่ถึงจะเป็นพลังขั้นสุดที่เรียกว่าไร้ศัตรูอย่างแท้จริง!”

มีคนอุทานทอดถอนใจ ได้เป็นพยานในการต่อสู้ครั้งนี้ก็เหมือนได้เปิดหน้าต่างบานหนึ่ง ทำให้ทุกคนได้เปิดโลก มีความรู้สึกเหมือนเบิกเมฆเห็นตะวัน

“ก็ไม่รู้ว่าแท่นมรรคนี้จะถูกใครช่วงชิงไปกันแน่…”

มีคนจับตามมองอย่างจดจ่อ

ชั่วขณะนี้พวกเขาล้วนล้มเลิกความคิดที่จะไปแย่งชิงแล้ว และก็ไม่มีโอกาสเช่นกัน หลินสวินเหยียบอยู่บนแท่นมรรค ห่างจากประตูทลายเพียงสามจั้ง

คนเดียวที่มีโอกาสไปช่วงชิงก็คือหมีอู๋หยา!

“การต่อสู้ครั้งนี้ต่อให้หมีอู๋หยาชนะก็ชนะอย่างไม่ขาวสะอาด ไม่อาจพูดว่ายุติธรรม ในใจเขาก็คงไม่ยอมรับแน่ ว่าการเอาชนะหลินสวินได้เท่ากับไร้ศัตรูในระดับนี้อย่างแท้จริง”

เสวียนจิ่วอิ้นแววตาวาบวาว “ตรงกันข้าม ขอเพียงหลินสวินชนะ… ก็เท่ากับทั่วหล้าบนล่างไร้ศัตรูในระดับนี้อย่างแท้จริง! ภิกษุน้อย เจ้าคิดว่าอย่างไร”

หลิงเคอจื่อพลันพูดว่า “คีรีดวงกมลมีคนที่ ‘ทั่วหล้าบนล่าง ไร้ศัตรูในระดับอริยะ’ มานานแล้วคนหนึ่ง ข้าเพียงสงสัยว่า เจ้าหมอนั่นจะสามารถเอาชนะอดีตและปัจจุบัน เป็นอันดับหนึ่งในระดับนี้ของทุกยุคสมัยได้หรือไม่”

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อันดับหนึ่งในระดับนี้!

นี่… จะเกิดขึ้นหรือไม่

……

ครึ่งเค่อหลังจากนั้น

เสื้อผ้าหมีอู๋หยาเปื้อนเลือดและฉีกขาด ใบหน้าซีดขาว เผ้าผมยุ่งเหยิงเหมือนหลินสวินไม่มีผิด

ทั้งสองล้วนนัยน์ตาเรืองรอง เพลิงต่อสู้ที่ดุเดือดคุโชน

เพียงแต่อานุภาพแห่งการต่อสู้ของทั้งสองกลับแตกต่าง หมีอู๋หยาราวกับจอมจักรพรรดิที่ตะลึงโลก ลาดตระเวนใต้หล้า เพียงขยับตัวก็กำราบสี่ฝั่ง สยบอานุภาพอันยิ่งใหญ่ของทุกคน

หลินสวินกลับราวกับผู้คุมอำนาจเหวลึก มีอานุภาพกลืนกินฟ้าดิน ท่าทีหลอมวัฏจักร ทำลายล้างจักรวาล

ทั้งสองต่อสู้กันราวกับบ้าคลั่ง เปรียบเทียบชิงชัย

ต่างมีความองอาจที่เกินขีดจำกัดแห่งมรรคนี้ ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใคร อานุภาพยิ่งใหญ่

เหล่าผู้กล้าในสนามรบสีหน้าตะลึงงันไปหมดแล้ว การต่อสู้ครั้งนี้ ทำให้ความกระทบกระเทือนที่พวกเขาประสบรุนแรงเกินไป ทั้งกายใจล้วนราวกับคลื่นยักษ์กำลังเกลือกกลิ้งสั่นสะเทือน ไม่สามารถสงบได้

ความแข็งแกร่งของหลินสวิน ทำให้พวกเขาใจสั่น ท่าทางปานสู้อย่างสุดชีวิตของหมีอู๋หยา ก็ทำให้พวกเขาตกใจเช่นกัน!

หนึ่งเค่อให้หลัง

ในการต่อสู้ที่ดุเดือด ร่างของหลินสวินสั่นเทิ้มขึ้นมากะทันหัน เงาร่างส่ายไปมาอย่างรุนแรง

หมีอู๋หยาเองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากัน ปากกระอักเลือดอย่างต่อเนื่อง

ต่างบาดเจ็บรุนแรงขนาดนี้ แต่ทั้งสองยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ไม่ว่าใครก็ไม่เคยถอย!

หัวใจของทุกคนในที่นั้นต่างหดเกร็งอย่างอดไม่ได้

การต่อสู้ครั้งนี้ดุเดือดชวนสังเวชเกินไปแล้ว!

แต่ทุกคนต่างดูออกว่า ความพ่ายแพ้และชัยชนะในการประลองนี้ เกรงว่าอีกไม่นานก็สามารถตัดสินออกมาได้แล้ว

ทันใดนั้นจู่ๆ หมีอู๋หยาก็ส่งเสียงทอดถอนใจยาว “ในเส้นทางนี้พี่หลินเรียกได้ว่าไร้ศัตรูแล้ว ข้า… ย่อมต้องหลีกทางให้”

ในเสียงมีความยินดีและมีความเลื่อมใสด้วย

ยามเอ่ยปากเขาก็หลบออกจากหน้าประตูทลาย

เหล่าผู้กล้าต่างอึ้งงัน ล้วนเผยสีหน้ายากจะเชื่อ การต่อสู้ครั้งนี้กำลังจะถึงช่วงสำคัญในการตัดสินแพ้ชนะ แต่เหตุใดตอนนี้หมีอู๋หยากลับยอมเป็นฝ่ายหลีกทางเสียเอง

“บางที เขาคงคิดว่าตนแพ้แล้วกระมัง…”

มีคนวิเคราะห์

การต่อสู้ครั้งนี้ ตั้งแต่เริ่มหลินสวินก็ถูกเหล่าผู้กล้าปิดล้อม บาดเจ็บสะสม ผลาญพลังกายไปมาก ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หมีอู๋หยาที่เข้าร่วมการต่อสู้ทีหลังย่อมได้เปรียบมาก

แต่จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่สามารถโจมตีหลินสวินให้พ่ายแพ้ได้ ความจริงนี่ก็เท่ากับตัดสินแพ้ชนะอ้อมๆ แล้ว!

……………………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท