Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2109 เสียงหัวเราะของศิษย์พี่รอง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2109 เสียงหัวเราะของศิษย์พี่รอง

ตอนที่ 2109 เสียงหัวเราะของศิษย์พี่รอง

ต้าหวงเห่าคราหนึ่ง เผยฟันขาวดั่งหิมะที่แหลมคม พลันทะยานขึ้นไปกัดน่องของชายผีสุราอย่างรุนแรง

อีกฝ่ายสูดหายใจสะท้านแต่กลับไม่กล้าขยับมั่วซั่ว แยกเขี้ยวยิงฟังพูดกับหลินสวิน “ตอนนี้เจ้ารู้ความร้ายกาจของต้าหวงแล้วใช่หรือไม่”

เขาเจ็บจนเหงื่อซึมหน้าผาก หลินสวินเห็นแล้วยังรู้สึกเจ็บไปด้วย หมาขนทองตัวนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกประหลาดในหมู่สุนัข อวดดีมากและดุดันมาก!

เรือเล็กลำหนึ่งบรรทุกสองคนและหนึ่งสุนัข ไม่นานก็หายไปในส่วนลึกของมหาสมุทรเลือดไร้สงบ

ริมฝั่งมหาสมุทร

เงาร่างจักรพรรดิกระบี่เทียนฉงและจักรพรรดิธรรมเทียนตูปรากฏกลางอากาศ

มองส่วนลึกของมหาสมุทร สีหน้าของทั้งสองต่างปรากฏความอึมครึม

“หมาตัวนั้นรังแกกันเกินไปแล้ว!”

จักรพรรดิธรรมเทียนตูขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในใจเต็มไปด้วยโทสะ ช่วงก่อนหน้านี้เขาถูกต้าหวงตามฆ่าจนสะบักสะบอม บนร่างเต็มไปด้วยรอยแผลของการถูกกัด

จนกระทั่งหนีไปถึงถิ่นของแดนกษิติครรภ์ถึงได้ฝืนสลัดต้าหวงออกไปได้

“เศษเดนคีรีดวงกมลนั่นถูกหอวิหคทองแดงพาตัวไปแล้ว เจ้าว่าเจ้าหอวิหคทองแดงคิดจะต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจริงๆ หรือ”

จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงถาม

จักรพรรดิธรรมเทียนตูพูดเสียงเย็น “ต่อต้านหรือ ข้าดูไม่ออกเลยจริงๆ ว่าเจ้าหอวิหคทองแดงมีความมั่นใจอะไรไปต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ดำรง หากเขาบ้าจนกล้าทำเช่นนี้จริงๆ หอวิหคทองแดงจะต้องถูกลบชื่อจากสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืดแน่!”

จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า “ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ข้าได้ยินว่าถิ่นฐานของเรือนเร้นหมอกก็อยู่ในส่วนลึกของมหาสมุทรเลือดไร้สงบนี่ เมี่ยฉยงกับหมาตัวนั้นพาเจ้าหมอนี่ไปจะทำอะไรกันแน่”

น้อยคนมากที่จะรู้ว่าเรือนเร้นหมอกคือพลังแกนหลักที่สุดของหอวิหคทองแดง แผ่ขยายอานุภาพไปทั่วทางเดินโบราณฟ้าดารา!

“ข้ารู้เพียงว่าตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ เจ้าหอวิหคทองแดงก็แจ้งมรรคที่แดนต้นกำเนิดเรือนเร้นหมอก ก้าวสู่เส้นทางมกุฎจักรพรรดิในคราเดียว”

จักรพรรดิธรรมเทียนตูกล่าวเสียงขรึม

จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงขมวดคิ้วเอ่ย “เจ้าสงสัยว่าเจ้าหอวิหคทองแดงอยากให้โอกาสเจ้าหมอนี่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิสักครั้งหรือ”

“ใครจะรู้เล่า คนบนโลกรู้เพียงว่าเจ้าหอวิหคทองแดงเป็นคนที่เย่อหยิ่งที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน จากที่ข้าดู ความลึกล้ำในแผนการของเขาก็ไม่มีใครเทียบเช่นกัน!”

จักรพรรดิธรรมเทียนตูกล่าว “ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีใครรู้ที่มาของเขา และไม่มีใครรู้ว่าเขาแทรกซึมพลังของเรือนเร้นหมอกไปสู่ทุกโลกในทางเดินโบราณฟ้าดาราได้อย่างไร”

“ยิ่งไม่มีใครรู้ว่า เขา… มุ่งหวังอะไรกันแน่!”

“แต่ตอนนี้ข้าพอจะเข้าใจบางอย่างรางๆ แล้ว”

พูดถึงตรงนี้ในสายตาของจักรพรรดิธรรมเทียนตูเผยแววประหลาด “สหายยุทธ์ยังจำได้หรือไม่ ในการประชันหมากครั้งใหญ่คราวนั้น หลินสวินคนนี้ดูเหมือนเป็นเพียงหมากที่ไม่มีความสำคัญ แต่ในระหว่างที่จักรพรรดิยุทธ์ต่อสู้กับจอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อน กลับมีประโยชน์สำคัญยิ่ง”

จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงเหมือนจะเข้าใจแล้ว เอ่ยอย่างตกใจ “เจ้าหมายความว่าเจ้าหอวิหคทองแดงก็คิดจะมองเจ้าหมอนี่เป็นตัวหมาก เลียนแบบการกระทำของจักรพรรดิยุทธ์ ไปวัดสูงต่ำกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงเช่นนั้นหรือ”

หากนี่เป็นความจริง แค่คิดก็ทำให้คนใจสั่นแล้ว!

จักรพรรดิธรรมเทียนตูสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง เอ่ยว่า “จะเป็นเช่นนี้หรือไม่ รอตอนที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับมาจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ บางทีอาจได้คำตอบ”

“จักรพรรดิสวรรค์ดำรงไม่ใช่จอมจักรพรรดิไร้นามคนก่อน หากเจ้าหอวิหคทองแดงกล้าทำเช่นนี้จริง นั่นต้องเป็นการรนหาที่ตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”

จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงพูดมาดมั่น

ทั้งสองคุยกันอีกครู่หนึ่งถึงค่อยหมุนตัวจากไป

มหาสมุทรเลือดไร้สงบเป็นสถานที่สำคัญแกนหลักของเรือนเร้นหมอก ไม่ใช่ที่ที่พวกเขาจะกล้าบุกรุกเข้าไปโดยพลการ

……

และในวันนั้น จักรพรรดิกระบี่เทียนฉงและจักรพรรดิธรรมเทียนตูก็แพร่ข่าวกับโลกภายนอก ว่าหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมลที่ถูกทั่วโลกประกาศจับ ได้รับการคุ้มครองจากหอวิหคทองแดงหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด!

ทันใดนั้นโลกมืดฮือฮาขึ้นมา ข่าวนี้สะท้านสะเทือนยิ่งยวด ผลักหอวิหคทองแดงขึ้นไปอยู่ปลายยอดคลื่นทันที

“หอวิหคทองแดงบ้าไปแล้วหรือ ไม่กลัวถูกคนทั่วหล้ามองเป็นศัตรูหรือไร”

ทุกคนรู้สึกถึงเหลือเชื่อ หลินสวินแห่งคีรีดวงกมลนั่นเป็นถึงคนที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงออกคำสั่งประกาศจับด้วยตัวเอง แต่หอวิหคทองแดงกลับกล้าให้การคุ้มครอง นี่เห็นได้ชัดว่ากำลังตั้งตนเป็นศัตรูกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรง

“ช่วงก่อนหน้านี้จักรพรรดิสวรรค์ดำรงมาเยือนโลกมืด มีเพียงเจ้าหอวิหคทองแดงปฏิเสธการเข้าพบ ล่วงเกินจักรพรรดิสวรรค์ดำรงนานแล้ว ตอนนี้หอวิหคทองแดงที่อยู่ภายใต้ปกครองของเขายังกล้าคุ้มครองหลินสวิน เกรงว่านี่จะเป็นการแสดงให้เห็นแล้ว ว่าเจ้าหอวิหคทองแดงคิดจะแตกหักกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงจริงๆ”

“เหตุใดเจ้าหอวิหคทองแดงต้องทำเช่นนี้กันแน่ คนระดับเขาจะทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ได้อย่างไร ในนี้ต้องมีความลับที่ไม่ได้บอกใครอย่างแน่นอน”

คนมากมายกำลังวิพากษ์วิจารณ์และคาดเดา ต่างรู้สึกตกใจ

หอวิหคทองแดงเป็นหนึ่งในสามยักษ์ใหญ่แห่งโลกมืด อิทธิพลยิ่งใหญ่ รากฐานพลังแข็งแกร่งและเก่าแก่

และที่แตกต่างจากสำนักโบราณจรัสเทพและแดนกษิติครรภ์ก็คือ หอวิหคทองแดงยึดมึ่นความยุติธรรมเสมอมา มีชื่อเสียงที่งดงามสูงส่งและได้รับคำวิจารณ์ที่ดีในใจของทุกคน

ใครก็คิดไม่ถึงว่าในสถานการณ์สำคัญเช่นนี้ หอวิหคทองแดงจะให้การคุ้มครองหลินสวินผู้สืบทอดคีรีดวงกมล การทำเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการรนหาที่ตาย

งานชุมนุมบัวเลิศที่กำลังเริ่มขึ้น แต่ละขุมอำนาจเก่าแก่ที่มาจากทั่วหล้าก็ตกใจกับข่าวนี้ ถกเรื่องนี้ไม่หยุด

“สวรรค์หมายกำจัดคนผู้หนึ่ง ย่อมต้องทำให้คนผู้นั้นบ้าคลั่ง เจ้าหอวิหคทองแดงเย่อหยิ่งเกินไป หากเขาคิดจะใช้หลินสวินเป็นหมาก เลียนแบบการกระทำของจักรพรรดิยุทธ์ นั่นก็เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่แล้ว”

“รอก่อนเถอะ หอวิหคทองแดงห่างจากการดับสิ้นอีกไม่ไกลแล้ว!”

สำหรับผู้ยิ่งใหญ่ของขุมอำนาจเก่าแก่เหล่านั้น ล้วนคาดเดาคล้ายๆ กัน ไม่มีใครคิดว่าเจ้าหอวิหคทองแดงจะมีรากฐานอะไรไปต่อต้านจักรพรรดิสวรรค์ดำรง

และวันที่จักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับมา ก็คือคราวดับสิ้นของหอวิหคทองแดง!

……

“ก่อนเคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามมาเยือน เขาจักรพรรดิสวรรค์ดำรงไม่มีทางออกจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ได้!”

ในโลกลึกลับแห่งหนึ่ง ในดวงตาเจ้าหอวิหคทองแดงเต็มไปด้วยความนิ่งสงบ

เขารู้ปฏิกิริยาของโลกภายนอกนานแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ใจ

ทุกคนล้วนบอกว่าเขาบ้า ขุมอำนาจใหญ่เหล่านั้นบ้างบอกว่าเขารนหาที่ตาย แต่มีเพียงตัวเขาที่รู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไรอยู่

“เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนี้” ซีที่นั่งอยู่ตรงข้ามเอ่ยด้วยเสียงใสเย็น

ท่าทางของเจ้าหอวิหคทองแดงสบายๆ เสียงยิ่งผ่อนคลาย พูดอย่างไม่ใส่ใจ “เพราะข้าโตที่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้ารู้ดีกว่าจักรพรรดิสวรรค์ดำรง ว่าหากคนอย่างเขาเข้าไป จะประสบกับเรื่องอะไร”

พูดถึงตรงนี้เจ้าหอวิหคทองแดงเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยว่า “เมื่อนานมาแล้วก็เคยมีคนหนึ่งจากฟากฝั่งฟ้าดาราเข้าไปยังแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ คนผู้นั้นเรียกตัวเองว่าลั่วทงเทียน ไม่ว่าจะรากฐานหรือความองอาจล้วนเรียกได้ว่าน่ากลัวไร้ขอบเขต…”

เขาไม่รู้เลยว่าตอนที่เอ่ยถึงลั่วทงเทียน ในใจของซีที่นั่งอยู่ตรงข้ามจะปรากฏความคลื่นชั้นหนึ่ง!

ลั่วทงเทียน!

แน่นอนว่าเป็นเจ้าแห่งห้องโถงมรรคาสวรรค์ บรรพบุรุษคนหนึ่งของลั่วชิงสวินมารดาของหลินสวิน!

ซีคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินผู้สืบทอดลำดับที่สองของคีรีดวงกมลเอ่ยถึงชื่อนี้ในตอนนี้

“ตอนนั้นข้าเพิ่งกราบอาจารย์เข้าสำนัก ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง แต่ลั่วทงเทียนนั่นเป็นถึงบุคคลชั้นเลิศที่ทำให้อาจารย์ข้าต้องหันมอง เขาในตอนนั้น… คงทะลวงระดับบรรพจารย์นานแล้ว ก้าวสู่มรรคาขั้นสูงยิ่งกว่าไปแล้ว”

พูดถึงตรงนี้สายตาของเจ้าหอวิหคทองแดงก็จับจ้องมองซี แล้วเอ่ยว่า “แต่เจ้ารู้หรือไม่ ว่าหลังจากเขาเข้าสู่แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้วต้องพบเจออะไร”

ซีเอ่ยเรียบๆ “เจ้าคิดว่าข้าจะอยากรู้มากหรือ”

เจ้าหอวิหคทองแดงยิ้มน้อยๆ ดูถือดีอย่างที่สุด เอ่ยว่า “เจ้าเดาดูหน่อยจะเป็นไร”

ในดวงตาซีเผยแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง “ถ้าเดาถูกเล่า”

เจ้าหอวิหคทองแดงยิ้มอีกครั้ง เอ่ยว่า “หากเดาถูก ข้าจะตอบคำถามที่เจ้าอยากรู้มากที่สุดหนึ่งคำถาม”

ซีพูดอย่างไม่ลังเล “ถูกเจ้าแห่งคีรีดวงกมลข่มขวัญจนถอยทัพ”

เจ้าหอวิหคทองแดง “…”

เขาเงียบไป สีหน้าอึ้งงัน เขาที่เดิมทีถือดีอย่างที่สุด เผยสีหน้ายากจะเชื่อที่ยากจะได้เห็นออกมา

ท่าทางเช่นนี้ทำให้ความเบิกบานที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้เสี้ยวหนึ่งพลุ่งพล่านขึ้นในใจซี ชายที่อยู่ตรงหน้าเย่อหยิ่งเข้ากระดูก หยิ่งจนถึงขั้นไม่เห็นใครในสายตา

ทว่าตอนนี้ในที่สุดก็พ่ายแพ้แล้ว!

ความรู้สึกเช่นนี้ช่างทำให้คนเบิกบานยิ่ง

“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้ารู้เรื่องนี้มานานแล้ว”

ครู่ใหญ่เจ้าหอวิหคทองแดงถึงถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

ซีกล่าวตรงๆ “ตอนนี้ตาเจ้าตอบคำถามข้าแล้ว หลินสวินเป็นศิษย์น้องของเจ้า เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”

เจ้าหอวิหคทองแดงเหมือนไม่ได้ประหลาดใจ คิดๆ แล้วก็เอ่ยว่า “คีรีดวงกมลถูกทำลายแล้ว ไม่ว่าจะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของข้าหรือศิษย์น้องคนอื่นๆ บางทีอาจสามารถเป็นหนึ่งในด้านหนึ่งได้ แต่มรรคาที่เสาะแสวง ถูกอาจารย์ของข้าอนุมานได้ตั้งแต่ตอนที่พวกเขากราบอาจารย์เข้าสำนักแล้ว”

“รวมถึงข้าจ้งชิวก็เช่นกัน”

“แต่ศิษย์น้องเล็กไม่เหมือนกัน มหามรรคห้าสิบ อุบัติฟ้าสี่สิบเก้า รอดพ้นเพียงหนึ่ง มรรคาของเขาแตกต่างจากผู้สืบทอดคีรีดวงกมลอย่างพวกเรามาตั้งแต่แรก และเต็มไปด้วยการเปลี่ยนแปลง”

“ยุคแรกเริ่มสมัยดึกดำบรรพ์ เพื่ออนุมานพลังระเบียบต้นกำเนิดของวิถีสวรรค์นี้ อาจารย์ต้องจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก สุดท้ายก็จำต้องจากไป”

“ตอนที่จากไป อาจารย์เคยทิ้งมรรคคาถาบทหนึ่งเอาไว้ มรรคคาถาบทนี้เจ้าเองก็รู้ดีว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะ”

“ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ข้าควบคุมดูแลโลกมืดก็เพื่อรอ ‘หนึ่งบัวเบ่งบาน’ ที่อาจารย์พูดถึง”

ฟังถึงตรงนี้ซีอดพูดไม่ได้ “เจ้าหมายความว่า หลินสวินก็คือดอกบัวดอกนั้นหรือ”

เจ้าหอวิหคทองแดงส่ายหน้า “พูดยาก ยอดหนทางสู่อมตะไม่เคยปรากฏ ข้าเองก็ไม่กล้ามั่นใจ อย่าลืมว่าเพื่ออนุมานเรื่องนี้ อาจารย์ของข้าจ่ายค่าตอบแทนอย่างหนัก แต่สุดท้ายก็เหลือไว้เพียงมรรคคาถาบทหนึ่งเท่านั้น”

เขาหยุดไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยอย่างจริงจังว่า “แต่ข้าจะลองดูสักหน่อย”

ในสายตาแฝงความหนักแน่นเสี้ยวหนึ่ง

“หากสุดท้ายพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ใช่ล่ะ” ซีถาม

เจ้าหอวิหคทองแดงเงียบไปนาน ถึงค่อยเอ่ยว่า “ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถอะ”

ซีไม่ถามอะไรไปมากกว่านั้น

นางดูออกแล้วว่าในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมา คนที่เย่อหยิ่งและอวดดีอย่างผู้สืบทอดลำดับสองของคีรีดวงกมลคนนี้ ในใจก็มีปมหนึ่งอยู่เช่นกัน

นั่นก็คือดอกบัวหนึ่งเดียวนั้น จะบานบนยอดหนทางสู่อมตะหรือไม่!

ซีไม่เอ่ยปาก เจ้าหอวิหคทองแดงกลับเป็นฝ่ายพูดก่อน “เจ้าไม่อยากรู้หรือว่า เหตุใดจักรพรรดิสวรรค์ดำรงถึงเร่งรีบไปแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์”

ซีพูดลวกๆ “ถ้าเจ้าอยากพูดก็พูดออกมา หากไม่อยากพูด ด้วยความเย่อหยิ่ง หยิ่งทระนงเต็มที่ของเจ้า ใครจะบังคับให้เจ้าพูดได้”

“เช่นนั้นข้าไม่พูดแล้วกัน” เจ้าหอวิหคทองแดงกล่าวโดยไม่คิดด้วยซ้ำ

ซีอึ้งไป เห็นได้ชัดว่ารับมือไม่ทันอยู่บ้าง ขมวดคิ้วกล่าวว่า “นิสัยที่มีแต่เด็กๆ ใช้กันเช่นนี้น่าสนุกหรือ”

“ข้าก็อยากดูหน่อยว่าเจ้าจะมีตอนที่เดาไม่ออกหรือไม่”

เจ้าหอวิหคทองแดงเอ่ยปากเสียงขรึม ทว่าพูดไปพูดมาเขาก็กลั้นยิ้มไม่อยู่

ซีถึงได้กระจ่างในยามนี้ ว่าเจ้าหอวิหคทองแดงกำลังแก้แค้นตนเรื่องที่ทำให้เขาพ่ายแพ้ไปเมื่อครู่

“เด็กน้อย” ริมฝีปากนางพ่นสองคำนี้ออกมา

เจ้าหอวิหคทองแดงหัวเราะอย่างบานบานยิ่งแล้ว แหงนหน้าเอนหลังหัวเราะ หัวเราะจนภาพพจน์ไม่เหลือ

นานมากแล้วที่เขาไม่ได้หัวเราะเสียงดังเช่นนี้

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท