Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2103 เปิดตาทิพย์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2103 เปิดตาทิพย์

ตอนที่ 2103 เปิดตาทิพย์

แดนกษิติครรภ์ หนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด ความยิ่งใหญ่ของอานุภาพถึงขั้นสามารถชักนำความหวาดกลัวจากทั่วหล้าฟ้าดารา

บรรพจารย์ผู้บุกเบิกของขุมอำนาจที่น่ากลัวเช่นนี้ กลับเป็นสัตว์เทพที่ ‘เก้าไม่เหมือน’ ตัวหนึ่ง นี่ย่อมดูเหลือเชื่อ

หลินสวินจ้องซุ้มธรรมขนาดใหญ่นั่นอยู่ครู่ใหญ่ ถึงค่อยเคลื่อนสายตาพินิจรอบๆ

ความมืดมนราวกับผ้าคลุมบางๆ ชั้นหนึ่งปกคลุมอยู่ในอารามแห่งนี้ บนมรรคสถานที่กว้างใหญ่นั้นมีเงาร่างมากมายคุกเข่ากับพื้น

ผู้แข็งแกร่งทุกคนไม่ว่าพลังปราณสูงหรือต่ำ สีหน้าล้วนศรัทธา ใช้หัวโขกพื้น ตรงหน้าของทุกคนล้วนมีกระถางธูปรูปบัวดำอันหนึ่ง ในกระถางจุดธูปดอกหนึ่ง

ธูปที่ถูกจุดกระจายกลิ่นหอมสดชื่น

บรรยากาศดูเคร่งขรึมอย่างที่สุด

ครั้นสังเกตเห็นควันธูปเป็นกลุ่มๆ ราวกับหมอก กลับทำให้หลินสวินนัยน์ตาหดรัดลง

วู้ม!

ร่างพลังจิตที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในห้วงความคิดของหลินสวินลืมตาขึ้นอย่างไร้สุ้มเสียง สองมือทำมุทราซับซ้อนระลอกหนึ่ง

ในเวลาเดียวกันในดวงตาหลินสวินปรากฏแสงประกายที่มหัศจรรย์มากมาย

นี่คือ ‘คันฉ่องประตูอัศจรรย์’ คัมภีร์มรรคที่ศิษย์พี่แปดของคีรีดวงกมลปู่ซ่วนจื่อถ่ายทอดมาให้ ภายในนทึกวิชาลับหนึ่ง นามว่า ‘เปิดตาทิพย์’

เมื่อโคจรวิชาลับนี้ เบื้องบนสามารถเข้าใจการเปลี่ยนแปลงแห่งวัฏจักร เบื้องล่างสามารถมองทะลุร่างจริงของทุกสิ่งทั่วหล้า มหัศจรรย์อย่างที่สุด

ปู่ซ่วนจื่อคนนี้ถูกเรียกว่าเป็นเทพเศรษฐีที่มั่งมีที่สุดในคีรีดวงกมล สมบัติที่มีเรียกได้ว่ารวมของล้ำค่าหายากจากทั่วทุกมุมโลก

ยามเขาค้นหาสมบัติ เปิดตาทิพย์ก็จะมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่ง!

พอเปิด ‘ตาทิพย์’ ทันใดนั้นภาพในสายตาของหลินสวินพลันเปลี่ยนไป

ก็เห็นว่าใต้พื้นมรรคสถานยักษ์นั่นปรากฏกระบวนค่ายกลลายมรรคที่สลับทับซ้อนราวกับใยแมงมุม เกิดเป็นคลื่นคลุมเครือแปลกประหลาด

กระถางธูปที่อยู่ตรงหน้าผู้แข็งแกร่งที่คุกเข่าอยู่บนพื้น กระจายอยู่ตรงกลางกระบวนค่ายกลลายมรรคนี้พอดี

เมื่อกระบวนค่ายกลลายมรรคโคจร ธูปที่จุดอยู่ในกระถางธูปก็ปลดปล่อยพลังที่ไม่อาจถูกสังเกตเห็นได้อย่างเงียบๆ

และตอนที่ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นกราบไหว้อย่างศรัทธา ก็ไม่ได้สังเกตเห็นว่าแรงปรารถนามหามรรคของพวกเขากำลังถูกดูดออกมาทีละเสี้ยว แล้วแทรกเข้าในกระถางธูปที่อยู่ตรงหน้า!

ตอนที่เห็นภาพนี้ในใจหลินสวินอดตกใจไม่ได้

มรรคสถานขนาดใหญ่นี้ราวกับสถานที่บูชายัญ ชักนำผ่านกระบวนค่ายกลใหญ่ลายมรรคใต้ดิน โดยใช้กระถางธูปเป็นตัวกลางประหนึ่งหนวดนับไม่ถ้วน มองผู้ฝึกปราณที่กราบไหว้อย่างศรัทธาเหล่านั้นเป็น ‘เครื่องเซ่น’ เพื่อดูดแรงปรารถนามหามรรค!

ทุกชีวิตมีแรงปรารถนาแห่งสรรพชีวิต และตอนที่ผู้ฝึกปราณทุกคนบรรลุอริยะ ก็ล้วนเคยสร้างปณิธานอริยมรรค สามารถมองเป็นแรงปรารถนามหามรรคได้

นี่เป็นพลังที่มหัศจรรย์ไร้ขอบเขตอย่างหนึ่ง

อริยะบางคนถึงขั้นใช้แรงปรารถนามหามรรคอุทิศเป็น ‘อริยบุคคล’

อย่างเช่นยามหลินสวินอยู่ที่แท่นสักการะในแหล่งสถานคุนหลุน ก็ใช้แรงปรารถนามหามรรคแห่งตนอุทิศเป็นอริยบุคคล จนได้รับมรดกชั้นเลิศที่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลทิ้งเอาไว้

แรงปรารถนามหามรรคที่มหัศจรรย์เช่นนี้ ตอนที่ฝึกปราณไม่มีใครสังเกตเห็นได้ แต่มหามรรคที่ผู้ฝึกปราณทุกคนสำแดงออกมา กลับได้รับผลกระทบจากแรงปรารถนามหามรรคแทบจะทั้งหมด

อย่างตอนที่หลินสวินบรรลุมกุฎอริยะ ปณิธานอริยมรรคที่สร้างเอาไว้คือ

ยามข้าบรรลุอริยะ

ใจข้าคือใจฟ้า มรรคข้าคือมหามรรค!

ยามมรรคข้าแจ้งประจักษ์

นิจนิรันดร์คือมงกุฎ สวมเหนือเศียรข้า

อมตะคือภูษา ปกคลุมกายข้า

ศุภโชคคือบาทุกา สวมรองบาทข้า!

หลังจากเขาบรรลุอริยะ เส้นทางมหามรรคที่เสาะแสวงก็แยกจากปณิธานอริยมรรคที่สร้างขึ้นตอนนั้นไม่ได้

แต่ตอนนี้ขุมอำนาจของแดนกษิติครรภ์ กลับกำลังดูดและรวบรวมแรงปรารถนามหามรรคของผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นด้วยวิธีลับสุดยอด การกระทำเช่นนี้เรียกได้ว่าเป็นมารนอกรีต ทำให้คนกลัวจนตัวสั่น!

‘รวบรวมแรงปรารถนามหามรรคมากมายขนาดนี้… แดนกษิติครรภ์คิดจะทำอะไรกันแน่’

ในใจหลินสวินเองก็พลิกม้วนไม่หยุด

ในสามสิบสามแคว้นของโลกมืด มีแคว้นหนึ่งในสามถูกแดนกษิติครรภ์ควบคุม

ในทุกแคว้นมีเมืองไม่รู้เท่าไหร่กระจายอยู่!

หากทุกเมืองในนั้นมีอารามกษิติครรภ์หลังหนึ่ง ดูดแรงปรารถนามหามรรคของผู้กราบไหว้ด้วยความศรัทธาเหล่านั้นทุกคืนวัน…

พลังระดับนั้นจะน่ากลัวเพียงใด

‘ตามคาด ใต้หล้านี้ไม่มีเรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น คนที่อยากจะขอความคุ้มครองจากแดนกษิติครรภ์ ดูภายนอกเหมือนไม่ได้จ่ายผลึกมรรคอะไร แต่สิ่งที่เสียไปกลับเป็นแรงปรารถนามหามรรคแห่งตน…’

หลินสวินถอนหายใจ

วันนี้ค้นพบความจริงนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เขายิ่งรังเกียจและต่อต้านแดนกษิติครรภ์ พวกลาหัวโล้นเหล่านี้มองคู่ต่อสู้เป็นคนนอกรีต แต่พวกเขา… บางทีอาจจะเป็นพวกนอกรีตที่สุดในการบำเพ็ญธรรม!

หืม?

ตอนที่หลินสวินตัดสินใจจะจากไป จู่ๆ ก็สังเกตเห็นว่าอีกฝั่งของมรรคสถานที่กว้างขวางอย่างที่สุดนั่น มีเงาร่างที่คุ้นเคยกลุ่มหนึ่งยืนอยู่

นั่นเป็นพวกเฒ่าชราผมขาว เฟ่ยหล่าง หลันหลิง

ข้างๆ พวกเขามีภิกษุชุดดำสองคนอยู่ด้วย คนหนึ่งเป็นภิกษุวัยกลางคนที่ผอมซูบดำคล้ำ พลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิสามชั้นฟ้า

อีกคนเป็นภิกษุเฒ่าที่เต็มไปด้วยริ้วรอย เป็นผู้ฝึกปราณระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งเหมือนเฒ่าชราผมขาว

พวกเขากำลังใช้จิตรับรู้คุยกัน ไม่ได้ยินว่ากำลังถกเรื่องอะไรกัน

หลินสวินขมวดคิ้ว ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนอย่างไร้ร่องรอย เขาอยากดูสักหน่อยว่าพวกเฒ่าชราผมขาวมาเพื่ออะไร

ไม่นานธูปในกระถางธูปทุกใบล้วนจุดจนหมด ภิกษุชุดดำกลุ่มหนึ่งเดินออกจากฝูงชนเก็บกระถางธูปเหล่านั้นไป ในขณะเดียวกันก็วางกระถางธูปใบใหม่บนมรรคสถาน

เหล่าผู้แข็งแกร่งที่คุกเข่าอยู่ในมรรคสถานถึงได้ลุกขึ้นในยามนี้ หลังจากคารวะซุ้มธรรมขนาดใหญ่อย่างเคารพนอบน้อมก็หมุนตัวจากไป

เห็นได้ชัดว่าทุกเจ็ดวันพวกเขาจะต้องมากราบไหว้บูชาเป็นเวลาหนึ่งก้านธูป!

หลินสวินสังเกตเห็นว่ากระถางธูปที่ถูกเก็บไปเหล่านั้น ล้วนถูกรวมไว้บนแท่นบัวสีดำขนาดใหญ่แท่นหนึ่ง

แท่นบัวสีดำเปล่งแสง กระถางธูปเหล่านั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

และตอนนี้เอง ภิกษุเฒ่าที่กำลังพูดคุยกับกลุ่มเฒ่าชราผมขาวเดินเข้ามา ยกมือขึ้นโบกคราหนึ่ง แท่นบัวสีดำนั่นกลายเป็นขนาดประมาณกำปั้น ถูกเขาถือไว้ในมือ

จากนั้นภิกษุเฒ่าหมุนตัวเดินกลับไป ยื่นของสิ่งนี้ให้กับเฒ่าชราผมขาวพร้อมรอยยิ้ม

ตอนที่หลินสวินตัดสินใจจะรอดูต่อไป ข้างหูพลันมีเสียงราบเรียบเคร่งขรึมดังขึ้น

“ตอนนี้ตาพวกเจ้าแล้ว จำไว้ ตอนที่กราบไหว้จะต้องเปิดจิต สำนึกคุณด้วยความจริงใจ หากกล้าคิดไม่ซื่อจะถูกจับกุมทันที”

ก็เห็นภิกษุชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกลนัก มองไปยังตำแหน่งที่หลินสวินยืนอยู่ พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

ทันใดนั้นผู้แข็งแกร่งที่เดิมทีรออยู่ในพื้นที่แห่งนี้เหมือนหลินสวินล้วนทยอยเกินไปยังมรรคสถานใหญ่ยักษ์นั่น แต่ละคนคุกเข่าอยู่ตรงหน้ากระถางธูปอย่างว่าง่ายเป็นที่สุด สีหน้าศรัทธา

เห็นได้ชัดว่าการเซ่นไว้ก็ต้องดำเนินการทีละรอบ

ไม่นานก็เหลือเพียงหลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

ภิกษุชุดดำพูดเสียงขรึม “เหตุใดเจ้าไม่ไป หรือไม่รู้ว่าหากต้องการได้รับการคุ้มครองจากแดนกษิติครรภ์ จะต้องคุกเข่ากราบไหว้ที่นี่ด้วยความศรัทธา”

“คนรุ่นข้าฝึกปราณ ไม่คุกเข่าต่อฟ้าดิน ไม่กลัวมารปีศาจ ไม่กลัวพระเทพ หัวขาดไปก็แค่ตาย แต่หากเข่าหักชาตินี้ทั้งชาติก็จะยืนไม่ได้อีก”

หลินสวินถอนหายใจเบาๆ ในใจทอดถอนใจอยู่บ้าง ทุกสิ่งที่เห็นวันนี้ทำให้เขาได้เปิดโลก ในใจมีความรู้สึกชิงชังที่ขจัดไม่ออก

ว่าแล้วเขาก็หมุนตัวจากไป

ภิกษุชุดดำคนนั้นสีหน้าอึมครึมลง เอ่ยว่า “เข้าอารามกษิติครรภ์แล้วยังอยากจะจากไปเช่นนี้ เห็นแดนกษิติครรภ์ของข้าเป็นอะไร ขืนยังไม่คุกเข่าอีกอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

เสียงเย็นชาดุดันดึงดูดสายตาไม่น้อย

ภิกษุชุดดำมากมายเดินมาจากทิศทางต่างๆ กัน ล้วนจ้องหลินสวินด้วยสีหน้าเย็นชา ราวกับเพียงแค่เขากล้าต่อต้านก็จะฆ่าเขาให้ตายในฐานะคนนอกรีต

“เอ๋ นี่มันเจ้าคนที่ไม่เห็นใครในสายตาไม่ใช่หรือ”

ความเคลื่อนไหวทางนี้ก็ดึงดูดความสนใจของกลุ่มเฒ่าชราผมขาวเช่นกัน เฟ่ยหล่างพูดด้วยสีหน้าประหลาดใจ “เขามาได้อย่างไร”

หลันหลิงที่อยู่ข้างๆ เผยสีหน้าเย้ยหยัน เอ่ยว่า “คราวนี้เหมือนจะมีเรื่องสนุกให้ดูแล้ว”

“ทุกท่านรู้จักคนผู้นี้หรือ” ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิคนนั้นถาม

“ไม่รู้จัก เพียงแต่เมื่อสิบกว่าวันก่อนมีวาสนาได้เจออยู่ครั้งหนึ่ง” เฒ่าชราผมขาวสีหน้าเรียบเฉย

ภิกษุเฒ่าระดับจักรพรรดิขานรับว่าอ้อ แล้วหันไปยิ้มพูดกับหลันหลิง “แม่นางอยากเห็นความครื้นเครงไม่ง่ายหรอกนะ”

ว่าแล้วเขาพลันโบกมือ ออกคำสั่งกับภิกษุชุดดำที่อยู่ไกลออกไป “มู่เฮ่อ รีบจัดการเจ้าหมอนี่ซะ อย่ารบกวนความสงบของที่แห่งนี้”

ภิกษุชุดดำที่ถูกเรียกว่ามู่เฮ่อก็คือคนที่ส่งเสียงข่มขู่หลินสวิน ได้ยินเช่นนี้สายตาของเขาพลันวาบประกาย ออกคำสั่งตามมา

“คนผู้นี้คือคนนอกรีต จงใจมาก่อเรื่อง จับเขาไว้ ทำลายร่างเนื้อหลอมจิตวิญญาณของเขาเป็นน้ำมันตะเกียง เช่นนี้จึงจะสามารถไถ่โทษได้!”

“ขอรับ!”

กลุ่มภิกษุชุดดำรับคำสั่งออกไป

ชั่วขณะเดียวบรรยากาศตึงเครียดอย่างที่สุด

เดิมทีหลินสวินตัดสินใจจะจากไป แม้ในใจจะรังเกียจอย่างมาก แต่ก็รู้ดีว่าการทำลายอารามกษิติครรภ์แห่งนี้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่สามารถส่งผลใดๆ ต่อแดนกษิติครรภ์ได้

แต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าเพียงพริบตาเท่านั้น ตนกลับกลายเป็นคนนอกรีตอีกแล้ว!

และฟังจากน้ำเสียงของอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าหลังจากฆ่าตนแล้ว ยังคิดจะหลอมจิตวิญญาณของตนเป็นน้ำมันตะเกียง…

หลินสวินอดถอนหายใจเบาๆ อีกคราไม่ได้ “เป็นพวกเจ้ารนหาที่ตายเอง อย่าหาว่าข้าไร้ปรานี…”

“ฆ่า!”

ภิกษุชุดดำกลุ่มหนึ่งพุ่งมา แต่ละคนสีหน้าเฉยชาราวกับไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ ร่างกายแผ่แสงธรรมมืดมน แข็งกร้าวอย่างที่สุด

ตูม!

ทว่าการโจมตีของพวกเขายังไม่ทันมาถึงตรงหน้าหลินสวิน ก็ถูกสลายไปโดยพร้อมเพรียง กลายเป็นละอองแสงล่องลอย สมบัติบางส่วนยิ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ เกิดเสียงระเบิดบาดหู

ภิกษุชุดดำเหล่านั้นนัยน์ตาหดรัด แต่ไม่ได้หวาดกลัว และยังพุ่งมาต่อ

นี่ก็คือผู้สืบทอดกษิติครรภ์ ไม่กลัวความตาย หากไม่บรรลุเป้าหมายไม่มีทางหยุด นี่ก็คือสิ่งที่ทำให้ผู้ฝึกปราณทั่วหล้าหวาดกลัวที่สุด

น่าเสียดายที่ครั้งนี้พวกเขาเจอหลินสวิน

“ในเมื่อพวกเจ้าชอบให้คนอื่นคุกเข่าขนาดนี้ เช่นนั้นก็คุกเข่าลงเถอะ”

หลินสวินสีหน้าราบเรียบ ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมโดยไม่ขยับสักนิด

แต่เมื่อเสียงของเขาดังมา กลับประหนึ่งอสนีมหามรรค ดังระเบิดอยู่ในสภาวะจิตของภิกษุชุดดำทั้งกลุ่ม เกิดอานุภาพที่น่ากลัวไร้ขอบเขต

ทันใดนั้นพวกเขาราวกับถูกฟ้าผ่า กระตุกไปทั้งตัว เสียงตึงๆ ดังอยู่ระลอกหนึ่ง ล้วนคุกเข่าลงพื้นทั้งหมด เลือดออกเจ็ดทวาร ส่งเสียงอู้อี้

————————–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท