Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2147 หมื่นปทุมเหนือเวิ้งฟ้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2147 หมื่นปทุมเหนือเวิ้งฟ้า

ตอนที่ 2147 หมื่นปทุมเหนือเวิ้งฟ้า

กาลเวลาผันผ่าน ท่ามกลางสายตารอคอยนับไม่ถ้วน เคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามในประวัติศาสตร์ก็มาเยือนในที่สุด

วันนี้บนเวิ้งฟ้าเหนือโลกมืดมีเมฆเคราะห์สีดำข้นหนืดปานน้ำหมึกปรากฏขึ้น ทำให้กลางวันตกอยู่ในราตรีนิรันดร์อันมืดมิด

ตั้งแต่เริ่มจนจบเงียบเชียบไร้เสียง

“มาแล้ว!”

“มาเสียที!”

เสียงตื่นเต้นดังไปในทุกๆ พื้นที่ของโลกมืด ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่รอคอยมานานแล้วต่างหยุดทำสิ่งที่อยู่ในมือ พากันมองเวิ้งฟ้า

สีหน้าเปี่ยมไปด้วยความบ้าคลั่ง

เมื่อเวลาผ่านไปเวิ้งฟ้ายิ่งมืดมิดทึบทึม ดวงดารานับไม่ถ้วนค่อยๆ ปรากฏขึ้นจากส่วนลึกของเมฆเคราะห์สีดำ ไหววูบวับแวม ประหนึ่งดวงเนตรแห่งเหล่าเทพกำลังมองลงมายังโลก

อานุภาพสวรรค์กดข่มที่ทำให้ผู้คนหายใจติดขัดอบอวลมาจากในส่วนลึกของเมฆเคราะห์นั้น กลบทั้งโลกมืดให้จมลงไปด้วย

ขณะนี้ไม่ว่าพลังปราณสูงหรือต่ำ จิตใจทุกคนต่างสั่นระรัว รู้สึกได้ถึงยอดอานุภาพสวรรค์!

หลินสวินเดินออกมาจากตำหนัก สองมือไพล่หลัง แหงนหน้ามองเวิ้งฟ้า ดวงตาดำลุ่มลึกสะท้อนความเปลี่ยนแปลงบนนเวิ้งฟ้า สีหน้าเรียบนิ่ง

วันนี้ เขารอมานานมาแล้ว

เปรี้ยง!

เสียงสายฟ้าคราแรกที่ประหนึ่งยามแรกกำเนิดดังขึ้นบนท้องฟ้าเหนือโลกมืด ท่ามกลางบรรยากาศกดดันเงียบสงัดนี้

แต่ละคนต่างรู้สึกจิตวิญญาณสั่นสะท้าน ประหนึ่งถูกกลองเทพโจมตี

อาณาเขตไร้สิ้นสุดนี้ ฟ้าดินไร้ขอบเขต ผู้ฝึกปราณและสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนได้เห็นภาพยากลืมเลือนชั่วชีวิตในขณะนี้…

ท่ามกลางเมฆเคราะห์ดำทะมึน ดวงดารานับไม่ถ้วนเหล่านั้นไหววูบ ระเบิดและซัดสาดออกมาเป็นละอองแสงพร่ามัวประหนึ่งแรกกำเนิด เหมือนกับดอกบัวดอกแล้วดอกเล่า

ดอกบัวที่เหมือนถือกำเนิดในแดนแรกกำเนิดเหล่านั้นสะท้อนอยู่เต็มเวิ้งฟ้า ทั้งศักดิ์สิทธิ์ สูงส่ง และลึกลับปานนั้น

“บัวบานกลางท้องนภา มรรคาถือกำเนิดอยู่ภายใน นิพพานนำทาง สู่โลกรู้ตน”

ขณะที่จ้งชิวมองดูภาพนี้ ดวงตาก็มีประกายเทพไหววูบเป็นริ้วๆ “เคราะห์จ่อมจมที่สั่งสมมาหมื่นกาลคราวนี้ ในที่สุดก็เปิดฉากโดยสมบูรณ์ในวันนี้แล้ว…”

“นั่นก็คือพลังต้นกำเนิดโลกของทางเดินโบราณฟ้าดาราหรือ”

ซียืนอยู่ด้านหนึ่ง เงาร่างอรชรพร่าเลือนเหมือนควัน ละอองแสงไหลเวียน

“ใช่แล้ว นั่นคือสิ่งที่แปลงจากระเบียบมหามรรคที่แท้จริงของโลกนี้ เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดมรรคสวรรค์ที่แท้จริง”

สายตาจ้งชิวเจือแววทอดถอนใจ “ที่น่าเสียดายก็คือ ผ่านมาไม่รู้กี่ปี ในตอนนี้พลังต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดาราแบบนี้ มีแต่บริเวณใกล้ๆ แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนรกร้างโบราณถึงพอเห็นได้บ้าง”

ศึกมรรคสิบทิศครั้งเดียว ทำลายดินแดนรกร้างโบราณที่เป็น ‘แหล่งกำเนิดหมื่นมรรค’ ลงโดยสมบูรณ์ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาพลังต้นกำเนิดของทั่วหล้าฟ้าดาราก็กลายเป็นเศษเสี้ยวนับไม่ถ้วน

มหามรรคบกพร่อง จึงทำให้พลังระเบียบต้องห้ามจากฟากฝั่งฟ้าดาราเหล่านั้นฉวยโอกาสได้!

ซีมองดูและรับฟังเงียบๆ นางกำลังคิดเรื่องหนึ่งอยู่

หลินสวินไปคราวนี้ จะเป็นหนึ่งบัวที่บานเด่นดอกนั้นได้หรือไม่

…….

เหนือเวิ้งฟ้าเมฆเคราะห์ดุจน้ำหมึก มีดอกบัวนับหมื่นบานสะพรั่งอยู่ในนั้น ไอแรกกำเนิดฉายวาบ ลึกลับสุดหยั่ง ภาพนี้ทำให้ทั้งโลกมืดสะท้านไหว

“พลังต้นกำเนิดของมรรคสวรรค์ ผ่านมานานเท่าไรแล้ว ในที่สุดก็ปรากฎขึ้นบนเวิ้งฟ้าอีกครั้งหนึ่ง!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์จำนวนหนึ่งตื่นเต้น หัวใจระส่ำหวั่นไหว

และมีเพียงเฒ่าชราอย่างพวกเขาถึงรู้ว่า ตอนนี้ที่มองเห็นพลังระเบียบต้นกำเนิดทางเดินโบราณฟ้าดารานั้นยากเย็นปานไหน

“เห็นแล้วหรือยัง ทางเข้าแดนปรินิพพานก็คือดอกบัวมหามรรคดอกแล้วดอกเล่านั่น!”

ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณและขุมอำนาจมากมายมายต่างหมายใจจะเคลื่อนไหว สีหน้าปรารถนาและคลั่งไคล้

“ไปแดนปรินิพพานคราวนี้ต้องระวัง ภายใต้มหาเคราะห์อันหายากยิ่งนี้ เต็มไปด้วยอันตรายและความน่าสะพรึงที่ไม่อาจคาดคิดได้”

ผู้อาวุโสบางคนกำชับคนรุ่นหลังที่อยู่ข้างกายอย่างจริงจังเคร่งครัด

…เสียงสนทนาดังขึ้นนับไม่ถ้วน ผู้ฝึกปราณแต่ละระดับ… ทั้งระดับจักรพรรดิ ระดับกึ่งจักรพรรดิ ระดับอริยะ ระดับราชันอมตะ หรือห้าระดับล่าง ขอเพียงมีคุณสมบัติเข้าร่วมแดนปรินิพพาน ต่างเผยสภาวะจิตที่ทั้งฮึกเหิมและตื่นเต้น

ยอดหนทางสู่อมตะ แดนปรินิพพาน

เคราะห์จ่อมจมชั่วกัปกัลป์ หนึ่งบัวเบ่งบาน

มีคนนิพพานเปลี่ยนแปลงในนั้นได้ ทั้งมีคนจ่อมจมและดับสลายในนั้น นี่ก็คือแดนปรินิพพาน สถานที่ลี้ลับที่ทำให้ทั่วหล้าฟ้าดาราตั้งตาคอยมาไม่รู้กี่ปี

กาลเวลาเคลื่อนคล้อย เหนือเวิ้งฟ้าอบอวลด้วยไอแรกกำเนิด บัวมหามรรคนับไม่ถ้วนวูบไหวไม่ว่างเว้น ปล่อยละอองแสงเจิดจ้าออกมา

ทันใดนั้น…

เงาร่างดุจรุ้งเทพร่างหนึ่งก็พุ่งทะลุเมฆไป

นั่นเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิคนหนึ่ง มีมรรควิถีแกร่งกล้าหาใดเทียบ สัมผัสทางเข้าแดนปรินิพพานได้แล้วพุ่งเข้าไปในทันที

ครู่สั้นๆ เงาร่างของเขาก็พุ่งเข้าไปในบัวมหามรรคดอกหนึ่งในนั้น จากนั้นเงาร่างของเขาก็หายลับไปในส่วนลึกของเมฆเคราะห์พร้อมกับบัวมหามรรคดอกนั้น

สัตว์ประหลาดเฒ่าไม่รู้เท่าไรได้เห็นภาพนี้เข้า ทันใดนั้นต่างเปลี่ยนเป็นกระสับกระส่ายกันขึ้นมา

ในช่วงเวลาต่อมา พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงทางเข้าสู่แดนปรินิพพานนั้น พากันกระโจนขึ้นสู่เมฆ

ชั่วขณะเดียวรุ้งเทพดุจสายฝน พุ่งขึ้นมาจากพื้นที่อันกว้างใหญ่ไพศาลของโลกมืดราวกับแสงตระการตากรีดทำลายความมืดมิด หายลับไปในส่วนลึกของเวิ้งฟ้า

บัวมหามรรคแต่ละดอกจะพาคนไปหนึ่งคน!

ระดับจักรพรรดิรวมกลุ่มทะยานสูงขึ้นไป ภาพนั้นช่างน่าตะตกลึง สะเทือนทั่วหล้าฟ้าดารา

“นี่… ยังจะแย่งชิงด้วยได้อย่างไร”

แม้ผู้แข็งแกร่งบางคนจะเตรียมใจไว้นานแล้ว แต่เมื่อเห็นระดับจักรพรรดิมากมายขนาดนี้ปรากฏตัวขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปยังแดนปรินิพพานอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง ก็ยังสิ้นหวังไปครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้

พวกที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิจะเอาอะไรไปสู้

นี่เป็นคำถามใหญ่หาใดเทียบข้อหนึ่ง!

“ไม่ว่าใคร ขอเพียงเข้าไปในแดนปรินิพพานนั้น ก็จะได้เหยียบย่างลงบนเส้นทางแห่งการเปลี่ยนแปลงมหามรรคครั้งหนึ่ง ไม่เห็นต้องเป็นหนึ่งบัวที่บานเด่นดอกนั้นเลย”

คนส่วนมากกลับไม่ได้หวาดกลัว เพราะแผนการของพวกเขาต่างจากระดับจักรพรรดิเหล่านั้น เพียงต้องการเข้าไปในแดนปรินิพพานเพื่อเสาะหานิพพานและการแปรสภาพของมรรควิถีตนสักครั้ง

“ข้าก็สัมผัสได้แล้ว!”

“ไป!”

“ออกเดินทาง!”

ในช่วงเวลาต่อมาก็พบว่าที่ต่างๆ ของโลกมืดมีแสงไหวเคลื่อนตระการตาพุ่งขึ้นเป็นพักๆ กรีดแหวกท้องนภาทะยานสูงขึ้นไป

โดยเฉพาะบริเวณใกล้ๆ เมืองหมื่นดารา ที่นี่เป็นที่พักของขุมอำนาจใหญ่อย่างหกเรือนมรรคใหญ่ สิบเผ่านักรบใหญ่ ในช่วงเวลาเช่นนี้แสงทะยานแน่นขนัดม้วนตลบขึ้นไปคล้ายกระแสน้ำ ส่องสว่างภูผาธารา เกรียงไกรหาใดเทียบ

จำนวนที่แน่นอนไม่อาจประเมินได้

เพราะขอเพียงเหยียบย่างมกุฎมรรคา ไม่ว่าพลังปราณสูงหรือต่ำ ต่างมีโอกาสเข้าไปไขว่คว้าเส้นทางสู่นิพพานของตนในแดนปรินิพพานแห่งนั้น

……

“เช้านี้หมู่มังกรทะยานฟ้า สบจังหวะลืมตาอ้าปาก ฮ่าๆๆ… เช่นนี้แล้วก็ไปก่อนล่ะ”

ในเมืองเมืองหนึ่งของโลกมืด เสวียนจิ่วอิ้นที่เหมือนเด็กหนุ่มส่งเสียงหัวเราะดังลั่น วางท่าใหญ่โต สีหน้ายินดีปรีดาเหมือนม้าป่าที่หลุดจากบังเหียน ส่งเสียงร้องร่า ทะลวงเมฆาขึ้นไป

ขณะที่มองส่งเขาจากไป หัวหน้าตระกูลเสวียนเสวียนซั่งเฉินก็มุมปากกระตุกไปครู่หนึ่ง นิสัยใจคอเจ้าหนูนี่… ทำไมไม่เหมือนข้าที่เป็นพ่อเลยนะ

จะรื่นเริงเกินไปแล้ว!

‘อย่าลืมล่ะ ถ้ามีโอกาสได้พบหลินสวิน บอกเขาทีว่าภายหน้าต้องไปบ้านตระกูลเสวียนสักครั้ง! ถ้าเจ้ากล้าลืม ข้ารับรองว่าจะตัดขาเจ้าขาดแน่!’

เสวียนซั่งเฉินไม่วางใจอยู่บ้าง สื่อจิตเตือนอย่างอดไม่ได้

“ขี้บ่นจริงๆ เลย ท่านวางใจเถอะ!”

ระหว่างที่เสียงเสวียนจิ่วอิ้นยังดังก้องอยู่ ตัวเขาก็หายลับไปในส่วนลึกของเวิ้งฟ้าแล้ว

……

“กลัวอะไรเล่า รีบไปสิ!”

ในโลกมืดเช่นเดียวกัน ใบหน้าอ้วนกลมของบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูผู้อวบอ้วนคล้ายภูเขาลูกน้อยก็เต็มไปด้วยความร้อนใจที่ไม่ได้ดั่งใจ

ข้างกายเขาหลิงเคอจื่อสีหน้าทุกข์ใจ “อาจารย์ ข้าไม่อยากไปที่บ้าๆ นั่นจริงๆ เกิดประสบเคราะห์แล้วใครจะเลี้ยงดูท่านตอนแก่เฒ่าเล่า”

เผียะ!

ฝ่ามือใหญ่เท่าใบพัดของบรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูตบหัวโล้นของหลิงเคอจื่อ พูดอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “วางใจได้ อาจารย์ได้ดูชะตาให้เจ้านานแล้ว รับรองว่าเจ้ารอดกลับมาแน่ รีบไป!”

ขณะที่พูดเขาโบกมือใหญ่ครั้งหนึ่ง ร่างหลิงเคอจื่อก็ทะลวงฟ้าสวงดังสวบ หายลับไปในส่วนลึกของเวิ้งฟ้าเหมือนหินที่ถูกเขวี้ยงกระเด็น

“เทียบกับเจ้าหนูแซ่หลินคนนั้นแล้ว เจ้านี่… ขี้ขลาดไปแล้วจริงๆ!” บรรพจารย์จักรพรรดิฉานถูพูดงึมงำไม่หยุด

……

แดนอำพราง

หลินสวินเสื้อผ้าไหวกระพือ ยืนมือไพล่หลัง เงาร่างโดดเดี่ยวสูงตระง่านเด่นล้ำ

“เหตุใดถึงไม่เคลื่อนไหว” ชิงอิงถือร่มโลหิตสีแดงคล้ายชาดเดินมา ชุดกระโปรงเขียวทั้งตัวแผ่วพลิ้ว มีกลิ่นอายงามล้ำอัศจรรย์ชวนสะท้านวิญญาณ

หลินสวินไม่ได้ตอบนาง แต่ถามว่า “ข้าสงสัยมาตลอดว่าเหตุใดเจ้าถึงต้องพกร่มคันนี้ไปไหนมาไหนด้วย”

ชิงอิงนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “จักรพรรดิกระบวนลู่บอกว่าหญิงงามเป็นบ่อเกิดแห่งหายนะ”

หลินสวิน “…”

นี่มันเหตุผลอะไรกัน

“สมัยเด็กๆ มีคนผู้หนึ่งหลังเห็นรูปลักษณ์ข้าโดยไม่ตั้งใจก็จิตวิญญาณไม่อยู่กับร่องกับรอย จิตมรรคพังทลาย กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไป”

ชิงอิงเอ่ย “คนผู้นั้นเป็นหลานสายตรงของผู้อาวุโสชั้นสูงในเรือนเร้นหมอกคนหนึ่ง พรสวรรค์ตระการตาหาใดเทียบ หลังจากเขาตายไป หลายคนมองข้าเป็นตัวหายนะ ต้องการจะขับไล่ข้า…”

หลินสวินจึงเข้าใจในทันที เอ่ยว่า “จากนั้นท่านลู่ก็เลยมอบร่มโลหิตให้เจ้าหรือ”

ชิงอิงพยักหน้า “ใช่ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บนโลกนี้ก็ไม่มีใครได้เห็นโฉมหน้าของข้าอีก นอกจากเจ้า”

ความรู้สึกน่าขันอย่างประหลาดผุดขึ้นในใจหลินสวิน คนผู้หนึ่งมีความงามที่ไม่อาจเทียบได้ก็เป็นความผิดด้วยหรือ

“ไปล่ะ”

หลินสวินไม่ได้คิดอะไรอีก โบกมือแล้วทะยานสูงขึ้นกลางอากาศไปยังเวิ้งฟ้า

“คุณชายรักษาตัวด้วย”

พอมองส่งเงาร่างหลินสวินหายลับไปในส่วนลึกของเมฆเคราะห์กลางเวิ้งฟ้านั้น ชิงอิงเก็บร่มโลหิต ผมงามดำขลับสยายลงมา เผยให้เห็นใบหน้างามล้ำที่สามารถทำให้สรรพชีวิตหลงใหลได้

กระโปรงเขียววูบไหวดุจเซียนดั่งปีศาจ เงาร่างงามตะลึงหมื่นกาล

……

วันนี้เคราะห์จ่อมจมครั้งที่สามที่ทุกคนตั้งตาคอยมาเยือน บัวมรรคอุบัติบนฟ้า ไอแรกกำเนิดอบอวล

ทั้งโลกต่างสะท้านไหว!

ในโลกมืด ผู้แข็งแกร่งที่มาจากขุมอำนาจทั่วหล้ามุ่งหน้าอย่างต่อเนื่อง ราวกับรุ้งเทพทะลุเมฆา เปล่งประกายดุจสายฝน

บ้างเพื่อการนิพพานของตน

บ้างเพื่อกลายเป็นหนึ่งบัวที่เบ่งบานนั้น

วันนี้เสียงมรรคอันยิ่งใหญ่ดังก้องฟากฝั่งฟ้าดารา เหล่าสิ่งมีชีวิตน่ากลัวที่เรียกได้ว่าชั้นยอดต่างตกตะลึง พากันมองมาจากอีกฟากฝั่ง

พลังระเบียบต้องห้ามที่ปกคลุมทั่วหล้าฟ้าดารา ยามนี้ประหนึ่งของปลอม!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท