Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2208 หน้าเขาประกายฟ้า นองเลือดดุจภาพวาด

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2208 หน้าเขาประกายฟ้า นองเลือดดุจภาพวาด

ตอนที่ 2208 หน้าเขาประกายฟ้า นองเลือดดุจภาพวาด

ตูม!

ซย่าจื้อบุกโจมตีก่อน เรียบง่ายตรงไปตรงมา ราวกับแสงเงามืดแห่งราตรีนิรันดร์ ทวนขาวกระจ่างดุจหิมะโจมตีทั่วลาน

อานุภาพของนางไม่ถึงขั้นชวนตะลึง แต่กลับมีพลังทำลายล้าง เคลื่อนไหวว่องไวดุดัน เพียงพริบตาก็เข้าปะทะกับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิหลายคนอย่างดุเดือด

ขณะเดียวกันหลินสวินก็เปิดฉากจู่โจม

ฟุ่บ!

ดาบหักพุ่งออกไป ก่อให้เกิดแสงศักดิ์สิทธิ์ไร้ใดเปรียบดั่งธารดารา เมื่อโจมตีก็ซัดจนสัตว์ประหลาดเฒ่าที่มีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่งซวนเซถอยร่น

“เร็วเข้า ลงมือกำราบเจ้าหมอนี่พร้อมกัน!” สัตว์ประหลาดเฒ่าคนนี้แผดเสียงคำราม

ทันใดนั้นก็มีระดับจักรพรรดิเจ็ดแปดคนพุ่งเข้ามา แต่ละคนไอสังหารล้นฟ้า กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั้งร่างหมายบดทลายท้องฟ้าแถบนี้

เงาร่างหลินสวินพริบไหว กายมรรคทั้งห้าทะยานออกมา ต่างคนต่างครอบครองประทับไร้ชีพ ดาบไร้วิชา ธงไร้ระเบียบ น้ำเต้าต้นกำเนิด ภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารา

ภายในนั้นน้ำเต้าต้นกำเนิดและภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดาราเป็นสิ่งที่ชิงมาจากมือบุตรนรก เรียกได้ว่าเป็นสมบัติเก่าแก่อัศจรรย์ในหมู่ศาสตราจักรพรรดิ อานุภาพยิ่งใหญ่ถึงที่สุด

ยามร่างต้นของหลินสวินควบคุมดาบหัก ก็ใช้เจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดเคลื่อนกวาดทั่วทิศด้วย

หากไม่ใช่คนที่สู้กับหลินสวิน ต้องไม่กล้าจินตนาการแน่ว่าเหตุการณ์นี้น่ากลัวระดับใด!

มกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง ร่วมด้วยกายมรรคทั้งห้า ทั้งยังครอบครองศาสตราจักรพรรดิน่าพรั่นพรึงที่คาดไม่ถึงนานัปการ เคลื่อนกวาดทั่วทิศ เพียงชั่วขณะก็เห็นแสงสมบัติดุจกระแสน้ำ เสียงมรรคราวอสนีบาต เข้าปกคลุมพื้นที่แถบนั้นจนสิ้น

ตึง!

ระฆังสำริดสีเขียวที่ตัดสลับด้วยกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิใบหนึ่งถูกประทับไร้ชีพซัดกระเด็น สั่นสะเทือนปั่นป่วน พื้นผิวของระฆังสำริดล้วนแตกระแหงเป็นลายเส้นมากมาย

คนที่ควบคุมระฆังสำริดสีเขียวนั้นคือสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาเหมือนชายหนุ่ม แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง เมื่อถูกโจมตีก็คิดถอยหลบโดยไม่ลังเล

แต่จังหวะนั้นเอง กายมรรคเพลิงแดงใช้ดาบไร้วิชาพุ่งสังหารเข้ามา ทำให้เขาไม่อาจหนีพ้น ได้แต่ฝืนเข้าปะทะ เบื้องหน้าปรากฏวงแสงที่เหมือนตะวันสีเขียวดวงหนึ่ง

ฉัวะ!

กลับเห็นแสงดาบพุ่งวาบ วงแสงสีเขียวนั้นเหมือนอากาศว่างเปล่า ถูกดาบไร้วิชามองข้ามอย่างสิ้นเชิง ส่วนสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนนี้ก็ถูกปราณดาบตัดหัวในพริบตา!

ซ่า… เลือดสีสดสาดพรม ร่างกายและศีรษะของเขาล้วนกลายเป็นจุณทันที ฝังกลบอยู่ในปราณดาบที่โหมกระหน่ำราวกระแสน้ำหลาก

สังหารระดับจักรพรรดิขั้นห้าในชั่วดีดนิ้ว!

ภาพนี้ทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งพวกนั้นตาแทบถลน ทั้งเดือดดาลและโกรธจัด แต่ละคนเหมือนคลุ้มคลั่งไปแล้วจริงๆ

แต่นี่ยังไม่ถือว่าสิ้นสุด เวลานั้นในการต่อสู้อีกฝั่ง ทวนของซย่าจื้อรุกเข้าไปเหมือนผ่าลำไผ่ บดขยี้เกราะป้องกันทั้งตัวของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่ง ทะลวงร่างของคนผู้นี้อย่างแข็งกร้าว ระเบิดกระจุยกระจายกลางอากาศ!

ห่างออกไป เมื่อเห็นภาพนองเลือดต่างๆ เห็นสัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลข่งระดับจักรพรรดิขั้นสี่และขั้นห้าถูกหลินสวินและซย่าจื้อสังหาร ทุกคนล้วนตกใจจนหนาวสั่นไปทั้งตัว สะท้านไปทั้งร่าง

แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

คำพูดใดล้วนไม่อาจบรรยายการเข่นฆ่าที่เรียกว่าไร้เทียมทานนั้นได้ ระดับจักรพรรดิสูงส่งและโดดเด่นเพียงใด เหยียดหยันทั่วหล้า เด่นผงาดเกินใคร

แต่เวลานี้กลับร่วงหล่นดุจสายฝน

เริ่มจากพวกจักรพรรดิกระบี่หรันเสวี่ย จักรพรรดิสงครามเซวี่ยสิงถูกสังหารไปก่อน และตอนนี้ระดับจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่งกับระดับจักรพรรดิขั้นห้าอีกคนก็ถูกฆ่า

นี่น่าหวาดกลัวเกินไปโดยไม่ต้องสงสัย!

ถึงอย่างไรในยามปกติ ใครเคยเห็นภาพจักรพรรดิสิ้นชีพบ้าง

ในรอบพันหมื่นปีเกรงว่าคงไม่ได้เห็นสักครั้ง แต่หน้าเขาประกายฟ้าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งนี้ กลับเปิดฉากนองเลือดที่จักรพรรดิร่วงหล่นอย่างต่อเนื่อง!

ฟ้าดินแถบนี้สั่นสะเทือน คลื่นผนึกของเขาประกายฟ้าที่อยู่ห่างไปม้วนซัด ส่งผลให้คลื่นพลังที่หลงเหลือจากการต่อสู้น่าหวาดกลัวนั้นสลายไป

แต่ในสถานที่อื่น ทุกหนแห่งล้วนเป็นภาพทำลายล้างที่ฟ้าถล่มดินทลาย สรรพสิ่งกลายเป็นจุณ ห้วงอากาศปั่นป่วน

ผู้ฝึกปราณที่อยู่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิบางคนมองไม่เห็นสถานการณ์ชัดเจนนานแล้ว หรือกล่าวได้ว่าถูกทำให้หวั่นหวาด ตกใจจนตัวสั่นงันงกและเข่าอ่อนไปแล้ว

หากไม่ได้หลบลี้ไปไกลห่าง ผลที่ตามมานั้นต้องร้ายแรงจนไม่อาจจินตนาการแน่

“โฮก…”

บนเวิ้งฟ้ามีเสียงคำรามดั่งพายุอัสนีระลอกหนึ่งดังขึ้น ประหนึ่งพยัคฆ์คำรนมังกรคำราม สะท้อนก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน สะเทือนจนหัวแทบแตก ใกล้จะระเบิดออกมา

พลันเห็นต้าหวงพุ่งขึ้นไปบนเวิ้งฟ้า ขนผิวทั้งตัวแผ่แสงมรรคนับหมื่นแสนออกมา ราวกับราชันในหมู่สัตว์ เท้าทั้งสี่เหยียบย่ำห้วงอากาศจนปริแตก ดุดันหาใดเปรียบ

เมื่อมันพุ่งเข้าไป บนเวิ้งฟ้าปรากฏภาพน่าหวาดกลัวอย่างตะวันเคลื่อนจันทราคล้อย ทั่วหล้าแหวกแยก แสงมรรคไร้ใดเปรียบเข้าปกคลุมพื้นที่นั้นอย่างสมบูรณ์

ผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดสองคนกับผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิขั้นแปดหนึ่งคนของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง มีอานุภาพน่าหวาดกลัวระดับใด เพียงโจมตีง่ายๆ ก็ปั่นป่วนจักรวาล แบ่งแยกหยินหยางได้แล้ว

แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกต้าหวงกำราบอยู่หมัด!

นี่ทำให้พวกเขาตกใจ ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้มีหมาขนทองที่เหี้ยมโหดน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร ช่างเย้ยฟ้าจริงๆ

“หากไม่ใช่ว่าอยากตุ๋นพวกเจ้าในสภาพสมบูรณ์ไม่สึกหรอ ข้าคงฆ่าพวกเจ้าไปนานแล้ว!” เสียงของต้าหวงดังก้องขึ้นมา เจือความเหยียดหยันและดูถูก

มันมีความมาดมั่นเหมือนข้าเป็นใหญ่เพียงหนึ่งเดียว เหยียดหยันเหล่าผู้กล้าในใต้หล้า ท่าทางอหังการ จองหอง หลงระเริงนั้นอยู่บนตัวสุนัขตัวหนึ่ง กลับพาให้คนรู้สึกสั่นสะท้านเป็นพิเศษ

ผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งสามคนนั้นอับอายจนกลายเป็นโกรธ ศักดิ์ศรีเหมือนถูกเหยียบย่ำ แต่ละคนไอสังหารพุ่งทะลวงเก้าชั้นฟ้าราวกับคลุ้มคลั่ง

ตูม!

การห้ำหั่นบนเวิ้งฟ้าดุเดือดยิ่งกว่าเดิมแล้ว ล้วนเป็นภาพโกลาหลเหมือนแดนแรกกำเนิด อย่าว่าแต่คนทั่วไป ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิธรรมดาก็ยากจะล่วงรู้ถึงภาพการต่อสู้ในนั้นได้

ความจริงคือการต่อสู้นั้นสูงส่งและไร้เทียมทานเกินไป!

ขณะเดียวกันซย่าจื้อกำลังห้ำหั่นกับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าสองคนและระดับจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง แม้จะถูกปิดล้อมแต่กลับไม่เคยถูกกำราบ

ทวนของนางหวดโจมตีทั่วลาน รอบกายอบอวลด้วยละอองแสงกฎเกณฑ์ที่มืดมิดเหมือนราตรีนิรันดร์ ทุกการเคลื่อนไหวเรียบง่ายธรรมดา แต่กลับมีอานุภาพสังหารไร้เทียมทาน ทำให้ห้วงอากาศสั่นสะเทือนครวญคร่ำ

อีกด้านหนึ่งหลินสวินก็ถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าถึงแปดคนล้อมโจมตี!

เปรียบเทียบกับซย่าจื้อแล้ว ภัยคุกคามที่หลินสวินชักนำมาตอนนี้แข็งแกร่งกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ร่างต้นของเขาลงมือพร้อมกับร่างแยกทั้งห้า ต่างคนต่างใช้ศาสตราจักรพรรดิที่อัศจรรย์หาใดเปรียบ พลังต่อสู้เรียกได้ว่าสะเทือนใต้หล้า ไอสังหารปกคลุมฟ้าดิน พันหมื่นปีล้วนยากจะได้เห็น!

หากเป็นระดับจักรพรรดิคนอื่น เกรงว่าคงถูกสัตว์ประหลาดเฒ่าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งพวกนั้นสังหารอย่างง่ายดายไปนานแล้ว

และในความเป็นจริงอานุภาพของผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิแปดคนก็น่ากลัวเกินไปจริงๆ ขุมอำนาจส่วนใหญ่เกรงว่าคงไม่มีทางเชิญยักษ์ใหญ่ระดับจักรพรรดิแปดคนออกมาได้

ก็มีเพียงระดับเผ่าจักรพรรดิดึกดำบรรพ์ตระกูลข่งเท่านั้น ถึงสามารถเคลื่อนกำลังสัตว์ประหลาดเฒ่าที่น่ากลัวยิ่งยวดจำนวนมากได้ในคราเดียวเช่นนี้

ส่วนหลินสวินที่เผชิญหน้ากับการล้อมโจมตีนี้ นัยน์ตาไม่โศกเศร้ายินดี เต็มไปด้วยความนิ่งสงบ ดาบหักพุ่งวาบทั่วสนามรบ ดุจอสนี ราวม่านหมอก เหมือนภาพมายา พลังสังหารน่าตื่นตระหนก

ส่วนเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุดก็น่ากลัวยิ่งกว่า ทุกครั้งที่กดกำราบล้วนมีละอองแสงมหามรรคงามตระการไหลวน แฝงอานุภาพชั้นยอดที่จู่โจมเก้าสวรรค์ กำราบสามพันแดน

มันดูเหมือนทรงพลังเกินต้านทาน ไม่มีสิ่งใดไม่ถูกทำลาย พลังใดก็ตามเมื่ออยู่ต่อหน้ามันล้วนถูกบดขยี้แหลกระเบิดทั้งหมด!

ส่วนตัวหลินสวินก็สำแดงมรรคและวิชาแห่งตน

“เปิด!”

เมื่อเขาสูดหายใจเข้าลึกคราหนึ่ง รอบกายราวกับมีหุบเหวแผ่คลุม กฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิดังกัมปนาท เหมือนทลายสรรพสิ่งทั่วหล้าให้แหลกละเอียดได้

ฟุ่บ!

มรรคชักกระบี่ เก้าชุ่นมอดม้วย!

เมื่อกระบี่นี้ฟันออกไป ภูผาธาราแหลกละเอียด สุริยันจันทรากลับหัวกลับหาง เหมือนคุนเผิงโจมตีสามพันแดน ธารดาราตวัดม้วนซัดห้วงอากาศว่างเปล่า!

การร่วมมือกันของสัตว์ประหลาดเฒ่าแปดคนถูกกระบี่นี้ทำลายในพริบตา พวกเขาราวกับถูกฟ้าผ่า ถอยหนีไปหลายสิบจั้ง

ต่อมาอานุภาพของปราณกระบี่นั้นไม่อาจต้านทาน ฟาดฟันไปอยู่หน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่ง

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนนี้ร้องคำราม เรียกศาสตราจักรพรรดิมาต้านทาน ส่วนตัวเองก็รีบหลบหนี

ตึง!

กระบี่นี้ถูกขวางไว้

แต่ยังไม่รอให้สัตว์ประหลาดเฒ่าคนนั้นได้ถอนใจโล่งอก ประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ เจดีย์ไร้สิ้นสุดพลันสยบพิฆาตเข้ามาพร้อมกันจากต่างทิศทาง

“ไม่!”

เขาร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกและสิ้นหวัง ครู่ต่อมาก็ถูกสังหาร ร่างระเบิดกระจุย แม้แต่จิตวิญญาณยังถูกซัดละเอียด

ตอนอยู่แดนปรินิพพาน ในสถานการณ์ที่ไม่อาจใช้ศาสตราจักรพรรดิ อาศัยเพียงพลังต่อสู้ของตน หลินสวินก็สู้กับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นหกมากมายได้แล้ว

และตอนนี้ทันทีที่เขาลงมือก็ใช้ศาสตราจักรพรรดิมากมาย อานุภาพนั้นแน่นอนว่าไม่อาจเทียบกับตอนที่สู้มือเปล่าได้

กระบี่เดียวซัดเฒ่าดึกดำบรรพ์แปดคน! สังหารระดับจักรพรรดิขั้นหก!

พลังสะเทือนฟ้าสะท้านดินเช่นนี้ทำให้ทุกคนสั่นสะท้านจนอึ้งงันกันหมด

“คนที่สอง!”

นัยน์ตาดำหลินสวินล้ำลึก เอ่ยปากราบเรียบ จากนั้นก็ก้าวไปกลางอากาศ ร่างต้นและร่างแยกทั้งห้าลงมือพร้อมกัน มีอานุภาพซัดกวาดบดขยี้ ราวกับเหล็กหมาดปลายแหลมที่เฉียบคมหาใดเปรียบ

สัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลข่งอีกเจ็ดคนล้วนหวาดหวั่นขึ้นมาบ้างแล้ว แต่ยังคงต้านทานอยู่

นี่คืออาณาเขตของพวกเขาเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่ง เป็นสถานที่ดำรงเผ่าพันธุ์ของพวกเขา พวกเขาไม่อาจไม่สู้สุดชีวิต

“มรรคกระบี่จริงแท้ทั่วทิศ”

“ค้อนวาโยอสนี!”

“ประทับห้วงอากาศสองลักษณ์!”

อภินิหาร วิชามรรค ศาสตราจักรพรรดิมากมายซัดใส่หลินสวินจากทั่วทิศ แต่หลินสวินไม่ได้ใช้แรงกำลังต้านทาน เขาเบี่ยงตัวหลบ ร่างต้นและร่างแยกทั้งห้าบ้างรวมตัวกันสู้ บ้างแยกกันไปเพื่อกระจายกำลังของศัตรู ประเดี๋ยวผลุบประเดี๋ยวโผล่ ปรวนแปรเกินคาดเดา

ในการห้ำหั่นที่ดังกระหึ่มเป็นระลอก ร่างต้นของเขาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าคนหนึ่ง นี่คือหญิงที่งามสง่า หน้าตางดงามและเยียบเย็นคนหนึ่ง

เมื่อสังเกตเห็นการปรากฏตัวของหลินสวิน นางไม่อาจควบคุมศาสตราจักรพรรดิที่เพิ่งถูกเรียกออกไปได้ทัน สองมือทำมุทรา ควบรวมประทับกฎเกณฑ์สีชาดหนึ่งออกมาแล้วซัดใส่หลินสวินทันที

คัมภีร์ยอดมรรคจักรพรรดิ ประทับตะวันแดงผลาญโลก!

“คนที่สาม”

หลินสวินไม่ใส่ใจสักนิด ไม่หลบหลีก ใช้หมัดเดียวทะลวงเข้าไป

ปึง!

ประทับกฎเกณฑ์สีชาดระเบิดออกในพริบตา พลังหมัดโหมกระหน่ำดั่งมังกรหวนคืนเหวลึก อานุภาพไม่อาจต้านทาน ชั่วพริบตาก็ทะลวงการป้องกันและสมบัติทั้งหมด บดขยี้ร่างหญิงงามคนนี้จนกลายเป็นหมอกโลหิต ไม่เหลือแม้แต่เศษเสี้ยว!

ส่วนวิชาพิทักษ์กายอะไรนั้น เมื่ออยู่ต่อหน้าหมัดนี้ก็เหมือนทำจากกระดาษเปื่อย

เวลานี้ระดับจักรพรรดิอีกหกคนไม่ใช่แค่หวาดหวั่นแล้ว หากแต่เป็นขวัญหนีดีฝ่อราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง!

มีเพียงปะทะซึ่งหน้ากับมกุฎมหาจักรพรรดิอย่างหลินสวินโดยแท้จริง ถึงได้เข้าใจว่าอีกฝ่ายน่าพรั่นพรึงและน่ากลัวระดับใด

หลินสวินทะลวงการโจมตีของพวกเขาได้อย่างสบาย สังหารจักรพรรดิเหมือนเชือดไก่ นี่หมายความว่าพลังของหลินสวินอยู่เหนือกว่าพวกเขามาก!

ต่อให้เขามีพลังปราณแค่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง แต่พลังต่อสู้ที่แท้จริงกลับบรรลุถึงขั้นน่าเหลือเชื่อในอีกระดับแล้ว

ที่น่ากลัวที่สุดคือสมบัติที่เขาครอบครองก็เรียกได้ว่าเย้ยฟ้าหาใดเปรียบ ทำให้พลังต่อสู้ทั้งตัวเขายกระดับขึ้นอีกช่วงใหญ่

ต่อให้เป็นพวกที่ไม่ต้องเกรงกลัวฟ้าดินอย่างระดับจักรพรรดิขั้นหก ยามเผชิญหน้ากับหลินสวินก็ต้องถูกโจมตีจนถึงชีวิต!

เวลานี้เมื่อเห็นต้าหวงที่แสดงอานุภาพบนเวิ้งฟ้า มองดูซย่าจื้อที่กำลังสู้กับสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิหลายคนอยู่ไม่ไกล

ทั้งมองเห็นหลินสวินที่เคลื่อนกวาดเหมือนไร้คู่ต่อกรอีกครั้ง…

แม้แต่ผู้ฝึกปราณที่มองเห็นภาพทั้งหมดนี้อยู่ไกลๆ ในใจยังเย็นวาบด้วยความหวาดกลัวอย่างอดไม่ได้

เขาประกายฟ้า จะถูกล้างบางในวันนี้หรือ

…………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท