Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2212 การต่อสู้แห่งมรรคกระบี่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2212 การต่อสู้แห่งมรรคกระบี่

ตอนที่ 2212 การต่อสู้แห่งมรรคกระบี่

ในที่มืดมีคนหลุดขำ “ใครจะคิดว่าไฉ่หนีที่ลุ่มหลงในมรรคกระบี่ไม่สนใจโลก กลับเป็นฝ่ายออกมาเอง…”

“เพียงแต่ก็ต้องดูว่าเจ้าหนุ่มนั่นจะสามารถเอาชนะไฉ่หนีได้หรือไม่ เฮ้อ ถ้าไม่ไหวจริงๆ แม้จะเสียหน้าแต่ก็ต้องให้เจ้าหมอนั่นอยู่ต่อ”

ในเวลาเดียวกันเสวียนจิ่วอิ้นเองก็อดพูดไม่ได้ “ท่านอาเล็ก นี่ไม่ใช่การรังแกกันหรือ”

เสวียนไฉ่หนีขมวดคิ้ว “การต่อสู้ในมรรควิถี แพ้ชนะไม่น่ากลัว เจ้ายังไม่บรรลุจักรพรรดิ ดังนั้นเจ้าไม่เข้าใจ”

ประโยคเดียวแทบทำให้เสวียนจิ่วอิ้นสำลักตาย แน่นอนว่าเขายังไม่บรรลุจักรพรรดิ แต่… นี่เกี่ยวอะไรกับการเข้าใจหรือไม่เข้าใจว่าเป็นการรังแกคนเล่า

ในมือเสวียนไฉ่หนีปรากฏกระบี่เล่มหนึ่งเพิ่มเข้ามา ในเวลาเดียวกันเส้นผมที่ราวกับหิมะแต่ละเส้นของนางชี้ขึ้นกะทันหัน พัดพลิ้วบนท้องฟ้าราวกับม่านน้ำตก แผ่เจตกระบี่กระหายเลือดที่น่ากลัว

กระบี่ของนางยาวสามฉื่อสองเฟิน กว้างสองนิ้วมือ คมกระบี่หนาทื่อ บนคมกระบี่ประทับคราบเลือดสีแดงเข้มเป็นจุดๆ เหมือนดอกเหมยเปื้อนเลือด

ทันทีที่ปรากฏ เพียงแค่กลิ่นอายที่อบอวลบนกระบี่ก็ฉีกทึ้งห้วงอากาศเป็นรอยร้าวมากมาย ส่งเสียงระเบิดที่แหลมแสบหู

เป็นกระบี่ที่แข็งแกร่งมากเล่มหนึ่ง

นี่คือการรับรู้ของทุกคนในนี้

โดยเฉพาะตอนที่อยู่ในฝ่ามือขาวกระจ่างเรียวยาวของเสวียนไฉ่หนี กระบี่เล่มนั้นเหมือนฟื้นคืนชีพ ดูดกลืนปราณกระบี่ราวกับอยากดื่มเลือดศัตรูให้อิ่มจนทนไม่ไหว

“กระบี่จักรพรรดิดูดเลือด!”

เสวียนจิ่วอิ้นนัยน์ตาหดรัดลง คิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันเปิดฉากการต่อสู้ เสวียนไฉ่หนีดันเรียกศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่ตนภาคภูมิใจออกมาก่อน!

กระบี่มรรคเล่มนี้ย้อมเลือดนับไม่ถ้วน เรียกได้ว่าเป็นอาวุธร้ายชั้นเลิศชิ้นหนึ่ง คราบเลือดแดงเข้มที่ประทับอยู่บนตัวกระบี่ เป็นตัวแทนของจักรพรรดิกระบี่แต่ละคนที่ตายภายใต้กระบี่นี้!

สำหรับระดับที่ต่ำกว่าจักรพรรดิ ไม่มีคุณสมบัติถูกประทับบนกระบี่จักรพรรดิดูดเลือด!

ต่อให้เป็นหลินสวิน ตอนนี้เห็นอาวุธร้ายที่ดูดเลือดจักรพรรดิอย่างไร้กำจัดเล่มนี้ ในใจก็กลัวเกรงอย่างอดไม่ได้ และกลิ่นอายอันตรายที่เสวียนไฉ่หนีนำพามาให้เขาก็ยิ่งรุนแรงขึ้นแล้ว

“กระบี่ของเจ้าล่ะ” เสวียนไฉ่หนีถาม

“ข้ายังไม่มีศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์” หลินสวินพูดตามตรง “แน่นอนว่าถ้าเจ้าจะเทียบสมบัติ ก็ใช่ว่าจะไม่ได้”

ในมุมมืด เฒ่าชราตระกูลเสวียนส่วนหนึ่งต่างยิ้มขึ้นมา

เผชิญกับระดับจักรพรรดิกระบี่ขั้นหกที่เข่นฆ่าไร้จำกัดอย่างเสวียนไฉ่หนี พูดประโยคเช่นนี้ออกมา หากไม่ใช่เพราะไม่รู้จึงไม่กลัว ก็คงมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่เพียงพอ

และในสายตาพวกเขา หลินสวินไม่กลัวเพราะไม่รู้

“ไฉ่หนีลงมือก็ไม่เลว แข็งแกร่งกว่าพวกคนที่เราจัดเตรียมไว้อยู่บ้าง” มีคนประเมิน

“นี่เป็นถึงอัจฉริยะมรรคกระบี่ที่ยากจะปรากฏในหมื่นปีของตระกูลเสวียนเรา มีจิตกระบี่พิสุทธิ์ฟ้าประทาน คนทั่วไปจะเทียบได้อย่างไร”

“แต่ระดับจักรพรรดิขั้นหกคนหนึ่งเล่นงานระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นหนึ่ง ถึงอย่างไรก็ไม่น่าฟังนัก…”

ในมุมมืดตอนที่เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นถกเถียงกัน เสวียนไฉ่หนีขมวดคิ้ว เสียงชิ้งดังขึ้นคราหนึ่ง เก็บกระบี่จักรพรรดิดูดเลือดลงไป

นางมองตรงไปที่หลินสวินแล้วกล่าว “ข้าจะไม่รังแกเจ้า ในมือเจ้าไม่มีกระบี่ใช้ ข้าก็จะใช้มรรคกระบี่แห่งตนกำราบเจ้า”

พูดจบ ทั้งร่างของนางพลันเปลี่ยนเป็นแสงที่งดงามหลากสี เหมือนแสงเจิดจ้ากรีดผ่านห้วงอากาศ ห่อหุ้มด้วยอานุภาพดุดันน่าสะพรึงพุ่งเข้าใส่หลินสวิน

ระหว่างนางกับหลินสวินเดิมห่างกันเพียงพันจั้ง แต่ตอนนี้ ทันทีนางออกตัว ห้วงอากาศพันจั้งนี้ก็เหมือนผ้าผืนหนึ่ง ถูกประกายคมฉีกออกอย่างรุนแรงพุ่งเข้าหาหลินสวินในชั่วพริบตา

สิ่งที่เร็วกว่านาง คือหนึ่งกระบี่ที่ฟันออกจากปลายนิ้ว!

เร็วเกินไปแล้ว!

เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงตอบสนองไม่ทัน ถูกกระบี่ที่รวดเร็วประหนึ่งสายฟ้า ไวราวกับเคลื่อนย้ายชั่วพริบตากรีดทึ้งไปแล้ว

“ยัยอัปลักษณ์นี่ร้ายกาจ…”

ต้าหวงเองยังอดหวั่นไหวไม่ได้ กระบี่นี้ได้หล่อหลอมสารกาย พลังชีวิตและจิตวิญญาณทั่วตัวเข้าไปนานแล้ว กลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมาจึงน่ากลัวอย่างเห็นได้ชัด

เผชิญกับกระบี่นี้ สีหน้าของหลินสวินกลับนิ่งสงบ นิ้วมือกดออกไป

ฟุ่บ!

ปราณกระบี่แบบเดียวกันทะยานออกไป ราวกับเส้นโค้งดุดันที่ตวัดพู่กันขึ้นกะทันหัน แทงเข้าใส่ประกายกระบี่ที่จู่โจมมาอย่างแม่นยำหาใดเปรียบ เหมือนรู้ล่วงหน้าอย่างไรอย่างนั้น

ปัง!

ทั้งสองปะทะกันส่งเสียงระเบิดบาดหู สามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ว่าระหว่างปราณกระบี่ทั้งสองมีกระแสอากาศทำลายล้างที่น่ากลัวแผ่ไปทั่วทิศโดยพลัน ทุกที่ที่พัดผ่านจะบดขยี้ห้วงอากาศ กลายเป็นความว่างเปล่าไร้รูปที่น่ากลัว

หนึ่งกระบี่ที่ร้ายกาจรุนแรงนี้ กลับถูกหลินสวินสกัดไว้จริงๆ!

“ไม่เลว นี่คือมรรคชักกระบี่ของจอมกระบี่จูคง” เสวียนไฉ่หนีหรี่ดวงตาคู่งาม ในเสียงแฝงความประหลาดใจ ยิ่งมีความตื่นเต้นเสี้ยวหนึ่ง

ครู่ต่อมาทั้งสองก็แยกจากกันและพุ่งเข้าปะทะเหมือนรู้กันอีกครั้ง เปิดการต่อสู้ดุเดือดสะท้านขวัญ

นี่เป็นการต่อสู้ระหว่างมรรคกระบี่ระดับจักรพรรดิ

ที่น่าประหลาดคือ หลังจากทั้งสองปะทะฝีมือกัน กระบวนท่าแม้รุนแรงไร้ที่เปรียบถึงขีดสุด แต่กลับไม่ได้เกิดการกระแทกอีกครั้ง ทว่าจิตต่อสู้ภายในกลับทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน

เปรี๊ยะ เปรี้ยง…

ในอากาศมีเสียงอึงอลของปราณกระบี่ดุเดือดรุนแรงอยู่เป็นระยะ เสริมอยู่ในบรรยากาศที่เงียบสงัดแปลกประหลาดนี้ เหมือนกำลังเตือนทุกคนว่าการต่อสู้ครั้งนี้น่ากลัวเพียงใด

และเพราะเสียงปราณกระบี่ทะลวงอากาศออกมาอยู่ตลอดนี้ ยิ่งขับเน้นให้การต่อสู้ของทั้งสองน่ากลัว

บางทีชั่วขณะที่ประชันกันนั้น อาจะเป็นเวลาที่ตัดสินแพ้ชนะไปแล้ว

ไม่ว่าจะเป็นซย่าจื้อ ต้าหวง เสวียนจิ่วอิ้น หรือเฒ่าชราตระกูลเสวียนที่จับตามองอยู่ในที่มืด ล้วนกลั้นหายใจจดจ่อ จ้องมองสถานการณ์การต่อสู้อย่างไม่คลาดสายตา กลัวเพียงว่าจะพลาดรายละเอียดใด

เสวียนไฉ่หนีมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นหก มรรคกระบี่ของนางแฝงไอสังหารที่น่ากลัวกระหายเลือด นั่นเป็นมรรคแห่งการฆ่าอย่างแท้จริง เห็นได้ชัดว่าขัดเกลาจากซากศพทะเลเลือด

ทั้งตัวนางเหมือนกลายเป็นกระบี่ร้ายชั้นเลิศ ทุกท่วงท่าดุร้ายเหี้ยมหาญ ปราณกระบี่สาดซัด กรีดทึ้งห้วงอากาศเป็นแนวยาว แข็งแกร่งจนพาให้คนใจสั่น

ต่อให้มองด้วยสายตาของต้าหวง ยังต้องยอมรับว่าเสวียนไฉ่หนีคนนี้ไม่ธรรมดายิ่ง ไม่ใช่คนที่ระดับจักรพรรดิขั้นหกทั่วไปเทียบได้อย่างแน่นอน

แต่ที่ทำให้ต้าหวงประหลาดใจที่สุดคือหลินสวิน

รอบตัวเขาเปล่งแสงพร่างพราว ทุกรูขุมขนล้วนมีปราณกระบี่แหลมคมพลุ่งพล่านอยู่ มรรคกระบี่ของเขากับเสวียนไฉ่หนีแตกต่างกันโดยสมบูรณ์ อานุภาพพลังก็ต่างกันอย่างสิ้นเชิง

กระบวนท่ากระบี่ของเขาเรียบง่ายมาก ชักดาบ ฟันออก โคจรซ้ำอีกครั้ง แต่กลับมีอานุภาพหมื่นกระบี่คืนหนึ่ง หนึ่งกระบี่ทำลายหมื่นวิชา

ส่วนมรรคกระบี่ของเสวียนไฉ่หนีกลับเป็นการเข่นฆ่า เป็นการเข่นฆ่าที่ดุเดือดรุนแรงและหมดจด

สถานการณ์การต่อสู้ของทั้งสองในตอนนี้ดูเหมือนไม่ใช่ภาพที่ตะลึงฟ้าดิน แต่กลับมีพลังที่สามารถทำให้คนขวัญหนีดีฝ่อได้!

นั่นเป็นการต่อสู้ระหว่างมรรคกระบี่ชั้นเลิศที่ช่ำชองถึงขีดสุด มหัศจรรย์ยิ่งยวดสองสาย ภายในซ่อนความน่าสะพรึงและอันตรายยิ่งยวด

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เฒ่าชราตระกูลเสวียนเหล่านั้นตกใจเช่นกัน เจตจำนงมากมายจับจ้องสำรวจมา

“สามชุ่นสงัดนิรันดร์ หกชุ่นอวสาน เก้าชุ่นมอดม้วย… เจ้าหนุ่มนี่เป็นผู้สืบทอดของจอมกระบี่จูคงที่หายตัวไปตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์จริงๆ!”

“มรรคจักรพรรดิขอบเขตมกุฎเย้ยฟ้าดังคาด คนรุ่นหลังคนหนึ่งอย่างเขา กลับสามารถต่อสู้กับไฉ่หนีอย่างสูสี บุคคลเช่นนี้ ไม่แปลกที่สามารถกลายเป็นผู้สืบทอดคีรีดวงกมล”

“ทุกท่าน อย่าลืมว่าเจ้าหนุ่มนี่คือคนที่ถูกจักรพรรดิสวรรค์ดำรงประกาศจับ!”

“จักรพรรดิสวรรค์ดำรงแล้วอย่างไร หากตระกูลเสวียนของพวกเราสู้ขึ้นมาจริงๆ มีหรือจะกลัวเจ้าเฒ่าคนหนึ่งที่มาจากตระกูลลั่วของอีกฟากฝั่ง”

“เหตุใดตระกูลเสวียนของพวกเราต้องแตกหักกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงเพราะคนนอกคนหนึ่งด้วยเล่า”

“เจ้าหนุ่มนี่มีรากฐานพลังสูงส่ง ยิ่งเป็นถึงผู้สืบทอดคีรีดวงกมล นี่ยังไม่พอให้เราให้ความสำคัญอีกหรือ”

“พอแล้ว! ทะเลาะกันไปก็ไร้ประโยชน์! การทดสอบที่อยู่ตรงหน้านี้ ก็ดูว่าเขาจะผ่านไปได้หรือไม่ ก่อนหน้านั้นการโต้เถียงทั้งหมดล้วนไม่มีประโยชน์!”

ทันใดนั้นการสื่อสารเจตจำนงทั้งหมดล้วนหายไป เงียบสงัดไร้สุ้มเสียง ต่างจับจ้องการต่อสู้ต่อ

“ไม่เลวๆ เจ้าได้รับแก่นพิสุทธิ์ของมรรคชักกระบี่ทั้งหมดแล้ว! มรรคกระบี่เช่นนี้ทำให้ข้าเองก็เปิดโลกทัศน์ เพียงแต่ พลังระดับนี้ไม่สามารถเอาชนะข้าได้หรอกนะ มรรคคุมกระบี่ล่ะ ยังมีมรรคกระบี่ดั่งใจ เหตุใดเจ้าไม่สำแดง”

ในการต่อสู้เสวียนไฉ่หนีเลียริมฝีปากแดงชุ่มชื้นคราหนึ่ง บนใบหน้างามพิสุทธิ์ นอกจากกลิ่นอายเข่นฆ่าปานกระหายเลือด ยังมีความประหลาดใจยินดี

การเผชิญหน้าระหว่างทั้งสองมาถึงระดับที่ดุเดือดที่สุดแล้ว แม้ไม่เคยปะทะกันอย่างแท้จริง แต่ความอันตรายและไอสังหารในกระบวนท่า ทำเอาทุกคนหัวใจแขวนลอยขึ้นสูงอย่างอดไม่ได้

แต่ฟังจากคำพูดของเสวียนไฉ่หนี นางดันอาศัยการต่อสู้นี้สำรวจดูนัยเร้นลับของมรรคกระบี่ของหลินสวิน!

“ด้วยพลังในตอนนี้ของข้า ยังไม่ได้เริ่มฝึกมรรคคุมกระบี่กับมรรคกระบี่ดั่งใจ” หลินสวินเอ่ย

มรดกของจอมกระบี่จูคงแบ่งเป็นสามส่วน คือมรรคชักกระบี่ มรรคคุมกระบี่ มรรคกระบี่ดั่งใจ

มรรคกระบี่สองอย่างหลัง หลินสวินยังไม่ได้เริ่มฝึกจริงๆ

เสวียนไฉ่หนีขมวดคิ้วเหมือนรู้สึกไม่เข้าใจ ความหมายในคำพูดของหลินสวินง่ายดายมาก คือเขามีพลังฝึกปราณ แต่กลับไม่ได้เริ่มฝึก

“เจ้าไม่ใช่ผู้ฝึกกระบี่อย่างแท้จริงดังคาด สองจิตสองใจบนมรรคกระบี่เช่นนี้ได้อย่างไร!”

นางขมวดคิ้ว ในสายตาเผยความผิดหวัง “หากเป็นเช่นนี้ เจ้าทำได้เพียงหยุดเท้าอยู่ที่นี่เท่านั้น”

ฉัวะ!

นางฟันปราณกระบี่ชั้นเลิศที่เต็มไปด้วยไอสังหารออกมา พุ่งทะลวงฟ้าดิน ปกคลุมแปดทิศ บาดตาไร้ขอบเขต

“ก็ไม่แน่เสมอไป”

ตอนที่พูดกลิ่นอายทั่วร่างหลินสวินเปลี่ยนไปโดยพลัน ในจุดชีพจรรอบตัวพรั่งพรูปราณกระบี่ไท่เสวียนที่พร่างพราวแน่นขนัดนับไม่ถ้วน แผ่เต็มท้องฟ้า ปราณกระบี่ที่ซัดสาดนั่นมีอยู่ทุกแห่งหน ไม่มีที่ใดที่ไปไม่ถึง!

ตูม โครม…

พริบตาเดียวกระบี่นั้นของเสวียนไฉ่หนีก็ถูกค่ายกลกระบี่มากมายลบล้างสลายไป

“คัมภีร์กระบี่ไท่เสวียน!”

เสวียนไฉ่หนีไม่ตกใจกลับดีใจ แววตาเป็นประกายประหลาด “คิดไม่ถึงว่าเจ้ากลับยังครอบครองมรดกแห่งจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนด้วย!”

นี่เหลือเชื่อเกินไปแล้ว ช่วงต้นยุคดึกดำบรรพ์ จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนถูกมองว่าเป็นจักรพรรดิกระบี่อันดับหนึ่ง ส่วนจักรพรรดิกระบี่จูคง ก็ถูกมองเป็นจอมกระบี่อันดับหนึ่งแห่งโลกมืด

จักรพรรดิกระบี่ชั้นยอดแห่งยุคทั้งสองคนเดิมทีนัดกันต่อสู้ไว้แล้ว ดึงดูดความสนใจจากทั่วหล้า ทว่าภายใต้การมาเยือนอย่างกะทันหันของเคราะห์จ่อมจม ทำให้การต่อสู้ครั้งนี้ไม่สามารถเกิดขึ้นได้

ใครจะคิดได้ว่ามรดกของจักรพรรดิกระบี่ชั้นยอดแห่งยุคสองคนนี้ กลับปรากฏบนตัวคนผู้เดียว!

สำหรับเสวียนไฉ่หนีที่คลั่งไคล้การฝึกมรรคกระบี่ นี่ก็เหมือนค้นพบสมบัติชั้นเลิศ ในใจเต็มไปด้วยความตื่นเต้น

ในเวลาเดียวกันพวกเฒ่าชราตระกูลเสวียนที่จับตามองทั้งหมดนี้อยู่ในที่มืดก็อึ้งงัน จักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียน… นั่นเป็นถึงจักรพรรดิกระบี่ที่โดดเด่นแห่งยุคในต้นยุคดึกดำบรรพ์คนหนึ่งเชียว!

มรดกของเขา หลินเต้ายวนนี่รับไปได้อย่างไร

——–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท