Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2189 เหนือยอดมกุฎข้าคือจักรพรรดิ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2189 เหนือยอดมกุฎข้าคือจักรพรรดิ

ตอนที่ 2189 เหนือยอดมกุฎข้าคือจักรพรรดิ

สายน้ำแห่งกาลเวลาซัดสาด เจ้าแห่งคีรีดวงกมลยืนตระหง่านอยู่เหนือห้วงอากาศนั้น เกลียวคลื่นโหมซัดไม่สามารถสั่นคลอนเงาร่างกำยำของเขาได้สักเสี้ยว

เจดีย์ไร้สิ้นสุดเวลานี้แผ่กลิ่นอายที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง ตัวเจดีย์เก้าชั้นดุจดั่งสร้างจากทองเทพกระจกแก้ว เจือกลิ่นอายที่ประหนึ่งจักรวาลแรกเริ่ม!

สามพันเคลื่อนคล้อยที่เสียหายร้ายแรงเจือละอองแสงขาวหิมะดั่งภาพฝันมายา พาดอยู่บนแขนซ้ายของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลอย่างสงบนิ่ง

ใต้เท้า ภาพเสี้ยวจันทร์สามดาราดุจดั่งเบาะรองนั่งเมฆมงคล ละอองแสงดั่งลอยกระเซ็น

มองจากไกลๆ เจ้าแห่งคีรีดวงกมลก็เหมือนอยู่เหนือเก้าชั้นฟ้า สูงเกินเอื้อมและรางเลือนปานนั้น ทำให้ผู้คนได้แต่แหงนมอง

‘ตอนนั้นทำให้พวกเจ้าต้องมารับเคราะห์ไปกับข้าด้วย แต่ยังดี ขอแค่เรื่องในวันนี้สำเร็จ สิ่งที่จ่ายไปทั้งหมดล้วนคุ้มค่าแล้ว…’

นิ้วมือของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลลูบสามพันเคลื่อนคล้อย สายตาเจือแววทอดถอนใจเสี้ยวหนึ่ง

ยุคแรกเริ่มดึกดำบรรพ์ เพื่อจะอนุมานแดนปรินิพพาน โลกที่วิวัฒน์ขึ้นจากพลังต้นกำเนิดฟ้าดารานี้ เขาเคยจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล

ไม่มีใครรู้ และในตอนนั้นก็ทำให้เจดีย์ไร้สิ้นสุด สามพันเคลื่อนคล้อยต่างได้รับความเสียหายไปด้วย

‘ฮ่า เจ้าหนูนี่หลายปีมานี้รวบรวมสมบัติชั้นดีได้ไม่น้อยทีเดียว’

ไม่นานเจ้าแห่งคีรีดวงกมลก็สังเกตเห็นว่าภายในเจดีย์ไร้สิ้นสุดมีกองเจตวัตถุ สมบัติ ของล้ำค่า โอสถสมบัติมากมาย

ขนาดศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนยังสะสมได้ไม่น้อย

‘ธนูวิญญาณไร้แก่นสาร… ถึงกับเกี่ยวโยงกับเคราะห์กรรมครั้งนี้ เอาเถอะ ให้เขาไปจัดการเอง’

นัยน์ตาของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลลุ่มลึกดุจฟ้าดารา ในนั้นมีภาพทิวทัศน์ทั่วหล้าแปรเปลี่ยน และมีความเรืองรองแห่งการหมุนเวียนสับเปลี่ยนตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

‘ดาบหักเล่มนี้น่าสนใจ คล้ายไม่ใช่ของโลกนี้ เพียงแต่พลังเสียหายสาหัสเกินไป คิดอยากซ่อมแซมก็พอๆ กับการปะซ่อมฟ้า’

‘ชิ้นส่วนเศษเสี้ยวของเตามารดาหลอมสมบัติ มิน่าถึงสามารถรวบรวมศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนได้มากมายขนาดนี้ หากสันนิษฐานเช่นนี้ เป็นไปได้มากว่าภายหน้าเจ้าหนุ่มนี่อาจจะเข้าสู่คุนหลุนอีกครั้ง…’

‘ก้อนทองแดงนี้ประทับ ‘ภาพนักพรตขี่วัว’ ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่นักพรตเฒ่าคนนั้นที่เคยมุ่งหน้าไปเสาะหา ‘แหล่งสถานอัศจรรย์’ เหลือทิ้งไว้’

พร้อมๆ กับความคิดของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลที่สอดส่องทีละส่วน อู้เชวียที่จำศีลอยู่ในธนูวิญญาณไร้แก่นสาร วิญญาณอาวุธที่จำศีลอยู่ในดาบหักล้วนจิตใจสั่นสะเทือน พวกเขาที่หลับใหลภายในนั้นรู้สึกถึงกลิ่นอายน่าสะพรึงที่ไม่อาจต้านทานได้วูบหนึ่ง

เคราะห์ดีที่กลิ่นอายสายนี้ไม่มีไอสังหาร หาไม่ จากพลังของพวกเขาในตอนนี้ก็ไม่สามารถต้านทานได้สักนิด!

‘มาแล้ว’

นัยน์ตาของเจ้าแห่งคีรีดวงกมลวาบประกายเร้นลับวับเสี้ยวหนึ่ง

ตูม!

ส่วนลึกของฟ้าดาราเหมือนซัดจม พังครืนออกเป็นหุบเหวห้วงอากาศลึก พลังกฎเกณฑ์ดุเดือดปะทุดังสนั่น แผ่อานุภาพไร้เทียมทานออกมา

จากนั้นเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมาจากหุบเหวห้วงอากาศนั้น ตัวตรงแน่วซูบผอม…

เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!

พร้อมๆ กับที่เงาร่างสายนี้ปรากฏ ฟ้าดาราแถบนี้พลันปั่นป่วน เหมือนจวนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ พลังมหามรรคพังทลาย จมสู่ความโกลาหลอลหม่าน

เวลานี้เหมือนมีเทพจากต่างมิติมาเยือนที่แห่งนี้ ลำพังแค่กลิ่นอายที่แผ่ซ่านออกมาก็ทำให้ฟ้าดาราแถบนี้ประหนึ่งไม่อาจแบกรับไหว!

กำแพงเมืองหมื่นมรรคที่ทอดยาวประหนึ่งไร้สิ้นสุดนั้น เวลานี้ยังเริ่มสั่นสะเทือนรุนแรง ผนังกำแพงที่เก่าแก่เป็นรอยด่างพร้อยนั่นปรากฏรอยแตกราวใยแมงมุม ป้อมปราการแต่ละแห่งสั่นโคลง คล้ายจวนจะถล่มครืน

ระดับจักรพรรดิที่ซ่อนตัวอยู่ในนั้นตกใจจนวิญญาณแทบกระเด็นออกมา รีบเผ่นหนีไปไกลกว่าเดิมทันที

นั่นคือทิศทางของแดนปรินิพพาน ตอนแรกพวกเขาก็ถูกเคลื่อนย้ายจากบนแผ่นดินกว้างรกร้างแถบนั้น มายังบนกำแพงเมืองหมื่นมรรคของฟ้าดาราที่พาดขวางนี้

หลังจากกำแพงเมืองหมื่นมรรคสูญเสียพลังระเบียบ ในที่สุดพวกเขาก็มีโอกาสกลับออกไปแล้ว!

ไม่มีใครกล้ารั้งอยู่อีก ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้น่ากลัวเกินไป โจมตีการรับรู้เสี้ยวสุดท้ายในใจพวกเขา ขืนยังกล้าอยู่ต่อจะต้องประสบหายนะเป็นแน่

ตึง!

ส่วนลึกของฟ้าดารา เงาร่างสายนั้นเดินออกมา ทุกๆ ย่างก้าวห้วงอากาศใกล้เคียงพังถล่มเป็นแถบ กฎเกณฑ์มหามรรคก็แตกสลาย

เขาเงาร่างซูบผอม ตัวตรงแน่ว ปกคลุมด้วยแสงอมตะเจิดจ้าพร่างพราว กลายเป็นวงแสงดวงแล้ววงเล่าส่องสว่างทิวทัศน์ทั่วหล้า

แต่เมื่อมองอย่างถี่ถ้วน เขากลับมีหน้าตาคล้ายเด็กหนุ่ม คิ้วตาเกลี้ยงเกลา สวมอาภรณ์สีเข้ม ผมยาวปล่ยสยายลวกๆ น้ำเต้าสุราใบหนึ่งถูกเชือกแดงผูกห้อยไว้ตรงเอว

มีเพียงยามที่นัยน์ตาไหวเคลื่อนถึงแผ่กลิ่นอายแห่งกาลเวลาเนิ่นนานออกมา

“เฮ้อ ระเบียบโลกนี้เปราะบางเกินไป เหมือนแผ่นกระเบื้องที่แตกหักง่ายไม่มีผิด หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้จำเป็นต้องมา ข้าคงไม่ยอมมาตลอดชีวิต”

เงาร่างที่มีลักษณะเป็นเด็กหนุ่มส่ายหน้าถอนหายใจยาว เขาเดินอย่างระมัดระวังดุจเหยียบย่างบนน้ำแข็งเปราะบาง คล้ายกลัวเหลือเกินว่าหากไม่ระวังจะเหยียบฟ้าดาราไพศาลผืนนี้แตกกระจาย

“เจ้ามาช้าไปแล้ว”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลเอ่ยปากเนิบนาบ นัยน์ตามีแสงเร้นลับไหลเวียน

เด็กหนุ่มอึ้งไป เงยหน้าขึ้นมองใต้เมฆาเคราะห์นั้น

และตอนที่สายตาของเด็กหนุ่มมองเข้าไป เจ้าแห่งคีรีดวงกมลโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง

ครืน!

กลางห้วงอากาศบังเกิดแรงกระแทกน่าสะพรึง แสงศักดิ์สิทธิ์ระเบิดประกาย

เด็กหนุ่มหยุดฝีเท้า ยิ้มขื่นกล่าวว่า “มองแค่แวบเดียวก็ไม่ได้หรือ”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลกล่าว “มองดูแบบทั่วไปย่อมไม่มีอะไรไม่ได้ แต่แววตาของเจ้า… ฆ่าคนตายได้เลย”

เด็กหนุ่มหน้าขรึมลง “เช่นนั้นก็ได้ ข้าจะหลับตาดู”

ดังคาด เขาหลับตาลงจริงๆ

ตูม!

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลไม่ได้ขยับ สามพันเคลื่อนคล้อยกลับพุ่งโฉบออกไป ตวัดแสงไหลเวียนสีขาวหิมะเวิ้งว้างขึ้นแถบหนึ่ง กลายเป็นภาพมรรคที่กว้างขวางหาใดเปรียบสายหนึ่งโคจรอยู่กลางห้วงอากาศ ฟ้าดาราแถบนี้เสมือนถูกชักนำ บังเกิดการบิดเบี้ยวและสั่นสะท้าน

เจตจำนงที่ไร้รูบสายหนึ่งพุ่งมาเยือน กลับถูกแผนภาพมรรคนั้นขวางไว้ พร้อมๆ กับที่แผนภาพมรรคโคจร เจตจำนงไร้รูปสายนั้นก็แตกดับเป็นเศษเสี้ยว

เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นกล่าวอย่างขุ่นเคือง “สหายยุทธ์ เจ้าจะใจแคบเกินไปแล้วกระมัง”

เขาเหมือนเป็นเด็กหนุ่มจริงๆ รักโลภโกรธหลงล้วนแสดงออกมาหมดเปลือก ในถ้อยคำก็เห็นได้ชัดว่าคล้ายไร้ซึ่งเล่ห์กล

แต่เจ้าแห่งคีรีดวงกมลรู้ว่าสามชายหนึ่งหญิงก่อนหน้านี้รวมกัน ก็ยังเทียบแรงคุกคามที่เด็กหนุ่มคนนี้ชักนำมาไม่ได้สักนิด

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลชี้ไปยังแผนภาพมรรคที่ไหลเคลื่อนโคจรแผ่นนั้น “มีมันขวางไว้ ข้าถึงจะวางใจ”

“ได้ ถือว่าเจ้ามีน้ำยา”

เด็กหนุ่มบุ้ยปาก

ภายใต้เมฆาเคราะห์ เงาร่างหลินสวินเลือนรางยิ่งยวด พร่าเลือนจนจวนจะโปร่งแสง แต่พลังประกาศิตอสนีเคราะห์นั่นก็ใกล้จะทลายเต็มทีแล้วเช่นกัน

ตอนที่สายตาของเด็กหนุ่มมองเข้าไป ก็เห็นภาพที่ประกาศิตอสนีเคราะห์นั่นถูกหลินสวินกำราบและหล่อหลอมพอดี

เขาอึ้งงันก่อนเป็นอย่างแรก จากนั้นก็ร้องว่า “ที่แท้ก็… มาช้าไปแล้วจริงๆ?”

เขาคล้ายไม่อยากเชื่อ เบิกตากว้าง

ตูม!

แผนภาพมรรคเคลื่อนโคจร แสงที่เบ่งบานคลุมเครือสะเทือนรุนแรงไม่ขาดสาย เห็นได้ชัดว่าพบเจอแรงโจมตีอันน่ากลัว

ไม่รอให้เจ้าแห่งคีรีดวงกมลตอบสนอง เด็กหนุ่มก็โบกมือพัลวัน “อย่าบังๆ ข้าจะดูหน่อย แค่จะดูหน่อยจริงๆ”

เมฆาเคราะห์ม้วนตลบ เงาร่างที่เจียนจะคล้ายภาพมายาของหลินสวินถูกแสงที่แวววาวโปร่งแสงสายแล้วสายเล่าปกคลุม เจิดจ้าไร้สิ้นสุด

สามารถมองเห็นด้วยตาเปล่า ว่าเขาก็เหมือนกำลังนิพพานอย่างแท้จริง ท่ามกลางละอองแสงที่ตัดผ่าน ค่อยๆ ควบรวมออกมาเป็นเงาร่างของเขา

ตูม!

ประกายอสนีและแสงสายฟ้าไร้ขอบเขตไหลพล่าน แสงมรรคนับล้านโปรยปรายจากตัวเขา จากนั้นกลิ่นอายของเขาก็เริ่มแข็งแกร่งขึ้นไม่หยุด ไต่ทะยานไม่ขาดสาย

จนกระทั่งต่อมาทั้งตัวเขาเริ่มสมจริงมากขึ้น เริ่มสูงใหญ่กำยำมากขึ้น รูขุมขนรอบกายล้วนสาดพรมละอองแสงมหามรรคอันงดงามออกมา

อานุภาพสูงสุดที่ไม่อาจบรรยายได้สายหนึ่งคละคลุ้งออกมาจากตัวเขา ทำเอาห้วงอากาศแถบนี้ล้วนย้อมด้วยกลิ่นอายเรืองรองที่ประหนึ่งอริยเทพ

จากนั้นเสียงมรรคที่ประดุจเสียงสวรรค์ระลอกแล้วระลอกเล่าก็ดังก้อง ดุจดั่งปวงเทพสรรเสริญ สะท้านไหวทั่วฟ้าดาราแถบนี้

ได้เป็นพยานเห็นเหตุการณ์นี้ สีหน้าของเด็กหนุ่มก็พลอยเปลี่ยนเป็นวูบไหวไม่นิ่ง เดี๋ยวกัดฟันแน่น เดี๋ยวขมวดคิ้ว เดี๋ยวลูบปลายคาง

ครู่ใหญ่กว่าจะกล่าวอย่างห่อเหี่ยว “มาช้าไปก้าวหนึ่งจริงๆ”

และในเวลานี้เอง หลินสวินที่อาบชโลมกลางแสงศักดิ์สิทธิ์พร่างพราวก็ลืมตาขึ้น ประดุจหุบเหวใหญ่คู่หนึ่งปรากฏ หมายจะกลืนกินฟ้าดาราแถบนี้!

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กลิ่นอายด่านเคราะห์ที่คละคลุ้งกลางฟ้าดินก็เหมือนลำธารจมสู่มหาสมุทร ล้วนถูกเขากลืนกินเข้าสู่ภายในกายทั้งสิ้น

บนเงาร่างอันสูงโปร่งนั้นก็แผ่อานุภาพบีบคั้นสูงสุด อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของระดับจักรพรรดิออกมา!

ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว เคยมีคนใช้สิบหกคำนี้มาบรรยายลักษณะสูงส่งของมหาจักรพรรดิ ‘แหงนเงยยิ่งสูง ขุดค้นยิ่งลึก มองเห็นอยู่หน้า พลันโผล่เบื้องหลัง’

เงยหน้าแหงนมอง ยิ่งรู้สึกถึงความสูงใหญ่ของเขา

พยายามศึกษา ยิ่งรู้สึกถึงความลึกล้ำของเขา

คิดอยากไล่ตามให้ทัน ทั้งที่อยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ไล่ตามไม่ทัน

นี่ ก็เหมือนความหมายของสิบหกคำนี้ และเป็นน้ำหนักที่คำว่า ‘ระดับจักรพรรดิ’ แบกรับไว้

ผู้เป็นจักรพรรดิ เหลือบแลห้วงฟ้า ควบคุมโลกหล้า นำหน้าเหล่าอริยะ ตระหง่านง้ำเหนือนภาคราม!

และตอนนี้ หลินสวินผ่านมหาเคราะห์แห่งยุคที่ไม่เคยมีมาก่อนครั้งหนึ่งไปแล้ว ในที่สุดก็ทะลวงระดับในขอบเขตมกุฎ เหยียบย่างบนเส้นทางระดับมกุฎจักรพรรดิที่เป็นของตนเพียงหนึ่งเดียว!

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป เขาก็คือมหาจักรพรรดิแท้คนหนึ่ง เป็นมกุฎมหาจักรพรรดิ!

เมื่อมองเห็นภาพนี้ เด็กหนุ่มยิ้มขื่น สิ้นหวังคอตก

ส่วนเจ้าแห่งคีรีดวงกมลกลับยิ้มออกมา นั่นคือความปลื้มใจที่เหมือนยกภูเขาออกจากอก สมหวังดั่งใจ

เป็นหนึ่งบัวที่รอคอยมาหมื่นกาลกว่าจะมาถึง!

เมื่อมองเห็นหลินสวินที่ดุจดั่งนิพพานถือกำเนิดใหม่ ซย่าจื้อที่ภายในใจบีบรัดเรื่อยมา เวลานี้จู่ๆ ก็เบิกบานยินดีอย่างบอกไม่ถูก

นัยน์ตาที่กระจ่างใสผุดผ่องดุจดวงดารามีหยาดน้ำตาวาวใสไหลรินลงมาสองสาย

มหาเคราะห์แห่งยุคที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติการณ์ครั้งหนึ่ง ผ่านความยากลำบากเป็นตายมาเก้าครั้ง ความตรากตรำ สะท้านสะเทือน และสุ่มเสี่ยงในนั้น… นางล้วนเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด ภายในใจก็ความทรมานและร้อนลนยิ่งยวดเช่นกัน

และในเวลานี้ ในที่สุดหลินสวินก็ประสบผลสำเร็จ ทำให้ในที่สุดนางเองก็คลายโซ่พันธนาการที่บีบรัดภายในใจนั้นด้วยเช่นกัน รู้สึกปิติยินดีแบบไม่เคยเป็นมาก่อน

แรงกระเพื่อมขึ้นลงของอารมณ์เช่นนี้ ก็เป็นสิ่งที่นางในอดีตไม่เคยสัมผัสมาก่อนเช่นกัน

โชคของชีวิตมนุษย์ ก็เป็นเพียงแค่สัญญาณเตือนเท็จฉากหนึ่งเท่านั้น!

หลินสวินยังไม่ทันได้สัมผัสขอบเขตที่ใหม่เอี่ยม พลังที่ใหม่เอี่ยมนี้ ก็หันไปยิ้มให้ซย่าจื้อที่อยู่ไกลๆ ก่อนเป็นสิ่งแรก จากนั้นก็หันตัว โค้งกายคำนับ

“ศิษย์หลินสวิน คารวะอาจารย์”

แปดคำ กึกก้องกังวาน เจือความตื่นเต้นและเคารพเกรงขาม

เขารู้ดียิ่ง ครั้งนี้หากไม่มีอาจารย์ออกมือ อย่าว่าแต่มหาศุภโชคที่เกี่ยวข้องกับยอดหนทางสู่อมตะฉากนี้ แม้แต่คิดอยากเข้าถึงจักรพรรดิชั้นยอด …ยังยาก!

“มีศิษย์เช่นนี้ โชคดีปานใด ความสำเร็จของเจ้าในวันหน้า จะต้องเหนือกว่าอาจารย์เป็นแน่”

เจ้าแห่งคีรีดวงกมลส่งเสียงหัวเราะออกมา

นี่คือการยอมรับที่สูงที่สุดอย่างหนึ่ง อย่างน้อยหากจ้งชิวอยู่ที่นี่ จะต้องตกใจเป็นแน่ เพราะผู้สืบทอดคีรีดวงกมลคนอื่นๆ รวมถึงเขาอยู่ในนั้นด้วย ไม่เคยได้รับคำชมเช่นนี้มาก่อนสักคน

“เฮ้ๆๆ พวกเจ้าลืมไปแล้วใช่หรือไม่ว่าข้ายังไม่ได้ไปไหน”

ไกลออกไป เงาร่างที่รูปร่างหน้าตาเหมือนเด็กหนุ่มร้องเสียงดัง คล้ายค่อนข้างลุกลี้ลุกลน “ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เหยียบย่างบนเส้นทางนี้แล้วอย่างไร คิดอยากมีพลังยอดอมตะไร้ศัตรู ยังเร็วเกินไป!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท