Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2019 เหล่าจักรพรรดิเดือดพล่าน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2019 เหล่าจักรพรรดิเดือดพล่าน

สามวันให้หลัง

วันที่เขตต้องห้ามเซียนโบราณจะปิดม่านมาเยือนแล้ว

ข้างๆ เขาเมฆา ไท่ซูหงเจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ลุกขึ้นยืน กวาดมองคนใหญ่คนโตที่นั่งอยู่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยพูดว่า

“ถึงตอนนี้คำพูดบางอย่าง… ข้าควรพูดให้ชัดเจนก่อน”

ประโยคเดียวทำให้ทุกคนต่างหัวใจสะท้าน

ไท่ซูหงเอ่ยเสียงขรึม “ผู้ร่วมมรรคที่ซุ่มอยู่ในที่มืดก็ฟังให้ดี วันนี้ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าจะไม่เข้าร่วมด้วย ใครกล้าดึงเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าลงน้ำ ข้าไท่ซูหงจะไม่ให้อภัยเขาเป็นคนแรก!”

เสียงไม่ดังแต่กลับกังวานไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

ทุกคนที่นั่งอยู่ล้วนไม่แปลกใจ

ตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้ ไม่ว่าจะบนทางเดินโบราณฟ้าดาราจะเกิดเหตุการณ์ใหญ่อะไรขึ้น ท่าทีของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ก็ชัดเจนมากมาโดยตลอด…

รักษาความเป็นกลาง!

“เริ่มเถอะ”

หลังจากไท่ซูหงแสดงจุดยืนของเรือนมรรคโลกาสวรรค์ชัดแล้ว ก็เริ่มเคลื่อนไหวโดยไม่ลังเลอีก

ทันใดนั้นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงแห่งเรือนมรรคจักรวาล จักรพรรดิมารผลาญนภาแห่งเรือนมรรคเหล่ามาร มหาจักรพรรดิศิลาเมฆแห่งเรือนมรรคยุทธจักร จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ล้วนเดินออกมา

ขณะเดียวกันไม่ว่าจะในที่แจ้งหรือที่ลับ ทุกสายตาล้วนจ้องมองไป

“ทะยาน!”

ไท่ซูหงสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง ประทับมรรคที่มีประกายศักดิ์สิทธิ์สีทองไหลเวียนท่วมฟ้าปรากฏออกมา บนประทับมรรคมีลายมรรคฟ้าประทานแน่นขนัดหนึ่งชั้น

เป็น ‘ประทับทองอัคคีทักษิณ’ ยอดสมบัติพิทักษ์สำนักของเรือนมรรคโลกาสวรรค์นั่นเอง!

ที่ตามมาติดๆ คือจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นเรียก ‘เตามงคลสรรพวิญญาณ’ ของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ออกมา มหาจักรพรรดิศิลาเมฆเรียก ‘กระบี่มรรคสังหารเทพ’ ของเรือนมรรคยุทธจักรออกมา จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเรียก ‘คทาสมปรารถนาแก้วเขียว’ ของเรือนมรรคจักรวาลออกมา จักรพรรดิมารผลาญนภาเรียก ‘ม้วนภาพสามพันมาร’ ของเรือนมรรคเหล่ามาร

ทุกชิ้นล้วนเรียกได้ว่าเป็นยอดสมบัติพิทักษ์สำนัก ที่มาน่าทึ่ง อานุภาพยิ่งน่ากลัวจนเหลือเชื่อ

ครืน…

ก็เห็นแสงสมบัติทั่วฟ้ารวมตัว พาดกวาดออกไป ฟ้าดินแถบนี้ล้วนสั่นไหว

เหนือเขาเมฆาที่มีเมฆขาวรวมตัวเป็นชั้นๆ ถูกเปิดเป็นรอยแยกขนาดใหญ่เส้นหนึ่งทั้งอย่างนั้น เชื่อมสู่ส่วนลึกไกลๆ!

ครู่หนึ่งหลังจากนั้น รอยแยกที่ถูกเปิดออกนั่นพลิกม้วนไม่หยุด สุดท้ายกลายเป็นเส้นทางที่เรียวยาวโปร่งแสง

มองจากไกลๆ ราวกับธารดาราสายหนึ่งปูอยู่ตรงนั้น ทอดยาวไปยังส่วนลึกอันไร้สิ้นสุด บนเส้นทางแสงประกายต่างๆ ไหลเวียน ประกายศักดิ์สิทธิ์สาดกระเซ็นดูน่าตกใจ

สายตานับไม่ถ้วนจ้องมองทางออกของเส้นทางนี้

เป็นใครกันแน่ที่ช่วงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นไป

และเป็นใครที่สังหารจนผู้สืบทอดเรือนมรรคดึกดำบรรพ์กับเรือนมรรคจักรวาลแทบจะสิ้นซาก

คำตอบกำลังจะถูกเปิดเผยแล้ว!

บรรยากาศในที่นั้นกดดันถึงขีดสุดในชั่วขณะนี้

คลื่นใต้น้ำไร้รูปพลุ่งพล่านกลางฟ้าดินแห่งนี้

สวบ!

ไม่นาน เมื่อปากทางออกมีละอองแสงไหลเวียน เงาร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา

เป็นชายหนุ่มชุดเทาคนหนึ่ง ผิวขาวกระจ่างบุคลิกไม่ธรรมดา รอบตัวเต็มไปด้วยกลิ่นอายของระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ

ทว่าพริบตาที่เขาปรากฏตัว กลับแข็งทื่อไปทั้งตัว หนังหัวชาวาบ

คนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิแท้อยู่ไม่ไกลนัก สายตาหันขวับไปจ้องเขา ความรู้สึกเช่นนั้นเหมือนกระต่ายตัวหนึ่งถูกฝูงสิงโตหมายตา

“มหาสมบัติแรกกำเนิดถูกใครชิงไปได้”

เสียงรีบร้อนเสียงหนึ่งดังขึ้น เป็นจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ ราวกับนายเหนือหัวที่นั่งอยู่บนเก้าสวรรค์ อานุภาพน่ากลัว

คำถามนี้เป็นสิ่งที่ระดับจักรพรรดิทุกคนในที่นี้อยากรู้ที่สุด

ชั่วขณะหนึ่งชายหนุ่มชุดเทาที่เดินออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณเป็นคนแรกนั่น รู้สึกถึงแรงกดดันอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แทบจะหายใจไม่ออกและพังทลายลง

เขาถึงขั้นไม่กล้าปิดบัง ตอบไปตามจิตใต้สำนึก “หลินสวิน”

หลินสวิน?

พวกไท่ซูหงต่างอึ้งงัน จากความทรงจำของพวกเขา ในหมู่ผู้แข็งแกร่งหนึ่งร้อยแปดคนที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณ ไม่มีคนที่ชื่อหลินสวิน

“หลินสวินที่เจ้าหมายถึง คงไม่ใช่เจ้าหนุ่มที่ป่วนแหล่งสถานคุนหลุนตอนนั้นหรอกนะ”

จู่ๆ ระดับจักรพรรดิคนหนึ่งก็เอ่ยออกมา ทำให้ระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ หนังตากระตุก นึกถึงเหตุการณ์ใหญ่ที่ทำให้ทั้งทางเดินโบราณฟ้าดาราตกตะลึงเมื่อสิบกว่าปีก่อน

ชายหนุ่มที่ชิงศุภโชคซึ่งมีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ไป ก็ชื่อหลินสวิน!

ทันใดนั้นสายตาที่เหล่าจักรพรรดิมองชายหนุ่มชุดเทาคนนั้นยิ่งน่ากลัวยิ่งขึ้น ทำเอาอีกฝ่ายจิตวิญญาณสั่นคลอน สภาวะจิตแทบทรุดทลาย

“เขานั่นแหละ!”

ชายหนุ่มชุดเทาคนนั้นแทบจะไม่ปิดบังสักนิด เอ่ยพูดตามจริง “เจ้าหมอนั่นปลอมตัวเป็นจินตู๋อี และถูกเปิดโปงยามอยู่ในเขตต้องห้ามเซียนโบราณ!”

จินตู๋อี!

เป็นเขา!

ระดับจักรพรรดิอย่างพวกไท่ซูหง จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงต่างหัวใจสะท้าน แต่ละคนสีหน้าแปรเปลี่ยน มีทั้งงุนงง ตื่นเต้น ประหลาดใจ และไม่คาดคิด

ข่าวนี้เหนือความคาดหมายเกินไป

เหตุผลก็เพราะ แม้พวกเขาพอจะเดาที่มาของจินตู๋อีได้นานแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าจินตู๋อีนี่จะเป็นคนเดียวกับ ‘หลินสวิน’ คนนี้

“เขตต้องห้ามเซียนโบราณน่ากลัวเพียงใด ผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการช่วงชิงยิ่งมีมากเพียงใด เหตุใดถึงปล่อยให้เจ้าหมอนี่ชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นไปได้”

มีคนใหญ่คนโตขมวดคิ้ว

ระดับจักรพรรดิจำนวนไม่น้อยก็มีข้อสงสัยในใจเช่นกัน

“นี่ไม่ใช่หมายความว่า เจ้าหมอนี่ไม่เพียงชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นนั้นไปได้ ในมือยังครอบครองศุภโชคแห่งการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ด้วยหรือ”

แต่ตอนที่จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงพูดประโยคนี้ ดวงตาของทุกคนในที่นี้ก็หดรัดลง สีหน้าแปลกประหลาด

แค่มหาสมบัติแรกกำเนิดชิ้นเดียวก็สามารถทำให้ขุมอำนาจทั่วหล้าคลั่งแล้ว นับประสาอะไรกับการเพิ่มศุภโชคที่มีความลับของการบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์อีกชิ้น

ที่เหลือเชื่อที่สุดคือ ไม่ว่าจะเป็นมหาสมบัติแรกกำเนิดหรือศุภโชคบรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์นี้ กลับอยู่ในมือของคนผู้เดียว!

ทันใดนั้นทุกคนในที่นี้ล้วนมีความคิดแตกต่างไป

สวบ!

ในเส้นทางอุโมงค์อากาศมีเงาร่างอีกสายเคลื่อนออกมา

นี่เป็นชายชุดม่วงคนหนึ่ง ยามมองเห็นจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงก็เผยสีหน้าโศกเศร้า ตะโกนทันทีว่า “ผู้อาวุโสวิญญาณเพลิง โปรดแก้แค้นให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องที่ถูกฆ่าด้วย!”

“อวี่จ้ง พวกหวงฝู่เซ่าหนงถูกใครฆ่ากันแน่”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงถามตรงๆ ไอสังหารพลุ่งพล่าน ความสงสัยนี้อัดอั้นอยู่ในใจนางมาโดยตลอด ทรมานจนนางจิตใจไม่สงบ

ชายชุดม่วงที่ถูกเรียกว่าอวี่จ้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พูดอย่างเจือความชิงชัง “เป็นหลินสวิน!”

ในที่นั้นฮือฮา

หลินสวินอีกแล้ว!

ผู้สืบทอดเรือนมรรคจักรวาลที่เข้าสู่เขตต้องห้ามเซียนโบราณมีทั้งหมดสิบเก้าคน แต่กลับถูกฆ่าจนเหลือเพียงแค่สองคน ใครจะคิดว่าทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของคนผู้เดียว

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นแห่งเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ราวกับตระหนักได้ถึงบางอย่าง เอ่ยพูดด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย “พวกข่งเจาของเรือนมรรคดึกดำบรรพ์ของข้าคงไม่ได้…”

อวี่จ้งสูดหายใจลึกคราหนึ่ง เอ่ยว่า “เรียนผู้อาวุโส พวกสหายยุทธ์ข่งเจาก็ถูกหลินสวินฆ่า”

อะไรนะ

เหล่าจักรพรรดิที่อยู่ในที่นั้นอดไหวหวั่นไม่ได้ สายตาวูบไหว แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

เพราะในการคาดเดาก่อนหน้านี้ของพวกเขา การร่วงหล่นของพวกหวงฝู่เซ่าหนงและพวกข่งเจาจะต้องเป็นการประสบเคราะห์ใหญ่อะไรแน่

แต่กลับคิดไม่ถึงว่า นี่จะเป็นฝีมือของคนผู้เดียว!

“เวินอวี๋ตระกูลข้าถูกใครทำร้าย”

ระดับจักรพรรดิอีกคนพูดขึ้น

“หลินสวิน!”

อวี่จ้งพูดอย่างไม่ลังเลสักนิด

“เฟิงเป่ยหลิงตระกูลข้าถูกใครฆ่า”

“หลินสวิน!”

“ตระกูลข้า…”

“หลินสวิน!”

…ระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าพูดขึ้น ถามไถ่เรื่องราวของผู้สืบทอดของตน คำตอบที่ได้รับแทบจะเหมือนกันทั้งหมด

หลินสวิน!

บรรยากาศในที่นั้นเปลี่ยนเป็นกดดันขึ้นมา สีหน้าของระดับจักรพรรดิแต่ละคนปรากฏความอึมครึม ไม่น่าดูอย่างยิ่ง

เศษเดนคีรีดวงกมลคนหนึ่ง กลับสังหารจนผู้สืบทอดของพวกเขาบาดเจ็บล้มตาย เลือดไหลเป็นสายน้ำ!

นี่จะไม่ให้พวกเขาโกรธได้อย่างไร

สัตว์ประหลาดเฒ่ามากมายที่จับตามองเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในที่มืดเองก็ลอบตกใจอย่างไม่อาจควบคุมเช่นกัน เศษเดนคีรีดวงกมลนี่… เหี้ยมโหดจริงๆ!

วู้ม…

ละอองแสงงดงามไหลเวียนในอุโมงค์อากาศ ผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าทยอยเดินออกมาจากภายใน

แต่ละคนมาถึงโลกที่คุ้นเคยนี้ก็ประหนึ่งยกภูเขาออกจากอก แต่เมื่อเห็นสีหน้ามืดทะมึนของเหล่าระดับจักรพรรดิ ต่างอดตกใจไม่ได้

“ข้าขอถามพวกเจ้า หลินสวินนั่นทำเรื่องอะไรในเขตต้องห้ามเซียนโบราณกันแน่”

“ใครสามารถเล่าเรื่องชั่วร้ายที่หลินสวินทำหน้าประตูทลายให้ข้าฟังได้บ้าง”

“หวงฝู่เซ่าหนงถูกเจ้าหมอนี่สังหารจริงๆ หรือ”

ทันใดนั้นระดับจักรพรรดิมากมายถามไม่หยุดราวกับไม่เชื่อ แต่คำตอบที่ได้กลับเหมือนกันจนน่าตกใจ

ไม่ว่าจะเป็นการร่วงหล่นของพวกหวงฝู่เซ่าหนงกับข่งเจา หรือการประสบเคราะห์ของพวกวินอวี๋ ล้วนเป็นฝีมือของคนผู้เดียว…

หลินสวิน!

ยามได้รู้เรื่องตั้งแต่ต้นจนจบเหล่านี้ สุดท้ายคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิเหล่านั้นก็ไม่สามารถควบคุมเพลิงโกรธในใจได้ แต่ละคนสีหน้ามืดทะมึนถึงขีดสุด

“เจ้าตัวจ้อยที่สมควรตาย!”

“ไม่กำจัดเจ้าหมอนี่ ข้าจะไม่เลิกราแน่!”

…เห็นระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าเดือดดาล ผู้แข็งแกร่งที่เดินออกจากเขตต้องห้ามเซียนโบราณต่างหายใจลำบาก ร่างกายแข็งทื่อ

ระดับจักรพรรดิเดือดดาลจะธรรมดาได้อย่างไร

“แม้แต่เจ้า… ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาหรือ”

มหาจักรพรรดิศิลาเมฆแห่งเรือนมรรคยุทธจักรมองหมีอู๋หยาที่เดินออกจากอุโมงค์อากาศด้วยสีหน้าซับซ้อน

หมีอู๋หยาสีหน้านิ่งสงบ พยักหน้าน้อยๆ

เขาไม่ได้อธิบายอะไร ในใจเขารู้ชัดถึงความแค้นระหว่างเรือนมรรคยุทธจักรและคีรีดวงกมลเป็นอย่างดี แต่นี่ไม่กระทบกับท่าทีที่เขามองหลินสวินเป็น ‘ผู้ร่วมมรรค’ ได้

มหาจักรพรรดิศิลาเมฆถอนหายใจแล้วเอ่ยว่า “ช่างเถอะ อย่างไร… วันนี้เจ้าหมอนี่ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”

‘ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยหรือ…’

หมีอู๋หยาพึมพำในใจ มองคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิแต่ละคนที่อยู่ที่นี่ เขาพลันหนักใจขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

“หงจวง พวกเจ้ามานี่”

ไท่ซูหงกวักมือเรียกผู้สืบทอดเรือนมรรคโลกาสวรรค์อย่างพวกหลิงหงจวง เยียนอวี่โหรวมาอยู่ข้างกาย สื่อจิตเตือน ‘อีกเดี๋ยวที่นี่จะเกิดความปั่นป่วนครั้งใหญ่ พวกเจ้าอยู่ข้างๆ ข้า รอคนมาครบพวกเราก็ออกจากที่แห่งนี้’

‘เจ้าสำนัก หลินสวินนั่นไม่ใช่คนชั่วร้ายอะไร ทำไม…’

หลิงหงจวงอดถามไม่ได้

ไท่ซูหงโบกมือตัดบท ‘เบื้องหลังของเรื่องนี้เกี่ยวพันกับการชิงชัยระหว่างสำนัก หลินสวินนี่เป็นเพียงหมากตัวเล็กๆ ที่ถูกม้วนเข้าไปก็เท่านั้น’

หลิงหงจวงถอนหายใจเบาๆ ในใจคราหนึ่ง แม้เป็นคู่แข่ง แต่นางกลับชื่นชมในความกล้าหาญและศักยภาพของหลินสวิน หากเป็นเวลาปกตินางจะต้องช่วยเหลือแน่

แต่ตอนนี้แม้แต่เจ้าสำนักเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของพวกนางยังไม่ยินยอมจะเข้าร่วม แค่คิดก็รู้ว่าคลื่นลมที่กำลังจะมาเยือนนี้น่ากลัวเพียงใด!

อันที่จริงเมื่อเวลาล่วงเลยไป และผู้แข็งแกร่งคนแล้วคนเล่าเดินออกจากอุโมงค์อากาศ บรรยากาศบริเวณเขาเมฆาก็ยิ่งกดดันขึ้นเรื่อยๆ

ทั้งในที่ลับและที่แจ้ง พลังเจตจำนงน่ากลัวไม่รู้เท่าไหร่ปกคลุมอยู่ จับจ้องไปยังเส้นทางอุโมงค์อากาศอย่างมั่นคง

รอคอยอยู่เงียบๆ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท