Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2217 มหามรรคไร้รูป ใจจักรพรรดิเกิดแสง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2217 มหามรรคไร้รูป ใจจักรพรรดิเกิดแสง

ตอนที่ 2217 มหามรรคไร้รูป ใจจักรพรรดิเกิดแสง

ไอแรกกำเนิดอบอวล ยิ่งขึ้นไปแรงกกดดันก็ยิ่งน่ากลัว

สุดท้ายหลินสวินหยุดฝีเท้าที่ชั้นฟ้าที่ยี่สิบเจ็ด

ก็เห็นในฟ้าดินแห่งนี้ พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดเป็นคลื่น เปลี่ยนเป็นรูปร่างสัตว์ต่างๆ นานา บินทะยานเดินเหินอยู่กลางฟ้าดิน

ยิ่งมีดอกเทพมหามรรคหลากชนิดล่องลอย แผ่ละอองแสงศักดิ์สิทธิ์ประหนึ่งน้ำพุออกมา แสงหมอกฝนมงคลเหมือนคลื่นที่พวยพุ่งกลบห้วงอากาศทุกกระเบียด

ภาพนี้น่าตกใจเกินไป หากเผยแพร่ออกไป คนบนโลกคงไม่กล้าเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีสถานที่อัศจรรย์แปลกประหลาดขนาดนี้!

แม้เป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิก็จะต้องบ้าคลั่งเพราะเรื่องนี้แน่

หลินสวินในตอนนี้รู้สึกกินแรงอย่างที่สุดแล้ว แต่ยังไม่ถึงขั้นบาดเจ็บ

เขาถอนหายใจยาวแล้วนั่งขัดสมาธิ

ครืน…

ทันใดนั้นเงาร่างของเขาเหมือนเปลี่ยนเป็นหุบเหวใหญ่ โคจรอย่างบ้าคลั่ง ก่อเกิดกลิ่นอายที่น่ากลัวปานกลืนกินท้องฟ้า ไอบ่อเกิดแรกกำเนิดทั่วทุกทิศล้วนรวมตัวมาทางเขาดังครืนครัน

ไม่นานเงาร่างของเขาก็ถูกพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดหนาแน่ท่วมท้น

ความรู้สึกเช่นนี้จะเปรียบเทียบอย่างไร ก็เหมือนทะเลสาบที่แห้งแล้งมานานถูกฝนตกกระหน่ำ ได้รับความชุ่มชื่น!

หลินสวินสบายจนเกือบจะครวญออกมา

การฝึกปราณระดับจักรพรรดิต้องการทรัพยากรฝึกปราณมหาศาล และมกุฎมหาจักรพรรดิอย่างหลินสวิน เพราะรากฐานทรงพลังเกินไป ทรัพยากรที่ต้องการก็เรียกได้ว่าน่ากลัว

ระดับจักรพรรดิทั่วไป ฝึกปราณหนึ่งครั้งแค่หลอมทะเลสาบแห่งหนึ่งก็เพียงพอแล้ว

แต่หลินสวินฝึกปราณหนึ่งครั้ง ต้องการมหาสมุทรทั้งผืนถึงจะพอ!

ทอดสายตามองไปบนทางเดินโบราณฟ้าดารา แดนมงคลมีชื่อเสียงแม้จะมาก แต่สถานที่ที่เพียงพอต่อการฝึกปราณของหลินสวิน ก็มีแค่แดนศักดิ์สิทธิ์ฝึกปราณที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่านั้น

อย่างเช่นสถานที่ในครอบครองของหกเรือนมรรคใหญ่

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ว่า เหตุใดผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิอยากทะลวงสู่ขั้นที่สูงกว่าจึงยากลำบากอย่างที่สุด

บนล่างทั่วหล้าฟ้าดารา แดนมงคลที่สามารถตอบสนองต่อความต้องการในการฝึกปราณของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิได้ ถึงอย่างไรก็มีจำกัด ขุมอำนาจบางส่วน อยากมากก็ใช้ทรัพยากรทั้งหมดตอบสนองต่อความต้องการในการฝึกปราณของระดับจักรพรรดิได้แค่หนึ่งคนเท่านั้น

แต่ในโลกเร้นเทพกลับแตกต่างโดยสมบูรณ์

ยิ่งขึ้นไปสูง พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดที่ปกคลุมยิ่งหนาแน่นและพลุ่งพล่าน ก็เหมือนตอนนี้ หลินสวินเองยังอดทอดถอนใจไม่ได้

หากฝึกปราณที่นี่ไปตลอด จะกังวลว่าไม่สามารถทะลวงขั้นได้อย่างไร

ครืนโครม!

ฟ้าดินสะท้านไหว ไอแรกกำเนิดตลบพุ่งปั่นป่วน ร่างกายหลินสวินเหมือนหุบเหวไร้ก้น ดูดกลืนอย่างละโมบและบ้าคลั่ง

และในร่างของเขา โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ที่กว้างใหญ่ไพศาลก็โคจรไปด้วย หลอมพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดที่พลิกม้วนเข้ามานั้นด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

พร้อมกับเวลาที่ล่วงเลยไป โลกจักรพรรดิบริสุทธิ์ก็เปลี่ยนเป็นมั่นคงและพร่างพราวยิ่งขึ้น เรืองรองเจิดจรัส งดงามไร้ขอบเขต

ในขณะเดียวกันหลินสวินสามารถสัมผัสได้ว่า ในพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดนั้นประทับกฎเกณฑ์มหามรรคที่บริสุทธิ์ที่สุดอยู่ ทำให้เขาแทบจะสามารถหยั่งรู้และหลอมกฎเกณฑ์มหามรรคนั่นได้โดยตรง จากนั้นหลอมเป็นพลังมหามรรคของตน!

นี่ก็คือโลกเร้นเทพ ทำเอาหลินสวินอดตะลึงไม่ได้ ตระกูลเสวียนสามารถดำรงอยู่ตั้งแต่สมัยต้นดึกดำบรรพ์มาถึงปัจจุบันได้ มีเหตุผลตามคาด

นอกจากนี้ร่างแยกทั้งห้าของหลินสวินก็กำลังหยั่งรู้มรดกคัมภีร์มรรคต่างๆ เต็มกำลัง

ก่อนหน้านี้เขายังไม่แจ้งมรรคบรรลุจักรพรรดิ แม้สามารถหยั่งรู้พลังมรดกเหล่านั้นได้ แต่ก็จำกัดเพียงต่ำกว่าระดับจักรพรรดิเท่านั้น

ตอนนี้กลับแตกต่าง เขาเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิแล้ว สามารถหยั่งรู้และครอบครองพลังในระดับจักรพรรดิที่บันทึกในคัมภีร์มรรคเหล่านั้นได้แล้ว!

เป้าหมายของหลินสวินชัดเจนมาก หลังจากเข้าใจมรดกต่างๆ ในตัวลึกซึ้งแล้ว ก็ศึกษาให้ทะลุปรุโปร่ง จากนั้นหลอมรวมเป็น ‘คัมภีร์จักรพรรดิ’ ของตน

นี่ก็คือมรรคของเขา บรรจุหมื่นมรรคทั่วหล้า วิวัฒน์วิชาตั้งแต่ทั้งปวง!

……

สิบวันหลังจากนั้น

โครม!

เสียงกัมปนาทสะเทือนฟ้าดินเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็เห็นพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดของพื้นที่สิบทิศโดยมีหลินสวินเป็นศูนย์กลางถูกกลืนจนว่างเปล่าในชั่วขณะ ไม่เหลือแม้แต่นิดเดียว

และบนตัวหลินสวินราวกับทำลายพันธนาการ กลิ่นอายรอบตัวเพิ่มขึ้นกะทันหันประหนึ่งภูเขาไฟปะทุ!

แสงมรรคตัดสลับ ละอองมงคลปลิวว่อน ขับให้เงาร่างของเขาราวกับสุริยันดวงโตที่ส่องแสงเจิดจ้า กรีดทึ้งห้วงอากาศเป็นแนวยาว งดงามสะดุดตาถึงเพียงนั้น

ในห้วงนิมิต รูปจำลองเจตจำนงที่เปลี่ยนเป็นรูปเตาหลอมส่งเสียงครืนครัน รอบเตาหลอมสี่ด้านปรากฏลายมรรคต่างๆ ลึกลับและมหัศจรรย์

นั่นคือกฎเกณฑ์มรรคจักรพรรดิที่ประทับในจิตวิญญาณ ประหนึ่งแก่นแท้ สะท้อนภาพที่ยิ่งใหญ่

ภายในร่างโลกจักรพรรดิบริสุทธิ์พลิกม้วน แผ่ขยายกว้างออกไปไม่หยุด หากบอกว่าเมื่อก่อนเป็นโลกเล็กแห่งหนึ่ง เช่นนั้นตอนนี้ก็เหมือนเปลี่ยนเป็นโลกใหญ่ใบหนึ่ง!

ในโลกนั้น หลักการฟ้าดิน สุริยันจันทราดารา ต้นไม้ใบหญ้าภูผาธารา ล้วนปกคลุมด้วยแสงมรรคเรืองรองชั้นหนึ่ง ควบรวมจากต้นกำเนิดมรรคจักรพรรดิที่บริสุทธิ์ที่สุด วิวัฒน์ออกมาเป็นหมื่นลักษณ์วัฏจักร

ร่างกายของหลินสวินก็ได้รับการยกระดับใหม่ทั้งหมด กล้ามเนื้อเหมือนแปลงจากหยกเซียน ภายในสั่งสมท่วงทำนองมรรคตามธรรมชาติ กระดูกขาวปานหิมะ เส้นเอ็นเจิดจรัส ราวกับสร้างขึ้นมาจากน้ำทองเทพทีละท่อน เมื่อพลังของหลินสวินโคจรจะเกิดเสียงชิ้งๆ ขึ้น

ส่วนอวัยวะตันห้ากลวงหก จุดชีพจรทั่วร่าง ก็ล้วนแฝงพลังชีวิตและแสงมรรคที่ยิ่งใหญ่หาที่เปรียบไม่ได้ แม้แต่ผมแต่ละเส้นยังสาดละอองแสงมรรค ดำสนิทเปล่งแสง ศาสตราจิตทั่วไปไม่สามารถฟันขาดได้!

พูดอย่างไม่เกินจริง ตอนนี้นำเลือดหยดหนึ่งออกจากตัวหลินสวิน สำหรับผู้ฝึกปราณคนหนึ่งยังเรียกได้ว่าเป็นโอสถสมบัติชั้นเลิศ มีพลังฟื้นคืนชีพให้คนตาย!

ครู่ใหญ่กลิ่นอายที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วรอบตัวหลินสวินจึงค่อยๆ สงบลง ปรากฏการณ์ประหลาดทั้งหมดก็หายไปและเงียบงัน

เขาในยามนี้เป็นระดับจักรพรรดิขั้นสองคนหนึ่งแล้ว ไต่สู้ขั้น ‘ไร้รูป’!

ระดับจักรพรรดิเก้าขั้น หนึ่งขั้นหนึ่งด่านปราการสวรรค์

ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่ง ‘ไร้ผูกมัด’ ไม่ยึดติดในมรรค ไม่ยึดมั่นในวิชา ผู้ครองมหามรรค ต้องตั้งจิตให้ไร้ผูกมัด

ส่วนระดับจักรพรรดิขั้นสอง ‘ไร้รูป’ นี้ มีความหมายมาจากคำว่า ‘มหามรรคไร้รูป’

มาถึงระดับขั้นนี้ กายใจล้วนผสานกับมหามรรคฟ้าดิน ทุกการเคลื่อนไหววิชามรรคเคียงกาย ไม่อาจระบุรูปร่าง จึงเรียกว่าไร้รูป

พูดสั้นๆ ก็คือ หลังจากไต่ถึงขั้นนี้ ต่อให้ระดับจักรพรรดิยืนอยู่ในถนนที่คึกคักรุ่งเรืองที่สุด คนธรรมดาเหล่านั้นหรือกระทั่งผู้ฝึกปราณทั่วไปก็ไม่อาจสัมผัสถึงการดำรงอยู่ของเขาได้

นี่ไม่ใช่วิชาลับที่บดบังกลิ่นอายและร่องรอย แต่เป็นระดับขั้นมหามรรคอย่างหนึ่ง มหามรรคไร้รูป แต่กลับมีอยู่ทุกที่ ข้านั้นไร้รูป ไปถึงทุกที่!

แน่นอนว่าในสายตาของระดับจักรพรรดิ ขั้นไร้รูปนี้เป็นเพียงแค่ขอบเขตอย่างหนึ่ง ไม่ได้ไร้รูปอย่างแท้จริง

ถึงอย่างไรมหามรรคไร้รูปก็ยังมีร่องรอยที่ให้ติดตาม สามารถถูกผู้คนทั่วหล้าหยั่งถึงและสัมผัสได้

จักรพรรดิขั้นสองก็เป็นเช่นนี้

และสำหรับหลินสวิน การมาถึงขั้นนี้ทำให้เขารับรู้ได้อย่างฉับไว ว่าพลังรอบตัวเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อย่างพลิกฟ้าพลิกดิน ไม่ใช่ตอนที่ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งเทียบได้แล้ว

ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ ที่สภาวะจิตของเขาปรากฏ ‘แสงจิต’ ที่โปร่งแสงสะดุดตาอยู่รางๆ!

แสงจิตส่องกายจักรพรรดิ หมื่นมรรคล้วนคาดหวังได้!

นี่คือสิ่งที่สะท้อนให้เห็นหลังจากพลังสภาวะจิตไต่ถึงระดับจักรพรรดิขั้นสอง หากกายไร้รูป แสงจิตควบรวม ก็สามารถมองทะลุความเร้นลับของสรรพสิ่งได้!

ก็หมายความว่า มีแสงจิตแล้ว จะสามารถหยั่งรู้และมองทะลุระเบียบมหามรรคและพลังระเบียบกลางฟ้าดินได้ง่ายยิ่งขึ้น

จนกระทั่งตอนที่ไปถึงระดับจักรพรรดิขั้นสาม ก็จะพบกัน ‘ปราการใจจักรพรรดิ’ เคราะห์ใหญ่นี้เกี่ยวข้องกับแสงจิต

ครู่ใหญ่แววตาหลินสวินเผยแววประหลาดเสี้ยวหนึ่ง ‘หลังจากข้าบรรลุมกุฎจักรพรรดิ ห่างจากตอนนี้ไม่ถึงสามเดือนก็ทะลวงขั้นแล้ว ถ้าสัตว์ประหลาดเฒ่าบนฟ้าดาราพวกนั้นรู้เข้า ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไร…’

ใช่แล้ว ไม่ถึงสามเดือนหลินสวินได้ก้าวผ่านด่านใหญ่แห่งปราการสวรรค์อีกครั้ง กลายเป็นระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นสอง!

ความเร็วในการบรรลุระดับขั้นเช่นนี้น่าตกตะลึง สามารถทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าที่พันหมื่นปียังไม่สามารถก้าวข้ามได้เหล่านั้นโมโหจนตายได้

ควรรู้ว่าระดับจักรพรรดิเก้าขั้น หนึ่งขั้นหนึ่งด่านปราการสวรรค์ อยากจะก้าวไปข้างหน้า ไม่ต่างอะไรกับการทะยานฟ้าเป็นเซียนอย่างแท้จริง

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งหลายคนถึงขั้นหยุดอยู่ที่ขั้นนี้ หมื่นปียังไม่สามารถทะลวงขั้นได้!

เทียบกันเช่นนี้ก็สามารถดูออก ว่าความรวดเร็วในการทะลวงขั้นของหลินสวินร้ายกาจเพียงใด

แน่นอนว่าการมีอยู่ของโลกเร้นเทพมีส่วนช่วยสำคัญ โลกแห่งนี้เดิมก็เป็นต้นกำเนิดของตระกูลเสวียน เป็นแดนสมบัติชั้นเลิศในโลก

ส่วนหลินสวินเป็นระดับจักรพรรดิคนแรกที่เข้าสู่โลกเร้นเทพในฐานะ ‘คนนอก’ นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังฝึกปราณในชั้นฟ้าที่ยี่สิบเจ็ด ใช้เวลาสั้นๆ สิบวันก็เทียบเท่าการฝึกปราณอย่างยากลำบากเป็นร้อยปีในโลกภายนอกแล้ว!

หนึ่งวันหลังจากนั้น

หลังหลินสวินทำให้พลังระดับจักรพรรดิขั้นสองมั่นคงแล้วก็ลุกขึ้นยืน มุ่งหน้าไปยังชั้นที่สูงกว่า

มีเวลาเพียงหนึ่งเดือนเท่านั้น และตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงยี่สิบวันแล้ว หลินสวินไม่อยากเสียโอกาสอันมีค่านี้ไป

ชั้นฟ้าที่ยี่สิบเจ็ด แน่นอนว่าสามารถตอบสนองความต้องการในการฝึกปราณของเขาได้ แต่นี่ไม่ใช่ขีดจำกัด!

หนึ่งเค่อหลังจากนั้น

หลินสวินมาถึงชั้นสามสิบสามแล้ว และหยุดเท้าที่นี่

เหตุผลง่ายมาก หลังชั้นที่สามสิบเป็นต้นไป พลังกดดันของพลังบ่อเกิดแรกกำเนิดเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นหลายเท่า ไม่ใช่สิ่งที่ก่อนหน้านี้จะเทียบได้

หลินสวินก็สู้สุดพลังกว่าจะมาถึงชั้นที่สามสิบสามนี้ได้

‘ไม่เลว บ่อเกิดแรกกำเนิดของที่นี่ดุจดั่งจับต้องได้ เข้มข้นเหมือนสายน้ำ แม้แต่กฎเกณฑ์มหามรรคยังปรากฏท่วงทำนองศักดิ์สิทธิ์ที่คล้ายสมบูรณ์แบบ บริสุทธิ์ และบริบูรณ์…’

สัมผัสคร่าวๆ หลินสวินก็เผยรอยยิ้มพอใจ นั่งขัดสมาธิอย่างไม่ลังเล เริ่มนั่งสมาธิ

ครืน…!

พลังบ่อเกิดแรกกำเนิดราวกับมหาสมุทรซัดสาด ท่วมท้นเงาร่างของเขาในชั่วพริบตา

……

“อะไรนะ เจ้าหมอนี่ไม่เพียงทะลวงขั้น ก้าวสู่ระดับจักรพรรดิขั้นสอง ยังทะยานไปชั้นฟ้าที่สามสิบสามของโลกเร้นเทพในคราเดียวหรือ”

โลกภายนอก หลังจากเสวียนซั่งเฉินบอกข่าวนี้ พวกเฒ่าชราตระกูลเสวียนที่ติดตามการเคลื่อนไหวของหลินสวินมาโดยตลอดล้วนไม่สามารถสงบได้ แต่ละคนอึ้งจนตาค้าง

โลกเร้นเทพเป็นแดนต้นกำเนิดตระกูลเสวียนของพวกเขา พวกเขาย่อมรู้ความลึกลับของสามสิบหกชั้นฟ้าในโลกเร้นเทพดีกว่าใคร

พูดอย่างเคร่งครัด ระดับจักรพรรดิขั้นหนึ่งอย่างมากก็ไปถึงห้าชั้นแรกได้เท่านั้น

ระดับจักรพรรดิขั้นสอง สามารถไปถึงสิบชั้นแรกได้

เทียบเช่นนี้ ระดับขั้นสูงขึ้นหนึ่งขั้น สามารถทะยานไปในชั้นฟ้าที่สูงขึ้นของโลกเร้นเทพได้ห้าชั้น

จนถึงชั้นที่สามสิบขึ้นไป เป็นสถานที่ที่มีเพียงระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดจึงสามารถเข้าไปได้!

ส่วนชั้นสามสิบสามที่หลินสวินอยู่ตอนนี้ ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดทั่วไปยังยากจะไปถึง!

นี่ก็คือเหตุผลที่ทำให้เหล่าเฒ่าชราตระกูลเสวียนไม่กล้าเชื่อ

ไม่เพียงแค่พวกเขา ตอนที่เสวียนซั่งเฉินเห็นภาพนี้ผ่านพลังของคันฉ่องสมบัติเร้นเทพก็จนคำพูดไปครู่หนึ่ง ในใจเกิดความอิจฉาอย่างไม่สามารถควบคุมได้

ใช่แล้ว เขาซึ่งเป็นถึงผู้นำตระกูลเสวียน คนที่เหี้ยมโหดที่สุดในระดับจักรพรรดิทั่วหล้าฟ้าดารา ในชั่วชณะนี้กลับเกิดความอิจฉาคนรุ่นหลังคนหนึ่ง!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท