Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2043 พันธนาการมหามรรคแห่งโชคชะตา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2043 พันธนาการมหามรรคแห่งโชคชะตา

ตอนที่ 2043 พันธนาการมหามรรคแห่งโชคชะตา

เฉินหลินคง!

ถ้าหลินสวินอยู่ที่นี่ จะต้องจำได้ว่าชายที่มีเงาร่างสูงตระหง่านเป็นที่สุด สง่างามปานทวยเทพสูงส่งไร้เทียมทานผู้นี้ เขาเคยพบมาก่อน

ตอนนั้นเขากับเจ้าคางคกเข้าสู่ ‘แดนเผาเซียน’ ในแดนมกุฎด้วยกัน และเคยพบชายที่เรียกตัวเองว่าเซียนผลาญเฉินหลินคงผู้นี้

ตอนนั้นในตำหนักในหุบเขาแห่งหนึ่ง เพราะเฉินหลินคง เจ้าคางคกจึงรู้ว่าบรรพบุรุษของเขาเคยเป็นหนึ่งใน ‘หนึ่งร้อยแปดแม่ทัพเทพ’ ที่อยู่ข้างกายเฉินหลินคงผู้นี้

และก็เป็นที่นั่น ที่ทำให้เจ้าคางคกได้วาสนาครั้งหนึ่งไป

หลินสวินจำได้อย่างชัดเจนว่าเฉินหลินคงเคยพูดกับเขาประโยคหนึ่งว่า

‘เจ้าทำให้ข้านึกถึงจักรพรรดิสงครามดับดารา แต่เห็นได้ชัดมากว่าเจ้ากับจักรพรรดิสงครามดับดาราไม่เหมือนกัน มรรคาของเจ้าก็ไม่เหมือนเขาเช่นกัน ข้ารอคอยอย่างมากว่าเจ้าจะบรรลุมรรคาแบบไหน’

ตอนนั้นคำตอบของหลินสวินคือ ‘ข้าเคยได้เจอจักจั่นทองตัวหนึ่งด้วยความโชคดี เขาเองก็เคยพูดคุยกับข้าและพูดเช่นนี้’

เฉินหลินคงเอ่ย ‘จักจั่นทองตัวนั้นไม่ได้บอกเจ้าหรือว่าถ้าอยากเดินบนมรรคาที่ไม่เคยมีมาก่อน จะต้องแลกกับอะไร’

หลินสวินพูด ‘มันพูดเพียงว่า วาสนาชะตาลิขิตราวมายา การปรารถนาตามใจต้องการนั้นดี แต่หากลุ่มหลงมัวเมาเข้าแล้ว กลับจะกลายเป็นของธรรมดาไป’

ความจริงแล้ว การสนทนานี้ได้เผยมานานแล้วว่าเฉินหลินคงไม่เพียงรู้จักจักรพรรดิสงครามดับดารา ยังรู้จักชายหนุ่มจักจั่นทองด้วย

แต่ที่น่าเสียดายก็คือหลินสวินไม่ได้อยู่ที่นี่ หาไม่แล้วจะต้องไปถามข่าวเกี่ยวกับจักรพรรดิสงครามดับดาราจากเฉินหลินคงแน่

และสำหรับเด็กสาวคนนั้นแล้ว เซียนผลาญเฉินหลินคง นางไม่เคยได้ยินสักนิด หรือต่อให้เคยได้ยินก็ไม่สนใจมากอยู่แล้ว

เพราะในโลกของนางรับหลินสวินได้คนเดียวเท่านั้น

เด็กสาวคนนี้ย่อมเป็นซย่าจื้อ

พอรู้สึกถึงพลังนุ่มนวลและเปี่ยมไปด้วยพลังชีวิตผุดเข้าไปในร่างไม่ขาดสาย ซย่าจื้อก็ไม่ดิ้นรนอีก จมสู่ความเงียบงัน

บรรยากาศแปรเปลี่ยนเป็นหนักอึ้งเล็กน้อยทันที เฉินหลินคงยิ้มน้อยๆ ไม่ได้สนใจ

แต่ทันใดนั้นเขาก็นิ่วหน้า ความฉงนผุดขึ้นในดวงตา

ร่างกายของเด็กสาวตรงหน้าบาดเจ็บสาหัสย่อยยับไปนานแล้ว แต่สำหรับเขา เดิมทีสามารถฟื้นฟูบาดแผลเหล่านี้ได้อย่างง่ายดาย

ทว่าตอนนี้เขากลับรับรู้ได้อย่างฉับไว ว่าส่วนลึกของบาดแผลในร่างกายเด็กสาวคนนี้กลับเต็มไปด้วยพลังลึกลับคลุมเครือเป็นที่สุด!

พลังลึกลับนี้น่ากลัวยิ่งยวด ราวกับสายโซ่เป็นเส้นๆ แทรกเข้าไปในร่างของนาง พันธนาการต้นกำเนิดชีวิตของนางไว้อย่างแน่นหนา!

‘พลังเช่นนี้ถึงกับแฝงเข้าไปในต้นกำเนิดชีวิตของคนผู้หนึ่งหรือ นี่ไม่ได้หมายความว่าโชคชะตาของแม่หนูนี่ถูกเปลี่ยนไปนานแล้วหรือ’

‘นี่… หรือจะเป็นพลังชิงฟ้าเปลี่ยนชะตา’

เฉินหลินคงยังตกตะลึงอย่างอดไม่ได้ รู้สึกผิดคาด

พลังชีวิตลึกลับและคลุมเครือที่สุด สามารถแบกรับความหนักอึ้งของมหามรรค สามารถกระตุ้นการแปรสภาพของผู้ฝึกปราณครั้งแล้วครั้งเล่า

แก่นแท้ของชีวิตถูกเรียกว่าหลักชะตา ทั้งยังถูกมองว่าเป็นโชควาสนาและโชคชะตา

ดังคำกล่าวที่ว่า การทำนายโชคชะตาก็คือการอนุมานหลักชะตา สืบสาวโชควาสนา มองทะลุเส้นทางโชคชะตาของชีวิตนี้ทั้งชีวิต

เพียงแต่วิชาทำนายโชคชะตาก็แค่สำหรับคนธรรมดาสามัญเท่านั้น

ในสายตาของผู้ฝึกปราณ พลังแห่งชีวิตคลุมเครือและลึกลับที่สุด ประหนึ่งมรรคาสวรรค์ การแปรสภาพและบรรลุระดับที่ผู้ฝึกปราณไขว่คว้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ความจริงแล้วล้วนเป็นการแปรสภาพและยกระดับชีวิตของตนเอง

ก็เพราะมีการแปรสภาพ จึงทำให้ชีวิตของผู้ฝึกปราณเต็มไปด้วยตัวแปร คิดจะทำนายหลักชะตาของผู้ฝึกปราณ สืบสาวโชคชะตาของพวกเขา แทบจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก

พูดง่ายๆ ก็คือการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวกับชีวิตต่างเรียกได้ว่าเป็นมรรค ‘โชคชะตา’ ทั้งนั้น

และในสายตาของผู้ฝึกปราณ มหามรรคโชคชะตาก็เหมือนกับมหามรรคกาลเวลา ต่างเรียกได้ว่าเป็นยอดมหามรรคที่ลึกลับยากหยั่งถึงเป็นที่สุด!

ตามที่เฉินหลินคงรู้ มีเพียงบรรลุระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ถึงพอจะฝืนครอบครองวิธีแก้ไขหลักชะตาได้น้อยนิดเท่านั้น ยังไม่ถึงกับหยั่งรู้มหามรรคโชคชะตาอย่างแท้จริง

แต่ตอนนี้ภายในร่างของเด็กสาวตรงหน้า กลับมีพลังลึกลับประหนึ่งสายโซ่ปกคลุมอยู่ในต้นกำเนิดชีวิตของนาง นี่จะน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!

‘หรือจะเป็นผู้เก่งกาจที่สามารถควบคุมกฎเกณฑ์โชคชะตาได้คนหนึ่ง ชิงฟ้าเปลี่ยนชะตาให้เด็กคนนี้’

เมื่อคิดถึงตรงนี้ แววตาที่เฉินหลินคงมองดูซย่าจื้ออีกครั้งก็เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิงแล้ว เจือแววตกตะลึง

‘คราวนี้เป็นจักจั่นทองเชิญข้ามา เขาต้องรู้อะไรบางอย่างแน่ ข้าจะไม่บุ่มบ่ามสืบเองล่ะ…’

ในที่สุดเฉินหลินคงก็ยั้งความคิดที่จะสืบดูพลังลึกลับประหนึ่งสายโซ่เป็นชั้นๆ ในร่างของซย่าจื่อนั้น

ความจริงแล้วพลังเช่นนี้เกี่ยวข้องกับโชคชะตาของคนผู้หนึ่ง เฉินหลินคงก็ไม่กล้าบุ่มบ่ามไปแทรกแซง หาไม่แล้วจะต้องเกิดตัวแปรที่ไม่อาจควบคุมได้แน่

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…’

ไม่นานนักเฉินหลินคงก็ค้นพบใหม่อีกครั้ง

ซย่าจื้อในตอนนี้บาดเจ็บเจียนตายนานแล้ว สัญญาณชีพจะเหือดหายอยู่รอมร่อ แต่ภายใต้การจับจ้องของเฉินหลินคง พลังลึกลับที่โอบรอบต้นกำเนิดพลังชีวิตของซย่าจื้อราวกับสายโซ่ ขณะนี้กลับมีพลังลึกลับเป็นริ้วๆ ไหลรินออกมา แล้วผุดเข้าไปตามบริเวณต่างๆ ของร่างกายซย่าจื้อ

ขณะนี้ร่างกายภายนอกที่ทรุดโทรม อาการบาดเจ็บสาหัสหาใดเทียบของนางนั้นกำลังฟื้นฟูอยู่เงียบๆ เหมือนได้รับการหล่อเลี้ยง

ขนาดสัญญาณชีพที่แทบเหือดหายของนางนั้นยังมีแนวโน้ม ‘ฟื้นกลับมา’

เพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น

ภายใต้การจับตามองของเฉินหลินคง เด็กสาวที่บาดเจ็บเจียนตายตรงหน้าคนนี้ก็เปลี่ยนแปลงไปชนิดพลิกฟ้าคว่ำดิน

ไม่เพียงแต่อาการบาดเจ็บฟื้นฟูเช่นนี้ ตัวนางยังเหมือนแปรสภาพและยกระดับใหม่ทั้งหมด มีคลื่นพลังลึกลับสุดหยั่งไหวเคลื่อนไปทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้า

“ดังคาด ได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้แล้ว ผู้ฝึกปราณทั่วไปคงตายไปนานแล้ว แต่นางกลับสามารถนิพพานท่ามกลางความพังพินาศ แปรสภาพท่ามกลางเส้นแบ่งความเป็นความตายได้ ล้วนเป็นเพราะพลังลึกลับที่พันธนาการอยู่ในต้นกำเนิดชีวิตของนาง…”

“มิน่านางตัวคนเดียว ทวนศึกเล่มเดียวก็สู้ในโลกอันอันตรายที่สรรพชีวิตวอดวายถึงตอนนี้ได้…”

“สำหรับนางแล้ว พลังลึกลับราบกับโซ่ตรวนเป็นชั้นๆ นั้นอาจจะเป็นกรุสมบัติที่ใช้ได้ไม่มีวันหมดหลังหนึ่ง ทำให้นางแปรสภาพนิพพานท่ามกลางความเป็นความตายได้”

ขณะนี้ ในที่สุดเฉินหลินคงก็เข้าใจแล้ว ในใจยังอุทานอย่างอดไม่ได้ อาจจะเป็นพลังโชคชะตา!

อัศจรรย์ปานนั้น ว่างเปล่าพร่าเลือนปานนั้น ไม่อาจใคร่ควรญได้!

ตั้งแต่เริ่มจนจบซย่าจื้อยังไม่ได้พูดสักคำ เงียบเชียบเป็นก้อนหิน ทั้งยังไม่รู้สักนิดว่าความเปลี่ยนแปลงน่าตกตะลึงในร่างของนางทำให้เซียนผลาญเฉินหลินคงยังรู้สึกสั่นสะท้าน

กระทั่งนางรู้สึกว่าร่างกายฟื้นฟูโดยสมบูรณ์แล้ว ก็ลุกขึ้นยืนเงียบๆ ถือเอาทวนศึกนั้น เกิดไปยังฟ้าดินมืดหม่นไกลออกไปเพียงลำพัง

ก่อนไป พูดเพียงสองคำว่า

“ขอบคุณ”

ประหยัดคำพูดดั่งทองคำ

เฉินหลินคงกลับไม่ได้โมโห มองดูนางเดินหน้าไปเพียงลำพัง จู่ๆ ในใจก็มีความเวทนาผุดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

ที่นางสู้ไม่หยุดพักแบบนี้เป็นเพราะอะไรกัน

“น่าสนใจใช่ไหม”

จู่ๆ เสียงอ่อนโยนกังวานก็ดังขึ้น

“เจ้าให้ข้ามาก็เพื่อให้ข้าได้พบเห็นพลังโชคชะตาหรือ ว่ากันตามจริง ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็นคนที่ควบคุมกฎเกณฑ์โชคชะตาได้มาก่อน”

เฉินหลินคงไม่ต้องหันกลับมามองสักนิดก็รู้ว่าจักจั่นทองตัวนั้นมาแล้ว

ชายหนุ่มจักจั่นทองใส่ชุดผ้าป่าน เท้าเปลือย สง่างามยากจับต้องได้ยากดังเก่า สายตาเขามองดูเงาร่างสูงโปร่งผอมบางของซย่าจื้อนั้นอยู่ไกลๆ เอ่ยว่า “เจ้าแซ่เฉิน ได้เห็นคนที่ควบคุมโชคชะตาได้ไม่ใช่เรื่องแปลกสักนิด แต่เจ้าควรรู้ว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้ ผู้ที่ขบถฟ้าเปลี่ยนชะตาไม่ได้มีนางแค่คนเดียว”

“ยังมีใครอีก”

เฉินหลินคงจึงแสดงสีหน้าตกตะลึง

“ก็หลินสวินที่นางพูดถึงไง”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ย

“ที่แท้ก็เป็นเขา”

เฉินหลินคงพูดถึงตรงนี้ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยว่า “คีรีดวงกมลชนะแล้วหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองพยักหน้า “จอมจักรพรรดิไร้นามพ่ายแพ้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหรือข้า หรือเจ้าพวกคนที่ปรารถนาจะไปยังฟากฝั่งฟ้าดาราบนทางเดินโบราณฟ้าดาราเหล่านั้นต่างก็ต้องขอบคุณคีรีดวงกมล น้ำใจคราวนี้คิดจะไม่รับก็คงไม่ได้”

เฉินหลินคงทอดถอนใจ “‘ศิษย์พี่ใหญ่’ คีรีดวงกมลคนนั้น…เป็นคนที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งจริงๆ นะ ก่อนหน้านี้ข้ายังไม่กล้าเชื่อเลยว่าบนทางเดินโบราณฟ้าดาราแห่งนี้จะยีงมีคนแบบเขา”

“ไปเถิด”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ย

“ไม่ต้องรีบร้อน เล่าให้ข้าฟังได้ไหมว่าทำไมแม่หนูนี่ถึงยึดติดต้องต่อสู้โดยไม่หยุดพักอยู่ตลอดเช่นนี้”

สายตาเฉินหลินคงมองดูซย่าจื้อที่อยู่ไกลลิบ เจือแววสงสัย

ชายหนุ่มจักจั่นทองนิ่งคิด แล้วก็ไม่ได้ปิดบังอีก “ที่นี่ ถูกมองว่าเป็น ‘ต้นกำเนิดแห่งภัยพิบัติ’ ในโลกมืด ทั้งยังถูกเรียกว่า ‘แดนมรณะเสื่อมโทรม’ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า ‘ภัยพิบัติ’ ที่มีอยู่ทั่วไปในที่แห่งนี้ ความจริงแล้วมาจากฟากฝั่งฟ้าดารา”

เฉินหลินคงเหมือนเข้าใจในทันที พยักหน้าเอ่ยว่า “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ มิน่าข้าถึงเห็น ‘สัตว์ประหลาดฟ้าดารา’ ที่ไม่ได้อยู่บนโลกนี้จำนวนหนึ่ง”

ชายหนุ่มจักจั่นทองเอ่ย “นางต่อสู้ที่นี่เพื่อยับยั้งไม่ให้สัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นมาเยือน เพียงเพราะนางต้องทำแบบนี้ มิเช่นนั้นหลังจากสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นมาเยือนก็จะไปล่าสังหารคนที่นางมองว่าสำคัญเสียยิ่งกว่าชีวิตตัวเองคนหนึ่ง”

เฉินหลินคงเลิกคิ้ว “หลินสวินหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองพยักหน้า

เฉินหลินคงรู้สึกซาบซึ้งใจไปครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “เจ้าเด็กนั่นรู้เรื่องพวกนี้ไหม”

ชายหนุ่มจักจั่นทองตอบไม่ตรงคำถาม “ที่นี่เป็น ‘แดนมรณะเสื่อมโทรม’ ที่อันตรายที่สุดในโลกมืด ไม่มีพลังชีวิต สรรพชีวิตโรยรา ก็มีแต่พลังที่นางครอบครองถึงฉีกพลังระเบียบของโลกนี้เข้าไปข้างในได้ง่ายดายปานนี้”

“หลังจากมาถึงโลกนี้ ภัยพิบัติไม่หยุดหย่อน การต่อสู้ไม่หยุดพัก ถ้าไม่มีใครช่วยนางสะสางเรื่องทั้งหมดนี้ นางจะต้องอยู่ที่นี่ไปชั่วชีวิตนี้”

เฉินหลินคงแววตาไหววูบ “เจ้าไม่คิดจะช่วยหรือ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองส่ายหัว “คนผูกก็ต้องเป็นคนแก้ ต่อให้เจ้ากับข้าจะพานางไปได้ แต่เจ้าเชื่อไหมว่านางจะยังกลับมา”

“ช่วยนางกำจัดภัยพิบัติพวกนั้นให้สิ้นซากจะเป็นอย่างไร” เฉินหลินคงเอ่ย

ชายหนุ่มจักจั่นทองถอนใจเบาๆ “เป็นไปไม่ได้ ต้นกำเนิดของภัยพิบัติเหล่านั้นอยู่ที่ฟากฝั่งฟ้าดาราเหมือนพลังระเบียบต้องห้าม”

“ไปเถอะ”

ชายหนุ่มจักจั่นทองหันหลังจากไป

เฉินหลินคงมองดูเงาร่างที่เดินอยู่กลางฟ้าดินเพียงลำพังนั้นอยู่ไกลๆ ก็ถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง แล้วหันตัวจากไป

ท่ามกลางฟ้าดินอันขมุกขะมัว

ซย่าจื้อเดินอยู่คนเดียว ชายหมกคลุมบดบังใบหน้า เงียบงันเหมือนเก่า

ทว่าหลังจากชายหนุ่มจักจั่นทองกับเฉินหลินคงจากไปอย่างต่อเนื่อง นางก็ชะงักก้าวเดินเล็กน้อย ดวงตาไร้ราคีอันใสกระจ่างทั้งสองข้างมองไปที่เวิ้งฟ้า

พึมพำในใจครั้งหนึ่งว่า ‘พวกเขาพูดถึงชื่อเจ้าล่ะ…ดูท่าเจ้าจะยังมีชีวิตอยู่…เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว…’

มุมปากนางปรากฏรอยยิ้มเลือนราง

หลายปีนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางยิ้ม

———————–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท