Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2211 หนึ่งกระบี่ฟันศัตรู

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2211 หนึ่งกระบี่ฟันศัตรู

ตอนที่ 2211 หนึ่งกระบี่ฟันศัตรู

เห็นว่าหลินสวินตอบรับ เสวียนจิ่วอิ้นเองก็ถอนหายใจยาว ในใจเขาเองก็กลัดกลุ้มอย่างที่สุด

เดิมทีเป็นบิดาตนออกปากเชิญหลินสวินมาเป็นแขก ยามนี้กลับดีนัก คนมาแล้ว แต่ดันถูกปฏิเสธและต่อต้าน ใช้ไม่ได้จริงๆ!

แต่เสวียนจิ่วอิ้นรู้ดีว่าพวกเฒ่าชราในตระกูลเสวียนเหล่านั้นฐานะสูงส่งมากอำนาจ ไม่ใช่คนที่คนรุ่นเยาว์อย่างตนสามารถสั่นคลอนได้

คนทั้งกลุ่มโดยเรือเล็ก หายไปในส่วนลึกของน้ำวนบนแม่น้ำที่พัดโหมนั่นในชั่วพริบตา

ยามสายตาของหลินสวินกลับมาชัดเจนอีกครั้ง ก็มายอู่ในโลกลึกลับแห่งหนึ่งแล้ว

กลิ่นอายศักดิ์สิทธิ์ที่มงคลและสดชื่นพัดเข้าใส่หน้า ทุกที่ล้วนเป็นภูเขาและสายน้ำงดงาม น้ำตกไหลเชี่ยว ดอกไม้ใบหญ้าประหลาด สัตว์วิญญาณมากมาย สมบัติตามธรรมชาติจำนวนนับไม่ถ้วนส่องแสงพร่างพราวในมุมต่างๆ เป็นแดนพิสุทธิ์แห่งหนึ่งอย่างแท้จริง

กลางฟ้าดินไกลออกไป ภูเขาสูงใหญ่กลุ่มหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่ บนนั้นสร้างอาคารสิ่งก่อสร้างไว้มากมาย

โดยเฉพาะในส่วนลึกของพื้นที่กลางภูเขาเหล่านั้น กลิ่นอายแข็งแกร่งอันคลุมเครือแผ่ออกมา ดูคล้ายถ้ำสวรรค์ที่ถูกคนมีวิชาลึกล้ำเปิดเอาไว้!

สถานที่ชั้นยอด!

หลินสวินทอดมองออกไป เห็นว่ากลางฟ้าดินเต็มไปด้วยไอวิญญาณแรกกำเนิดบริสุทธิ์ แก่นพลังมงคล กลิ่นอายดาราแข็งแกร่ง…

ฝึกปราณที่นี่หนึ่งปี เกรงว่าคงเทียบได้กับสิบปีในโลกภายนอก!

นี่ก็คือตระกูลเสวียน

ในหมู่เขาไกลออกไปคือยอดเขาเร้นเทพ ว่ากันว่าเป็นภูเขาเทพที่รวมตัวจากพลังของมหาสมบัติแรกกำเนิดอย่าง ‘คันฉ่องสมบัติเร้นเทพ’ ไม่ด้อยไปกว่าภูเขาเทพแสงเขียวของเรือนมรรคโลกาสวรรค์

‘พี่หลิน แม้เจ้าบรรลุขอบเขตมกุฎระดับจักรพรรดิแล้ว แต่ก็ต้องระวัง พวกเฒ่าชราตระกูลเสวียนต่างรู้ดีว่าเจ้าไม่ใช่คนที่ระดับจักรพรรดิทั่วไปจะเทียบได้ ถึงขั้นเคยสืบเบื้องหลังของเจ้า หากมีคนกล้ามาขวาง จะต้องมีที่พึ่งอย่างแน่นอน’

หลังมาถึงที่นี่เสวียนจิ่วอิ้นรีบสื่อจิตเตือน

หลินสวินพยักหน้า สีหน้ายังคงนิ่งสงบ

ในขณะที่พูดอยู่ในอากาศเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ปรากฏเงาสูงใหญ่ กล้ามเนื้อประหนึ่งหล่อขึ้นจากสำริด ใบหน้าเด็ดเดี่ยว ดวงตาเย็นเยียบน่ากลัว ทั้งร่างอาบอยู่ในกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิสีม่วง ราวกับเทพมาเยือนอย่างไรอย่างนั้น

“อาเจ็ด!”

เสวียนจิ่วอิ้นอึ้ง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งเข้าสู่อาณาเขตตระกูล คนที่คาดไม่ถึงคนหนึ่งก็ปรากฏตัว มาไวขนาดนี้!

“เสี่ยวจิ่ว เจ้าคงรู้ดีว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ถอยไปข้างๆ เถอะ”

ชายที่รูปร่างสูงใหญ่พูดขึ้น เสียงทรงพลัง เผยอานุภาพสูงส่ง

ว่าพลางสายตาของเขาก็มองไปยังหลินสวิน พินิจคร่าวๆ แล้วเอ่ยว่า “ข้าเสวียนอวิ๋นเหิง พลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้า คนบลโลกเรียกข้าว่า ‘จักรพรรดิกระบี่อวิ๋นเหิง’ ชนะข้า เจ้าก็จะสามารถเดินหน้าต่อได้”

คำพูดกระชับ เผยความเฉยชา

“ท่านอาเจ็ด ท่านคงไม่ได้ไม่รู้ว่าจักรพรรดิเต้ายวนเคยสังหารเฒ่าชราระดับจักรพรรดิขั้นหกจำนวนไม่น้อย ท่านมาแบบนี้ออกจะ…” เสวียนจิ่วอิ้นสีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้

“พวกคนรุ่นเดียวกันในโลกภายนอกจะเทียบกับข้าได้อย่างไร”

ในสายตาของเสวียนอวิ๋นเหิงเผยความดูถูก “เสี่ยวจิ่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดคนตระกูลเสวียนของเราจึงกล้าไม่เคยเห็นขุมอำนาจใหญ่บนทางเดินโบราณฟ้าดารานี้ในสายตา”

น้ำเสียงของเขาเผยความเย่อหยิ่งอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ “เพราะพลังที่พวกเราครอบครองแข็งแกร่งกว่าพวกเขา!”

เสวียนจิ่วอิ้นพยักหน้า “ท่านอาเจ็ดพูดถูก แต่ท่านอย่าลืมว่าท่านเป็นถึงผู้ฝึกปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้า แต่จักรพรรดิเต้ายวนเป็นแค่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง ด้วยฐานะตำแหน่งของท่าน มาสร้างความลำบากใจให้คนรุ่นหลังคนหนึ่ง ต่อให้ไม่ชนะ แต่ไม่รู้สึกขายหน้าตระกูลเสวียนหรือ”

เขาโกรธจนอยู่พอดูจริงๆ พลังต่อสู้ของเสวียนอวิ๋นเหิงไม่ใช่ระดับจักรพรรดิขั้นห้าทั่วไปจะเทียบได้จริงๆ ถึงขั้นมีรากฐานพลังน่ากลัวปานไร้ศัตรูในระดับนี้นานแล้ว!

เสวียนอวิ๋นเหิงเหลือบมองเสวียนจิ่วอิ้นอย่างเย็นเยียบปราดหนึ่ง “เจ้าไม่จำเป็นต้องยั่วยุ ใครไม่รู้บ้างว่าเขาหลินสวินเป็นคนแรกที่ก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิในหนึ่งแสนปีมานี้ และใครจะไม่รู้ว่าเมื่อยี่สิบวันก่อน เขาประกายฟ้าของเผ่าจักรพรรดิตระกูลข่งเลือดย้อมหน้าประตูเขา”

เขาหยุดไปครู่หนึ่ง สายตามองไปยังหลินสวินอีกครั้ง “ก็เพราะข้าให้ความสำคัญกับเจ้า คิดว่าเจ้ามีพลังที่สามารถทำให้ข้าลงมือ จึงมาเป็นคนแรก”

เสียงที่เฉยชานิ่งสงบจนน่ากลัว ”ตอนนี้ เจ้ากล้ามาสู้กับข้าหรือไม่”

ต้าหวงเพิ่งหมายจะพูดอะไรก็ถูกหลินสวินขวางไว้ เขามองเสวียนอวิ๋นเหิงพร้อมพูดว่า “หลังจากเจ้า ยังมีคนอื่นจะขวางทางข้าอีกหรือไม่”

เสวียนอวิ๋นเหิงสีหน้าเรียบเฉย “เอาชนะข้าเจ้าก็จะรู้ หากหยุดเพียงเท่านี้ รู้หรือไม่ว่ามีความหมายอย่างไร”

หลินสวินพยักหน้า “ข้าจะออกเพียงหนึ่งกระบี่ หากเจ้าสามารถสกัดไว้ได้ ข้าก็จะหันกลับไปทันที”

ในมุมมืดที่หลินสวินไม่รู้ เฒ่าชราบางส่วนที่จับจ้องเหตุการณ์นี้ต่างเผยสีหน้าผิดคาดอย่างไม่มีข้อยกเว้น หลินเต้ายวนถึงกับกล้าดูถูกเสวียนอวิ๋นเหิงเช่นนี้ เขาคิดว่าเหยียบขอบเขตมกุฎแล้วก็จะสามารถผยองทั่วฟ้าดาราได้จริงๆ หรือ

มีคนตบมือหัวเราะลั่น “ขอเพียงเป็นคนที่ก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิ ล้วนมีจิตวิญญาณที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ คนทั่วไปจะเข้าใจความองอาจที่มีอยู่ได้อย่างไร”

“หนึ่งกระบี่หรือ” เสวียนอวิ๋นเหิงขมวดคิ้ว บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเย็นเยียบ

“หนึ่งกระบี่” หลินสวินคำพูดอย่างราบเรียบ ไม่เย่อหยิ่งไม่ถ่อมตน ไม่บ้าคลั่งไม่ผยอง แต่ท่าทางใจเย็นเช่นนี้กลับทำให้คนไม่กล้าดูถูก

แม้ในใจโกรธจนสั่นแล้ว เสวียนอวิ๋นเหิงกลับไม่ได้ประมาทหรือดูถูก เขาพยักหน้าเอ่ย “เช่นนั้นข้าอยากชมดูมาดของกระบี่นี้สักหน่อย”

ขณะกล่าวร่างที่สูงใหญ่ของเขาแผ่ขยาย เปลี่ยนเป็นยักษ์ที่สูงพันจั้งในชั่วพริบตา ยืนตระหง่านค้ำฟ้า กล้ามเนื้อแต่ละชิ้นนูนขึ้นเหมือนภูเขาเล็กมากมาย แผ่กลิ่นอายบ้าคลั่ง ทั้งตัวประหนึ่งเทพมารค้ำฟ้าที่ในตำนาน อานุภาพท่วมฟ้า

ประกายศักดิ์สิทธิ์ทองอร่ามแผ่ออกจากร่างของเขา ส่องสว่างฟ้าดิน เงามืดที่บดบังฟ้าดินก็คือเงาที่มาจากร่างของเขา

ต้าหวงเหลือบมองแวบหนึ่ง เอ่ยว่า “อำนาจสู่มรรค อานุภาพสู่ความจริง ไม่ใช่คนที่จักรพรรดิขั้นห้าทั่วไปจะเทียบได้จริงๆ”

ซย่าจื้อและเสวียนจิ่วอิ้นต่างหลบไปนานแล้ว

“มา ให้ข้าดูความเก่งกาจของหนึ่งกระบี่นี้ของเจ้าหน่อย!”

เสวียนอวิ๋นเหิงกางสองแขนออก เหมือนสามารถบดบังท้องฟ้าได้ สองขายืนตระหง่านเหมือนเสาค้ำฟ้า กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างของเขาน่ากลัวจนทำให้ห้วงอากาศครวญ

เขาโคจรพลังทั้งร่างถึงขีดสุดแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย

กลับเห็นดวงตาดำของหลินสวินราบเรียบ ไม่ดีใจหรือเสียใจ ยื่นมือคว้าผ่านอาศคราหนึ่งประหนึ่งชักกระบี่

พร้อมๆ กับการกระทำนี้ของเขา ฟ้าดินสั่นไหวโดยพลัน ห้วงอากาศทั่วทิศเหมือนถูกดูดออกจนหมด ห้วงอากาศว่างเปล่ารัศมีพันจั้งถล่มทลาย

และในฝ่ามือหลินสวิน คมกระบี่ที่พร่างพราวสายหนึ่งค่อยๆ ถูกชักออกมา

ทุกกระเบียดที่ชักออก ฟ้าดินสั่นไปว เจตกระบี่ดุดันรุนแรงที่อันตรายยิ่งยวดแผ่ออกมาปานปกคลุมฟ้าดิน ทำให้ต้นไม้ใบหญ้าแหลกละเอียด พื้นดินแตกราวกับใยแมงมุม

เสวียนอวิ๋นเหิงสายตาวาบวาว กล้ามเนื้อเจ็บแปลบรางๆ ทำเอาเขาอดประหลาดใจไม่ได้ สัญชาตญาณการต่อสู้ที่ผ่านการต่อสู้กรำศึกมานานปีทำให้เขาเลือกจะลงมือทันที

จู่โจม จึงจะเป็นการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด!

ตูม!

เขาโบกแขนที่หนาใหญ่ปานภูเขาเขา หมัดหนึ่งกระแทกไปทางหลินสวิน หมัดนี้ล้อมรอบด้วยนัยเร้นลับมหามรรคเข้มข้น มั่นคงเสมือนภูเขา ประหนึ่งเสาแสงที่ฉีกทำลายห้วงอากาศ หมายจะบดขยี้โลกมนุษย์โดยตรง

อานุภาพแห่งระดับจักรพรรดิที่ปั่นป่วนพลุ่งพล่านทะลวงเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

และก็เป็นตอนนี้เอง กระบี่เก้าชุ่นในฝ่ามือหลินสวินควบรวม ปลดปล่อยปราณกระบี่หมื่นจั้ง เหมือนแสงแรกที่ทลายความมืด แผ่เต็มจักรวาล ส่องสว่างทั่วหล้า

เก้าชุ่นมอดม้วย!

กระบี่หมัดสลับทับซ้อน เสียงธรรมดุจดั่งสายฟ้า พลันเห็นหมัดที่เพียงพอจะบดขยี้ภูเขานที ถูกกระบี่หนึ่งผ่าออก เปลี่ยนเป็นพิรุณแสงม้วนตัวแผ่ทั่วฟ้า

ตูม!

ห้วงอากาศพังทลาย หลังจากปราณกระบี่นั้นฟันลงไป ร่างกายที่สูงใหญ่ถึงพันจั้งของเสวียนอวิ๋นเหิงถูกฟันกระเด็นออกไป กระแทกห้วงอากาศจนแหลกละเอียด

สุดท้ายกระแทกลงบนพื้นดิน ประทับออกมาเป็นหลุมรูปร่างมนุษย์ขนาดใหญ่ ฝุ่นควันอบอวลทั่วฟ้า!

หนึ่งกระบี่ ฟันสัตว์ประหลาดเฒ่าตระกูลเสวียนระดับจักรพรรดิขั้นห้าที่มีรากฐานพลังน่ากลัวกระเด็น!

ซย่าจื้อและต้าหวงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องแปลก สีหน้านิ่งสงบ แต่เสวียนจิ่วอิ้นเพิ่งเห็นหลินสวินที่ก้าวสู่ระดับมกุฎจักรพรรดิลงมือเป็นครั้งแรก จึงตกใจจนอ้าปากกว้างตาโตเบิกโต

ดุร้ายขนาดนั้นเชียว!?

และในที่มืด หนึ่งกระบี่นี้ก็ทำให้เฒ่าชราตระกูลเสวียนไม่รู้เท่าไหร่ใจสั่นไหว สีหน้าแปลกประหลาด

“มาอีก!”

เสียงตึงดังขึ้นคราหนึ่ง พื้นดินแตกสลาย ภูเขาหินระเบิด ชั้นเมฆแตกกระจายสะท้านทั่วทิศ เสวียนอวิ๋นเหิงพุ่งออกมา ยืนในห้วงอากาศ ในเสียงแฝงความเดือดดาลไร้สิ้นสุด

หลินสวินเอามือไพล่หลัง เอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “หนึ่งกระบี่ยังขวางไม่ได้ มีคุณสมบัติอะไรมาโวยวาย เจ้าควรหลีกทางได้แล้ว”

เสวียนอวิ๋นเหิงหายใจหอบถี่ สีหน้าอึมครึมไม่สามารถสงบได้ ครู่ใหญ่ถึงสะบัดแขนเสื้อหมุนตัวเคลื่อนย้ายผ่านอากาศไป

“ท่านอาเจ็ด พ่ายแพ้ภายใต้หนึ่งกระบี่ของมกุฎมหาจักรพรรดิ ไม่น่าเสียดาย!” เสวียนจิ่วอิ้นตะโกนเบิกบาน เหมือนจงใจยั่วอีกฝ่ายอย่างไรอย่างนั้น

ในที่มืดเฒ่าชราตระกูลเสวียนไม่รู้เท่าไหร่สีหน้าอึมครึม ท่าทางเกี้ยวโกรธ เจ้าสารเลวตัวจ้อยนี่ดันช่วยคนนอกคนหนึ่ง หัวเราะเยาะผู้อาวุโสในตระกูล!

“หรือเจ้าเป็นมกุฎจักรพรรดิกระบี่?”

จู่ๆ เสียงที่ต่ำลึกแหบพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้นกลางฟ้าดิน พร้อมกันนั้นเงาร่างที่แผ่กลิ่นอายเข่นฆ่าปานกระหายเลือดปรากฏกลางอากาศ

นางสวมชุดหลากสี ผมขาวดุจดั่งหิมะ บนใบหน้าที่งดงามบริสุทธิ์กลับมีกลิ่นอายดุดันที่ทำให้คนใจสั่น

นางจ้องหลินสวิน ในดวงตามีจิตต่อสู้ที่ราวกับลุกโชนปรากฏอยู่รางๆ นั่นเป็นท่าทางยินดีที่ได้เจอเหยื่อ

“ไม่ใช่”

หลินสวินส่ายหน้า แม้เขามีมรดกมรรคกระบี่ชั้นยอดมากมาย แต่ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่อย่างแท้จริง

ในเวลาเดียวกันเสียงที่แฝงความตึงเครียดของเสวียนจิ่วอิ้นดังขึ้นข้างหูเขา บอกฐานะของหญิงคนนี้กับเขา

เสวียนไฉ่หนี!

ระดับจักรพรรดิขั้นหก ฉายา ‘จักรพรรดิกระบี่กระหายวิญญาณ’ เคยใช้หนึ่งกระบี่เอาชนะมหาจักรพรรดิมรรคกระบี่ระดับเดียวกันสามสิบเจ็ดคน ถูกมองว่ามรรคกระบี่ไร้เทียมทานในระดับเดียวกัน

แม้แต่เสวียนจิ่วอิ้นยังคิดไม่ถึงว่า ‘ท่านอาเล็ก’ ลำดับที่สิบสามของตนจะปรากฏตัว ทั้งยังจิตต่อสู้พลุ่งพล่าน ชี้ไปที่หลินสวินโดยตรง!

“กระบี่นั่นเป็นมรดกมรรคชักกระบี่ของจอมกระบี่จูคงสมัยดึกดำบรรพ์ หากเจ้าไม่ใช่จักรพรรดิกระบี่จะได้รับมรดกของเขาได้อย่างไร” เสวียนไฉ่หนีขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าจำกระบี่เมื่อครู่นี้ของหลินสวินได้

“ไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่ ไม่ได้หมายความว่าไม่เข้าใจมรรคกระบี่” หลินสวินสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากตัวผู้หญิงคนนี้ ดวงตาดำหรี่ลงเล็กน้อย

“เอาชนะข้า ตระกูลเสวียนนี้จะไม่มีใครขวางเจ้าอีก” เสวียนไฉ่หนีพูดตรงๆ ชัดเจนตรงไปตรงมา น้ำเสียงทรงพลัง

ในที่มื เฒ่าชราตระกูลเสวียนมากมายอึ้งงัน ในหมู่คนที่พวกเขาจัดมาไม่มีเสวียนไฉ่หนี เดิมยังนึกว่าเสวียนไฉ่หนีเองก็คัดค้านการให้หลินสวินมาเป็นแขก แต่ดูจากสถานการณ์ เห็นได้ชัดว่านางถูกกระบี่นั้นของหลินสวินดึงดูดมา…

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท