Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2091 มหาจักรพรรดิปาฉี

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2091 มหาจักรพรรดิปาฉี

ตอนที่ 2091 มหาจักรพรรดิปาฉี

เขาเมฆาเลิศ

ในคฤหาสน์โอ่อ่าหรูหรา จักรพรรดิมารวายุสังหารกำลังร่ำสุรากับเจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชง

จักรพรรดิมารวายุสังหารพูดคุยสนุกสนาน ไม่สะทกสะท้าน แต่เจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชงกลับต่อมอาหารไม่รับรส ไร้ความรู้สึกอยู่บ้าง

พวกเขายังคงกังวล เจ้าแคว้นคีรีดำจะฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่อยู่ ยึดอาณาเขตที่พวกเขาครอบครองไปหรือไม่

“ท่านทั้งสองไม่จำเป็นต้องตื่นตระหนก ไม่เกินหนึ่งวัน สำนักโบราณจรัสเทพของข้าก็จะส่งยอดฝีมือมา ถึงตอนนั้นไม่ว่าเจ้าเฒ่าคีรีดำจะรับผิดขอขมาหรือไม่ ล้วนยากพ้นเคราะห์”

จักรพรรดิมารวายุสังหารยิ้มเล็กน้อย กำลังจะยกจอกเหล้ากระดกดื่มรวดเดียวหมด ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เหลือบสายตามองไปนอกโถงใหญ่

ไม่รู้ว่ามีเงาร่างหนึ่งปรากฏตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ เงาของร่างผอมสูงที่สะท้อนลงบนพื้น กลับเป็นเงามืดขนาดมหึมา

เงามืดนั้นมีศีรษะที่ใหญ่ราวกับบ้านแปดหัว มีหางมหึมาดั่งสันเขาแปดหาง!

เพล้ง!

จอกเหล้าในมือจักรพรรดิมารวายุสังหารตกลงสู่พื้น สุราหกเกลื่อน แต่เขากลับไม่รู้ตัว ทั่วร่างแข็งทื่อ ดวงตาเบิกโพลง

ต่อให้ผ่าสมองออกมาเขาก็คิดไม่ถึง ว่าคนที่ทางสำนักส่งมาช่วยเหลือตน ถึงกับเป็นบุคคลร้ายกาจแห่งยุคที่ขึ้นชื่อว่า ‘อำมหิตนองเลือด’ คนนี้!

“หัวใจของเจ้ากำลังเกร็งกระตุก หากคว้านหัวใจของเจ้าออกมาตอนนี้ รสชาติต้องอร่อยถูกปากผิดธรรมดาแน่นอน”

ตามหลังเสียงเยียบเย็นที่ทุ้มต่ำแหบพร่า เงาร่างนั้นก้าวเข้ามาในเรือนอย่างเนิบช้า

พริบตานี้เจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชงถึงกับหยุดหายใจ ราวกับเห็นความมืดไร้สิ้นสุดหลั่งไหลมาปกคลุมโถงใหญ่นี้จนสิ้น ความหวาดกลัวที่ไร้ขอบเขตแผ่ลามไปทั้งตัวเหมือนกระแสลมเย็น

ในสมองพวกเขาผุดชื่อของคนผู้หนึ่งขึ้นมาพร้อมกัน…

มหาจักรพรรดิปาฉี!

มหาจักรพรรดิคนหนึ่งที่เหี้ยมโหดและอำมหิตที่สุดในโลกมืด เคยสังหารสิ่งมีชีวิตนับล้านอย่างไร้ปรานีเพื่อหลอมศาสตรามารชิ้นหนึ่ง

และเคยบุกเข้าไปในสนามรบดึกดำบรรพ์แห่งหนึ่งตัวคนเดียว กลืนกินวิญญาณผู้กล้านับไม่ถ้วนที่หลงเหลืออยู่ในนั้นไปทีละตน เพียงเพื่อฝึกวิชาลับที่น่ากลัวอย่างหนึ่ง

เล่าลือว่าร่างต้นของมหาจักรพรรดิปาฉีคือพญางูสายพันธุ์ประหลาดดึกดำบรรพ์ ถือกำเนิดในแหล่งน้ำขุ่นแห่งหนึ่ง เกิดมามีแปดหัวแปดหาง

แต่ละหัวล้วนครองอภินิหารพรสวรรค์ชั่วร้ายอย่างหนึ่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด!

โลกมืดไม่เคยขาดพวกร้ายกาจที่เหี้ยมโหดหาใดเปรียบ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามหาจักรพรรดิปาฉี กลับเห็นได้ว่าด้อยกว่ามาก

จักรพรรดิมารวายุสังหารผุดลุกขึ้นเหมือนก้นถูกเข็มแทง ก้มหัวคำนับ “วายุสังหารคารวะอาจารย์ลุง”

“ผ่านไปหลายปีขนาดนี้ ยังขี้ขลาดเกินไปแล้ว”

เงาร่างนั้นยืนนิ่ง เหลือบมองจักรพรรดิมารวายุสังหารเล็กน้อยแล้วส่ายหัว คล้ายผิดหวังอยู่บ้าง

จักรพรรดิมารวายุสังหารเงียบกริบดังจักจั่นเดือนหนาว ไม่กล้าโต้เถียง

“เจ้าไม่ต้องแปลกใจ ครั้งนี้ข้าออกด่าน ด้วยเหตุผลบางอย่างในใจรู้สึกคึกคัก อยากออกจากความจำเจ พอดีได้ยินว่าแคว้นหนาวเหน็บของเจ้าเกิดเรื่องวุ่นวายบางอย่างขึ้นก็เลยมาดู”

เงาร่างนั้นนั่งลงอย่างสบายๆ ก็เห็นเขาสวมเสื้อคลุมดำแขนกว้าง ใบหน้างามสง่าขาวกระจ่าง นัยน์ตาดุจอัญมณีแดงก่ำ แผ่แสงเยียบเย็นประหลาดและล้ำลึก

ต่อให้นั่งสบายๆ กลิ่นอายที่แผ่ออกมารอบตัวเขาก็ยังน่ากลัวไร้ขอบเขต ลักษณ์ประหลาดของภูเขาศพทะเลเลือด ผีร้องไห้เทพคร่ำครวญปรากฏออกมา

เจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชงสั่นไปทั้งตัว ใบหน้าซีดขาว นั่งนอนไม่เป็นสุข

ในแคว้นหนาวเหน็บพวกเขาคือตัวตนชั้นยอดที่ทำให้บุคคลร้ายกาจนับไม่ถ้วนหวาดกลัวและกริ่งเกรง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้ามหาจักรพรรดิปาฉี กลับไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้น!

จักรพรรดิมารวายุสังหารยืนอยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม พลางเอ่ยเสียงเบา “อาจารย์ลุง มีท่านมาที่นี่ ต่อให้เป็นภัยพิบัติใหญ่หลวงก็ย่อมจัดการได้โดยง่าย”

มหาจักรพรรดิปาฉีร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “วายุสังหาร เจ้ามีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามแล้ว ถึงตอนนี้ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าในสายตาของพวกเราไม่เคยมีเรื่องง่าย ก็เหมือนจักรพรรดิมารคีรีดำนี่ สามารถกวาดรวบแคว้นหนาวเหน็บในสองเดือนได้ มีหรือจะเป็นพวกธรรมดา”

จักรพรรดิมารวายุสังหารสีหน้าแข็งทื่อ กระอักกระอ่วนไม่หยุด

“คนผู้นี้อยู่ที่ไหน” มหาจักรพรรดิปาฉีถาม

จักรพรรดิมารวายุสังหารรีบร้อนกล่าว “ข้าออกคำสั่งให้เขามารับผิดภายในสามวันแล้ว คิดว่าหากเขายังมีใจหวาดกลัวต่อสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเรา ต้องไม่กล้าไม่มาแน่”

มหาจักรพรรดิปาฉีขมวดคิ้ว ในดวงตาแดงก่ำฉายแววไม่พอใจเสี้ยวหนึ่ง “หากข้าเป็นจักรพรรดิมารคีรีดำนั่น ในเมื่อกล้าทำเช่นนี้แน่นอนว่าต้องไม่หวาดกลัวอะไรอยู่แล้ว ถึงตอนนี้เจ้ายังคิดเพ้อเจ้อว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวอำนาจของสำนัก ไม่โง่เขลาเกินไปหน่อยหรือ”

จักรพรรดิมารวายุสังหารเหงื่อซึมเต็มหน้าผาก

เวลานี้เขาถึงขั้นนึกเสียใจที่ขอความช่วยเหลือจากสำนักอยู่บ้างแล้ว ส่งใครไม่ส่ง ดันส่งอาจารย์ลุงปาฉีมา ช่างเหมือนฝันร้ายจริงๆ

“ให้เวลาเจ้าหนึ่งก้านธูป รวบรวมข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิมารคีรีดำมา รวมถึงทุกการกระทำของเขาในช่วงครึ่งปีนี้ด้วย ยิ่งละเอียดยิ่งดี”

มหาจักรพรรดิปาฉีออกคำสั่งด้วยเสียงเย็นชา

“ขอรับ”

จักรพรรดิมารวายุสังหารรีบตกปากรับคำ

ความจริงในฐานะที่เป็นเจ้าแคว้นอันดับหนึ่งของแคว้นหนาวเหน็บ จักรพรรดิมารวายุสังหารย่อมรู้จักจักรพรรดิมารคีรีดำดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาหนึ่งก้านธูปเขาก็รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจักรพรรดิมารคีรีดำมาได้ครบถ้วน

มหาจักรพรรดิปาฉีเปิดอ่านลวกๆ ไม่พบว่ามีประเด็นอะไรที่ควรค่าแก่การใส่ใจ

แต่เมื่ออ่านถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวจักรพรรดิมารคีรีดำในช่วงสองเดือนนี้ นัยน์ตาแดงก่ำของมหาจักรพรรดิปาฉีก็ฉายแววประหลาด

เนิ่นนานกว่าเขาจะเงยหน้าขึ้น ดวงตาจ้องมองจักรพรรดิมารวายุสังหาร มองจนฝ่ายหลังลนลานในใจ อึดอัดไปทั้งตัว

“หากข้าสันนิษฐานไม่ผิด มารกระบี่เต้ายวนนี่ต่างหากที่เป็นคนร้ายตัวจริง ส่วนจักรพรรดิมารคีรีดำ… ก็เป็นแค่แพะรับบาปเท่านั้น”

มหาจักรพรรดิปาฉีเอ่ยปาก ประโยคเดียวทำให้พวกจักรพรรดิมารวายุสังหาร เจ้าแคว้นหงอวี่และเจ้าแคว้นเซวียนชงต่างอึ้งไป

มารกระบี่เต้ายวน?

นั่นเป็นแค่มกุฎกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง จะเป็นคนร้ายตัวจริงได้อย่างไร

มหาจักรพรรดิปาฉีไม่อธิบาย อ่านข้อมูลพวกนั้นแล้วกล่าวเสียงต่ำลึกกับตัวเอง “มารกระบี่เต้ายวนนี่ เพิ่งปรากฏตัวที่แคว้นหนาวเหน็บในช่วงสองเดือนนี้จริงหรือ”

“เป็นเช่นนั้นขอรับ”

จักรพรรดิมารวายุสังหารกล่าวโดยไม่ลังเล “ด้วยความอาจหาญและฝีมือของเจ้าหมอนี่ หากอยู่ที่แคว้นหนาวเหน็บมาก่อนหน้านี้ย่อมไม่มีทางที่จะไม่มีใครรู้จัก”

มหาจักรพรรดิปาฉีพลันหัวเราะขึ้นมา ในดวงตาแดงก่ำเผยประกายวาววามแปลกประหลาด “มิน่าตอนที่ข้าออกด่าน ในใจถึงเกิดความรู้สึกบางอย่างจนอยากออกจากความจำเจ ที่แท้… เป็นเพราะจะได้เจอกับเด็กทารกคนนั้นอีก…”

พูดถึงตอนท้าย เสียงที่เยียบเย็นอำมหิตนั่นของเขาเจือความทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่งอย่างยากจะได้เห็น

เมื่อนานมาแล้ว

เขาได้รับคำสั่งจากสำนักให้ออกจากทางเดินโบราณฟ้าดาราไปเยือนดินแดนรกร้างโบราณ ผนึกมรรควิถีทั้งร่างด้วยวิชาลับที่เหมือนกับสิ่งต้องห้าม ก่อนอาศัยฐานะของกึ่งจักรพรรดิเข้าไปในดินแดนโบราณยอดหยิน จากนั้นก็แฝงตัวเข้าไปใน ‘กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ’ ผ่านอุปสรรคหลายครากว่าจะมาถึงดินแดนรกร้างโบราณในที่สุด

เป้าหมายมีแค่เรื่องเดียว…

ทำลายกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ!

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว กำลังพลของสำนักโบราณจรัสเทพก็จะบุกตะลุยมาถึงดินแดนรกร้างโบราณได้ จากนั้นก็จะยึดครองโลกที่ถูกมองว่าเป็น ‘แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ นี้ได้

ด้วยในตำราโบราณของสำนักโบราณจรัสเทพบันทึกว่า สมรภูมิหลักของ ‘ศึกมรรคสิบทิศ’ ในสมัยดึกดำบรรพ์ เกิดขึ้นที่นอกกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิของดินแดนรกร้างโบราณ!

ในกาลเวลานิรันดร์ที่ผ่านมา กำแพงเมืองด่านจักรพรรดินั้นมีสมญาว่า ‘ปราการฟ้าด่านแรกดินแดนรกร้างโบราณ สถานที่หยุดเท้าของจอมจักรพรรดิ’ ความจริงแล้วที่นั่นก็คือสมรภูมิหลักของศึกมรรคสิบทิศ

และด้วยผ่านสงครามนี้ ดินแดนรกร้างโบราณจึงแหลกสลาย ต้นกำเนิดของโลกแตกละเอียด กลายเป็นโลกใบเล็กแห่งหนึ่ง จมดิ่งอยู่ริมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์

ศึกมรรคสิบทิศ ระดับจักรพรรดิทุกคนของดินแดนรกร้างโบราณดำรงอยู่ เพื่อต้านจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อน ร่วมมือกันที่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ต่อสู้กันจนพลิกฟ้าพลิกดิน จักรวาลพลิกคว่ำ

จนปัจจุบันนอกกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิยังมีวิญญาณของระดับจักรพรรดิดึกดำบรรพ์นับไม่ถ้วนลอยล่อง รวมถึงมีสะเก็ดโลกมากมายอยู่ด้วย

ตอนนั้นสำนักโบราณจรัสเทพกับแดนกษิติครรภ์ล้วนเป็นขุมอำนาจที่อยู่ภายใต้การดูแลของจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อน และเคยเข้าร่วมในศึกนี้ด้วย ทว่ากลับล้มตายกันเป็นเบือ

สุดท้ายหลังจากศึกมรรคสิบทิศปิดฉากลง แม้จะถูกพลังระเบียบต้องห้ามที่จอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนยึดครอง ทำให้เกิดเป็นสามด่านเคราะห์ครอบคลุมบนท้องฟ้าเหนือดินแดนรกร้างโบราณ

แต่กำแพงเมืองด่านจักรพรรดินั้นกลับไม่เคยถูกทำลาย ยังตั้งตระหง่านอยู่ตรงสมรภูมิแนวหน้า ราวกับไม่เสื่อมสูญ!

ด้วยเหตุนี้สำนักโบราณจรัสเทพจึงคิดว่ามีเพียงทำลายกำแพงเมืองด่านจักรพรรดิ ก็จะปกครองดินแดนรกร้างโบราณได้อย่างแท้จริง ยึดครอง ‘แดนต้นกำเนิดหมื่นมรรค’ ที่ถูกระเบียบต้องห้ามผนึกแห่งนี้ได้

ปีนั้นปาฉีก็มาด้วยเหตุนี้

แต่พลังปราณของเขาถูกผนึกไว้ มีแค่พลังของระดับกึ่งจักรพรรดิ ย่อมไม่มีทางทำเรื่องนี้ได้แต่แรก ด้วยจนปัญญาจึงไม่อาจไม่จดจ่อกับการจำศีล

เพื่อสิ่งนี้เขายังสิงร่างเป็นการเฉพาะ ฆ่าผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีชื่อว่า ‘ฝานฉี’ ของสำนักกระบี่เทียมฟ้าแห่งดินแดนรกร้างโบราณแล้วสวมร่างเขาแทน

สำหรับปาฉี แม้ว่าพลังปราณจะถูกผนึก แต่สติปัญญาและมรดกที่เขามีนั้นยังอยู่ ขอแค่ตั้งใจฝึก ย่อมต้องอบรมบุคคลชั้นนำที่พอจะนำพาขุมอำนาจใหญ่ของดินแดนรกร้างโบราณคนหนึ่งออกมาได้แน่นอน

ขอแค่ควบคุมคนผู้นี้ได้ ก็เหมือนครอบครองตัวหมากที่จะล้มล้างดินแดนรกร้างโบราณในภายหน้า

อวิ๋นชิ่งไป๋ก็คือผู้สืบทอดที่เขาเลือก

และในความจริงอวิ๋นชิ่งไป๋ก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง แค่ไม่กี่สิบปีก็เผยประกายที่เจิดจรัสหาใดเปรียบ ถูกมองเป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งยุคของดินแดนรกร้างโบราณ!

แต่ต่อมาเขากลับได้ยินโดยไม่ตั้งใจ ว่าในสถานที่ซึ่งถูกมองเป็น ‘โลกชั้นล่าง’ ที่จ่อมจมอยู่ริมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้น มีทารกชายที่ครองพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินคนหนึ่งถือกำเนิดขึ้น…

หุบเหวกลืนกิน!

ทั่วหล้านี้บางทีอาจมีแค่สำนักโบราณจรัสเทพและแดนกษิติครรภ์ซึ่งเคยติดตามรับใช้ข้างกายจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนที่รู้ดีว่า พรสวรรค์นี้ไม่ได้เป็นของทางเดินโบราณฟ้าดาราแต่แรก!

จากนั้นปาฉีก็พาอวิ๋นชิ่งไป๋มุ่งหน้าไปยังโลกชั้นล่างด้วยกันโดยไม่ลังเล

เพียงแต่สิ่งที่เขาคิดไม่ถึงคือ พลังเจตจำนงของจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อน อาศัยพลังระเบียบต้องห้ามมาถึงก่อนล่วงหน้าก้าวหนึ่งนานแล้ว

ปาฉีเพิ่งเข้าใจในตอนนั้นเอง จอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อนที่ก้าวผ่านฟากฝั่งฟ้าดารามาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ ที่แท้ก็มาเพื่อจับตัวหญิงสาวคนหนึ่งที่มีชื่อว่าลั่วชิงสวิน

และทารกชายที่ครองพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินนั้น ก็ถือกำเนิดมาจากลั่วชิงสวินนั่นเอง

ต่อมาพลังระเบียบต้องห้ามได้ปรากฏ เข้าปกคลุมท้องฟ้าเหนือจักรวรรดิจื่อเย่า ปาฉีลงมือชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของทารกชายคนนั้นไป

ถึงตอนนี้มหาจักรพรรดิปาฉียังจำได้ดี ว่าเด็กทารกที่นอนอยู่ในผ้าห่อนั่นร้องไห้ปานจะขาดใจเพียงใด น้ำเลือดแดงสดไหลบ่าออกมาจากอกที่ถูกผ่าออกของเขา…

สิ่งเดียวที่ทำให้มหาจักรพรรดิปาฉีเสียดายคือ หลังจากเขาชิงชีพจรปราณวิญญาณต้นกำเนิดของทารกชายนั่นมาแล้ว ยังไม่ทันได้ทำเรื่องอื่น เหตุไม่คาดฝันที่คาดไม่ถึงก็เกิดขึ้น

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท