Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2023 เรื่องที่จัดการได้ด้วยหมัดเดียว

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2023 เรื่องที่จัดการได้ด้วยหมัดเดียว

คำพูดของจี้เสวียนราวกับพายุมรสุม หอบม้วนกลางฟ้าดิน

ระดับจักรพรรดิบางส่วนนัยน์ตาหดรัดลง

แม้จะเดาได้แต่ต้นว่าวันนี้จะมีตัวแปรบางส่วนปรากฏ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าตัวแปรนี้ดันปรากฏบนตัวหมากอย่างหลินสวินก่อนเสียได้

“ทุกคนไม่ต้องกลัว บุคคลในตำนานระดับจักรพรรดิเก้าชั้นฟ้าที่สูงส่งอย่างจักรพรรดิอสนีดับสูญ ยามนี้ก็เหลือแค่พลังจิตวิญญาณดั้งเดิมเสี้ยวเดียวเท่านั้น”

น้ำเสียงเฉยเมยไม่แยแสสายหนึ่งดังขึ้นเนิบๆ กลางฟ้าดิน เป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งที่ซ่อนตัวในเงามืดส่งเสียงออกมา

อันที่จริงก่อนหลินสวินจะเดินออกมาจากอุโมงค์อากาศ ก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่น้อยในเงามืดเอ่ยปากออกมาแล้ว

บุคคลเหล่านี้ทำให้ผู้คนหวาดหวั่นยิ่งกว่าพวกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิง จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นที่ออกหน้าอยู่ด้วยซ้ำ

เหตุที่ยังไม่ได้เผยร่องรอยเด่นชัดอย่างแท้จริงก็ง่ายดายยิ่ง เพื่อป้องกันการอุบัติขึ้นของตัวแปรนั่นเอง!

“ที่แท้ก็เป็นแค่พลังจิตวิญญาณดั้งเดิมเสี้ยวหนึ่ง”

สีหน้าของพวกจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงผ่อนคลายลงมาทันที ระดับจักรพรรดิเก้าชั้นฟ้าคนหนึ่ง สามารถทำให้พวกเขารู้สึกสิ้นหวังได้

แต่หากเป็นเพียงพลังจิตวิญญาณดั้งเดิมเสี้ยวเดียว…

ภัยคุกคามก็เหลืออยู่ไม่เท่าไหร่แล้ว!

จี้เสวียนเองก็สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศ เขาอดหัวเราะไม่ได้ คำพูดเรียบง่าย “ไม่ผิด ข้าเหลือแค่พลังจิตวิญญาณดั้งเดิมเสี้ยวหนึ่งจริงๆ แต่พวกเจ้าลองเดาดูก็ได้ ว่าหากข้าสู้สุดชีวิตจะลากคนไปตายด้วยได้สักเท่าไหร่”

คนไม่น้อยหน้าเปลี่ยนสี

น้ำเสียงเฉยเมยไม่แย่แสสายนั้นดังก้องขึ้นอีกครั้ง “น่าเสียดาย แม้เจ้าจักรพรรดิอสนีดับสูญจะสู้สุดชีวิตก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้”

“เรือนมรรคเหล่ามารเวิ่นเทียนหลัน?”

หัวคิ้วของจี้เสวียนขมวดมุ่น นัยน์ตาเจือแสงเทพน่าสยดสยอง

หลังจากนิ่งเงียบครู่หนึ่งจู่ๆ น้ำเสียงเฉยเมยไม่ยี่หระสายนั้นก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “ดูท่าว่าความจำของพี่จี้เสวียนจะยังดีอยู่”

เวิ่นเทียนหลัน เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิเก้าชั้นฟ้าคนหนึ่งในเรือนมรรคเหล่ามาร บุคคลเทียมฟ้าที่บรรลุจักรพรรดิกลายเป็นบรรพจารย์ ได้รับขนานนามว่า ‘บรรพจารย์จักรพรรดิคลื่นฟ้า’!

“พวกที่แพ้ภายใต้น้ำมือข้า ข้าจะลืมได้อย่างไร”

จี้เสวียนหัวเราะร่า

ประโยคเดียวทำให้คนมากมายในที่นี้สูดหายใจเฮือก หัวใจสั่นสะท้าน ที่แท้ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว บรรพจารย์จักรพรรดิคลื่นฟ้าเคยพ่ายแพ้ภายใต้น้ำมือจักรพรรดิอสนีดับสูญ!

นี่เป็นความลับครั้งใหญ่ที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีใครล่วงรู้

“เฮอะ!”

เวิ่นเทียนหลันเอ่ยปากแค่นเสียงเย็น “น่าเสียดาย เจ้าในตอนนี้ไม่มีคุณสมบัติให้ข้าลงมือเลยสักนิด เจ้าลองคิดดูก่อนดีกว่าว่าจะผ่านด่านตรงหน้านี้ไปได้อย่างไร!”

ตั้งแต่ต้นจนจบแม้แต่เงาร่างของเขาก็ยังไม่ปรากฏ

“อาจารย์อาเทียนหลันพูดถูก แค่พลังจิตวิญญาณดั้งเดิมเสี้ยวเดียวเท่านั้น ไม่ได้ทำให้น่าหวั่นใจ คิดอยากช่วยชีวิตเดรัจฉานน้อยนั่นยิ่งเพ้อฟันเข้าไปใหญ่!”

จักรพรรดิมารผลาญนภาจากเรือนมรรคเหล่ามารเช่นกันเอ่ยปากเสียงเย็น เรียกขวัญทุกคนให้ลงมือด้วยกัน กำจัดจี้เสวียนก่อน

จี้เสวียนนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ

วิญญาณกระบี่เย่จื่อเปล่งแสงเรืองรอง

หลินสวินสีหน้าผ่อนคลาย ต่อให้ศิษย์พี่แห่งคีรีดวงกมลเหล่านั้นไม่มา ในมือของเขา… ก็ยังมีไพ่ตายอยู่!

และในเวลานี้ก็มีการเปลี่ยนแปลงประหลาดเกิดขึ้นอีกครั้ง…

ตำหนักสีทองที่เหมือนสร้างขึ้นจากเหล็กเทพหลังหนึ่งร่วงหล่นลงมาจากฟ้ากะทันหัน กดข่มจนห้วงอากาศครวญใกล้พังทลาย อานุภาพพลุ่งพล่าน เจิดจ้าไร้ขอบเขต

สุดท้ายส่งเสียงดังปัง กระแทกใส่ผืนดินกว้างที่ห่างจากหลินสวินไม่ไกล สะเทือนจนพื้นดินล้วนสั่นโคลง ฝุ่นควันคละคลุ้ง

“ตำหนักมหามรรคเก้าฟ้า!”

เหล่าจักรพรรดิต่างนิ่วหน้า เดาออกว่าผู้มาคือใคร

ก็เห็นตำหนักสีทองนั่นย่อขนาดเล็กลงเรื่อยๆ สุดท้ายเหลือความสูงเพียงหนึ่งฉื่อ ลอยละล่องไปอยู่ในมือคนผู้หนึ่งที่ปรากฏตัวกลางอากาศ

เงาร่างกำยำนั้นแผ่กลิ่นอายโอหังที่แข็งกร้าวทะยานฟ้า ยืนสบายๆ รอบกายปรากฏกฎเกณฑ์มหามรรคดั่งกระแสธาร

จักรพรรดิกระบี่ยอดมารซย่าสิงเลี่ย!

ชั่วขณะนี้หลินสวินเองก็จำฐานะของผู้มาใหม่ได้เช่นกัน พลันรู้สึกแปลกใจ เขาเองก็คิดไม่ถึงว่าบิดาของซย่าเสี่ยวฉงเข้ามาร่วมด้วยได้อย่างไร

กลับเห็นซย่าสิงเลี่ยเผยยิ้มยโสโอหังออกมา กล่าวว่า “พลังจิตวิญญาณดั้งเดิมเสี้ยวเดียวของจี้เสวียนไม่พอ หากรวมกับข้าด้วยอีกคนเล่า”

“ซย่าสิงเลี่ย เจ้าไม่ใช่จากไปแล้วหรือ เหตุใดถึงยังเข้ามาพัวพันอีก”

มีคนอดถามไม่ได้

ก่อนหน้านี้ยามการเคลื่อนไหวของเขตต้องห้ามเซียนโบราณกำลังดำเนินอยู่ ซย่าสิงเลี่ยก็อยู่ที่นี่ด้วย แต่ช่วงกลางจู่ๆ ก็จากไป สิ่งนี้ทำให้ทุกคนคิดว่าเป็นเพราะเขาตระหนักได้ว่าสถานการณ์ไม่เข้าที ดังนั้นจึงถอนตัวจากไป

แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาดันกลับมาเวลานี้ หนำซ้ำยังแสดงจุดยืนจะช่วยหนุนหลังหลินสวินอีก!

ซย่าสิงเลี่ยทอดถอนใจ “ช่วยไม่ได้ ข้าคนแซ่ซย่ามีเพียงลูกสาวคนเดียว แล้วลูกสาวของข้าดันทนเห็นเจ้าหนูนี่ประสบเคราะห์ไม่ได้มากที่สุด ส่วนข้าน่ะ ติดหนี้ลูกสาวมากเกินไป ตอนนี้ก็ทนเห็นลูกสาวรู้สึกอดสูไม่ได้มากที่สุด เลยได้แต่สละชีวิตมาที่นี่ มาเล่นสนุกกับทุกท่านเสียหน่อย”

ทุกคนต่างจนคำพูดไปชั่วขณะ

เพราะเหตุผลนี้ แม้แต่ชีวิตก็ไม่สนแล้ว จักรพรรดิกระบี่ยอดมารนี่เสียสติไปแล้วหรือ

หลินสวินยังรู้สึกแปลกใจไปพักหนึ่ง เขากล้าฟันธงว่ายักษ์ใหญ่แห่งยุคระดับซย่าสิงเลี่ย จะต้องดูออกว่าการเดินหมากครั้งนี้น่าสะพรึงและอันตรายปานใดอย่างแน่นอน

แต่เขาก็ยังมา!

ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องกับซย่าเสี่ยวฉงหรือไม่ ล้วนทำให้ในใจหลินสวินซาบซึ้งไม่สิ้น คำที่ว่าบุญคุณล้นฟ้าก็เป็นเช่นนี้เอง

“อยากรนหาที่ตายหรือ ข้าค่อนข้างสนใจตำหนักมหามรรคเก้าฟ้าหลังนี้ของเจ้าพอดี ครั้งนี้… ทิ้งชีวิตเจ้าเอาไว้ด้วยเลยเป็นอย่างไร”

เสียงแก่ชราที่ก่อนหน้านี้เคยห้ามปรามเสวียนซั่งเฉินผู้นำตระกูลเสวียนดังขึ้น

จากนั้นเงาร่างสีแดงเพลิงสายหนึ่งปรากฏ ครานี้เป็นชายสวมชุดนักพรตแดงเพลิงคนหนึ่ง ผิวพรรณขาวเนียนดุจหยก ใบหน้าหล่อเหลาไร้ทัดเทียม ดวงตาสะท้อนลำแสงเพลิงน่าสะพรึง

เมื่อมองดูอย่างถี่ถ้วน กฎเกณฑ์เปลวเพลิงเป็นสายๆ ราวกับมังกรเพลิงรายล้อมอยู่รอบตัวเขา ประหนึ่งเทพที่ถือกำเนิดท่ามกลางเพลิงวิเศษ!

บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหง!

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งของเรือนมรรคจักรวาล มีบารมีผ่าเผยที่สามารถทำให้สรรพชีวิตทั่วหล้าสั่นสะท้าน ตำนานที่เกี่ยวข้องกับเขาย้อนไปถึงช่วงยุคดึกดำบรรพ์ได้เลยทีเดียว!

บรรยากาศในที่นั้นพลันเปลี่ยนเป็นกดดันหาใดเปรียบทันที

เพราะ ณ เวลานี้ บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงเป็นพวกน่าสะพรึงคนแรกที่เดินออกจากเงามืด อย่ามองว่าเขาหน้าตาหล่อเหลาท่าทางยังหนุ่ม ความจริงแล้วเป็นเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตอยู่มาไม่รู้กี่หมื่นปี

ซย่าสิงเลี่ยสีหน้าเคร่งขรึม เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง จู่ๆ ก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “เจ้ากับข้าห่างกันหนึ่งระดับ ทว่าข้าเพียงข้ามประตูก้าวเดียวก็สามารถทะลวงระดับได้แล้ว สามารถหยิบยืมพลังของเจ้ามาเป็นหินลับดาบได้พอดี”

กล่าวพลางทั่วร่างเขาแผ่กลิ่นอายที่สามารถสะท้านโลกออกมา มีเสียงกระบี่ครวญเหิมหาญซัดสาดออกมาจากตัวเขา

จักรพรรดิกระบี่ยอดมาร เดินทางทั่วหล้าทั้งบนล่าง ยังไม่เคยเกรงกลัวใครหน้าไหน!

“หินลับดาบ? ไม่กลัวจะลับจนเศษเหล็กอย่างเจ้าพังพินาศหรือ”

บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงดูคล้ายเด็กหนุ่ม แต่อายุกลับแก่ชราหาใดเปรียบ กล่าวเจือแววชวนสยอง

“ยามลับดาบ หากมีข้าช่วยดับไฟเล่า”

จักรพรรดิอสนีดับสูญกล่าวเสียงเย็น

“เจ้า?”

บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงส่ายหน้า ริมฝีปากเอ่ยเพียงสองคำออกมา “ไม่ไหว!”

บรรยากาศกดดัน

ชั่วขณะนี้หลินสวินยังรู้สึกหายใจลำบาก หากไม่มีวิญญาณกระบี่เย่จื่อและจักรพรรดิอสนีดับสูญคอยช่วยเขาสลายอานุภาพจักรพรรดิน่าสะพรึงที่แทรกซึมอยู่ทุกแห่งหนนั่น เกรงว่าคงยืนหยัดไม่ไหวไปนานแล้ว

สิ่งนี้ทำให้หลินสวินยิ่งตระหนักได้ลึกซึ้งขึ้น ว่าแม้จะก้าวสู่ระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิ เข้าใกล้ระดับจักรพรรดิแบบไร้ขีดจำกัด แต่ความห่างชั้น… ก็ยังมีมากเกินไป!

ก็เหมือนฟ้ากับเหว อย่างน้อยเขาที่มีปราณกึ่งจักรพรรดิหนึ่งชั้นฟ้าก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ในชั่วขณะ

“ลองดูไหม”

สายตาของซย่าสิงเลี่ยมองไปทางจี้เสวียน

“เอาสิ”

จี้เสวียนพยักหน้า

บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงขมวดคิ้วแล้ว “พวกเจ้าสองคนลงมือ เจ้าหมอนี่ก็จะไม่มีใครคอยคุ้มกันอีก พวกเจ้าแน่ใจนะว่าจะทำเช่นนี้จริงๆ”

“อันที่จริงเจ้ากังวลว่าจะถูกพวกเราสองคนพัวพัน พานทำให้พลาดโอกาสบางอย่างไปกระมัง”

นัยน์ตาของซย่าสิงเลี่ยมีเจตจำนงต่อสู้พลุ่งพล่าน

ประโยคเดียวเปิดโปงความในใจของบรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงจนสิ้น ผู้สืบทอดคีรีดวงกมลเหล่านั้นยังไม่ปรากฏตัวเขาก็โผล่หัวออกมาแล้ว ทำให้ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที หากถูกรั้งตัวเอาไว้อีก ในการวางหมากตาต่อไปมีแต่จะยิ่งเสียเปรียบคนอื่นๆ

ทว่าเผชิญหน้ากับการปลุกปั่นของซย่าสิงเลี่ย ก็ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงไม่สามารถอดทนได้

เขาเอ่ยปากเยียบเย็น “เช่นนั้นข้าก็จะสนองความต้องการของพวกเจ้า ส่งพวกเจ้าไปตามทางก่อนเอง!”

ชิ้ง!

ซย่าสิงเลี่ยเรียกกระบี่มรรคดุจหมึกเล่มหนึ่งออกมา เหยียบย่างกลางห้วงอากาศ ความท่วมท้นแห่งเจตกระบี่ สั่นคลอนธารดารา

“ขึ้นมาสู้กันสักตั้ง!”

บรรพจารย์จักรพรรดิชื่อหงแค่นเสียงเย็น โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง พุ่งเหินทะยาน

ในพริบตา ทั้งคู่ก็ก็โรมรันดุเดือดอยู่บนเวิ้งฟ้า มองเห็นเพียงเปลวเพลิงไร้สิ้นสุดปะทุคลั่ง เสียงครวญกระบี่อื้ออึงดังกึกก้อง

การดวลศึกระดับจักรพรรดิเช่นนี้ หากเกิดขึ้นบนพื้นดินใหญ่ ล้วนเพียงพอจะซัดภูผาธาราแถบนี้ให้ตกสู่สภาพพินาสยับเยิน สร้างหายนะน่าสะพรึงที่ไม่อาจจินตนาการได้

ชั่วขณะนั้น สายตาของระดับจักรพรรดิไม่รู้ตั้งเท่าไหร่ถูกการต่อสู้ครั้งนี้ดึงดูดไปมอง

“ข้าไปล่ะ”

จี้เสวียนมองหลินสวินอีกปราดหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขารับคำจะช่วยซย่าสิงเลี่ยลงมือ เป็นเพราะหลินสวินเคยบอกว่าการเดินหมากครั้งนี้เขายังมีไพ่เด็ดอยู่

“ผู้อาวุโสแค่สู้สุดฝีมือก็พอ”

หลินสวินพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ

“ดี”

จี้เสวียนทะยานฟ้าออกไป เงาร่างพุ่งโฉบเข้าสู่ส่วนลึกของเวิ้งฟ้า กลายเป็นฝนฟ้าคะนองไร้สิ้นสุดเดือดพล่าน

เหมือนอย่างการวัดฝีมือน่าสะพรึงที่เป็นของระดับจักรพรรดิ ทำเอาเวิ้งฟ้านั่นปั่นป่วน ผุดเผยภาพเหตุการณ์อันน่าสะพรึงฉากแล้วฉากเล่าออกมา ประหนึ่งวันสิ้นโลกใกล้มาเยือนก็ไม่ปาน

จาระดับในปัจจุบันของหลินสวิน ยากจะสอดส่องภาพเหตุการณ์เข่นฆ่าภายในนั้นได้แม้แต่น้อย แต่เพียงแค่มองดูเฉยๆ ก็ยังทำให้เขาหายใจลำบาก ตกใจสะเทือนขวัญ

ทว่าต่อมา ในใจของเขาก็ผุดความรู้สึกอันตรายสุดขีดออกมา

สวบ!

มือยักษ์สีเขียวล้วนข้างหนึ่งควบรวมกลางอาหาศ คว้าตะครุบมาทางเขา

เห็นได้ชัดว่า เจ้าของมือยักษ์หมายจะถือจังหวะสบโอกาสตอนที่จี้เสวียน ซย่าสิงเลี่ยล้วนไม่อยู่ จับกุมตัวหลินสวินเอาไว้

กระบี่ส่งเสียงครวญกระหึ่ม วิญญาณกระบี่เย่จื่อพุ่งโจมตี ปราณกระบี่ดุเดือดประหนึ่งคับฟ้า เผด็จการไร้สิ้นสุด แต่ระหว่างต้านทานฝ่ามือยักษ์สีเขียวนั้น ถึงกับถูกกดข่มจนถอยกรูดทีละน้อย เริ่มส่อแววประคับประคองไม่อยไหวอยู่รำไร

“เจ้าเดรัจฉาน เข้ามาสิ!”

จักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงที่เพ่งความสนใจที่ตัวหลินสวินมาโดยตลอดส่งเสียงหัวเราะ ยื่นมือหยกเรียวงามข้างหนึ่งออกมาแหวกห้วงอากาศคว้าตะปบไปทางหลินสวิน

“เรื่องที่จัดการได้ด้วยหมัดเดียว เหตุใดยังต้องเข้าไป”

เสียงเอื่อยเฉื่อยอู้อี้สายหนึ่งดังขึ้น

และที่เร็วยิ่งกว่าเสียงก็คือพลังหมัดสายหนึ่ง

หมัดนี้ เรียบง่ายธรรมดา ตรงไปตรงมา แต่กลับเสมือนสามารถทลายอุปสรรคกีดขวางทั้งหมด มีอานุภาพอาจองคงกระพัน พุ่งไปข้างหน้าอย่างอาจหาญ

หมัดนี้ ก็เหมือนเอ่ยถามแทนหลินสวิน

ภายใต้หมัดนี้ พลังกรงเล็บของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงนั้นก็แตกกระจุยราวกับเยื่อกระดาษ เห็นได้ชัดว่าเหลือทนปานนั้น

และตัวของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงเองก็ส่งเสียงกรีดร้องสะพรึงกลัวออกมา

หมัดนี้ เผด็จการถึงขีดสุด ทำให้เจตจำนงต่อสู้ของนางพังทลาย สภาพจิตใจยับเยิน งัดใช้สิ่งที่เรียนรู้มาทั้งหมด ยังไม่สามารถต้านทานได้แม้เพียงพริบตาเดียวด้วยซ้ำ

ตูม!

พร้อมๆ กับเสียงแตกกระจุยที่อื้ออึงประหนึ่งสายฟ้า ร่างกายของจักรพรรดิหญิงวิญญาณเพลิงราวกับถูกหินโม่บดขยี้ แตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นละอองแสงระฟ้าระเหยหายลับไป

หมัดเดียว จักรพรรดิหญิงผู้สูงส่งคนนี้ บุคคลเทียมฟ้าที่สูงสง่าน่ายำเกรงคนหนึ่งของเรือนมรรคจักรวาล ขวัญหลุดวิญญาณกระเจิงทั้งอย่างนี้!

ทั่วลานสั่นสะท้านไปกับเรื่องนี้ด้วย

——

Manga Info

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท