Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2172 ดวงตาในฟ้าดารา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2172 ดวงตาในฟ้าดารา

ตอนที่ 2172 ดวงตาในฟ้าดารา

วันที่ห้าหลังจากหลินสวินมาถึงกำแพงเมืองหมื่นมรรค

ทัพสัตว์ฝูงหนึ่งบุกโจมตี

ส่วนลึกของฟ้าดารา สัตว์ประหลาดมหึมาหลายสิบตัวเคลื่อนเข้ามา รูปร่างแปลกประหลาด แต่ล้วนตัวใหญ่จนไม่อาจจินตนาการอย่างไม่มีข้อยกเว้น

บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคมีคนกระตือรือร้นถูไม้ถูมือ มีคนมุ่นคิ้วเผยสีหน้าจริงจัง

หลินสวินก็เห็นภาพนี้ ในใจสั่นสะท้านอย่างอดไม่ได้ นี่ก็คือสัตว์ประหลาดที่มาจากฟากฝั่งฟ้าดารานั่นหรือ

แต่ละตัวแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการดังคาด!

“สหายน้อย เห็นหรือยัง นี่ก็คืออันตรายยิ่งใหญ่ เจ็ดปีที่ผ่านมา บนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้มีทัพสัตว์แบบเดียวกันรุกรานไม่รู้กี่ครั้ง ยามมากสุดคือมีสัตว์ประหลาดฟ้าดาราหลายร้อยตัวพุ่งสังหารเข้ามา”

เสียงเจตจำนงของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงดังขึ้น “สิ่งเดียวที่ข้าบอกเจ้าได้คือ ช่วงก่อนหน้านี้มีระดับจักรพรรดิสิ้นชีพไปสิบเก้าคนแล้ว ภายในนั้นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดคือเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง”

“เจ้า… ต้องระวังหน่อย ถึงแม้ว่าบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้มีระดับจักรพรรดิหลายร้อยคนประจำการอยู่ แต่เมื่อเจออันตรายก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้”

น้ำเสียงเจือกลิ่นอายของผู้อาวุโสชี้แนะผู้น้อย

เห็นได้ชัดว่าจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงยังเคืองเรื่องที่หลินสวินเรียกเขาว่า ‘สหายยุทธ์’

หลินสวินยิ้มแล้วกล่าว “อย่างนั้นหรือ ระดับจักรพรรดิขั้นหกยังประสบเคราะห์ได้ ถ้าเช่นนั้นสหายยุทธ์ก็ต้องระวังหน่อย”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงมุมปากกระตุก ต้องรึ เห็นได้ชัดว่าเจ้าหนูนี่เป็นพวกฟังไม่เข้าหู

หลินสวินเอ่ยถาม “สหายยุทธ์ ได้ยินว่าการล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดารานี้ สามารถได้ประโยชน์ที่ไม่อาจร้องขอในการฝึกปราณระดับจักรพรรดิหรือ”

เขาคำก็สหายยุทธ์สองคำก็สหายยุทธ์ ทำให้จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงชิงชังในใจ แต่ยังคงพูดว่า “ไม่ผิด กำแพงเมืองหมื่นมรรคนี้เป็นหนทางสู่นิพพานของระดับจักรพรรดิ เพียงเข่นฆ่าล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดารานั้นได้ ก็สามารถได้รับประโยชน์ที่คาดไม่ถึง”

เขาเว้นช่วงไปก่อนกล่าวด้วยเสียงจองหอง “ส่วนจะเป็นประโยชน์อะไร รอเมื่อเจ้าหนูอย่างเจ้ามีโอกาสไปสังหารสัตว์ประหลาดฟ้าดารานั่นได้แล้ว ย่อมได้รู้เป็นธรรมดา”

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงก็อึ้งไป ในครรลองสายตา ส่วนลึกของฟ้าดารามีสัตว์ประหลาดตัวหนึ่งเคลื่อนเข้ามา เห็นได้ชัดว่าพุ่งไปทางหลินสวิน!

สัตว์ประหลาดตัวนี้รูปร่างคล้ายวัวเทพทรงพลังตัวหนึ่ง ทั้งตัวดำสนิทดุจสีหมึก ร่างใหญ่ราวภูเขาสูงตระหง่าน นัยน์ตาแดงก่ำคู่นั้นใหญ่ราวทะเลสาบ

ยามเท้าทั้งสี่ของมันย่างก้าว ห้วงอากาศถูกเหยียบแหลก กลิ่นอายป่าเถื่อนหาใดเปรียบ สามารถเทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นสอง!

‘เจ้าเดรัจฉานนี่ทำไมไม่พุ่งมาทางข้า…’

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงรู้สึกไม่พอใจอย่างยิ่ง

ก็ไม่รู้ว่าควรพูดว่าโชคดีหรือโชคร้าย เจ็ดปีมานี้แม้จะมีทัพสัตว์บุกมาหลายครั้ง แต่สัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่พุ่งมาหาเขาอย่างจริงจัง กลับมีแค่สี่ตัวซึ่งน้อยจนน่าสงสาร

สองตัวในนั้นยังเป็นพวกร้ายกาจที่เทียบได้กับระดับจักรพรรดิขั้นห้า อาศัยพลังต่อสู้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่นั่นของเขา ประกอบกับพลังป้องกันของกำแพงเมืองหมื่นมรรคจึงพอสูสีกับอีกฝ่ายได้

หรือพูดได้ว่าเจ็ดปีมานี้ จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงเพิ่งล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราไปได้สองตัว…

ระดับจักรพรรดิมากมายอิจฉาเขา บอกว่าเขาโชคดีเกินไปแล้ว แต่เขามีหรือจะพอใจแค่นี้ เขา… ก็อยากล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราเหมือนกัน!

จากนั้นจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงผงะในใจ รีบร้อนสื่อจิต ‘สหายน้อย เจ้าต้องระวังแล้ว เดรัจฉานนั่นพุ่งไปทางเจ้า…’

ยังพูดไม่ทันจบ

ก็เห็นหลินสวินลงมือแล้ว

ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากตัวเขา เปล่งประกายโชติช่วง หนาแน่นดุจสายฝน ใช้พลังหอบม้วนพุ่งทะยานไปในฟ้าดารา

เมื่อดูอย่างละเอียด ปราณกระบี่นับไม่ถ้วนนั้นตัดสลับไขว้ขนาน กลายเป็นกระบวนค่ายกลกระบี่หนาทึบหาใดเปรียบกระบวนหนึ่ง เข้าปกคลุมสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เหมือนวัวเทพสีดำซึ่งพุ่งเข้ามาตัวนั้น

กระบวนค่ายกลกระบี่แปดวิทูร!

สร้างขึ้นจากค่ายกลกระบี่หกสิบสี่ชั้น ค่ายกลกระบี่แต่ละชั้นแฝงปราณกระบี่หนึ่งหมื่นสาย เมื่อรวมกันจะเป็นปราณกระบี่หกแสนสี่หมื่นสาย!

นี่ก็คือกระบวนค่ายกลกระบี่ที่แข็งแกร่งที่สุด ซึ่งหลินสวินหยั่งถึงในคัมภีร์กระบี่ไท่เสวียนช่วงก่อนหน้านี้

ฉัวะๆๆ!

พลันเห็นว่าบนฟ้าดารา ร่างมหึมาของวัวเทพสีดำที่เหมือนภูเขาสูงใหญ่นั้น เพียงพริบตาก็ถูกกระบวนค่ายกลกระบี่แปดวิทูรเฉือนตัดเป็นชิ้นๆ น้ำเลือดแดงก่ำกลายเป็นหมอกควัน ย้อมฟ้าดาราผืนนั้นเป็นสีชาด

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอึ้งงัน

ใช้กระบวนค่ายกลกระบี่ฆ่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เทียบกับระดับจักรพรรดิขั้นสองได้ในพริบตา!

นี่เกือบล้มล้างความเข้าใจของเขาแล้วจริงๆ

เวลานี้เองหลินสวินพลันกล่าวอย่างเคร่งขรึม “สหายยุทธ์ ไพ่ตายรักษาชีวิตเช่นนี้ เจ้าอย่าได้พูดออกไปเชียว”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงมุมปากกระตุก ไพ่ตายรักษาชีวิตบ้าบออะไร คิดว่าเขาสายตาฝ้าฟางรึ

ปราณกระบี่พวกนั้น เห็นชัดว่าวิวัฒน์มาจากมรรควิถีทั้งตัวเจ้า!

ยิ่งไปกว่านั้น ในแดนปรินิพพานนี้สมบัติและพลังภายนอกใดๆ ล้วนไม่อาจใช้ได้ ในสถานการณ์เช่นนี้ไพ่ตายรักษาชีวิตอะไรล้วนเป็นการพูดส่งเดช!

และตอนนี้หลินสวินก็เห็นประโยชน์ที่ได้รับจากการล่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราในที่สุด

ในป้อมปราการ คลื่นพลังระเบียบระลอกหนึ่งแผ่พลังต้นกำเนิดที่เหมือนกระแสน้ำออกมาสายแล้วสายเล่า สุดท้ายก็ควบรวมเป็นไข่มุกที่เหมือนหินไข่ห่านเม็ดหนึ่ง

หลินสวินหยิบไข่มุกนั้นมาไว้ในมือ เพียงพริบตาก็ชี้ชัดได้ว่าในไข่มุกนี้คือพลังระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดาราที่บริสุทธิ์หาใดเปรียบ เต็มไปด้วยกลิ่นอายสูงส่งและมหัศจรรย์

หลินสวินเคยเจอเศษเสี้ยวกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิที่บกพร่องมาก่อน แต่เปรียบเทียบกับไข่มุกตรงหน้านี้แล้ว ล้วนเป็นของสองอย่างที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

ด้วยในไข่มุกนี้ซ่อนกฎเกณฑ์ของระเบียบต้นกำเนิดฟ้าดาราไว้!

แต่เศษเสี้ยวกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิพวกนั้น กลับควบรวมมาจากมหามรรคที่ระดับจักรพรรดิหยั่งถึง ระหว่างสองอย่างนี้มีความแตกต่างโดยธรรมชาติ

ก็เหมือนสิ่งหนึ่งเป็นกฎเกณฑ์มหามรรคต้นกำเนิดตามธรรมชาติ อีกอย่างกลับเป็นกฎเกณฑ์มหามรรคที่ผู้ฝึกปราณควบรวมออกมา ไม่สามารถเทียบกันได้

‘มิน่าที่แห่งนี้ถึงถูกเรียกว่าเส้นทางนิพพานระดับจักรพรรดิ หากได้รับประโยชน์เช่นนี้ ก็สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิพวกนั้นปัดกวาดอุปสรรคมหามรรคได้ในเวลาอันสั้น!’

หลินสวินอัศจรรย์ใจ

ข้อดีนี้เป็นสิ่งที่ไม่อาจร้องขอจริงๆ

เกรงว่าคงมีแค่ในแดนปรินิพพานที่ได้รับ โลกภายนอกไม่มีทางปรากฏศุภโชคพลิกฟ้าเช่นนี้แต่แรก

หลินสวินเก็บของสิ่งนี้ลงไปอย่างระวัง

“สหายน้อย รีบเก็บซากศพของสัตว์ประหลาดฟ้าดารานั้นไปด้วย”

เสียงของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันดังขึ้น “ในแดนปรินิพพานนี้ไม่อาจใช้สิ่งภายนอกและพลังนอกกายใดๆ แต่กลับใช้ห้วงนิมิตของสัตว์ประหลาดฟ้าดารานี้มาหลอมเป็นอาวุธได้”

หลินสวินใจสะท้าน ลงมือโดยไม่ลังเล สะบัดแขนเสื้อให้เหวลึกหนึ่งปรากฏ ดูดกลืนเศษเนื้อและซากศพทั้งหมดบนฟ้าดาราที่ห่างออกไปนั้นเข้ามา

ฮูม…

เพียงพริบตาหน้าป้อมปราการของหลินสวินก็มีภูเขาเลือดเนื้อกองหนึ่งปรากฏ กลิ่นคาวเลือดฉุนจมูกแผ่อบอวล

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงกล่าวเตือน “เลือดเนื้อพวกนั้นสามารถหลอมเป็นลูกกลอนโอสถ กล้ามเนื้อและกระดูก ฟัน เกล็ด นอ เยื่อผิวก็หลอมเป็นสมบัติได้ อย่าสิ้นเปลืองเด็ดขาด ร่างของสัตว์ประหลาดฟ้าดารานี้ล้วนเป็นแก่นพลัง”

“ขอบคุณสหายยุทธ์ที่กล่าวเตือน” หลินสวินพยักหน้า

มุมปากของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงกระตุกอีกครั้ง เจ้าเด็กนี่ไม่ใช่ชอบเอารัดเอาเปรียบเกินไปหน่อยหรือ เรียกข้าว่าสหายยุทธ์จนเข้าเส้นแล้วกระมัง

ในฟ้าดาราที่ห่างไกลการต่อสู้ปะทุขึ้น ครั้งนี้ทัพสัตว์ที่บุกเข้ามา มีสัตว์ประหลาดฟ้าดาราออกเคลื่อนพลเพียงหลักสิบตัว นับได้ว่าเป็นกองทัพขนาดเล็ก เมื่ออยู่ต่อหน้ากำแพงเมืองหมื่นมรรคที่ทอดยาวราวกับไร้สิ้นสุด ก็ไม่อาจสร้างแรงคุกคามได้อย่างสิ้นเชิง

ต้องรู้ว่าแค่สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่ประจำอยู่บนกำแพงเมืองหมื่นมรรค ก็มีสามร้อยกว่าคนแล้ว!

แน่นอนว่าระดับจักรพรรดิสามร้อยกว่าคนนี้ ดูเหมือนมีจำนวนมาก แต่นี่เป็นระดับจักรพรรดิที่มาจากโลกใหญ่แต่ละแห่งทั่วฟ้าดารา

เปรียบเทียบเช่นนี้ก็รู้แล้วว่าระดับจักรพรรดิหายากระดับใด

ระดับกึ่งจักรพรรดิ ในโลกใดก็ล้วนมีมากมาย แต่ในโลกบางแห่งกลับหาระดับจักรพรรดิไม่เจอแม้แต่คนเดียว!

“สหายน้อย เจ้าระวังหน่อยจะดีกว่า ทัพสัตว์เช่นนี้ ในช่วงประมาณสิบวันจะบุกมาครั้งหนึ่ง คราวหน้า… ใช่ว่าจะโชคดีเช่นนี้อีก”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงกล่าวเตือน

หลินสวินพลันพูดขึ้น “จักรพรรดิสวรรค์ดำรงออกคำสั่ง ประกาศให้คนในใต้หล้ามองข้าเป็นเป้าหมายที่ต้องจับตาย สหายยุทธ์ไม่กลัวว่ายุ่งเกี่ยวกับข้าแล้วจะหาเรื่องใส่ตัวหรือ”

สีหน้าจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันแปรเปลี่ยน ครู่ใหญ่จึงแค่นเสียงเย็นชากล่าว “เจ้าคิดว่าคนในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ของข้าล้วนเป็นพวกไร้ปณิธานเช่นนั้นหรือ”

ยอมสวามิภักดิ์ต่อจักรพรรดิสวรรค์ดำรง นี่เป็นแผลใจของทุกคนในเรือนมรรคโลกาสวรรค์ หากไม่ใช่ว่าเพื่อรักษาสำนักให้ยืนหยัดต่อไป คงไม่มีใครยอมจำนน!

หลินสวินเข้าใจในทันที “ภายหน้าโปรดชี้แนะด้วย”

สีหน้าของจักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงดูดีขึ้นไม่น้อย กล่าวว่า “นี่จึงจะเป็นท่าทีที่คนรุ่นหลังอย่างเจ้าควรมี”

หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ “แม้ว่าข้าจะมีพลังปราณระดับกึ่งจักรพรรดิ แต่กลับมีพลังที่สังหารระดับจักรพรรดิได้ ทำไมถึงไม่อาจเรียกเจ้าว่าสหายยุทธ์”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงอ้ำอึ้งไปชั่วขณะ ครู่ใหญ่จึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “อย่างน้อยที่สุดเจ้าให้เกียรติผู้อาวุโสอย่างข้าหน่อยก็ดี”

“ได้ ผู้อาวุโสภายหน้าท่านต้องดูแลผู้น้อยที่ไม่รู้ความอย่างข้าด้วยนะ” หลินสวินยิ้มแย้มเอ่ยปาก

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงพลันอึดอัดไปทั้งตัว รู้สึกว่ากลิ่นอายในคำพูดนี้ของหลินสวินไม่ชอบมาพากลอยู่บ้าง

“ช่างเถอะ ภายหน้าเจ้ากับข้าต่างคนต่างเรียกแล้วกัน”

จักรพรรดิสงครามเฟิงหลิงถอนใจยาวอย่างจนปัญญา

ความจริงแล้วในใจเขาก็ทอดถอนใจหาใดเปรียบ หากไม่เห็นกับตาตัวเอง เขาคงไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนที่ก้าวข้ามปราการสวรรค์ระดับจักรพรรดิ ข้ามระดับใหญ่ไปฆ่าสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่เทียบกับระดับจักรพรรดิขั้นสองได้จริงๆ!

นี่ล้มล้างความเข้าใจที่เขาเชื่อมั่นในอดีตอย่างสมบูรณ์ ทำให้ยามที่เขาปฏิบัติตัวกับหลินสวิน ก็ไม่กล้ามองเขาเป็นคนรุ่นหลังทั่วไปนานแล้ว

หลินสวินยิ้มแล้วไม่พูดมากอีก เหลือบสายตาไปยังซากศพสัตว์ประหลาดฟ้าดาราที่กองเป็นภูเขานั้นแล้วจมสู่ห้วงคิด

เขากำลังคิดว่าควรใช้ ‘แก่นพลัง’ พวกนี้อย่างไร

ขณะเดียวกันในส่วนลึกของฟ้าดารา ดวงตาแดงก่ำคู่หนึ่งลืมตาขึ้นเงียบๆ

แค่ดวงตาคู่หนึ่งเท่านั้น แต่พริบตานี้ราวกับมีวังวนฟ้าดารามหึมาสองแห่งปรากฏ เจือกลิ่นอายที่พาให้คนใจสั่นระรัว

ฟ้าดาราใกล้เคียงก็สั่นสะเทือนอย่างรุนแรงขึ้นมาในยามนี้

เมื่อดูอย่างละเอียด ร่างกายของมันกลับเหมือนเงามืดแถบหนึ่ง เบียดเสียดคับฟ้าดาราแถบนี้ ใหญ่จนไม่อาจจินตนาการ!

“หุบเหวกลืนกิน… ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว… ครั้งนี้เจ้าหนีไม่พ้นแน่…”

เจตจำนงเยียบเย็นดุจกระแสน้ำ แผ่กระจายออกมาจากร่างของสัตว์ประหลาดฟ้าดาราตัวนี้

“พลังระเบียบต้นกำเนิดของทางเดินโบราณฟ้าดารานั้น เต็มไปด้วยกลิ่นอายที่สามารถคุกคามข้าได้ ครั้งนี้ต้องพึ่งพวกเจ้าแล้ว…”

“จำไว้ ไม่ว่าพวกเจ้าจะใช้วิธีอะไรก็ต้องจับเป็นเจ้าหนุ่มนั่นมาให้ได้!”

เจตจำนงเยียบเย็นกระจายไปทั่วฟ้าดาราแถบนี้ ม้วนพัดไปทั่วสารทิศ

เพียงชั่วขณะในส่วนลึกของฟ้าดาราที่ล้ำลึกนั้น มีนัยน์ตาเหี้ยมเกรียม อำมหิต แดงก่ำไม่รู้เท่าไหร่ลืมตาขึ้น

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท