Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2170 เส้นทางนิพพานระดับจักรพรรดิ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2170 เส้นทางนิพพานระดับจักรพรรดิ

ตามตำนานหุบเขาราชันเคยเกิดการต่อสู้ของราชันนับครั้งไม่ถ้วน ราชันหลายคนได้ผงาดที่นี่ และมีราชันอีกมากพ่ายแพ้ยับเยินที่นี่

หุบเขาแถบนี้ได้บันทึกเกียรติภูมิของโลกระดับราชันไว้ เขียนเรื่องเล่าของผู้แข็งแกร่งจากอดีตเรื่อยมาจนปัจจุบันไว้นับไม่ถ้วน

เมื่อหลินสวินมาถึงก็กำลังมีศึกใหญ่ปะทุอยู่

ทั้งสองฝ่ายล้วนมีห้าคน แต่ละคนล้วนเป็นราชันที่เลื่องชื่อลือนามบนโลก นอกหุบเขาราชันมีผู้แข็งแกร่งมากมายกำลังชมการต่อสู้

ผู้ฝึกปราณหญิงบางคนตื่นเต้นจนส่งเสียงแหลม กู่ร้องยินดีให้ราชันที่เจิดจรัสและมีชื่อเสียงมาหลายปีแล้วพวกนั้น

แม้แต่ผู้ฝึกปราณชายพวกนั้นก็เผยแววตาเร่าร้อน ตื่นเต้นหาใดเปรียบ

นี่คือการต่อสู้ระหว่างราชัน ย่อมเป็นเรื่องที่เจิดจรัสที่สุดในใต้หล้า

น่าเสียดาย หลินสวินไม่สนใจเรื่องนี้แต่แรก

แต่เมื่อเขาคิดจะเข้าไปในหุบเขาราชันกลับถูกคนห้ามไว้

“ไม่เข้าใจกฎหรือ ไม่เห็นการช่วงชิงความเป็นใหญ่ของเหล่าราชันที่กำลังเปิดฉากรึ”

“อยากเข้าไปในหุบเขารึ ง่ายมาก ไปลงชื่อทางนั้น พิสูจน์ความสามารถของตนเองก่อน ค่อยพาสหายยุทธ์อีกสี่คนมาด้วยกันก็เริ่มสู้ได้”

หลินสวินเพิ่งรู้ว่าที่แท้การต่อสู้ของหุบเขาราชันนี้ ยังมีเรื่องพิถีพิถันมากเช่นนี้ด้วย

เฝ้าดูเงียบๆ ครู่ใหญ่ หลินสวินพลันเบื่อหน่ายแล้วอดกล่าวไม่ได้ “ข้ารีบทำเวลา ผ่อนปรนให้หน่อยได้หรือไม่ รับรองว่าจะไม่รบกวนการต่อสู้ของพวกเขา”

“ไม่ได้!”

ผู้แข็งแกร่งที่จัดระเบียบอยู่ใกล้ๆ ปฏิเสธพร้อมกัน

พูดเป็นเล่น การช่วงชิงความเป็นใหญ่ของระดับราชันนี้ดึงดูดความสนใจจากทั่วหล้า สุดท้ายจะเป็นการคัดเลือกราชันที่แข็งแกร่งที่สุด จะให้คนทำลายกฎได้อย่างไร

“หากข้าบุกเข้าไปล่ะ” หลินสวินกล่าว

“ถ้าไม่กลัวตายเจ้าก็ลองบุกเข้าไปสิ” ราชันอาวุโสมากประสบการณ์คนหนึ่งกล่าวอย่างไม่เป็นมิตร

หลินสวินยิ้มแล้วกล่าว “ได้”

ฟุ่บ!

เขาหายตัวพุ่งขึ้นไป โฉบไปทางหุบเขาราชัน

“รีบขวางเขาไว้!” เสียงคำรามอย่างเดือดดาลดังก้องขึ้น

เพียงชั่วขณะราชันนับไม่ถ้วนที่ยืนอยู่บนแถบนี้ออกเคลื่อนไหว ทะยานไปทางหลินสวินกันแน่นขนัดราวกับฝนแสงรุ้งเทพ

ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนที่อยู่ใกล้เคียงล้วนถูกดึงดูดทันที บรรยากาศปั่นป่วน ก่อเรื่องหน้าหุบเขาราชัน นี่ไม่ใช่รนหาที่ตายหรือ

ตูม!

การต่อสู้ปะทุขึ้นแล้ว ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน

ภาพที่พาให้คนตกตะลึงอ้าปากค้างเกิดขึ้นแล้ว ราชันที่เลื่องชื่อลือนามบนโลกลงมือพร้อมกันมากขนาดนั้น กลับไม่อาจขวางคนที่ก่อเรื่องนั้นได้!

พลันเห็น…

เขาก้าวย่างไปในอากาศ เงาร่างเจิดจรัสดั่งดวงตะวันส่องประกายเคลื่อนขวาง ไม่ว่าจะมีราชันพุ่งเข้ามากี่คน ล้วนถูกกระแทกปลิวออกไปอย่างหนักหน่วง เหมือนผีเสื้อราตรีที่สะกิดนิดเดียวก็ล้ม

ตลอดทางไม่มีใครต้านได้!

ราชันอาวุโสมากประสบการณ์ที่ก่อนหน้านี้ยังกล่าวอย่างไม่เป็นมิตร ตวาดใส่หลินสวินคนนั้นอดตกตะลึงตาค้างไม่ได้ เมื่อไหร่กันที่โลกนี้มีราชันที่แข็งแกร่งเช่นนี้อุบัติขึ้น

เพียงพริบตาเงาร่างของหลินสวินก็พุ่งเข้าไปในหุบเขาราชันนั้นเหมือนผ่าลำไผ่

ศึกใหญ่ที่กำลังเปิดฉากในหุบเขา เห็นอยู่ว่าใกล้ตัดสินผลแพ้ชนะแล้ว แต่กลับถูกหลินสวินที่พุ่งเข้ามาทำให้ตกใจกะทันหัน

จากนั้นทั้งสองฝ่ายที่สู้กันห้าต่อห้าล้วนเดือดดาล ต่างสบตากันวูบหนึ่ง ลงมือพร้อมกัน พุ่งโจมตีไปทางหลินสวินคนเดียว

เมื่อเห็นภาพนี้ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนที่อยู่นอกหุบเขาต่างพลุ่งพล่าน ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันไม่เคยเกิดเรื่องที่สะเทือนใต้หล้าเช่นนี้มาก่อน

แต่เพียงชั่วขณะทุกคนก็ตาค้าง

ราชันที่เป็นตัวแทนของยอดขุมพลังบนโลกสิบคนนั้น ภายใต้การร่วมมือกัน กลับไม่อาจขวางคนผู้นั้นได้!

ถึงขั้นถูกอีกฝ่ายตีฝ่าวงล้อมไปทีละด่านจนพ่ายแพ้ยับเยินด้วย!

กระทั่งเงาร่างของหลินสวินหายไปในหุบเขาราชัน บนใบหน้าราชันสิบคนเต็มไปด้วยความอับอาย สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด ศึกนี้ของพวกเขาเดิมต้องการช่วงชิงตำแหน่ง ‘ราชันที่แข็งแกร่งที่สุด’

ใครจะคิดว่าลงมือพร้อมกันแล้วยังแพ้ นี่ยังชิงตำแหน่งราชันที่แข็งแกร่งที่สุดอะไรได้อีก

นอกหุบเขาราชันเงียบสงัดไปทั้งแถบเช่นกัน ผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนใจสั่นระรัว แววตาไหววูบ ถูกภาพต่างๆ ที่เห็นเมื่อครู่ทำให้นิ่งอึ้งตะลึงงัน

ครู่ใหญ่ราชันอาวุโสมากประสบการณ์คนนั้นจึงกล่าวเหมือนทอดถอนใจ “นี่สิถึงเป็นราชันที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลก…”

ประโยคเดียวทำลายบรรยากาศเงียบสงัดในที่นั้น นำมาซึ่งเสียงขานรับจากผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วน

วันนี้โลกราชันมีข่าวใหญ่ชวนฮือฮาหาใดเปรียบแพร่ออกไป ราชันที่ผ่านทางมาคนหนึ่งบุกเข้าไปในหุบเขาราชัน กลายเป็น ‘ราชันที่แข็งแกร่งที่สุด’ อย่างน่าอัศจรรย์

หลายคนต่างรับรองด้วยวาจาหนักแน่น คนผู้นั้นแค่ผ่านทางมาจริงๆ…

การต่อสู้นี้ทำให้บุคคลปริศนาอย่างหลินสวินกลายเป็นตำนาน ในโลกราชันถูกคนนับไม่ถ้วนยกให้เป็นราชันอันดับหนึ่ง ไม่อาจเทียบเคียง!

สำหรับเรื่องทุกอย่างนี้ หลินสวินไม่รับรู้อย่างสิ้นเชิง

เป็นอย่างที่ผู้คนสันนิษฐาน เขาเป็นแค่คนผ่านทางจริงๆ

สายน้ำแห่งกาลเวลาที่คุ้นเคยปรากฏ

ครั้งนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา คู่ต่อสู้คนแรกที่หลินสวินเจอ ก็คือผู้แข็งแกร่งที่พลังต่อสู้เป็นอันดับสองบนมรรคาอมตะตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

นี่ทำให้หลินสวินชี้ชัดได้ทันที ว่าหากครั้งนี้ข้าไม่เข้ามาในโลกราชันเพื่อฝึกใหม่ อันดับของตนในอดีตจนถึงปัจจุบันจะอยู่ในอันดับสาม!

เมื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ที่อยู่ในอันดับสองคนนี้ได้ ไม่เกินความคาดหมายของหลินสวิน เขาได้เจอกับคนคุ้นเคยอีกครั้ง

ผู้สืบทอดลำดับที่เก้าแห่งคีรีดวงกมล ศิษย์พี่เก่ออวี้ผูที่มีสมญาว่า ‘จอมจักรพรรดิหวงถิง’!

เก่ออวี้ผูสมัยเป็นเด็กหนุ่ม ถึงกับเป็นราชันที่แข็งแกร่งที่สุดตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน นี่ทำให้หลินสวินอดทอดถอนใจไม่ได้

แต่เมื่อใคร่ครวญเล็กน้อยเขาก็เข้าใจขึ้นมา

เก่ออวี้ผูที่มีร่างแยกทั้งห้า ในการต่อสู้ระดับราชันต้องเป็นตัวตนที่วิปริตคนหนึ่งแน่

การต่อสู้กับศิษย์พี่เก้าในวัยหนุ่มครั้งนี้ ทำให้หลินสวินตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าอะไรที่เรียกว่าแรงกดดัน อะไรที่เรียกว่าอันตรายและยากเข็ญ

แน่นอนว่าสุดท้ายเขาก็ชนะ ยามได้ชัยชนะร่างกายเขาเกือบจะระเบิด บาดเจ็บสาหัสหาใดเปรียบ

แต่ถึงอย่างไร…

ก็ชนะแล้ว!

คลื่นพลังระเบียบที่คุ้นเคยปรากฏ กลายเป็นเงาร่างสายหนึ่ง ทันทีที่ปรากฏตัวก็กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “เจ้าจากไปได้แล้ว”

หลินสวินชะงัก “ไม่มีแล้วหรือ”

ร่างระเบียบกล่าวด้วยเสียงที่ไม่มีคลื่นสะเทือนแม้แต่น้อย “เส้นทางแห่งระดับอริยะ เจ้าเป็นอันดับหนึ่งนับแต่อดีตถึงปัจจุบันนานแล้ว เส้นทางแห่งกึ่งจักรพรรดิก็เช่นกัน”

ในใจหลินสวินรู้สึกทอดถอนใจไปชั่วขณะ

นึกถึงเส้นทางวัฏจักรนิพพานครั้งนี้ เหตุการณ์ต่างๆ นั้นเหมือนเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน

โลกกำลังภายใน เขากลายเป็นซูชิงหานคุณชายสามแห่งตระกูลซู แม้ก่อนหน้านี้จะฝึกปราณไม่ได้ แต่กลับได้รับการทะนุถนอมและดูแลจากคนในตระกูล

ยังมีชิงจู๋ เฉียนอวี้หลิว เนี่ยเหิงด้วย…

โลกจิตผสานวิญญาณ กลายเป็นขอทานข้างถนน ตื่นขึ้นมากลางพายุหิมะ ข้นแค้นขัดสน ไม่มีบิดามารดา ไร้ที่พึ่งพิง

โลกมหาสมุทรวิญญาณ กลายเป็นหลันอวี่ชิงบัณฑิตหนุ่มที่เกิดมายากจน มีใจกตัญญูบริสุทธิ์ เมตตาอ่อนโยน ทำให้หลินสวินชื่นชมยิ่งนัก

โลกหยั่งสัจจะ กลายเป็นเหลียงเซียวลูกผู้ดีเจ้าสำราญ

โลกกระบวนแปรจุติ กลายเป็นอวิ๋นฉางคงเด็กหนุ่มบ้านนอกที่ช้ำใจเพราะความรัก

…แต่ละโลก แต่ละประสบการณ์ชีวิต เหมือนภาพฝันที่น่าเหลือเชื่อมากมาย แต่กลับเป็นความจริง

หลินสวินจิตใจสั่นไหวครู่ใหญ่แล้วกล่าว “นี่… ก็คือวัฏจักรหรือ”

ร่างระเบียบเงียบสนิท

หลินสวินเหมือนกล่าวกับตัวเอง “วัฏจักร หากนี่ก็เป็นระเบียบมหามรรคที่สูงส่งอย่างหนึ่ง ย่อมน่าจะเกี่ยวข้องกับพลังของเวลากระมัง”

“นิพพาน โชคชะตา วัฏจักร กาลเวลา… พลังระเบียบเช่นนี้พาให้คนลุ่มหลงจริงๆ…”

เนิ่นนานกว่าแววตาของหลินสวินจะกลับมาใสกระจ่าง “ภายหน้าข้าต้องมองทะลุนัยเร้นลับของวัฏจักรนี้ให้ได้!”

ผ่านไปเจ็ดปี หลินสวินออกจากโลกวัฏจักร

ทุ่งรกร้างไร้ขอบเขต ความเยียบเย็นแผ่กว้าง

สูงขึ้นไปเหนือฟ้า กำแพงเมืองแห่งหนึ่งทอดผ่านเหนือฟ้าดารา สูงตระหง่านโดดเด่นหาใดเปรียบ ทอดยาวติดต่อกันราวกับไม่มีที่สิ้นสุด

มันใหญ่โตเกินไปแล้ว ดวงดาวที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองนั้นล้วนเปลี่ยนเป็นเล็กจ้อยดุจแสงโคม!

บนกำแพงเมือง ในแต่ละช่วงระยะห่างที่กว้างไกลจะมีป้อมปราการแห่งหนึ่งปรากฏ ในป้อมปราการแต่ละแห่งล้วนมีสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิคนหนึ่งประจำการอยู่

ตูม!

ในส่วนลึกของฟ้าดารา สัตว์ยักษ์ขนาดมหึมาราวกับผืนดินลอยได้ตัวหนึ่งเคลื่อนขวางเข้ามา นัยน์ตาที่เบิกกว้างนั้นส่องประกายดั่งดวงตะวันสองดวง

กลิ่นอายของมันเหี้ยมเกรียมและเยียบเย็น ยามร่างกายเคลื่อนผ่าน ดวงดาวระหว่างทางมากมายระเบิดแหลก สาดแสงงามตระการออกมา

มองจากไกลๆ ก็เหมือนว่าในฟ้าดารามีดอกไม้ไฟมากมายบานสะพรั่ง งดงามตระการตา

ในตำนานโบราณ มีผู้เก่งกาจฟันดวงดาวให้ร่วงหล่นได้ในกระบี่เดียว

แต่ตอนนี้สัตว์ยักษ์ฟ้าดาราตัวนั้นแค่เคลื่อนไหวร่างกาย ก็บดขยี้ดวงดาวได้อย่างง่ายดาย!

“ฆ่า!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิคนหนึ่งยืนอยู่บนป้อมปราการ แขนเสื้อทั้งสองสะบัดไปมา ผมเผ้าหนวดเคราพลิ้วไหวกลางสายลม ยามกะพริบตาจะเผยประกายวาววามน่าพรั่นพรึง

กระทั่งสัตว์ยักษ์ฟ้าดารานั้นเข้ามาใกล้ ในแขนเสื้อที่โบกสะบัดนั้นของเขามีแสงดาบที่ปิดฟ้าคลุมตะวันสายหนึ่งพุ่งขึ้นมา ความยาวหลายพันจั้ง ฟันออกไปอย่างเดือดดาล

ฟุ่บ!

แสงดาบสะเทือนใต้หล้า ทำให้ดวงดาวต่างมืดสลัว

ศึกใหญ่ปะทุขึ้นด้วยเหตุนี้

“มาอีกแล้ว…”

ในป้อมปราการแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างจุดนี้ไปหลายหมื่นลี้ ชายชุดเหลืองคนหนึ่งเห็นภาพนี้อยู่ในสายตาแล้วอดทอดถอนใจไม่ได้

เจ็ดปีแล้ว

ในเจ็ดปีนี้บุคคลระดับจักรพรรดิที่มาจากทั่วฟ้าดาราเข้าสู่แดนปรินิพพานอย่างพวกเขา ล้วนประจำการอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคแห่งนี้

ทุกช่วงเวลาหนึ่งจะพบเจอการโจมตีจาก ‘ทัพสัตว์’ ครั้งหนึ่ง

ที่เรียกว่าทัพสัตว์ ก็คือสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่มาจากส่วนลึกของฟ้าดารานั่น ทุกครั้งที่ปรากฏตัว อย่างน้อยคือหลายสิบ อย่างมากคือนับร้อย

สัตว์ประหลาดฟ้าดาราแต่ละตัวล้วนมีพลังแข็งแกร่งที่เคลื่อนผ่านฟ้าดาราได้ ตัวที่อ่อนแอที่สุดสามารถเทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง

ส่วนตัวที่น่ากลัวบางส่วน ถึงขั้นมีรากฐานพลังที่เหนือกว่าระดับจักรพรรดิขั้นหก!

ที่โชคดีคือบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ปกคลุมด้วยพลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารา ราวกับยอดกระบวนผนึกแห่งหนึ่งโดยธรรมชาติ

ยามเผชิญหน้ากับการโจมตีของทัพสัตว์ สามารถช่วยระดับจักรพรรรดิที่ประจำอยู่ในป้อมปราการพวกนั้นไปล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหล่านั้นได้

หากไม่เป็นเช่นนี้ ชายชุดเหลืองก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเฒ่าชราระดับจักรพรรดิอย่างพวกเขา จะยืนหยัดอยู่ที่นี่มาได้นานถึงเจ็ดปีหรือไม่

“ฮ่าๆๆ ข้าทะลวงขั้นแล้ว!”

ทันใดนั้นในจุดที่ไกลออกไปมีเสียงหัวเราะร่าดังก้องขึ้น เจือความปิติยินดีหาใดเปรียบ สะท้อนอยู่เหนือกำแพงเมืองหมื่นมรรค

ระดับจักรพรรดิที่กระจายกันอยู่ในป้อมปราการอื่นต่างรับรู้ได้ทันที ล้วนเผยสีหน้าต่างกันออกไป บ้างอิจฉาและบ้างมุ่งหวัง

ชายชุดเหลืองก็เผยสีหน้าอิจฉาเสี้ยวหนึ่ง

บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ ยิ่งมีสัตว์ประหลาดฟ้าดาราโจมตีมากเท่าไร ประโยชน์ที่ได้รับก็ยิ่งมาก

และผลประโยชน์พวกนี้ เกือบทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับมรรคาที่ระดับจักรพรรดิเสาะหา!

เจ็ดปีมานี้ อย่างน้อยชายชุดเหลืองก็เป็นพยานเห็นการทะลวงปราณของระดับจักรพรรดิมาสามสิบห้าคนแล้ว หากอยู่ที่ทางเดินโบราณฟ้าดารา ต้องเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการแน่

ต้องรู้ว่าหนทางแห่งระดับจักรพรรดิ ทุกก้าวย่างเหมือนตะกายขึ้นฟ้า อันตรายและยากลำบาก

ระดับจักรพรรดิส่วนใหญ่ใช่ว่าจะทะลวงระดับได้ในร้อยพันปี

ต่อให้เป็นบุคคลในตำนานที่ฝีมือเลิศล้ำอัศจรรย์ คิดจะทะลวงปราณในเวลาสั้นๆ ไม่กี่ปีก็แทบเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

แต่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้ ทุกอย่างล้วนเต็มไปด้วยความเป็นไปได้!

นี่ก็คือ ‘หนทางสู่นิพพาน’ ของระดับจักรพรรดิ

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท