Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2155 สหายแปลกหน้า

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2155 สหายแปลกหน้า

ตอนที่ 2155 สหายแปลกหน้า

วันนั้น หลินสวินออกจากเมืองหลวง

ได้รับป้ายคำสั่งทองพิสุทธิ์ป้ายหนึ่งก่อนไป นี่ก็หมายความว่า หลินสวินมีคุณสมบัติเป็นตัวแทนราชวงศ์ต้าเฉียนไปเข้าร่วมงานประลองยอดยุทธ์ระหว่างสามราชวงศ์แล้ว

ระยะเวลาคืออีกสามเดือน

สำหรับคนหนุ่มสาวราชวงศ์ต้าเฉียนแล้ว เมืองหลวงก็คือที่ที่พวกเขาปรารถนาเป็นที่สุด เฟื่องฟูและรุ่งโรจน์

แต่สำหรับหลินสวิน เขาบรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่จำเป็นต้องอยู่ต่ออีก

หลินสวินขี่ม้าแดงพุทรา ตัดสินใจกลับเมืองเหวมังกรไปศึกษาเพิ่มเติมต่อ

‘ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้พวกแม่นางเสวียนเยวี่ย เสวียนจิ่วอิ้น หลิงเคอจื่ออยู่ที่ไหนแล้ว…’

ระหว่างทางหลินสวินนึกถึงพวกจินเทียนเสวียนเยวี่ย ถอนใจเบาๆ อย่างอดไม่ได้

หลังเข้าสู่วัฏจักร แต่ละคนต่างเปลี่ยนฐานะตัวตน คิดจะไปตามหาในโลกกำลังภายในแห่งนี้ ไม่ต่างอะไรกับการงมเข็มในมหาสมุทร

หลายวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว หลินสวินปล่อยม้าเตร็ดเตร่ ตลอดทางชมนกชมไม้ ดื่มด่ำชีวิตละทางโลก ตัวเขาผ่อนคลายลงโดยสมบูรณ์

ขึ้นเขาฆ่าเสือดาว เข้าป่าเก็บโอสถวิญญาณ สบายยิ่งนัก

ตลอดทางนี้เขาได้ลองหยั่งเชิงดูแล้ว พลังระเบียบของโลกนี้แปลกประหลาดหาใดเทียบ หรือพูดได้ว่าเป็นพลังอันหนักแน่น กดข่มการหยั่งรู้ของสรรพชีวิตใต้หล้าไว้ ถึงกับทำให้ผู้ฝึกปราณยากจะมองทะลุแก่นอัศจรรย์มหามรรคจากสรรพสิ่งในนี้

‘โลกใบหนึ่ง มีกำลังภายในเป็นระดับสูงสุด แค่คิดก็รู้ว่าที่นี่พิกลปานไหน…’

กลางดึกขณะที่หลินสวินครุ่นคิด ก็มองเห็นเมืองหนึ่งลิบๆ จึงควบม้าเดินทางเข้าไปทันที ดึกมากแล้ว สบโอกาสพักแรมที่นี่ได้พอดี

ทว่าเพิ่งเข้ามาในเมืองนี้ กลิ่นคาวเลือดเตะจมูกก็กระทบหน้า

หลินสวินดวงตานิ่งขึง ก็พบว่าบนถนนมีศพนอนจมกองเลือดอยู่เต็มไปหมด มีคนชราแก่หง่อม มีเด็กน้อยเยาว์วัย ทั้งมีคนแก่ เด็ก สตรี คนอ่อนแอ…

ต่างถูกสังหารด้วยวิธีการอำมหิต น่าเวทนาจนทนดูไม่ได้อย่างไม่มีข้อยกเว้น

กุบๆๆ…

เมืองอันใหญ่โตกลับเงียบสงัด มีเพียงเสียงกีบเท้าม้าที่หลินสวินขี่ดังก้อง

กระทั่งต่อมาหลินสวินพลิกตัวลงมาจากม้า เดินหน้าช้าๆ

“โอ้ มีคนมาอีกแล้ว” จู่ๆ เสียงหัวเราะก็ดังขึ้น

หน้าต่างชั้นสองบนหอสุราแห่งหนึ่งที่อยู่ข้างหน้ามีเงาร่างหนึ่งปรากฏขึ้น จากนั้นเงาร่างเงาหลายสายก็ปรากฏตรงหน้าต่างบานอื่นอย่างต่อเนื่องตามมาติดๆ

มีเจ็ดแปดคนทั้งหญิงชาย ต่างเป็นเด็กหนุ่มเด็กสาวอายุสิบกว่าปี แต่สีหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยความเฉยเมยและเย็นชา

หลินสวินหยุดเดิน ดวงตาเยียบเย็นลุ่มลึก

แม้พลังจิตวิญญาณของเขาถูกกดข่ม แต่จิตสำนึกที่เคี่ยวกรำจากการต่อสู้เข่นฆ่ามานานปียังอยู่ ทำให้เขาตัดสินได้ในชั่วพริบตา ว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่เจ้าพวกนี้จะไม่ใช่คนโลกนี้เหมือนกับตน!

“พวกเจ้าเดาดูสิ ว่าภายในร่างเจ้าหมอนี่มี ‘ผู้เข้าวัฏจักร’ ที่ยังไม่ตื่นรู้จำศีลอยู่หรือเปล่า”เด็กหนุ่มชุดเงินคนหนึ่งยิ้มระรื่นเอ่ย

“ทำไมต้องเดา ฆ่าไปก็รู้แล้วไม่ใช่หรือ”

หญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยปากเย็นชา ขณะที่พูดร่างก็พริบวาบกระโดดลงมาจากชั้นสองของหอสุรา

เงาร่างนางผอมสูง ถือดาบโค้งเล่มหนึ่ง แววตาเย็นเยียบ

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉย ตบม้าที่อยู่ข้างกายเบาๆ ฝ่ายหลังส่งเสียงร้องแล้วตะบึงออกไป หายลับไปในถนนสายนี้

จากนั้นหลินสวินก็เอ่ยถามว่า “ก่อนลงมือ ข้าขอถามประโยคหนึ่งได้ไหม เหตุใดถึงต้องฆ่าทุกคนในเมืองนี้”

“คนจะตาย เอาคำพูดไร้สาระมากมายขนาดนี้มาจากไหน!”

หญิงสาวผอมสูงกระโจนมา ดาบโค้งในมือปรากฏประกายเย็นเยียบแสบตาขึ้นสายหนึ่ง ห้วงอากาศถูกฉีกทึ้งเหมือนผืนผ้า ส่งเสียงหวีดแหลม

หลินสวินยืนนิ่ง ระหว่างที่ฟันมือฉับก็แย่งดาบโค้งในมืออีกฝ่ายมา จากนั้นเพียงสะบัดข้อมือคราหนึ่ง คมดาบก็ม้วนกลับกวาดขวางออกไป

ฟุบ!

ศีรษะของหญิงสาวผอมสูงกระเด็นขึ้นไปกลางอากาศ น้ำเลือดแดงฉานสาดกระเซ็นออกมา

เพียงชั่วพริบตา หญิงสาวผอมสูงคนนี้ก็ตายคาที่!

“ศิษย์น้อง!”

พวกเด็กหนุ่มชุดเงินหน้าเปลี่ยนสีทันที พอกระโจนออกมาดูศพที่ถูกฟันหัวขาดของหญิงสาวผอมสูงนั้น แต่ละคนต่างสีหน้าอึมครึมหาใดเทียบ

“เจ้าเป็นใครกันแน่” เด็กหนุ่มชุดเงินกัดฟันเอ่ยถาม

หลินสวินกวาดมองเขาปราดหนึ่งด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เมื่อครู่ศิษย์น้องเจ้าพูดถูก คนจะตาย เอาคำพูดไร้สาระมากมายขนาดนี้มาจากไหน”

เสียงพูดยังไม่ทันเงียบลง หลินสวินก็พลันเคลื่อนไหว

สวบ!

เขาเป็นดั่งลูกธนูหลุดจากแล่ง เงาร่างผอมบางแข็งแกร่งกรีดผ่านห้วงอากาศที่กีดขวาง รวดเร็วยิ่งยวด พุ่งไปหาพวกเด็กหนุ่มชุดเงิน

“ฆ่า!”

พวกเด็กหนุ่มชุดเงินตอบสนองอย่างรวดเร็วยิ่งนัก กลิ่นอายแต่ละคนแข็งแกร่งกว่าเฉียนหยวนป้าที่ถูกยกให้เป็นหนึ่งในสิบยอดอริยะผู้นั้นมากนัก

แต่พอได้ประมือกันจริงๆ พวกเด็กหนุ่มชุดเงินถึงพบว่าคู่ต่อสู้ที่พวกเขาเจอคราวนี้น่ากลัวปานไหน!

ทุกครั้งที่หลินสวินแกว่งดาบ จะต้องมีเลือดแดงฉานร้อนระอุสาดออกมาพร้อมกัน จากนั้นก็จะมีคนถูกฟันหัวหลุด ไม่ก็ถูกฟันร่างแยกอยู่ในกองศพนอนเกลื่อน

ฆ่าคนเหมือนเชือดไก่!

ณ ที่นั้นมีเพียงเสียงฟุบๆ อู้อี้ดังขึ้น เหมือนเสียงดนตรีเก็บวิญญาณ

เพียงชั่วขณะสั้นๆ ในที่นั้นก็เหลือเพียงเด็กหนุ่มชุดเงินคนนั้นคนเดียว

หลินสวินกุมดาบโค้งที่ยังหลั่งเลือดอยู่ แววตามองดูคนผู้นี้อย่างเฉยชา พูดว่า “ตอนนี้จะพูดกันดีๆ ได้หรือยัง”

เด็กหนุ่มชุดเงินรู้สึกประหวั่นพรั่นพรึงอยู่นานแล้ว ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้าไม่หยุด “ขอเพียงสหายยุทธ์ไว้ชีวิตข้า ข้ารับรองว่าถ้าจะตอบคำถามทั้งหมด”

หลินสวินถามทันที “ทำไมต้องฆ่าคนในเมืองนี้ด้วย”

เด็กหนุ่มชุดเงินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วพูดว่า “สหายยุทธ์ นี่เจ้ารู้แล้วยังแกล้งถาม ที่นี่เป็นโลกวัฏจักร สิ่งมีชีวิตทั้งหมดแปลงมาจากระเบียบวัฏจักรกาลเวลานั่นทั้งนั้น ไม่ได้เป็นคนจริงๆ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้ฆ่าพวกเขาหมดก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร”

หลินสวินนิ่วหน้า ท่าทางเพิกเฉยไม่สนใจชีวิตเช่นนั้นของเด็กหนุ่มชุดเงินทำให้ในใจเขาเกิดความชิงชัง

เขาเอ่ยถามว่า “พวกนั้นเป็นคนธรรมดาไม่มีอาวุธ ในเมื่อฆ่าคนต้องมีเหตุผลสักอย่าง”

เด็กหนุ่มชุดเงินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งถึงค่อยเอ่ยว่า “พวกเราต้องการวิชาฝึกวิชาหนึ่ง จำเป็นต้องรวบรวมวิญญาณของสรรพชีวิตมาหลอมมรรควิถี”

พอเห็นหลินสวินสีหน้าชอบกล เขาก็รีบร้อนอธิบายว่า “แต่สหายยุทธ์วางใจได้ พวกเราทำแบบนี้แค่ในโลกกำลังภายใน ถ้าอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดาราย่อมไม่เป็นเช่นนี้ ความจริงเพราะโลกนี้กันดารเกินไป ไม่มีทั้งเส้นปราณวิญญาณ แถมไม่มีโอสถเทพ คิดจะพัฒนาการฝึกปราณยากเย็นเกินไปจริงๆ…”

พูดถึงตอนท้ายเสียงยังเจือแววกล่าวโทษ

โลกกำลังภายในแตกต่างจากโลกหล้าในฟ้าดาราโดยสิ้นเชิง เป็นที่ที่แห้งแล้งจนนกยังไม่เหลียวแลจริงๆ

ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ผู้เข้าวัฏจักรอย่างพวกเขาปลุกจิตสำนึกขึ้นมาแล้ว แต่มรรควิถี ความทรงจำ และพลังมรดกต่างเหมือนถูกลบทิ้งไป

นี่ทำให้ตอนพวกเขาฝึกปราณจึงไม่มีที่พึ่งสักนิด ทำได้เพียงใช้แผนการและทุกวิธีไปเสาะหาวิชาและทรัพยากรที่จำเป็นกับการฝึกปราณ

เดิมเด็กหนุ่มชุดเงินนึกว่าหลังจากพูดเช่นนี้แล้ว หลินสวินจะต้องเข้าใจและคลายโกรธ ถึงอย่างไรทุกคนต่างก็เป็นผู้เข้าวัฏจักร ย่อมมีสถานการณ์และประสบปัญหาแบบเดียวกัน

แต่ใครจะคิดว่าที่รอเขากลับเป็นคมดาบอันดุดันสายหนึ่ง

“สหายยุทธ์เจ้า…”

เด็กหนุ่มชุดเงินตกตะลึง ยังไม่ทันพูดจบศีรษะก็ถูกฟันกระเด็น

“ในเมื่อใจไม่คิดถึงสรรพชีวิต อยู่ต่อก็เป็นภัย”

หลินสวินโยนดาบโค้งอาบเลือดในมือทิ้ง หมุนตัวจากไป

กุบๆๆ…

ไม่นานนักเสียงกีบเท้าม้ายิ่งเดินยิ่งไกลออกไป หายลับไปในเมืองอันนองเลือดนี้

พอผ่านเรื่องนี้มา ทำให้หลินสวินรับรู้ได้ทันทีว่าหลังจากจิตสำนึกของผู้เข้าวัฏจักรที่มาจากโลกต่างๆ ในฟ้าดาราเหล่านั้นตื่นขึ้น จะต้องดึงดูดให้ทั้งโลกกำลังภายในเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่

จะดีหรือร้าย ใครก็บอกชัดไม่ได้

มีเพียงสิ่งเดียวที่หลินสวินทำได้ ก็คือจัดการเรื่องของตนให้เสร็จแล้วค่อยไปทำเรื่องที่มีกำลังทำได้

สิบวันผ่านไป

หลินสวินเนื้อตัวมอมแมม ขี่ม้ากลับสู่เมืองเหวมังกร

เพิ่งเข้าประตูเมืองก็ถูกคนจำได้แล้ว

“ดูเร็ว คุณชายสามตระกูลซูกลับมาแล้ว!”

“เขาจริงๆ ด้วย!”

“จุ๊ๆ ได้ยินว่าเฉียนหยวนป้าองค์ชายเจ็ดแห่งต้าเฉียนถูกเขาทำลายปราณไป!”

“ใครจะคิดได้ว่าคุณชายสามตระกูลซูที่ฝึกปราณไม่ได้ กลับกลายเป็นยอดฝีมือเลิศล้ำในชั่วข้ามคืน คนผู้เดียวบุกเข้าไปในเขตประลองของเมืองหลวงเพื่อแก้แค้นให้พี่ชายตน”

บนถนนมีเสียงอึกทึกดังขึ้น สายตามากมายที่มองดูหลินสวินต่างเจือความพิศวง ประหลาดใจ และยากจินตนาการ

หลินสวินรับรู้ได้ทันทีว่าเรื่องที่เขาทำในเมืองหลวงกระจายไปทั่วเมืองเหวมังกรแล้ว

แต่เขาก็ไม่สนใจ

เรื่องที่เขาฝึกปราณได้ ช้าเร็วจะต้องถูกคนในตระกูลซูเหล่านั้นสังเกตเห็น ย่อมไม่อาจปิดบังได้

กระทั่งกลับถึงตระกูล หลินสวินเหมือนคนที่ไม่มีเรื่องอะไร ส่งม้าพุทราแดงให้ข้ารับใช้ที่มาต้อนรับดูแล ส่วนตัวเขาตรงดิ่งไปห้องโถงใหญ่ทันที

พ่อบ้านคนหนึ่งเดินอยู่ข้างกายเขาด้วยความยินดี สายตายามมองหลินสวินเร่าร้อนจนหลอมละลายคนอื่นได้

อีกทั้งตลอดทาง ไม่ว่าได้พบคนในตระกูลคนไหน ข้ารับใช้หรือสาวใช้คนใด ต่างทักทายเขาอย่างกระตือรือร้นด้วยสายตาประหลาด

เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้แล้วว่าคุณชายสามตอนนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนนานแล้ว

ถ้าเปลี่ยนเป็นซูชิงหาน หากได้เผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้เกรงว่าคงปราบปลื้มที่ได้รับความชื่นชมไปนานแล้ว แต่สำหรับหลินสวิน เรื่องพวกนี้…

ก็เป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆ

“คุณชายสาม เมื่อวานมีคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นสหายท่านคนหนึ่งมาที่ตระกูล ตอนนี้กำลังพูดคุยกับหัวหน้าตระกูลอยู่ในโถงหลักขอรับ”

พ่อบ้านเอ่ยเสียงค่อย

หลินสวินหยุดเดิน “สหายหรือ”

พ่อบ้านชะงักไป “ใช่ขอรับ คนผู้นั้นอ้างว่าท่านให้เขามาเป็นแขกที่ตระกูลขอรับ”

นัยน์ตาดำหลินสวินหดรัด เอ่ยว่า “ข้ารู้แล้ว”

เขาพูดพลางเดินเร็วขึ้น

เมื่อเงาร่างปรากฏตัวในโถงหลักของตระกูล หัวหน้าตระกูลซูอวิ๋นไห่ บุตรคนโตซูชิงโฉว รวมถึงคนใหญ่คนโตคนอื่นในตระกูลจำนวนหนึ่งกำลังสนทนากับเด็กหนุ่มชุดเหลือง

พอเห็นหลินสวิน พวกซูอวิ๋นไห่ ซูชิงโฉวต่างผุดลุกขึ้น สีหน้าเผยแววประหลาดใจ ตื่นเต้น และเหม่อลอย

เห็นได้ชัดว่าพวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงต้าเฉียนก่อนแล้ว ทั้งยังรู้วีรกรรมที่หลินสวินทำลายปราณเฉียนหยวนป้าด้วย

เพียงแต่จวบจนตอนนี้เมื่อได้เห็นหลินสวินปรากฏตัว พวกเขายังคงรู้สึกไม่กล้าเชื่ออยู่บ้าง

ตอนที่จู่ๆ หลินสวินก็จากไป บอกว่าจะไปล้างแค้นให้พี่รองซูชิงเฟิง ทุกคนยังนึกว่าเขาโมโหจัดจนทำอะไรขาดสติ

เพราะเหตุนี้ตระกูลซูจึงส่งคนไม่น้อยออกไปหา

แต่ใครก็คิดไม่ถึงว่าหาคนไม่เจอ แต่หลังจากผ่านไปสิบกว่าวัน ข่าวที่เกิดขึ้นในเมืองหลวงต้าเฉียนกลับแพร่กลับมาแล้ว

ตอนแรกใครจะกล้าเชื่อได้ ยังนึกว่าเป็นเรื่องเท็จ

แต่ภายหลังพอข่าวถูกพิสูจน์ว่าจริง ทั้งตระกูลซูจึงกล้าเชื่อทั้งหมดนี้ในที่สุด เพียงแต่ในใจเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีความกังขามากมาย

ทว่าก่อนหลินสวินกลับมาก็ทำได้เพียงเก็บไว้ในใจ

และตอนนี้หลินสวินก็กลับมาแล้ว!

หลินสวินไม่รู้ว่าการกลับมาของเขาจะทำให้เหล่าคนตระกูลซูทั้งแก่เด็กมีความคิดมากมายปานนี้

ทันทีที่เข้าไปในโถงหลัก เขาก็มองเด็กหนุ่มชุดเหลืองแปลกหน้าคนนั้น

ในขณะเดียวกันฝ่ายหลังก็เงยหน้าขึ้นมองเขาเช่นกัน

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท