Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2085 ความหมายของถอยจนไม่อาจถอย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2085 ความหมายของถอยจนไม่อาจถอย

โลกมืดเป็นสถานที่โกลาหลที่ระเบียบวุ่นวายแห่งหนึ่ง ความกว้างขวางของอาณาเขต สามารถเทียบได้กับโลกใหญ่หงเหมิง

ที่นี่ผู้คนมากมายปะปนกัน ขุมอำนาจชุกชุม มีพวกชั่วร้ายที่คมดาบอาบเลือดให้เห็นทุกหย่อมหญ้า ยิ่งไม่ขาดคนร้ายกาจแห่งยุคที่ถูกโลกภายนอกประกาศจับบางส่วน

แต่ยามนี้กลับมีคำสั่งหนึ่งแพร่กระจายออกมา โยกย้ายขุมกำลังทั่วทั้งโลกมืดประกาศจับคนผู้หนึ่ง นี่ก็เห็นได้ชัดว่าน่าเหลือเชื่อเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ควรรู้ว่าผู้แข็งแกร่งส่วนใหญ่หนีมาที่โลกมืด เดิมก็เพื่อจะเลี่ยงความทุกข์ยาก

ยามนี้กลับดีนัก ขนาดโลกมืดยังออกหมายจับคนผู้หนึ่ง นี่พาให้ผู้คนไม่อยากเชื่อ คนผู้นั้นทำผิดเรื่องใหญ่ปานใดกันแน่ ถึงกับพบเจอการปฏิบัติที่พิเศษเช่นนี้

มีเพียงตัวหลินสวินที่รู้ดีว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้

แต่เขาไม่กังวลใจอะไรด้วยซ้ำ

มีชุดนักพรตสมประสงค์ที่ศิษย์พี่รั่วซู่มอบให้ บวกกับร่างแยกมหามรรคที่เขามีอยู่ ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิออกโรง ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะแยกแยะสถานะของเขาออก

และในโลกมืดที่เรียกได้ว่ากว้างใหญ่ไร้ขอบเขตนี้ ขอเพียงเขาอยากซ่อน ในระยะเวลาสั้นๆ นี้ก็ไม่มีใครสามารถหาเขาเจอได้

ในวันนี้ ขณะที่โลกมืดล้วนถูกประกาศออกหมายจับหลินสวินนั่นทำให้สั่นสะเทือน หลินสวินก็ออกจากอาณาเขตที่เจ้าแคว้นคีรีดำปกครองไปแล้ว

ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาดูเหมือนจะไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ด้วยซ้ำ

……

เขายุทธ์สวรรค์

ตอนที่ได้รับคำสั่งออกจับตัวหลินสวิน เจ้าแคว้นคีรีดำก็กำลังคิดเรื่องบางอย่างในใจด้วยสีหน้ามืดทะมึน

‘เจ้าหมอนั่นบอกว่าต่อไปในแคว้นหนาวเหน็บนี้ ขุมอำนาจทั้งหมดล้วนจะให้ข้าเป็นนายเหนือหัว… เขาคิดทำอะไรกันแน่’

‘หรือว่าเขาคิดจะใช้อุบายเดิมเหมือนที่จัดการกับเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต’

คิดถึงตรงนี้มุมปากเจ้าแคว้นคีรีดำก็กระตุกขึ้น เขาสาบานว่าครั้งนี้เขาจะไม่ติดกับอีกแล้ว!

หลังสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เจ้าแคว้นคีรีดำถึงเปิดม้วนหยกในมือ

บนม้วนหยกบันทึกเรื่องที่ประกาศตามจับหลินสวินเอาไว้ หนำซ้ำบนนั้นยังระบุข้อมูลบางส่วนที่เกี่ยวกับหลินสวินอย่างละเอียด

ฐานะ : ผู้สืบทอดคีรีดวงกมล

ปราณ : มกุฎกึ่งจักรพรรดิ

พลังต่อสู้ : เคยไต่เต้าขึ้นอันดับหนึ่งกระดานมหาอริยะฟ้าดารา เคยเอาชนะหมีอู๋หยา อันดับหนึ่งในกระดานราชันอริยะปวงสวรรค์ เคยใช้ไพ่เด็ดในมือสังหารระดับจักรพรรดิ…

อ่านถึงตรงนี้เจ้าแคว้นคีรีดำก็ใจเต้นเนื้อกระตุกไปพักหนึ่ง อดจุ๊ปากไม่ได้ เจ้าหมอนี่… เป็นพวกร้ายกาจที่พลิกฟ้าคนหนึ่งอย่างแน่นอน

มิน่าถึงถูกทั่วหล้าออกหมายจับ ต่อให้หนีมาที่โลกมืดก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาไป คนเช่นนี้… อันตรายเกินไปแล้ว!

พออ่านต่อไป…

เจ้าหมอนี่เชี่ยวชาญการแปลงโฉมปลอมตัว นิสัยเข่นฆ่าเด็ดขาด ขอเพียงรู้สึกสงสัยใคร ให้ทำการจับตัวเอาไว้ก่อน แล้วค่อยๆ คัดออกทีละคน

ในม้วนหยกยังมีภาพเหมือนประกอบด้วยแผ่นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นรูปร่างหน้าตาของหลินสวิน

อ่านถึงตรงนี้เจ้าแคว้นคีรีดำอดหัวเราะหยันไม่ได้ คนร้ายกาจพลิกฟ้าเช่นนี้ ซ้ำยังเชี่ยวชาญวิชาปลอมตัวเปลี่ยนโฉม มีหรือจะจับตัวได้ง่ายๆ ปานนั้น

ต่อให้หาเขาพบแล้วอย่างไร

ลำพังแค่ไพ่เด็ดในมือของเจ้าหมอนี่ก็สามารถฆ่าระดับจักรพรรดิตายได้แล้ว ใครจะโง่สุ่มสี่สุ่มห้าเอาชีวิตไปสู้กับคนแบบนี้กัน

สำนักโบราณจรัสเทพนี่ประโคมของรางวัลมากมายเช่นนี้ เห็นชัดว่าก็รู้เช่นกัน ว่าหากต้องการจับเจ้าหมอนี่ ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะสามารถทำได้!

คิดถึงตรงนี้เจ้าแคว้นคีรีดำที่กำลังจะเก็บม้วนหยกลงไปจู่ๆ ก็อึ้งงัน

เขานึกถึงคนผู้หนึ่งขึ้นมา

คนผู้นั้นก็เป็นมกุฎกึ่งจักรพรรดิ มีไพ่เด็ดที่สามารถสังหารเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตได้เช่นเดียวกัน ถึงแม้รูปร่างหน้าตาจะไม่เหมือนกับหลินสวินในม้วนหยก แต่ในข้อมูลบอกว่าหลินสวินเชี่ยวชาญวิชาแปลงโฉมยิ่งยวด

มารกระบี่เต้ายวน!

เปรี๊ยะ!

ม้วนหยกในมือถูกบี้แหลก เจ้าแคว้นคีรีดำหน้าเปลี่ยนสีอย่างสิ้นเชิง คงไม่ใช่… เขาจริงๆ กระมัง

สีหน้าเจ้าแคว้นคีรีดำวูบไหวไม่นิ่ง หลังจากนั้นพักใหญ่จู่ๆ เขาก็หัวเราะดังลั่น เสียงสะเทือนทั้งโถง เบิกบานและเปรมปรีดิ์อย่างบอกไม่ถูก

“ไม่ว่าเจ้าจะใช่หลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลหรือไม่ ข้าก็ฟันธงว่าเป็นเจ้าแล้ว กล้าวางอุบายใส่ข้า ครั้งนี้ข้าก็จะให้เจ้าเห็นดี!”

เจ้าแคว้นคีรีดำสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตัดสินใจจะส่งข่าวนี้ให้จักรพรรดิมารวายุสังหาร เจ้าแคว้นอันดับหนึ่งของแคว้นหนาวเหน็บทันที

จักรพรรดิมารวายุสังหารเป็นผู้อาวุโสของสำนักโบราณจรัสเทพ ให้เขารายงานเรื่องนี้ย่อมดีที่สุด

“ถึงตอนนั้นข้าล่ะอยากเห็นนัก ว่าเจ้าตัวจ้อยอย่างเจ้าจะหนีเคราะห์ใหญ่คับฟ้าครั้งนี้ไปได้อย่างไร!”

เจ้าแคว้นคีรีดำหยัดกายกล่าวเสียงเข้ม “ใครก็ได้”

นอกโถงใหญ่ เงาร่างสายหนึ่งเดินเข้ามา “ใต้เท้ามีคำสั่งอะไรหรือ”

เสียงเดียวเท่านั้น กลับทำให้เจ้าแคว้นคีรีดำแข็งทื่อไปทั้งตัว เชยตามองไปก็เผยแววยากจะเชื่อออกมาทันที “มารกระบี่เต้ายวน เหตุใดจึงเป็นเจ้า!?”

เงาร่างสายนั้นสูงโปร่งโดดเด่น หล่อเหลาละโลกีย์ เป็นหลินสวินนั่นเอง

กลับเห็นเขายิ้มน้อยๆ กล่าวว่า “ข้าได้ยินว่าตอนนี้โลกมืดกำลังออกหมายจับหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมล ข้าห่วงว่าใต้เท้าจะคิดมาก ดังนั้นจึงแวะมาดูเสียหน่อย”

กล่าวจบในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจคราหนึ่ง เดิมทีเขาตั้งใจทำให้เจ้าแคว้นคีรีดำรับเคราะห์แทนจนถึงที่สุด แต่ใครเลยจะคาดคิด คำสั่งประกาศจับอันเดียวทำเอาแผนการของเขาปั่นป่วน

ยังดี ในหนึ่งเดือนนี้ที่เขาเข้าสู่โลกมืด คนที่เกิดความสงสัยต่อสถานะของเขาอย่างแท้จริงก็มีแต่เจ้าแคว้นคีรีดำคนเดียว ภัยเงียบนี้จัดการได้ง่ายมาก

ดังนั้นหลินสวินจึงมา

“นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร”

เจ้าแคว้นคีรีดำหน้าเปลี่ยนสีไปมา

หลินสวินกล่าวสบายๆ “ใต้เท้าน่าจะได้อ่านคำสั่งประกาศจับนั่นแล้วกระมัง ไม่นึกสงสัยบ้างหรือว่าคนที่สามารถใช้พลังระดับมกุฎกึ่งจักรพรรดิโจมตีเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต ก็คือหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนั่น?”

“เป็นเจ้าจริงๆ?”

เจ้าแคว้นคีรีดำตกใจปนสงสัย

“ไม่ต้องเสแสร้งแล้ว อันที่จริงเจ้าเดาได้แต่แรกแล้วใช่หรือไม่”

หลินสวินยิ้มหยัน “ถึงขั้นที่หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าจะต้องไปรายงานทันทีอย่างแน่นอนกระมัง”

หัวใจเจ้าแคว้นคีรีดำจมสู่ก้นเหว ริมฝีปากกลับฝืนกล่าว “เต้ายวน ข้ารู้เพียงว่าหากไม่ใช่เจ้า คงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะฮุบอาณาเขตเจ้าแคว้นคลั่งโลหิตได้ราบรื่นปานนี้ เจ้าเป็นถึงผู้มีบุญคุณครั้งใหญ่ต่อข้า ข้า… จะทำเรื่องต่ำช้าหน้าไม่อายเช่นนั้นได้อย่างไร”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวอย่างหนักแน่น “ยิ่งกว่านั้นข้าไม่เชื่อสักนิดว่าเจ้าจะเป็นหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลนั่น หากเจ้าไม่เชื่อ ข้าสาบานต่อสวรรค์ก็ได้!”

หลินสวินกล่าว “ข้าไม่เชื่อคำสาบาน”

“เช่นนั้น… ทำอย่างไรเจ้าถึงจะเชื่อข้า” ทั่วร่างเจ้าแคว้นคีรีดำต่างรัดเกร็งขึ้นมา ประหนึ่งคันธนูที่ง้างเต็มที่

“เจ้าสวามิภักดิ์ ข้าก็จะเชื่อ” หลินสวินกล่าวอย่างจริงจัง

เสียงยังไม่ทันสิ้นสุด ก็เห็นเจ้าแคว้นคีรีดำที่อยู่ไกลๆ ลงมือทันควัน

เขาใช้พลังทั้งหมดประหนึ่งสู้สุดชีวิต ไม่กล้าออมแรงแต่อย่างใด

หลังจากได้เห็นภาพที่เจ้าแคว้นคลั่งโลหิตถูกกำราบกับตา เจ้าแคว้นคีรีดำก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของหลินสวินตั้งแต่แรกแล้ว

ตูม!

เงาร่างของเขาพุ่งปะทุ เคลื่อนย้ายผ่านห้วงอากาศ อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิปิดครอบฟ้าดิน ดุดันอำมหิตไร้ทัดเทียม เขาไม่หวังฆ่าศัตรู หวังแค่หนีไปได้

ทว่าระหว่างทางปราณกระบี่เจิดจ้าบาดตาสายหนึ่งโฉบขึ้น แข็งกร้าวดุร้ายสุดขีด พริบวาบเบาๆ กลางอากาศ

พรวด!

ร่างของเจ้าแคว้นคีรีดำถูกกรีดออกเป็นแผลกระบี่ชุ่มเลือดสายหนึ่ง เกือบถูกฟันขาดเป็นสองท่อน เลือดสดพวยพุ่งราวกับน้ำตก

เย่จื่อยกมือขึ้นกดคราหนึ่ง เจ้าแคว้นคีรีดำก็ถูกกำราบลงกับพื้น ถูกจองจำแล้ว ตั้งแต่ต้นจนจบอ่อนแอจนเหมือนมดตัวหนึ่ง

แน่นอน นี่ไม่ใช่เพราะเขาไม่แข็งแกร่งพอ หากแต่พลังต่อสู้ที่เย่จื่อมีเหนือกว่าเขาไปไกลลิบ ย่อมสามารถกำราบได้อย่างแน่นอน

เขาเผยสีหน้าหวาดหวั่น เจือแววไม่ยากจะเชื่อ

กระบี่เดียวตนถึงกับต้านไม่อยู่เชียวหรือ

“หลินสวิน ฆ่าหรือไม่”

เย่จื่อเคลื่อนตัวมาอยู่บนไหล่ของหลินสวินพลางเอ่ยถาม

หลินสวินครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “เขายังมีประโยชน์อยู่บ้าง จองจำเอาไว้ชั่วคราวแล้วกัน”

กล่าวพลางหลินสวินก้าวไปข้างหน้า หิ้วเจ้าแคว้นคีรีดำที่ถูกจองจำเอาไว้ขึ้นมา แล้วยัดเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด

จากนั้นเงาร่างหลินสวินสั่นไหวคราหนึ่ง กลายเป็นรูปลักษณ์ของเจ้าแคว้นคีรีดำ ชุดนักพรตสมประสงค์บนตัวก็พลอยกลายเป็นชุดคลุมสีดำ

จากนั้นเขาก็เดินอาดๆ เข้าไปในโถง

“นับแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะปิดด่านสักระยะ หากไม่มีเรื่องเร่งด่วนไม่ว่าใครก็ห้ามมารบกวน!”

“นอกจากนี้ข้าได้สั่งให้มารกระบี่เต้ายวนเคลื่อนไหวไปทำเรื่องหนึ่งแล้ว ส่วนเป็นเรื่องอะไรนั้น รอผ่านไปสักระยะพวกเจ้าก็จะรู้เอง ข้ามีเพียงคำสั่งเดียว สิ่งที่มารกระบี่เต้ายวนทำ ก็คือเจตจำนงของข้า!”

ไม่ทันไรเสียงของเจ้าแคว้นคีรีดำก็ดังก้องทั่วทั้งเขายุทธ์สวรรค์ ถูกบริวารเหล่านั้นได้ยิน

ชั่วขณะทั้งเขายุทธ์สวรรค์ต่างชุลมุนไม่สิ้น

ส่วนเรื่องเจ้าแคว้นคีรีดำปิดด่านไม่มีใครรู้สึกผิดปติ สิ่งที่ทำให้พวกเขาปั่นป่วนคือ ใครต่างก็ไม่เคยคาดคิดว่าเจ้าแคว้นคีรีดำถึงกับให้ความสำคัญมารกระบี่เต้ายวนนั่นปานนี้!

นี่เหมือนมองมารกระบี่เต้ายวนเป็นคนสนิทแล้วชัดๆ!

แต่ไม่มีใครกล้าตั้งข้อสงสัย

มารกระบี่เต้ายวนสร้างผลงานใหญ่ในการเคลื่อนไหวกลืนกินอาณาเขตของเจ้าแคว้นคลั่งโลหิต นี่เป็นถึงผลงานองอาจเป็นที่ประจักษ์ ได้รับการให้ความสำคัญก็เป็นเรื่องที่สอดคล้องกับเหตุผล

หลินสวินพักอยู่เขายุทธ์สวรรค์อีกสองวัน จนกระทั่งตอนที่แน่ใจว่าการหายไปของเจ้าแคว้นคีรีดำไม่ได้เรียกคลื่นลมใดๆ คราวนี้จึงจากไปอย่างเงียบๆ

……

เดิมหลินสวินคิดว่าหลังจากรับคำสั่งจอมจักรพรรดิไร้นามคนใหม่แล้ว ภายในแคว้นหนาวเหน็บจะต้องมีไอสังหารไร้สิ้นสุดเป็นแน่

อย่างน้อยขุมอำนาจใหญ่แต่ละแห่งจะต้องกะเกณฑ์กำลังพลเริ่มทำการเคลื่อนไหว

แต่ความจริงกลับเหนือความคาดหมายของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง

หลังออกจากอาณาเขตเจ้าแคว้นคีรีดำและผ่านการสังเกตจับตาดูมาหลายวัน เขาเดินทางผ่านมาแล้วสิบกว่าเมือง ถึงพบว่าคำสั่งประกาศจับนี้ปั่นป่วนสะท้านสะเทือนจริงๆ แต่กลับเหมือนท่าดีทีเหลว

อย่าว่าแต่ขุมอำนาจใหญ่พวกนั้นเลย ต่อให้เป็นเจ้าเมืองแต่ละเมือง สิ่งที่ให้ความสำคัญมากที่สุดก็ยังมีแค่ปัญหาเดียว…

การอยู่รอด!

ที่นี่อย่างไรก็เป็นโลกมืด เต็มไปด้วยความโกลาหลและอันตราย การเข่นฆ่าเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นคิดอยากอยู่รอดล้วนยากลำบากอย่างที่สุด แล้วใครจะไปตามจับคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองสักนิดเพราะประกาศจับอันเดียว

แน่นอน เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลยังคงพบเห็นได้ทุกแห่ง แต่ล้วนจำกัดเพียงการพูดคุยเท่านั้น

นี่ก็คือโลกมืด

ต่อให้ของรางวัลของสำนักโบราณจรัสเทพล่อตาแค่ไหน แต่เมื่อเผชิญหน้าคนที่สามารถฆ่าระดับจักรพรรดิได้ ก็ดับความคิดที่จะไปเสาะหาลงแล้ว

ต่อให้เป็นพวกเจ้าแคว้นเหล่านั้น ก็ทำแค่ออกเคลื่อนไหวอย่างขอไปทีเล็กน้อยเท่านั้น

สำหรับพวกเขาแล้ว หมายจับพวกร้ายกาจที่ทั้งเชี่ยวชาญการปลอมตัวทั้งแข็งแกร่งจนน่าเหลือเชื่อคนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเป็นเรื่องเปลืองแรงไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน

ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร

นี่ทำให้หลินสวินตระหนักได้ว่า นอกจากสถานะของตนจะเปิดเผย ทิ้งเบาะแสที่ควรค่าไว้ หาไม่ อย่างน้อยในแคว้นหนาวเหน็บนี้ ตนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะพบเจอการไล่ล่าสังหารอะไรแล้ว

‘เมื่อถอยจนไม่อาจถอย โลกมืดก็คือทางรอดเพียงหนึ่งเดียว!’

และเวลานี้หลินสวินเพิ่งจะเข้าใจความหมายของประโยคนี้

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท