Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2053 เหตุการณ์สังหารมาเยือน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2053 เหตุการณ์สังหารมาเยือน

ตอนที่ 2053 เหตุการณ์สังหารมาเยือน

ห้วงอากาศเหนือหุบเขาแห่งหนึ่ง

ตูม!

กลิ่นอายของการต่อสู้ทะลวงฟ้า ชั้นเมฆสลายเป็นเสี่ยงๆ เงาร่างสองร่างตัดกันไปมาอยู่ภายใน ราวกับเทพสององค์กำลังต่อสู้เข่นฆ่า

มองอย่างละเอียด นั่นคือหลินสวินและจักรพรรดิกระบี่นภาประสานนั่นเอง

วิญญาณกระบี่เย่จื่อมองดูการต่อสู้อยู่

ตอนที่เห็นว่าหลินสวินในตอนนี้สามารถสู้กับจักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่บาดเจ็บสาหัสด้วยฝีมือที่พอๆ กันแล้ว วิญญาณกระบี่เย่จื่อเองก็อดรู้สึกตกใจไม่ได้

สิบกว่าวันก่อน หลินสวินแพ้แล้วแพ้อีก ล้มเหลวอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิกระบี่นภาประสานเลย

แต่สิบวันหลังจากนั้น เขาก็สามารถปะทะซึ่งหน้ากับจักรพรรดิกระบี่นภาประสานได้แล้ว

การพัฒนานี้เรียกได้ว่าน่าตกใจ!

“ที่แท้ก็เป็นคนวิปริตคนหนึ่งจริงๆ…”

วิญญาณกระบี่เย่จื่อพึมพำ

คนรุ่นหลังระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิชั้นหนึ่ง กลับสามารถเผชิญหน้ากับระดับจักรพรรดิแท้ซึ่งอยู่มายาวนาน นี่เหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

แม้จักรพรรดิกระบี่นภาประสานบาดเจ็บอยู่ สำแดงพลังต่อสู้ได้เพียงสองส่วนจากจุดสูงสุด แต่หลินสวินสามารถทำได้ถึงขั้นนี้ก็ยังคงน่าตกใจมาก หากแพร่กระจายออกไปจะต้องทำให้ทั่วหล้าฮือฮาอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรระดับจักรพรรดิก็ประหนึ่งปราการสวรรค์ที่ไม่อาจก้าวข้าม

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยปรากฏตัวอย่างที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิข้ามระดับปะทะระดับจักรพรรดิเช่นกัน!

แต่เห็นได้ชัดมาก ว่าหลินสวินกำลังสร้างปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน!

และวิญญาณกระบี่เย่จื่อก็ดูออกว่า กฎเกณฑ์กึ่งจักรพรรดิที่หลินสวินครอบครอง แม้มีข้อบกพร่อง แต่แทบจะใกล้เคียงกฎเกณฑ์ระดับจักรพรรดิแท้ อีกทั้งมรรควิถีของเขาหนักแน่นยิ่งกว่าที่คาด ในสิบวันนี้ที่เคี่ยวกรำผ่านการต่อสู้ ก็ทำให้เขาเกิดการเปลี่ยนแปลงปานถอดรยางค์เปลี่ยนกระดูก…

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานเหมือนค้อนยักษ์อันหนึ่ง ตีลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เหล็กแข็งที่มีคุณภาพระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิอย่างหลินสวินได้รับการฝึกฝนและยกระดับถึงขีดสุด

แน่นอนว่าวิญญาณกระบี่เย่จื่อเองก็ดูออกว่า การฝึกเช่นนี้เหมาะกับหลินสวินคนเดียว หากเปลี่ยนเป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิคนอื่นๆ คงเละไปนานแล้ว ยังจะพูดถึงการเปลี่ยนแปลงอะไร

ตูม!

สู้ถึงตอนท้าย สารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณรอบตัวหลินสวินราวกับเดือดพล่าน ทำให้อานุภาพรอบตัวเขายกระดับขึ้นจนถึงขั้นสุดในทันที

เพียงพริบตา จักรพรรดิกระบี่นภาประสานก็ถูกหลินสวินกดข่ม ตกอยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบ!

ภาพนี้ไม่เพียงทำให้วิญญาณกระบี่เย่จื่อตกใจ ยังทำให้จักรพรรดิกระบี่นภาประสานดวงตาเบิกโต ยากจะเชื่อ

ถูกกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งใช้เป็นเป้าในการฝึกฝีมือก็อับอายมากพอแล้ว แต่ตอนนี้ยังถูกกึ่งจักรพรรดิกดข่ม นี่ถึงขั้นสามารถทำให้ระดับจักรพรรดิทุกคนเป็นบ้าได้

อันที่จริงจักรพรรดิกระบี่นภาประสานในชั่วขณะนี้ก็แทบจะบ้าแล้วจริงๆ ดวงตาแดงก่ำแล้ว

ช่วงที่ผ่านมานี้เขาทนต่อความอัปยศ บังคับตัวเองให้อดทนอดกลั้น เพื่อไขว่คว้าโอกาสชิงจับหลินสวินให้ได้ก่อนที่จะถูกตีจนสลบ

แต่ตอนนี้กลับดีนัก ยังไม่ทันถูกตีสลบ ก็ถูกหลินสวินกำราบไปก่อน นี่จะให้เขาทนได้อย่างไร

เห็นว่าจักรพรรดิกระบี่นภาประสานสู้สุดชีวิต เย่จื่อลงมืออย่างไม่ลังเล

เสียงตึงดังขึ้นคราหนึ่ง จักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่ใกล้คลั่งถูกตีสลบอีกครั้ง ร่างล้มลงทั้งอย่างนั้น สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้าและเดือดดาล…

หลินสวินยังไม่สะใจ แต่ก็รู้ดีว่าหากจักรพรรดิกระบี่นภาประสานสู้เต็มที่ แม้จะบาดเจ็บรุนแรงเพียงใด พลังที่ปะทุออกมาก็ไม่มีทางที่ตนจะสามารถต้านทานได้

เขาถอนหายใจยาวคราหนึ่ง แล้วหมุนตัวเดินเข้ายานขนส่งอวกาศ เริ่มพิจารณาสิ่งที่ได้รับในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ทันที

เย่จื่อหิ้วตัวจักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่สลบอยู่ตามไปเงียบๆ

หลินสวินขยันมาก แม้มีพลังต่อสู้ที่เรียกได้ว่าพลิกฟ้าแล้ว แต่ก็ไม่เห็นร่องรอยความเย่อหยิ่งและประมาทเลยสักนิด กลับยิ่งตั้งใจฝึกฝน

นี่ทำให้เย่จื่อเองยังอดนับถือไม่ได้

ผู้ที่ประสบความสำเร็จในอดีต ไม่เพียงมีความสามารถโดดเด่น ต้องมีความพากเพียรอีกด้วย!

……

ตอนที่จักรพรรดิกระบี่นภาประสานฟื้นขึ้นมา สายตาก็อับแสงและว่างเปล่าแล้ว

จู่ๆ เขาก็พบว่า แม้ตนทนต่อความอับอายเพียงใด แต่สุดท้ายก็ยากจะหลุดพ้นจากชะตาชีวิตการเป็นเป้าไปได้

ตอนนี้เองจู่ๆ จักรพรรดิกระบี่นภาประสานก็ได้ยินเสียงของหลินสวิน

“เย่จื่อ ทำแผลให้เขา”

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานอึ้ง เจ้าสวะน้อยนี่เจ้าเล่ห์เช่นนี้ จะต้องเล่นลูกไม้อย่างแน่นอน!

เขาหัวเราะเยาะ “เจ้าหนุ่ม เจ้าคิดว่าใช้วิธีเสแสร้งแกล้งทำดีเช่นนี้แล้วจะทำให้ข้าซาบซึ้งใจจนน้ำตาไหลหรือ ฝันไปเถอะ!”

กลับเห็นหลินสวินหยิบโอสถสมบัติชั้นเลิศที่ล้ำค่าอย่างที่สุดต้นหนึ่งออกมายื่นให้วิญญาณกระบี่เย่จื่อ พูดว่า “ให้เขากินซะ อย่างไรก็เป็นระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง บาดเจ็บสาหัสเช่นนี้ หลายวันมานี้ก็ประลองกับข้าหลายครั้ง คุ้มค่าให้ข้าทำเช่นนี้”

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานอึ้งไปอีกครั้ง ประหลาดใจเล็กน้อย หรือเจ้าหมอนี่รู้สำนึกแล้วจริงๆ

เขาดูออกว่าโอสถสมบัติต้นนั้นหายากมากจริงๆ มูลค่าน่าตกใจ หากได้กินลงไป บาดแผลทั่วร่างของเขาจะต้องสามารถฟื้นตัวเจ็ดแปดส่วนแน่!

ทว่าไม่รอจักรพรรดิกระบี่นภาประสานดีใจ ก็ได้ยินหลินสวินพูดเสริมประโยคหนึ่ง “อย่าให้เขาฟื้นตัวในทันที ค่อยเป็นค่อยไป อ้อ ให้เขาฟื้นฟูพลังต่อสู้สามส่วนของพลังสูงสุดก็พอแล้ว”

ว่าแล้วเขาพลันลูบคาง เผยรอยยิ้มจากใจจริงพร้อมพูดว่า “เช่นนี้ จะได้ประลองกันต่อได้”

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานหัวสมองมึนไปครู่หนึ่ง

ที่แท้… ที่แท้เจ้าหมอนี่ไม่ได้รู้สำนึก ที่ทำแผลให้ตน ก็เพื่อให้ตนเป็นเป้าต่อเท่านั้น!

ใบหน้าของเขามืดทะมึนราวกับก้นหม้อ เส้นเลือดตรงหน้าผากเกือบระเบิดออก โกรธจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว รังแกกันเกินไปแล้ว รังแกกันเกินไปแล้ว!

“มา อ้าปาก” วิญญาณกระบี่เย่จื่อเดินมา

“ข้าไม่มีทางให้พวกเจ้าสมใจหรอก!”

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานตวาด เบิกตาโพลง ทว่าครู่ต่อมาท้ายทอยของเขาพลันเจ็บแปลบรุนแรงขึ้นมา ภาพตรงหน้ามืดมิด หมดสติไป

เย่จื่อบีบโอสถสมบัตินั่นจนแหลกละเอียดท่อนหนึ่ง ยัดเข้าปากของเขาทั้งอย่างนั้น แล้วจึงพูดว่า “เล่นงานเฒ่าชราแบบนี้ ก็ต้องใช้ไม้แข็ง ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางเชื่อฟังกัน”

หลินสวิน “…”

แม้แต่เขายังรู้สึกว่า ปฏิบัติกับระดับจักรพรรดิคนหนึ่งเช่นนี้ เหมือนจะหยาบคายไปหน่อย…

ตอนที่จักรพรรดิกระบี่นภาประสานตื่นมาอีกครั้ง สีหน้าชาไปหมดแล้ว

ไม่มีสิ่งใดน่าเศร้าเกินจิตใจตาย

ในสิบกว่าวันมานี้ เขารู้สึกเหมือนฝันร้าย ศักดิ์สิทธิ์และความเย่อหยิ่งถูกเย้ยหยันและเหยียบย่ำอย่างต่อเนื่อง ถึงตอนนี้…ไม่มีเกียรติให้พูดถึงแล้ว

ตอนที่หลินสวินประลองกับเขาอีกครั้ง เขาไม่ขยับเลยสักนิด ท่าทางจะฆ่าจะแกงก็ตามแต่

นี่ทำให้หลินสวนอดขมวดคิ้วไม่ได้ สภาวะจิตของเจ้าเฒ่านี่คงไม่ได้สลายไปแล้วหรอกนะ ไม่เช่นนั้น จะไม่สะทกสะท้านเช่นนี้ได้อย่างไร

“ดูเหมือนว่า ควรจะเปลี่ยนคู่ประลองให้เจ้าแล้ว”

เย่จื่อเหมือนคิดอะไรอยู่ “ทีแรกข้ายังคิดอยู่เลยว่า หากเจ้าเฒ่านี่ให้ความร่วมมือ สุดท้ายจะไว้ชีวิตเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…”

“จริงหรือ”

พลันเห็นจักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่ราวกับซากศพเดินได้เหมือนได้สติในทันที สายตาเผยความปรารถนาในการอยู่รอดอย่างแรงกล้า

เย่จื่อพูดเสียงเรียบ “เชื่อหรือไม่เชื่อ ไม่ลองแล้วจะรู้ได้อย่างไร อย่างน้อยยังมีหวังไม่ใช่หรือ”

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ครู่ใหญ่จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง เหมือนได้ทำการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิต กัดฟันพูด “ได้ เช่นนั้นข้าเชื่อพวกเจ้าสักหน่อย! มาเถอะ แค่จะประลองกับข้าไม่ใช่หรือ”

ดวงตาของเขาจ้องหลินสวิน เต็มไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้

หลินสวินยิ้มทันที ชูนิ้วโป้งให้เย่จื่อ

เย่จื่อสื่อจิตว่า ‘เจ้าเฒ่านี่ไม่ได้แสดงออกว่ายอมจำนนต่อความตายขนาดนั้น ที่ท่าทางราวกับหมูตายที่ไม่กลัวน้ำเดือดนั่น ก็เพื่อรอคำพูดนี้ของข้า เจ้าอย่าถูกเขาหลอกเชียว’

หลินสวินสื่อจิต ‘ไม่ว่าในใจเขาจะคิดอย่างไร ในสายตาข้า เขายังคงเป็นเป้าอันหนึ่ง’

ว่าแล้วเขาก็พุ่งเข้าไป

‘ใช่ เป้าที่มีชีวิต…’

เย่จื่อมองก็ยิ้มอย่างยากจะเห็น

เมื่อไม่เกรงกลัวระดับจักรพรรดิอย่างสิ้นเชิงแล้ว สภาวจิตเช่นนี้ ก็สามารถเข้าถึงระดับจักรพรรดิแล้ว!

หลินสวินในตอนนี้ สิ่งที่ขาด ก็คือการทะลวงด่านในการฝึกปราณก็เท่านั้น

……

จักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่สามารถสำแดงพลังต่อสู้ได้สามส่วน กำราบจนหลินสวินตกอยู่ในสถานการณ์พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่องทันที

และนี่ก็คือสิ่งที่หลินสวินอยากเห็น

การประลองและฝึกเช่นนี้ อย่างน้อยก็เป็นการพิสูจน์ว่า ศักยภาพของเขากำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว!

วันที่สิบเก้าในการเดินทาง

พลบค่ำ

ผอมแห้งราวกับฟืน จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งที่กลิ่นอายทั่วตัวดุร้ายอย่างที่สุดมาแล้ว

เขามองเห็นจักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่กำลังเข่นฆ่ากับหลินสวินมาแต่ไกล ทั่วขณะนั้น เขาพลันมีความรู้สึกตาพร่าเบลอขึ้นมา

ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ที่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่งสามารถประชันกับจักรพรรดิกระบี่ที่แท้จริงคนหนึ่ง

ฉากที่เหลือเชื่อนี้ ทำให้จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งชะงักฝีเท้าอย่างควบคุมไม่อยู่ สายตาเลื่อนลอยเล็กน้อย จนปิดด่านแค่สามหมื่นเก้าพันปีเท่านั้น คนรุ่นหลังโลกภายนอกก็ดุดันถึงเพียงนี้แล้วหรือ

ในเวลาเดียวกัน จักรพรรดิกระบี่นภาประสานเองก็สังเกตเห็นจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งแล้ว อึ้งไปก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นในใจพลันเกิดความดีใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ในที่สุดตัวช่วยก็มาแล้ว!

ในฐานะระดับจักรพรรดิเหมือนกัน เขายังไม่รู้ความแข็งแกร่งของจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งได้อย่างไร

“เยือกแข็ง…”

เขาอ้าปากจะตะโกน แต่บนหน้าผากกลับมีเสียงดังปัง กลิ่นอายที่คุ้นเคย แรงที่คุ้นเคย ความรู้สึกวิงเวียนที่คุ้นเคยพลุ่งพล่านไปทั่วตัวโดยพร้อมเพรียงกัน

จากนั้น ภาพตรงหน้าเขามืดมน พลันหมดสติไป

แม้แต่ความรู้สึกวิงเวียนเช่นนี้ เขากลับยังรู้สึกคุ้นเคยอย่างที่สุดแล้ว…

“วิญญาณกระบี่นั่น!”

จักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งตาเป็นประกาย พลันจับต้องบนตัวเย่จื่อที่ตีจักรพรรดิกระบี่นภาประสานจนสลบ สายตาที่เย็นเยียบราวกับน้ำแข็งไม่ปกปิดความคาดหวังของตนเลยสักนิด

ครื้นโครม!

พลังขับเคลื่อนรอบตัวเขาม้วนตัวมาราวกับกระแสน้ำ ปกคลุมฟ้าดิน ภูเขาแม่น้ำรอบๆ ล้วนทรุดทลายอย่างไม่มีข้อยกเว้นกลายเป็นฝุ่นผง

ชั่วพริบตา สรรพสิ่ง ณ ที่แห่งนี้ทรุดสลาย เรือนมรรคจักรวาลปั่นป่วน

และฉากที่ราวกับทำลายล้างโลกนี้ เกิดขึ้นจากอานุภาพที่แพร่กระจายออกจากตัวจักรพรรดิกระบี่เยือกแข็งเท่านั้น!

อานุภาพของระดับจักรพรรดิขั้นหก เห็นออกอย่างหมดจด ณ ตอนนี้

เมื่อเทียบกันแล้ว จักรพรรดิกระบี่นภาประสานที่เป็นแค่ระดับจักรพรรดิหนึ่งชั้น ไม่เพียงพอเลยสักนิด

และชั่วขณะนี้เอง วิญญาณกระบี่เย่จื่อเองก็เผยสีหน้าตึงเครียด พูดว่า “หากอยู่ในสมัยบรรพกาล ข้าย่อมสามารถฟันคู่ต่อสู้ระดับนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้…”

ตอนนี้ได้ผ่านไปหนึ่งแสนปีแล้ว เย่จื่อที่พลังดั้งเดิมเสียหายอย่างหนักตั้งแต่แรก พลังที่ครอบครองได้สูญเสียไปตามกาลเวลาอย่างต่อเนื่องแล้ว

แต่เย่จื่อไม่ได้อธิบาย เขาเพียงพูดอย่างจริงจังว่า “เดี๋ยวข้าสกัดเขาไว้ เจ้าหนีไปก่อน”

หลินสวินหรี่ดวงตาดำเล็กน้อย

คำพูดของเย่จื่อ ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความรุนแรงของปัญหา

“หนี? เป็นไปได้หรือ”

ไกลๆ เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น พลันเห็นรุ้งเทพอันงดงามกลุ่มแล้วกลุ่มเล่าทะลวงอากาศมา กลายเป็นเงาร่างผู้แข็งแกร่งมากมาย

ในนั้นไม่ขาดระดับจักรพรรดิ

อย่างเช่นจักรพรรดิสงครามตะวันมงคล

…………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท