Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2226 ข้าก็เป็นเผ่ามนุษย์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2226 ข้าก็เป็นเผ่ามนุษย์

ตอนที่ 2226 ข้าก็เป็นเผ่ามนุษย์

บนโต๊ะ เด็กหญิงตัวน้อยที่แหกปากร้องไห้เสียงดังเห็นว่าปลายมีดสีขาวหิมะเล่มนั้นกำลังใกล้เข้ามาก็เหมือนสติหลุดอย่างสิ้นเชิง สะอึกสะอื้นกล่าวว่า “ข้า… คิดถึงท่านแม่…”

เสียงร้องไห้เศร้าโศกอย่างไร้เดียงสานั้นเหมือนเสียงแห่งความสิ้นหวังที่เศร้าระทมที่สุดในโลก

ชายผอมแห้งไม่แยแส ออกแรงที่ข้อมือ ปลายมีดสีเงินพลันกรีดวาดลงไป

ปึง!

จู่ๆ ผนังห้องก็แตกเป็นเสี่ยง

มีดสีเงินที่ตวัดลงไปของชายผอมแห้งเหมือนถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งกำเอาไว้ ก่อนหันเปลี่ยนทิศย้อนไปตัดข้อมือขวาของตนเองแทน

พรูด!

เลือดสดสาดพุ่งราวกับน้ำตก

ชายผอมแห้งเจ็บปวด ส่งเสียงร้องโหยหวนออกมา สายตาหันไปมองผนังห้องที่แตกกระจุยนั่นทันที

ชายอ้วนเตี้ยที่มือถือชามกระเบื้อง รวมถึงหญิงสาวชุดผ้าโปร่งดำเย้ายวนต่างก็อึ้งงัน คิดไม่ถึงว่าช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้จะดันเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

เงาร่างของหลินสวินเดินออกมาจากผนังที่แตกละเอียด นัยน์ตาดำเย็นเยียบจนน่ากลัว

บนพื้น เด็กหญิงวัยเยาว์ที่ตัวสั่นหวาดผวาเหล่านั้นต่างเงยหน้าขึ้นอย่างเลื่อนลอย คล้ายลูกแพะที่ถูกทำให้ตกใจ

หลินสวินเดินตรงไปหน้าโต๊ะไม้ตัวนั้น เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกมัดอยู่ด้านบนใบหน้าขาวซีด น้ำตาไหลเป็นสาย ปากยังคงสะอื้นไห้ตะโกนลั่น “ข้าคิดถึงท่านแม่ ข้าไม่อยากตาย…”

ด้วยสภาวะจิตในตอนนี้ของหลินสวิน ปลายจมูกยังอดแสบร้อนไม่ได้ และส่วนลึกภายในใจก็มีเพลิงโทสะที่ไม่อาจข่มกลั้นแผ่พุ่ง

ทำอะไรไม่ควรมากเกินขอบเขต!

แต่ชายสองหญิงหนึ่งพวกนี้ กลับมองชีวิตเผ่ามนุษย์ที่ยังเด็กพวกนี้เป็นทาส เป็นเหยื่อ เป็นของกิน!

วิธีการที่อำมหิตนองเลือดนั้นเกินกว่าเดรัจฉานชัดๆ!

บรรยากาศในห้องบีบคั้น แม้หลินสวินจะเก็บงำอานุภาพ แต่กลิ่นอายที่แผ่ออกจากตัวก็ยังคงทำให้ชายสองหญิงหนึ่งพวกนั้นหายใจติดขัด ภายในใจทั้งหวาดผวาทั้งโกรธแค้น

“สหายยุทธ์เผ่าวิญญาณเมฆา นี่เจ้าคิดจะทำอะไร อย่าบอกนะว่าอยากขอส่วนแบ่งดื่มสักชาม”

หญิงทรงเสน่ห์มองหลินสวินปราดหนึ่ง น้ำเสียงเย้ายวน

หลินสวินไม่ได้สนใจ ยกมือขึ้นแก้มัดให้เด็กหญิงตัวน้อยที่ถูกพันธนาการคนนั้นแล้วอุ้มลงมาวางบนพื้นเบาๆ ลูบศีรษะของอีกฝ่ายพลางกล่าวเสียงนุ่ม “ไม่ต้องกลัว มีอาอยู่”

ในน้ำเสียงเจือพลังมหามรรคที่สะกดใจผู้คนวูบหนึ่ง ทำให้เด็กหญิงตัวน้อยรู้สึกสงบทันที ความสิ้นหวัง หวั่นผวา หวาดกลัวภายในใจถูกกำจัดไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับความมืดที่ถูกแสงอาทิตย์กวาดล้าง

เด็กหญิงตัวน้อยกล่าวอย่างขลาดกลัว “ท่านอา ท่านจะซื้อข้าไปเป็นทาสไหม ข้าปลูกดอกไม้กับซักผ้าเป็น พอโตขึ้นแล้วจะต้องเป็นทาสที่ดีคนหนึ่งได้อย่างแน่นอน”

น้ำเสียงไร้เดียงสาเจือแววแห่งความหวัง กลับเหมือนเหล็กร้อนแท่งหนึ่งแผดเผาจนภายในใจหลินสวินปวดร้อน

เผ่ามนุษย์ในแดนเจินหลงแห่งนี้ต้องประสบกับการกดขี่และเหยียบย่ำปานใด ถึงทำให้เด็กน้อยเหล่านี้มองตนเป็นทาสตั้งแต่เด็กได้

และเมื่อเห็นหลินสวินช่วยชีวิตเด็กหญิงตัวน้อยเหล่านี้ บนสีหน้าของหญิงทรงเสน่ห์พลันเปลี่ยนไป คล้ายตระหนักได้ถึงความไม่เข้าที กล่าวเสียงเย็นชาว่า

“ทาสเผ่ามนุษย์กลุ่มนี้เป็นเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดของข้าทุ่มเงินซื้อมา สหาย อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดจะปล้นไป”

“ปล้น?”

สายตาของหลินสวินยิ่งเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ยื่นมือออกไปพลัน บีบลำคอของหญิงทรงเสน่ห์เอาไว้ผ่านอากาศ “พวกเจ้ามีคุณสมบัติอะไรทำให้ข้าปล้นได้”

กร็อบ!

ลำคอขาวหิมะของหญิงทรงเสน่ห์ส่งเสียงกระดูกแตกออกมา ใบหน้าอัดอั้นจนกลายเป็นสีม่วงคล้ำ นางกรีดร้องออกมา “นี่เป็นเรือสมบัติของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น ขอเพียงข้าร้องคำเดียว คนระดับสูงบนเรือก็จะรู้!”

สวบ!

เงาร่างของชายผอมแห้งพุ่งทะยาน หมายจะหนีออกจากห้อง รวดเร็วหาใดเปรียบ เขาตระหนักถึงความไม่เข้าทีจึงต้องการไปขอกำลังเสริม

เพียงแต่เขาเพิ่งจะขยับตัวก็ถูกกำราบลงกับพื้นเสียงดังปึง ร่างกายราวกับถูกภูเขาใหญ่กดทับ เลือดออกเจ็ดทวาร ใบหน้าบิดเบี้ยว

ชายอ้วนเตี้ยเดิมตั้งใจจะลงมือ แต่ครั้นเห็นภาพนี้ก็สะเทือนขวัญทันที กล่าวด้วยสีหน้าไม่น่าดู “สหาย แค่ทาสเด็กเผ่ามนุษย์จำนวนหนึ่งเท่านั้น หากเจ้าต้องการจริงๆ มอบให้เจ้าก็สิ้นเรื่อง”

ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเขาล้วนไม่รู้แน่ชัด ว่าชายที่แผ่กลิ่นอายของเผ่าวิญญาณเมฆาตรงหน้าคนนี้เหตุใดต้องเดือดดาล และเหตุใดต้องโจมตี!

นี่ไม่ใช่โง่เขลา หากแต่ในความคิดของพวกเขา เผ่ามนุษย์เป็นทาสโดยกำเนิด สามารถสังหารได้ตามใจ นี่เป็นความคิดที่หยั่งรากฝังลึกมานานแล้ว

ในใจหลินสวินปรากฏความรู้สึกที่บอกไม่ถูกว่าแค้นหรือว่าเดือดดาล อัดอั้นอยู่ในอกยากจะระบายออก

ปึง!

ชายอ้วนเตี้ยเองก็ถูกกำราบ คุกเข่าลงกับพื้น เครื่องหน้าบิดเบี้ยว ผิวหนังมีเค้าลางจะแตกระเบิด

เขาคำรามลั่น “เจ้าคิดจะทำอะไรกันแน่”

หลินสวินใคร่ครวญครู่หนึ่ง สูดหายใจลึกก่อนกล่าวเรียบๆ “ข้าก็เป็นเผ่ามนุษย์ เข้าใจหรือยัง”

ประโยคเดียวสั้นๆ ทำเอาชายสองหญิงหนึ่งพวกนั้นต่างเบิกตากว้าง จากนั้นก็เดือดดาลหาใดเปรียบ เศษสวะคนหนึ่งจากเผ่ามนุษย์ กล้าบังอาจลงมือกับพวกเขาตั้งแต่เมื่อไหร่

ไม่กลัวถูกสังหารหรือ

มองเห็นความเดือดดาลและตะลึงงันในสายตาของพวกเขา หลินสวินก็อดยิ้มไม่ได้ เพียงแต่รอยยิ้มนั้นกลับเย็นชาอย่างบอกไม่ถูก

เขามองไปทางเด็กสาวที่ดูหมดหวังสติหลุดเหล่านั้น มองเห็นสีหน้าหวาดผวา จนปัญญา และสั่นเทาของพวกนาง เห็นรอยแผลสะสมตามตัวของพวกนาง…

ในแดนเจินหลงนี้ เผ่ามนุษย์สมควรเป็นทาสไปตลอดชีวิตหรือ

หญิงทรงเสน่ห์ที่ถูกหลินสวินบีบคอจนหน้าเขียวคล้ำเอ่ยปากอย่างชั่วร้าย “ปล่อยพวกเราไปซะ เรื่องในวันนี้พวกเราจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น หาไม่ต่อให้พวกเราตายไป พวกเจ้าก็ไม่มีทางมีชีวิตออกจากไปเรือสมบัติลำนี้เด็ดขาด!”

กร๊อบ!

ลำคอของนางถูกบิดหัก พลังจิตแหลกสลาย แม้แต่ร่างยังถูกเผาไหม้ทุกกระเบียด กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวลอย

ชายผอมแห้งและชายอ้วนเตี้ยหวาดหวั่น รู้สึกราวตกสู่ถ้ำน้ำแข็ง พวกเขาฝึกปราณจนป่านนี้ ยังไม่เคยเห็นเผ่ามนุษย์ที่บังอาจเช่นนี้มาก่อน!

หลินสวินโบกแขนเสื้อคราหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดสองคนนี้ก็กลายเป็นเถ้าถ่านด้วยเช่นกัน

เด็กสาวเผ่ามนุษย์ที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ถึงเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน สายตาที่สิ้นหวังและหมองหม่นผุดแววแห่งความหวังขึ้นมาทีละน้อย

“ท่านอา ท่าน… เป็นเผ่ามนุษย์จริงๆ หรือ” เด็กหญิงตัวน้อยอายุเจ็ดแปดขวบที่ถูกหลินสวินช่วยชีวิตไว้คนนั้นอดเอ่ยถามอีกครั้งไม่ได้

“ใช่” หลินสวินพยักหน้า

เด็กหญิงกล่าวด้วยความสงสัย “แต่เหตุใดท่านถึงไม่ได้กลายเป็นทาส ซ้ำยังเก่งกาจขนาดนี้ ท่านแม่ข้าบอกว่า พวกเราเผ่ามนุษย์หากไม่ยอมเป็นทาสแต่โดยดีก็จะถูกฆ่าทิ้ง หากกล้าขัดขืนยังจะถูกริบทรัพย์ทำลายบ้านอีกด้วย”

เห็นชัดว่านางไม่เข้าใจยิ่ง ว่าบนโลกใบนี้จะมีคนกล้าฆ่าสิ่งมีชีวิตที่สูงส่งพวกนั้นได้อย่างไร

หลินสวินทอดสายตามองทางเด็กสาวคนอื่นๆ พบว่าพวกนางไม่ได้กระโดดโลดเต้น ไม่ได้โห่ร้องดีใจ ไม่ได้ตื่นเต้นหลังจากที่ถูกช่วยชีวิต…

บางคนรู้สึกสงสัยเช่นกัน ไม่เข้าใจยิ่งว่าเหตุใดหลินสวินกล้าไปสังหารคนของเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดพวกนั้น

นี่ไม่ใช่เฉยชา และไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม หากแต่เป็นความคิดที่ ‘ถูกกระทำ’ ซึ่งฝังลึกอยู่ในใจพวกนางนานแล้ว

นี่น่าหวาดผวาและน่ากลัวยิ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!

หากอยู่บนทางเดินโบราณฟ้าดารา ต้องเป็นเรื่องที่ไม่กล้าจินตนาการชัดๆ

“อาพาพวกเจ้าหนีไปดีหรือไม่”

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวเสียงนุ่ม

ไม่มีใครคันค้าน ทุกคนต่างว่าตามอย่างยิ่ง บางทีในจิตใต้สำนึกของพวกนางอาจคิดว่า ครั้งนี้อาจสามารถถูกช่วยชีวิตออกไป แต่ภายภาคหน้าก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากชะตาการกลายเป็นทาส สินค้า และของกินได้กระมัง

หลินสวินฝืนข่มความไม่สบายใจเอาไว้ ให้เด็กสาวเหล่านี้เข้าไปอยู่ในเจดีย์ไร้สิ้นสุด และสื่อจิตบอกต้าหวงให้มันดูแลเด็กสาวเหล่านี้เป็นอย่างดี

และเมื่อได้รู้ถึงสิ่งที่เด็กสาวเหล่านี้พบเจอ ซีและต้าหวงต่างเดือดดาล กระทั่งซย่าจื้อที่ไม่ยินดียินร้ายต่อเรื่องในโลกยังเผยไอสังหารออกมาอย่างหาได้ยาก

หลินสวินนั่งอยู่ในห้องคนเดียว

ปึง!

ไม่ทันไรบานประตูก็ถูกผลักเปิด ชายวันกลางคนที่ผอมแห้งคนหนึ่งเดินเข้ามา ตอนที่เห็นหลินสวินก็อดอึ้งไปไม่ได้

“พวกเขาตายกันหมดแล้ว แต่… ยังไม่พอ”

หลินสวินทอดสายตามองไป นัยน์ตาลึกล้ำนั้นดุจดั่งหุบเหวใหญ่ที่กลืนกินจิตวิญญาณ ทำเอาชายวัยกลางคนร่างผอมแห้งคนนั้นตกใจทันที

ไม่ทันไรชายวัยกลางคนผอมแห้งก็กลายเป็นเถ้าถ่านสลายไป และจากในความทรงจำของเขา หลินสวินได้สิ่งที่ตนอยากรู้บางส่วนมาแล้ว

เขาเปิดประตูออกไป ด้านนอกเป็นโถงทางเดินเล็กแคบกว้างไม่กี่สิบจั้ง สองฝั่งของโถงทางเดินล้วนมีแต่ห้อง

หลินสวินเอามือไพล่หลังเดินไปบนโถงทางเดิน ระหว่างทางพบเจอสิ่งมีชีวิตมากมาย แต่กลับไม่มีสักคนที่สามารถสัมผัสถึงตัวตนของเขา

ระดับจักรพรรดิขั้นสอง ไร้รูปดุจมรรค!

ตอนที่หลินสวินวกกลับห้องของตน ในสิบเก้าห้องที่อยู่ด้านล่างสุดของเรือสมบัติลำนี้ มีผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดรวมทั้งสิ้นสิบห้าคน ไม่ว่าปราณสูงหรือต่ำล้วนระเหยเป็นไอหายไปจากโลก

ส่วนหลินสวินก็ช่วยชีวิตเผ่ามนุษย์กลุ่มหนึ่งอีกครั้ง มีเด็กน้อยไม่รู้ประสา มีชายหนุ่มที่มีกำลัง และมีหญิงวัยกำดัดที่กำลังแรกแย้มบานสะพรั่ง…

มีหลายร้อยคนเต็มๆ

คนเหล่านี้ส่วนหนึ่งถูกเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดซื้อมาจากพื้นที่ต่างๆ ของแดนเจินหลง ส่วนหนึ่งแย่งชิงมาตรงๆ ต่างผ่านการเลือกสรรอย่างละเอียด ล้วนเป็นคนหนุ่มสาวและเด็กน้อย ไม่มีคนแก่คนขี้โรคอ่อนแอ

หากหลินสวินไม่ปรากฏตัว คนเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปยังเกาะเทพรุ้งมรกต ที่นั่นมีตลาดรวมที่ค้าขายทาสโดยเฉพาะ คนเหล่านี้จะกลายเป็นสินค้า ปล่อยให้สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าเหล่านั้นเลือกสรร!

‘แดนเจินหลงแห่งนี้ ช่างทำให้คนรังเกียจจริงๆ!’

จนกระทั่งย้อนกลับมาถึงห้องของตน นึกถึงภาพเหตุการณ์ต่างๆ ก่อนหน้านี้ในใจหลินสวินยังคงอึดอัดอยู่บ้าง และย่อมนึกไปถึงตัวการหลักที่สร้างเรื่องทั้งหมดนี้ขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้…

จักรพรรดิมังกรหมิงหลัว!

ธรรมชาติคัดสรร ผู้เหมาะสมอยู่รอด บนเส้นทางฝึกปราณการเข่นฆ่าและนองเลือดมีให้เห็นทุกหนทุกแห่ง เพียงแต่หากเป็นแค่การต่อสู้แย่งชิงและเข่นฆ่าอย่างแท้จริงก็แล้วไปเถิด

สิ่งที่หลินสวินไม่อาจรับได้คือ เผ่ามนุษย์ถูกมองเป็นทาสต่ำต้อย มีจุดจบที่ถูกเหยียบย่ำ ไร้ศักดิ์ศรี จะสังหารอย่างไรก็ได้

ถึงอย่างไรเขาก็เป็นเผ่ามนุษย์

ปีนั้นตอนอยู่ในสมรภูมิเก้าดินแดน ผู้ฝึกปราณดินแดนรกร้างโบราณของพวกเขาถูกมองเป็นแพะสองขา แต่นั่นไม่ใช่การแก่งแย่งระหว่างเผ่าพันธุ์ หากแต่เป็นการโต้ตอบกันระหว่างค่ายทัพ

แต่ตอนนี้ในแดนเจินหลงนี่ เผ่ามนุษย์กลับถูกหมื่นเผ่าขี่อยู่เหนือคอ อวดอำนาจบาตรใหญ่ สภาพประหนึ่งวัวม้าเดรัจฉาน ที่สามารถแย่งชิงกระทำย่ำยีอย่างอุกอาจได้!

ในฐานะเผ่ามนุษย์ หลินสวินมีหรือจะยอมรับได้

เขารู้ดียิ่ง จากพลังของเขาในตอนนี้ คิดอยากพลิกสถานการณ์ทั้งหมดนี้ย่อมเป็นเรื่องที่ริบหรี่หาใดเปรียบ

แต่ขอเพียงเขาได้พบเห็น ย่อมไม่อาจไม่เข้าไปยุ่งได้เด็ดขาด!

‘อิงจากความทรงจำของเจ้าหมอนั่น น่าจะยังมีผู้แข็งแกร่งเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดอีกคนสิถึงจะถูก…’

หลินสวินขมวดคิ้ว

เรือสมบัติลำนี้ใหญ่โตมโหฬารหาใดเปรียบ ดุจดั่งเมืองเล็กๆ แห่งหนึ่ง แบ่งออกเป็นสามชั้น ในชั้นหนึ่งใจกลางถึงขั้นมีท้องถนนพลุกพล่าน ร้านค้า หอสุรา โรงพนัน ลานถกมรรค… ที่ควรมีล้วนมีหมด

หลินสวินสงสัยยิ่ง ปลาลอดตาข่ายตัวนั้นเป็นไปได้สูงว่าจะไปที่ชั้นหนึ่งใจกลางของเรือสมบัติ

ในเวลาเดียวกันนั้น

เรือสมบัติชั้นสอง ในหอสุราแห่งหนึ่ง ชายหน้าตาอัปลักษณ์คนหนึ่งกำลังร่ำสุราอยู่ จู่ๆ ก็สั่นไปทั้งร่าง หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่

นี่คือป้ายกระดูกวิญญาณของบุตรชายแท้ๆ ของเขา เขาพกติดตัวมาโดยตลอด แต่ตอนนี้จู่ๆ กลับแตกละเอียด!

เขาดีดตัวผึง ออกจากหออย่างรีบร้อน

เพียงแต่เพิ่งจะเดินได้ครึ่งทางเขาก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างอีก หยุดนิ่งอยู่กับที่ สีหน้าพลันวูบไหวไม่นิ่งพักหนึ่ง

เนิ่นนานเขากัดฟัน หันตัวเดินไปทางชั้นบนสุดของเรือสมบัติ

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท