Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2206 จักรพรรดิเต้ายวนมาเยือน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2206 จักรพรรดิเต้ายวนมาเยือน

ตอนที่ 2206 จักรพรรดิเต้ายวนมาเยือน

เขากล้าหรือ

…เสียงของจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยดังก้องไม่หยุด ทำให้บรรยากาศครึกครื้นในที่นั้นตกอยู่ในความเงียบก่อน จากนั้นเสียงหัวเราะระลอกหนึ่งก็ดังขึ้น

เห็นได้ชัดว่านี่เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้!

จนถึงวันนี้จักรพรรดิเต้ายวนหลินสวินนั่นยังอยู่ในสภาพที่ไม่รู้เป็นตายร้ายดี ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องพวกนี้ ต่อให้เขารอดชีวิต ไหนเลยจะกล้ามาท้าทายถึงอาณาเขตของตระกูลข่ง

ใครบ้างไม่รู้ว่าโลกใหญ่แดนธรรมนี้มีเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งเป็นผู้นำ

ความแข็งแกร่งด้านรากฐานของเผ่านี้จัดอยู่ในแนวหน้าของเจ็ดเผ่าอสูรมารใหญ่ ความยิ่งใหญ่ของขุมอำนาจ สามารถส่งผลกระทบไปทั้งเขตแดนดาราราชันแสง!

อย่าว่าแต่ผู้ฝึกปราณทั่วไป ต่อให้เป็นผู้ยิ่งใหญ่ระดับจักรพรรดิก็ไม่กล้าเหิมเกริมในอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง!

จักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยก็ยิ้มพลางกล่าว “ทุกท่านวางใจเถอะ ถ้าเศษเดนคีรีดวงกมลนั่นกล้ามาที่นี่จริง เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของข้าจะกำจัดเดรัจฉานนี่เพื่อทั่วหล้าฟ้าดารา มอบความสว่างสดใสคืนสู่ใต้หล้า!”

คำพูดนี้เต็มไปด้วยความอหังการ

แต่เวลานี้เองเสียงราบเรียบหนึ่งพลันดังขึ้น “ต้าหวง เห็นหรือยัง ครั้งนี้หากข้าคนแซ่หลินไม่มา มีหรือจะรู้ว่าเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งนี่กล้าป่าวประกาศว่าจะกำจัดข้าแล้ว”

เมื่อเสียงดังขึ้น กลางฟ้าดินแถบนี้พลันมีอานุภาพจักรพรรดิที่น่ากลัวไร้ขอบเขตแผ่กระจายออกมา บีบกดจนห้วงอากาศสั่นสะเทือน ก้อนหินต้นไม้กระเพื่อมไหว

ยังไม่ทันสิ้นเสียงบริเวณที่ไกลลิบก็มีเสียงตื่นตระหนกและหวาดกลัวดังขึ้น เห็นเพียงฝูงชนที่แน่นขนัดนั้นถูกแหวกเป็นทางเส้นหนึ่งราวกับถูกกระแสน้ำหลากจู่โจม

สองข้างทางเต็มไปด้วยเงาร่างผู้ฝึกปราณที่กลิ้งลงไปกองกับพื้น ไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำ เวลานี้ล้วนกลายเป็นน้ำเต้ากลิ้งอยู่บนพื้น เสียงหวีดร้องด้วยความตื่นตระหนกก็ดังตามมา

ตูม!

พื้นที่แถบนี้ล้วนสั่นสะเทือน อานุภาพจักรพรรดินั้นโหมปล่อยออกมา บีบกดจนผู้คนแทบหายใจไม่ออก แต่ละคนล้วนหน้าเปลี่ยนสี

บรรยากาศที่เดิมครึกครื้นถูกทำลายอย่างสมบูรณ์

หน้าแท่นบูชาพันจั้งเกิดเหตุไม่คาดฝันเช่นนี้ขึ้นกะทันหัน ทำให้เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยรับมือไม่ทันอยู่บ้างเช่นกัน ตกตะลึงไม่หยุด

นี่เป็นถึงงานบูชาวิทยราชที่เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งจัดขึ้นพันปีครั้ง! ทั้งยังอยู่หน้าเขาประกายฟ้าอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง บนโลกนี้ถึงกับมีคนกล้าเหิมเกริมวิ่งมาก่อเรื่องจริงหรือ

นี่ทำให้ทุกคนต่างคิดไม่ถึง

“คนแซ่หลิน… หรือว่าจะเป็น… เจ้าหมอนั่น” สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งได้สติกลับมาเป็นคนแรก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างอดไม่ได้

และตอนนี้ยามทุกคนนึกถึงเนื้อความในเสียงนั้น ในใจก็กระตุกวูบอย่างหนักหน่วง ล้วนเผยสีหน้ายากจะเชื่อออกมา

จักรพรรดิเต้ายวนหลินสวิน!?

บรรยากาศดูกดดันหาใดเปรียบทันที

กลับเห็นจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยสีหน้าอึมครึม สูดหายใจลึกพลางกล่าว “ผู้มาเยือนเป็นใคร ใครให้ความกล้าเจ้าขนาดนี้ ถึงกับกล้าวิ่งมาหาเรื่องเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของข้า ไม่อยากอยู่ต่อแล้วสินะ!?”

เสียงดังกระหึ่มไปทั่วทิศราวฟ้าผ่า อานุภาพกดดันของระดับจักรพรรดิที่ไร้ขอบเขตแผ่กระจายไปยังที่ห่างไกล

ผู้ฝึกปราณที่กระจายกันอยู่แถบนี้ ไม่มีใครไม่ถอยหลบไปห่างไปไกลตามจิตใต้สำนึก ตอนนี้ต่อให้ยังไม่กล้ายืนยันฐานะของผู้มาเยือน แต่ก็ไม่มีใครอยากถูกลูกหลง

เวลานี้ในที่สุดทุกคนก็เห็นว่าบริเวณที่ไกลลิบ ห้วงอากาศมีแสงประกายฝนมงคลเวียนวน กลายเป็นรุ้งเทพมหามรรคเส้นหนึ่งพาดผ่านอากาศมา

บนรุ้งเทพมหามรรค ชายหนึ่งหญิงหนึ่งสุนัขหนึ่งก้าวผ่านอากาศมาทางนี้

ฝ่ายชายสวมชุดสีขาวพระจันทร์ ผมดำปลิวสยาย ทุกการเคลื่อนไหวดูนิ่งสงบละโลกีย์ แต่เมื่อเขาก้าวเท้า อานุภาพกดดันแห่งมรรคจักรพรรดิที่มองไม่เห็นพลันแผ่กระจาย ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ทำให้มหามรรคดังเลื่อนลั่น!

แวบแรกที่เห็นชายคนนี้ เด็กสาวลั่วลั่วที่ยืนอยู่ในฝูงชนห่างไกลอ้าปากหมายจะร้องอุทาน แต่ถูกกู่เหลียงถิงที่อยู่ด้านข้างปิดปากแน่น

ตัวกู่เหลียงถิงเองก็สีหน้าแปรเปลี่ยนยิ่งยวด ในใจสั่นสะท้านไม่หยุด ในที่สุดเขาก็เข้าใจประโยคตอนหลินสวินบอกลาที่ว่าไม่อยากหาเรื่องให้ตนนั้นหมายความว่าอะไร!

และตอนนี้เมื่อเห็นชายที่เป็นผู้นำนั้น เหล่าคนใหญ่คนโตในที่นั้นก็ต่างชะงักมึนงง

เจ้าหมอนี่เป็นใคร

“ทุกท่านไม่รู้จักข้าคนแซ่หลินแล้วหรือ”

ชายคนนั้นพูดพลางแผ่ประกายแสงไหลวน ลักษณะที่เดิมเรียบง่ายไม่พิเศษนั้นของเขา เปลี่ยนเป็นสง่างามทันที นัยน์ตาดำล้ำลึก ทั่วร่างแฝงอานุภาพยิ่งใหญ่ราวกลืนกินจักรวาล เหยียดหยันปวงสวรรค์

“เป็นเขา จักรพรรดิเต้ายวนหลินสวิน!”

มีคนร้องตกใจออกมาทันที

จากนั้นทั่วลานพลันอึกทึกครึกโครม แต่ละคนราวกับเห็นตำนานคนหนึ่งมาเยือน สีหน้าเต็มไปด้วยความยากจะเชื่อ

แม้แต่เหล่าคนใหญ่คนโตอย่างจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ย เวลานี้ยังตะลึงตาค้าง เกือบสงสัยว่าตาฝาด

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นเงียบสงัดหาใดเปรียบทันที เงียบกริบยิ่งยวด

คนผู้หนึ่งที่ถูกมองว่าไม่อาจปรากฏตัวที่นี่ได้ กลับปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าเหมือนปาฏิหาริย์ ความไหวหวั่นและผลกระทบเช่นนั้นทำให้ทุกคนทั่วลานล้วนมีความรู้สึกว่าฝันไป

ควรรู้ว่าหลังจากแดนปรินิพพานปิดฉากยังผ่านไปไม่ถึงครึ่งเดือน เกือบทุกคนบนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ล้วนรู้ว่าหลินสวินที่บรรลุมกุฎจักรพรรดิ แม้จะเรียกได้ว่าเป็นตำนานแห่งยุคคนหนึ่ง แต่ถึงอย่างไรก็อยู่ในสภาพที่เป็นตายไม่อาจระบุ

ถึงขั้นมีคนมากมายสังหรณ์ใจว่าเขาสิ้นชีพในแดนปรินิพพานไปนานแล้ว!

ต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้จักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยยังป่าวประกาศอย่างมั่นใจหาใดเปรียบ ว่าต่อให้หลินสวินรอดชีวิต ก็ไม่กล้าเสียสติวิ่งมาเหิมเกริมบนอาณาเขตของพวกเขาเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งแน่

ถึงขั้นยังกล่าวอย่างอหังการหาใดเปรียบ ว่าต่อให้หลินสวินมาจริงก็ต้องกำจัดเขา มอบความสว่างสดใสคืนสู่ใต้หล้า

แต่ตอนนี้หลินสวินมาแล้ว!

มกุฎมหาจักรพรรดิที่เหมือนตำนานคนนี้รอดชีวิตมาปรากฏตัวในสายตาของพวกเขา รอดจนมาถึงหน้าเขาประกายฟ้าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งนี้!

นี่ก็เหมือนเสียงตบดังฟังชัด ตบหน้าจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยเข้าอย่างจัง

หลังผ่านความเงียบไปชั่วขณะ บรรยากาศในที่นั้นปั่นป่วน ผู้ฝึกปราณนับไม่ถ้วนพากันจับจ้องไปที่ร่างหลินสวินด้วยสายตาใคร่รู้ ตื่นตระหนกและสงสัย

มกุฎมหาจักรพรรดิหลินเต้ายวน เขามาครานี้เพื่อการใด คงไม่ใช่คิดมาล้างแค้นเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งจริงๆ กระมัง

“ท่านปู่ ที่แท้เขาก็เป็น…” เด็กสาวลั่วลั่วยินดีอย่างคาดไม่ถึง ตื่นเต้นจนสองตาเปล่งประกาย แต่พูดไม่ทันจบก็ถูกกู่เหลียงถิงปิดปากแน่นอีกครั้ง

กู่เหลียงถิงสีหน้าอึ้งงันไปหมด ขนพองสยองเกล้า ในใจพลิกตลบ เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มคนหนึ่งที่บังเอิญเจอระหว่างทาง กลับเป็นจักรพรรดิเต้ายวนที่ยามนี้มีอำนาจสะเทือนฟ้าดาราคนนั้น!?

“คิดไม่ถึงว่าเจ้ายังมีชีวิตอยู่จริงๆ…”

จักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยเพิ่งดึงสติกลับมาได้ หน้าคล้ำเขียว ท่าทางยังดูยากจะเชื่อ “ถ้าเช่นนั้นเจ้ามาที่นี่เพื่อแก้แค้นสินะ”

นี่จะไร้สาระเกินไปแล้วจริงๆ เจ้าหนุ่มคนหนึ่งที่ถูกเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของพวกเขาเห็นเป็นศัตรู ไม่รอให้พวกเขาไปล้างแค้น กลับพาตัวเองมาให้ถึงที่!

หลินสวินดีดนิ้วมือแล้วกล่าวเรียบๆ “นี่เป็นคำพูดไร้สาระเกินจำเป็น นอกจากแก้แค้นแล้ว เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งของเจ้ายังมีอะไรควรค่าให้ข้าคนแซ่หลินมาเยือนด้วยตัวเอง”

ต้าหวงที่อยู่ด้านข้างเสริมให้หนึ่งประโยค “เนื้อ!”

คำเดียวแต่กลับไม่รู้ว่าทำให้ต้าหวงนึกถึงภาพน่าเย้ายวนอะไร นัยน์ตาจ้องมองจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยเงียบๆ น้ำลายไหลออกจากปากเป็นทาง

ไม่ว่าภาพนี้จะแปลกประหลาดเพียงใด แต่ยังทำให้ในใจทุกคนสั่นสะท้านไม่หยุด มาแก้แค้นดังคาด! เพียงแต่ความกล้าของจักรพรรดิเต้ายวนนี้ไม่มากเกินไปหน่อยหรือ!

นี่เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งเชียวนะ!

เขามกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง คิดจริงๆ หรือว่าฆ่าระดับจักรพรรดิบางส่วนได้แล้ว ก็สามารถสั่นคลอนเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ที่รากฐานเก่าแก่หาใดเปรียบเผ่าหนึ่งได้

แม้ว่ายากจะเชื่อ แต่ทุกคนในที่นั้นต่างยังถอยห่างออกไปอีกช่วงหนึ่งตามจิตใต้สำนึก เกรงว่าทันทีที่เกิดการต่อสู้จะถูกลูกหลง

ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่บุคคลของขุมอำนาจใหญ่บางส่วนที่ผูกมิตรกับเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งพวกนั้น เวลานี้ต่างเลือกที่จะถอยเช่นกัน

เผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งกล้าหาเรื่องมกุฎมหาจักรพรรดิที่มีอำนาจสะเทือนทั่วหล้าคนหนึ่ง แต่พวกเขาไม่กล้า!

จักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยเห็นภาพต่างๆ นี้แล้วหน้าเขียวยิ่งกว่าเดิม นัยน์ตาจ้องมองหลินสวินเขม็งพลางแสร้งยิ้มกล่าว “เจ้ามาได้จังหวะ วันนี้เป็นงานบูชาวิทยราชของเผ่าข้าพอดี หลังจากฆ่าเจ้าแล้ว ค่อยใช้เลือดเนื้อและจิตวิญญาณของเจ้ามาเป็นของเซ่นไหว้บรรพชน!”

“อย่างนั้นหรือ”

หลินสวินกล่าวลวกๆ “ต้าหวง ระดับจักรพรรดิขั้นหกขึ้นไปยกให้เจ้า พวกต่ำกว่าขั้นหกยกให้ข้ากับซย่าจื้อเป็นอย่างไร”

ต้าหวงที่อยู่ด้านข้างพลันแสยะยิ้ม เผยฟันขาวดุจหิมะพลางกล่าว “เจ้าหนู คำพูดนี้ของเจ้าข้ารับฟัง! ระดับจักรพรรดิทั่วไปไม่อยู่ในสายตาข้าจริงๆ!”

ทุกคนต่างหันมามองอย่างอดไม่ได้ สุนัขตัวนี้เป็นใครกัน วิธีพูดถึงกับดูจองหองกว่าบรรพจารย์จักรพรรดิ!

“พูดมากเกินไปแล้ว รีบรบรีบจบเถอะ”

ซย่าจื้อที่ไม่เคยเอ่ยปากมาตลอดเหมือนหงุดหงิดอยู่บ้าง ถือทวนกระดูกขาวนั้น พลันเหยียบย่างห้วงอากาศไปเหมือนแสงมืดสายหนึ่ง!

ทุกคนต่างตื่นตะลึงอีกครั้ง แล้วคนผู้นี้เป็นใครกัน จู่ๆ ก็ลงมือโดยตรง?

“หึ!”

จักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยพลันสะบัดแขนเสื้อ กระบี่จักรพรรดิเล่มหนึ่งพุ่งออกมา เผยประกายหมื่นจั้งกรีดทึ้งห้วงอากาศ ฟาดฟันไปทางซย่าจื้อ

ตูม!

อานุภาพจักรพรรดิไร้ใดเปรียบแผ่กระจาย ทำลายชั้นเมฆทั่วทิศ

เวลานี้ผู้ฝึกปราณทุกคนในที่นั้นล้วนหนีเตลิดโดยไม่ลังเลอีกครั้ง ถอยร่นห่างออกไป ไม่มีใครกล้าลังเลสักคน

นี่คือศึกของจักรพรรดิ ผลกระทบกินบริเวณกว้างเกินไป สามารถเผาภูผาต้มสมุทร สลายเมืองหนึ่งได้ตลอดเวลา ทำให้สุริยันจันทราดาราสั่นสะเทือน!

ผู้ฝึกปราณทั่วไปอย่าว่าแต่ต้านทาน ต่อให้ถูกอานุภาพสังหารระดับจักรพรรดินั้นสัมผัสเล็กน้อย ก็เหมือนถูกโจมตีปานทำลายล้างแล้ว

กลับเห็นซย่าจื้อไม่แม้แต่จะมอง โบกสะบัดทวนกระดูกขาว ซัดปราณกระบี่สายนั้นจนพินาศ เงาร่างไหววูบพุ่งมาอยู่ข้างหน้าจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ย

เมื่อนางสะบัดทวน

ปึง!

กระบี่จักรพรรดิในมือจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยถูกฟันเป็นสองท่อน ทั้งตัวเขายังถูกทวนแทงทะลุอกยกขึ้นมา

เลือดสีสดสาดพรมราวน้ำตก สัตว์ประหลาดเฒ่าที่ชื่อเสียงสะเทือนโลกใหญ่แดนธรรม มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามคนนี้ กลับถูกทวนเดียวสังหารเหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผา!

ภาพนองเลือดชวนตระหนกนั้นทำให้คนนับไม่ถ้วนราวกับถูกฟ้าผ่า ตกใจจนวิญญาณเกือบหลุดลอยออกมา

ก่อนหน้านี้ความสนใจทั้งหมดล้วนอยู่ที่ตัวหลินสวิน ใครก็คิดไม่ถึงว่าหญิงสาวที่สวมชุดคลุมดำ ร่างอรชร สวมหมวกบดบังใบหน้าคนนี้ พลังต่อสู้ถึงกับน่าหวาดกลัวเช่นนี้!

“อย่าซัดจนเละเด็ดขาด เนื้อนกยูงห้าสีที่สมบูรณ์มีรสอร่อยกว่า!”

เสียงเตือนอย่างรีบร้อนของต้าหวงดังขึ้นแต่ไกล แต่เนื้อความที่กล่าวเตือนนั้นกลับทำให้คนตกตะลึงตาค้าง ฆ่าจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ยแค่เพื่อ… กินเนื้อหรือ

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ผู้ยิ่งใหญ่หลายคนหน้าเขียวไปหมด

“ฆ่า!”

“รีบไปเชิญผู้อาวุโสทุกท่านในเผ่ามา!”

ตอนนี้คนใหญ่คนโตของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งหลายคนที่อยู่ใกล้แท่นบูชาล้วนเคลื่อนไหวแล้ว แผดเสียงคำรามด้วยความเดือดดาลแทบคลั่ง

“ทุกท่าน เศษเดนคีรีดวงกมลที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงประกาศจับปรากฏตัวแล้ว ขอสหายยุทธ์ทุกท่านร่วมต่อสู้กับตระกูลข่ง!”

จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงที่มาจากเรือนมรรคดึกดำบรรพ์เอ่ยเสียงขรึม สะท้อนก้องท้องนภา

-+–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท