Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2026 จอหงวนมรรคจักรพรรดิ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2026 จอหงวนมรรคจักรพรรดิ

จักรพรรดิยอดยุทธ์สู้หนึ่งต่อห้า กล้าหาญไร้เทียมทาน ยามจอบกวัดแกว่ง ฟ้าดินสะเทือนปั่นป่วน แสงศักดิ์สิทธิ์สะเทือนกึกก้อง แข็งแกร่งจนน่ากลัว

จักรพรรดิกระบี่จวินหวนสำแดงมรรคกระบี่ที่พร่างพรายถึงขีดสุด งดงามตระการตา เพริศพริ้งจนไม่อาจบรรยาย กำราบจนบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนไม่อาจเงยหน้าขึ้น!

วิชาเทียมฟ้าที่ทั้งสองสำแดงออกมา ทำให้เหล่าจักรพรรดิใจสั่นสะท้านหน้าเปลี่ยนสีไปเช่นกัน

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

หากไม่เห็นกับตาตัวเองก็ไม่อาจจินตนาการได้แต่แรก ว่าพลังที่ผู้สืบทอดแห่งคีรีดวงกมลพวกนี้ครอบครองเย้ยฟ้าระดับใด

ต้องรู้ว่าบรรพจารย์จักรพรรดิ เดิมทีก็เป็นบุคคลไร้เทียมทานที่ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิเก้าชั้น อยู่ในขอบเขตย้อนบรรพ์ของระดับนี้ ต่อให้อยู่ในขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ก็ยังเป็นเสาหลักคนสำคัญ

แต่ตอนนี้บรรพจารย์จักรพรรดิแปดคนลงมือพร้อมกัน ล้วนเห็นได้ชัดว่าพลังไม่เพียงพอ!

‘หากข้าก้าวสู่ระดับนี้ ทั่วฟ้าดารานี้จะมีที่ใดที่ไปไม่ได้’

ในแววตาซย่าสิงเลี่ยดูเร่าร้อน

เขาเหลือเพียงก้าวเดียวก็จะบรรลุขั้นย้อนบรรพ์!

หลินสวินเบิกตาโพลง

เพียงแต่การต่อสู้ของบรรพจารย์จักรพรรดิที่เกิดขึ้นในส่วนลึกเวิ้งฟ้านั่นยิ่งใหญ่และน่าหวาดกลัวเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่เขาสามารถล่วงรู้ได้

เขาได้แต่เห็นว่าแม้จะถูกล้อมโจมตี ศิษย์พี่ผู่เจินกับศิษย์พี่จวินหวนก็รับมือได้อย่างสบาย ถึงขั้นเป็นฝ่ายได้เปรียบ!

นี่ทำให้ในใจเขาสั่นสะท้าน ไม่กล้าจินตนาการ

ผู้คนต่างบอกว่าเขาหลินสวินมีพลังต่อสู้เย้ยฟ้าในระดับอริยะ เรียกได้ว่าไร้ศัตรู แต่เทียบกับผู่เจินและจวินหวนแล้วก็เป็นเด็กน้อยกับจอมขมังเวทชัดๆ

ทันใดนั้นเสียงเฉยชาหนึ่งพลันดังก้องกลางฟ้าดิน

“สหายยุทธ์ทุกท่าน โปรดไปช่วยหนุนพวกเทียนหลัน”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็เห็นเงาร่างมากมายพุ่งออกมา

แต่ละคนต่างประหนึ่งนายเหนือหัวผู้ยิ่งใหญ่ อานุภาพรุ่งโรจน์ ทำให้ห้วงอากาศครวญคร่ำ

นี่ถึงกับเป็นบรรพจารย์จักรพรรดิอีกกลุ่ม!

ทันทีที่ปรากฏตัว พวกเขาก็พุ่งเข้าไปในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า เข้าร่วมการต่อสู้พร้อมกับพวกบรรพจารย์มรรคเทียนหลัน ทำการล้อมโจมตีพวกผู่เจินและจวินหวน

“เยี่ยม!”

“เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ต้องฆ่าพวกเศษเดนของคีรีดวงกมลนี่ได้อย่างง่ายดายแน่!”

ในที่นั้นอึกทึกครึกโครม บุคคลระดับจักรพรรดิอย่างพวกจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นต่างคึกคักขึ้นมา การต่อสู้ระหว่างบรรพจารย์จักรพรรดินี้ แม้พวกเขาจะเข้าไปยุ่งไม่ได้ แต่กลับรู้ดีว่าต่อให้พวกผู่เจินและจวินหวนแข็งแกร่งแค่ไหนก็ยากจะตีฝ่าวงล้อมออกไปได้อีก!

หลินสวินใจหล่นวูบ กำสองมือแน่นเงียบๆ

เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าใกล้เขาเมฆายามนี้ ยังมีบุคคลระดับบรรพจารย์จักรพรรดิซุ่มตัวอยู่อีกเท่าไหร่กันแน่

“ข้าจะไปช่วยจวินหวน!”

จักรพรรดิอสนีดับสูญจี้เสวียนก็นั่งไม่ติดแล้ว สายฟ้าคำรามไปทั้งตัว อานุภาพชวนตะลึง

“เจ้าเหลือแค่พลังจิตวิญญาณดั้งเดิม ยังจะไปสู้สุดชีวิตอีกหรือ”

ซย่าสิงเลี่ยมุ่นคิ้ว

“หากจวินหวนประสบเคราะห์ ข้าอยู่ต่อไปก็ไร้รสชาติ”

จี้เสวียนสูดหายใจลึก ทลายอากาศขึ้นไป

“ไม่ประมาณตน!”

เสียงเยาะหยันดังขึ้น พลันเห็นพวกจักรพรรดิมารผลาญนภาและจักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นลงมือพร้อมกัน ขวางจี้เสวียนไว้กลางอากาศ

ตูม!

จักรพรรดิมารผลาญนภายกมือขึ้น ทวนทองอร่ามเล่มหนึ่งพุ่งสังหารออกไป ม้วนกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิขึ้นมาเป็นชั้นๆ โหมกระหน่ำชวนตระหนก

จักรพรรดิสงครามเจวี๋ยอิ้นออกหมัด ประทับหมัดดุจขุนเขา บีบกดเข้ามาจากด้านข้าง

จี้เสวียนถูกขวางในพริบตา

หากเขาอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แค่สะบัดมือก็กำจัดคู่ต่อสู้สองคนนี้ได้แล้ว ที่น่าเสียดายคือตอนนี้กลับเป็นแค่พลังจิตวิญญาณดั้งเดิม

ต่อให้บุกโจมตีเต็มกำลังก็ไม่อาจฝ่าวงล้อมออกไปได้ ยิ่งไม่มีทางไปช่วยจวินหวนได้เป็นธรรมดา

“คิดว่าแค่นี้ก็ขวางข้าได้จริงๆ หรือ”

จี้เสวียนบันดาลโทสะ

“อย่าเอาชีวิตเข้าแลกเด็ดขาด!”

นัยน์ตาซย่าสิงเลี่ยหดรัด คล้ายเดาความคิดของจี้เสวียนออก

“ผู้อาวุโส ขอท่านไปช่วยผู้อาวุโสจี้เสวียนเถิด”

หลินสวินกล่าวรวดเร็ว

“แล้วเจ้าล่ะ”

ซย่าสิงเลี่ยมุ่นคิ้ว

“ข้ามีวิธีรับมือ”

หลินสวินสีหน้านิ่งสงบ

“ได้!”

ซย่าสิงเลี่ยตัดสินใจทันที เสียงชิ้งดังขึ้น กระบี่ครวญสะเทือนใต้หล้า เงาร่างเขาโฉบพุ่งขึ้นไปบนฟ้า แผ่อานุภาพน่าสะพรึงไร้ขอบเขตออกมา

สำหรับเขาจักรพรรดิกระบี่ยอดมาร นอกจากบรรพจารย์จักรพรรดิแล้ว บุคคลระดับจักรพรรดิคนอื่นในที่นี้ล้วนไม่อยู่ในสายตาเขา

ก่อนหน้านี้ที่ไม่ลงมือก็เพราะต้องปกป้องหลินสวินเท่านั้น

ทว่าซย่าสิงเลี่ยเพิ่งเคลื่อนไหว ก็ถูกเจตกระบี่น่ากลัวสายหนึ่งจับจ้อง ทำให้เงาร่างเขาหยุดชะงักทันที ในดวงตาฉายแววเยียบเย็น

“ซย่าสิงเลี่ย คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า”

ที่มาพร้อมกับเสียงต่ำลึกแหบพร่าคือชายผมม่วงที่พุ่งวาบมากลางอากาศ เขาสีหน้าเคร่งขรึม สวมเสื้อคลุมนกกระเรียนแดงก่ำ ท่าทางองอาจห้าวหาญ

ในมือเขาถือทวนเหล็กเขียวเข้มเล่มหนึ่ง ปลายทวนบาดตาอย่างที่สุด

“น่าหลันฉี เจ้าก็อยากเป็นศัตรูกับข้ารึ”

นัยน์ตาของซย่าสิงเลี่ยเผยคมออกมาจนหมด เจตกระบี่ชวนตะลึง

น่าหลันฉี!

เฒ่าดึกดำบรรพ์แห่งเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลน่าหลัน บุคคลระดับจักรพรรดิที่บรรลุถึงขอบเขตสูงสุดบนมรรคทวนคนหนึ่ง ถูกขนานนามว่า ‘มหาจักรพรรดิคมยุทธ์’!

“ทำไมจะไม่ได้”

น่าหลันฉีสีหน้าเคร่งขรึม ทวนเหล็กในมือวาดกวาด พุ่งสังหารเข้ามา

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นวันนี้ข้าจะตัดหัวเจ้าเอง!”

ซย่าสิงเลี่ยกล่าวเยาะหยัน สะบัดกระบี่เข้าฟาดฟัน

เพียงพริบตาศึกใหญ่ก็เปิดฉาก

คนหนึ่งคือจักรพรรดิกระบี่ยอดมาร อีกคนคือมหาจักรพรรดิคมยุทธ์ หนึ่งกระบี่หนึ่งทวนเปิดศึกกันกลางอากาศ สำแดงการเข่นฆ่า

ตูม!

อานุภาพระดับจักรพรรดิที่น่าหวาดกลัวปกคลุมในจุดที่ทั้งสองกรำศึก เห็นเพียงปราณกระบี่โลดแล่นไปทั่ว เงาทวนระริกไหว เผยลักษณ์ประหลาดที่สะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมามากมาย

ในใจหลินสวินพลันตึงเครียด

จี้เสวียนถูกสกัด ซย่าสิงเลี่ยก็ถูกขวาง ในส่วนลึกของท้องนภา จวินหวนกับผู่เจินก็ตกอยู่ในการปิดล้อมของบรรพจารย์จักรพรรดิมากมาย

ประชันหมากมาถึงตอนนี้ สถานการณ์เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง

แม้แต่บุคคลระดับจักรพรรดิในที่นั้นก็สับสนตาลายไปพักหนึ่ง เผยสีหน้ายากจะเชื่อ

หรือพูดได้ว่าแม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึง ว่าจะมีบุคคลน่ากลัวที่เกือบเหมือนตำนานมากเช่นนี้มาเปิดตัวอย่างต่อเนื่อง!

“หรือวันนี้จะใกล้ครบแสนปีแล้ว ถึงได้เปิดฉาก ‘ศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิ’ ขึ้น”

มีคนเอ่ยเบาๆ

ฟุ่บ!

ห้วงอากาศใต้เท้าหลินสวินปรากฏบัวทองอร่ามดอกหนึ่งโดยไร้สุ้มเสียง กลีบดอกเบ่งบาน แสงมรรคจักรพรรดิลึกลับเวียนวน หมายจะกลืนกินหลินสวินทั้งตัวไว้ในเกสร

ส่วนหลินสวินก็ไม่รับรู้อะไร

นี่คือพลังอัศจรรย์ที่ลงมือโดยบุคคลระดับจักรพรรดิแท้ ย่อมอยู่เหนือจินตนาการของเขาอยู่แล้ว!

ในที่ลับ หญิงชราชุดเทาคนหนึ่งเผยยิ้มออกมา

แต่เพียงพริบตารอยยิ้มนางก็ค้างแข็ง

พลันเห็นบัวทองอร่ามดอกนั้นที่นางปล่อยออกมา ถูกบรรทัดหยกเล่มหนึ่งฟาดใส่ทันที

เพี๊ยะ!

ดอกบัวสีทองสั่นสะท้าน กลีบดอกที่เบ่งบานร่วงโรยไปทีละกลีบ กลายเป็นเถ้าถ่าน

จากนั้นบรรทัดหยกก็เคลื่อนกวาดไปรอบตัวหลินสวิน

แค่ชั่วพริบตา…

บาตรลูกหนึ่งถูกซัดจนส่งเสียงครวญคร่ำลอยออกไป เข็มขัดหยกสีชาดเส้นหนึ่งถูกตีจนตวัดม้วน น้ำเต้าที่ดูเหมือนหยกชิ้นหนึ่งถูกกระแทกจนร่วงไปกลางอากาศ

หรือพูดได้ว่าช่วงที่บรรทัดหยกนี้เคลื่อนกวาด ก็ซัดสมบัติสามชิ้นที่เดิมซุ่มซ่อนอยู่กลางอากาศ หมายจะพุ่งสังหารมาทางหลินสวินอย่างเงียบเชียบจนพินาศไปทีละอัน!

เห็นชัดว่าคนที่ลงมือก่อนหน้านี้ไม่ได้มีแค่หญิงชราชุดเทานั่น ขณะเดียวกันยังมีบุคคลน่ากลัวคนอื่นอีกสามคนลงมือพร้อมกัน แน่นอนว่าเป้าหมายคือการจับตัวหลินสวิน เพื่อชิงมหาสมบัติแรกกำเนิดและศุภโชคในตัวเขาไป!

หากไม่ใช่ว่าบรรทัดหยกเล่มนั้นปรากฏตัว พวกเขาก็เกือบบรรลุเป้าหมายแล้ว

เมื่อเห็นภาพนี้หลินสวินที่รู้สึกตัวทีหลังพลันตื่นตระหนก ขนพองสยองเกล้า แผ่นหลังล้วนชุ่มไปด้วยเหงื่อ

“ใครกัน”

“บัดซบ!”

“ล้มเหลวจนได้…”

เสียงที่เจือความเดือดดาลระลอกหนึ่งดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของผู้ยิ่งใหญ่คนอื่นในที่นั้น

เมื่อทุกสายตามองไป ก็เห็นว่ามีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวอยู่ข้างกายหลินสวินไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่

เขาสวมหมวกสูงรัดเข็มขัด สวมชุดนักพรตแขนกว้าง มือถือหนังสือเล่มหนึ่ง แววตาใสกระจ่าง เอวหลังเหยียดตรง มีบุคลิกอ่อนโยนดุจหยก

เหมือนบัณฑิตลุ่มลึกผู้อ่อนน้อมสุภาพเรียบร้อย เปี่ยมวิชาความรู้คนหนึ่ง

ทว่าชายท่าทางลุ่มลึกคนนี้ เมื่ออยู่ในสายตาของบุคคลระดับจักรพรรดิคนอื่นในที่นั้น กลับพาให้กายใจรู้สึกหวั่นหวาด พลันหนาวเยือกทันที!

“ศิษย์น้อง ข้ามีฉายามรรคว่า ‘เสวี่ยหยา’ จัดอยู่ในลำดับที่สิบเก้าของสำนัก”

ชายชุดนักพรตเอ่ยปาก แววตาใสกระจ่างและอบอุ่น

เสียงของเขาราวกับน้ำในลำธารไหลซึมเข้ากลางใจ ทำให้ความวิตกกังวลและประหม่าในใจของหลินสวินพลันหายไป เปลี่ยนเป็นเงียบสงบและราบเรียบ

ศิษย์พี่สิบเก้า เสวี่ยหยา!

หลินสวินนึกถึงดอกกระบี่พันปีก นึกถึงคำที่นางเคยกำชับตนว่าต้องนำ ‘กระบี่ไผ่สดับหิมะ’ ไปให้ศิษย์พี่เสวี่ยหยา

เขากลับคิดไม่ถึง ว่าครั้งแรกที่เจอศิษย์พี่เสวี่ยหยาจะอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้

“คารวะศิษย์พี่”

หลินสวินกล่าว ในใจรู้สึกซาบซึ้ง เขารู้ดีว่าหากไม่ได้ศิษย์เสวี่ยหยาช่วย เมื่อครู่นี้ตนต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันขึ้นแน่

“รอคลี่คลายเรื่องตรงหน้าแล้ว พวกเราศิษย์พี่ศิษย์น้องค่อยสนทนากัน”

เสวี่ยหยายิ้มพลางตบบ่าหลินสวิน จากนั้นก็มองไปทั่วพื้นที่นั้น ในแววตาที่เดิมอบอุ่นและใสกระจ่างพลันเฉยชาขึ้นมา

เวลานี้เหล่าจักรพรรดิในที่นั้นต่างเผยสีหน้าตื่นตระหนก

เสวี่ยหยา ชื่อนี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่คุ้นเคย แต่นาม ‘จอหงวน’ ผู้สืบทอดคนที่สิบเก้าแห่งคีรีดวงกมล ใครเล่าจะไม่รู้จัก

จอหงวนมรรคจักรพรรดิ ท่องคัมภีร์สะท้านทั่วทิศ!

ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เสวี่ยหยาก็ถูกมองเป็นผู้มากสามารถอันดับหนึ่งในระดับจักรพรรดิ เป็นบุคคลในตำนานที่มีระดับความรู้ลึกซึ้งบนมรรคจักรพรรดิ สมชื่อ ‘จอหงวน’ !

“จอหงวน คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่… ไม่ใช่ว่าเจ้าประสบเคราะห์ระหว่างทางไปเสาะหาฟากฝั่งฟ้าดาราแล้วหรือ”

เสียงหนักเข้มหนึ่งดังขึ้น

“ข่าวลือจะเป็นจริงได้อย่างไร”

แววตาเสวี่ยหยาเผยความเศร้าหมอง “ตอนนี้สิ่งที่ข้านึกเสียใจที่สุด ก็คือการมุ่งหน้าไปเสาะหาฟากฝั่งฟ้าดาราในปีนั้น ไม่เช่นนั้นก็คงไม่พลาดศึกมรรคของเหล่าจักรพรรดิในสมัยบรรพกาลนั่น…”

“ฮึ! ปีนั้นต่อให้เจ้าเข้าร่วม ก็เกรงว่าคงมีแต่ตายไร้ชีวา”

เสียงฮึเย็นชาหนึ่งดังขึ้น

“เช่นนั้นรึ”

ความเศร้าอาดูรในแววตาเสวี่ยหยาหายไป ถูกความเฉยชานั้นเข้ามาแทนอีกครั้ง

เขายกมือชี้อากาศ

ฟุ่บ!

บรรทัดหยกเขียวเลื่อมพรายเล่มหนึ่งพุ่งออกมา ตัดทำลายแหวกอากาศไปทันที

ห้วงอากาศที่ไกลออกไปถูกบรรทัดหยกเล่มนั้นตีจนทรุดลง ส่งเสียงกัมปนาทอึกทึกสนั่นหูโดยพลัน

ขณะเดียวกันเงาร่างหนึ่งคำรามเสียงอึดอัด ซวนเซโฉบพุ่งออกไป เป็นหญิงชราชุดเทาที่ก่อนหน้านี้เคยลงมือลอบโจมตีหลินสวินนั่นเอง

นางตอบสนองรวดเร็ว สองมือไขว้ตัดสลับกัน ควบรวมบัวมรรคสีทองหลายดอกไปต้านบรรทัดหยกที่ฟาดมานั่น

ตูม!

เสียงปะทะปานฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น ฟ้าดินมืดสลัว

พลันเห็นบรรทัดหยกสีเขียวรุกเข้าไปเหมือนผ่าลำไผ่ ตีจนหญิงชราชุดเทานั่นหัวแตกเลือดอาบ ไม่ว่านางต้านทานอย่างไรก็ไร้ประโยชน์

สุดท้ายเมื่อเสียงหนักทึบหนึ่งดังขึ้น ร่างกายและพลังจิตของหญิงชราชุดเทาก็ถูกซัดระเบิดแหลกไปพร้อมกัน

ใช้เวลาเพียงชั่วขณะเท่านั้น หญิงชราชุดเทาที่มีระดับความรู้เชี่ยวชาญในมรรคาระดับจักรพรรดินี้ก็ดับสิ้น!

“คนที่มีแต่ตายไร้ชีวา… คือเจ้าต่างหาก…”

เสวี่ยหยาถอนใจเบาๆ ชุดนักพรตพลิ้วไหว สง่างามดุจหยก

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท