Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2227 อันเสวี่ย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2227 อันเสวี่ย

ตอนที่ 2227 อันเสวี่ย

ชั้นบนสุดของเรือสมบัติ ในห้องโถงวิจิตรหรูหราแห่งหนึ่ง ที่นี่คือที่พักของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น

“เจ้าบอกว่าลูกชายของเจ้าถูกฆ่าบนเรือเผ่าปี้อั้นของพวกเราหรือ”

ชายที่สวมชุดคลุมเหลือง สวมเกี้ยวประดับขนนกคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้สมบัติอย่างเกียจคร้าน ในดวงตาปรากฏอักขระอักษรสิบสีทอง น่าสยดสยองหาใดเปรียบ

เขาชื่ออันเจิง ทายาทเลือดบริสุทธิ์เผ่าจักรพรรดิปี้อั้น เป็นพวกชั้นยอดที่ห่างจากระดับจักรพรรดิอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น

ภายในโถงใหญ่ ชายเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดคนนั้นคุกเข่าลงกับพื้น สีหน้าเศร้าหมอง “เรียนคุณชาย ไม่ผิดแน่ ท่านดู นี่คือป้ายกระดูกจิตวิญญาณของบุตรชายคนนั้นของข้า”

เขาหยิบป้ายกระดูกจิตวิญญาณที่แตกเป็นเสี่ยงชิ้นนั้นออกมา

อันเจิงขมวดคิ้ว เสียงปึงดังขึ้นหนึ่งครา ถ้วยชาในมือแตกเป็นชิ้นๆ สีหน้ามืดทะมึนกล่าวอย่างเย็นชา “ข้าอยากรู้นักว่าเป็นเจ้าสารเลวหน้าไหนถึงกล้าทำการอุกอาจบนเรือสมบัติ”

ข้างๆ กันชายชราชุดเทาคนหนึ่งเอ่ยเสียงเบา “นายน้อย เมื่อครู่ผู้ดูแลคนหนึ่งที่บังคับเรือสมบัติส่งข่าวมา บอกว่าห้องหมายเลขเก้าระดับสามที่อยู่ด้านล่างสุดของเรือสมบัติ พลังผนึกที่ปกคลุมอยู่ถูกคนทลายออก”

ชายชราชุดเทานิ่งไปพักหนึ่งก็กล่าวต่อว่า “ถัดจากห้องหมายเลขเก้าระดับสามนั้น ก็มีผู้แข็งงแกร่งของเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดคนหนึ่งพักอยู่”

อันเจิงสายตาเย็นเยียบ “ไปตรวจสอบเรื่องนี้หน่อย หากมีคนก่อเรื่อง ให้ถลกเนื้อเถือหนังเขาแล้วโยนทิ้งกลางทะเล!”

ชายชราชุดเทาพยักหน้า พาผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นสิบกว่าคนออกไปอย่างรีบร้อน

“ขอบคุณคุณชายยิ่ง ขอบคุณคุณชายยิ่ง!” ชายจากเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดฉายแววตื้นตันออกมา

อันเจิงกล่าวเสียงเรียบ “ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า หากแต่กำลังรักษากฎของเผ่าปี้อั้นของข้า”

ชั้นล่างของเรือสมบัติ ห้องหมายเลขเก้าระดับสาม

หลังจากชายชราชุดเทาพาผู้แข็งแกร่งทั้งขบวนมาถึง ก็ครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “คนที่พักอยู่ด้านในนี้คือใคร”

“คนของเผ่าวิญญาณเมฆาขอรับ”

ผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งรีบตอบทันที

ชายชราชุดเทาร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “เคาะประตู”

จากนั้นก็มีผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งก้าวออกมา ยกมือขึ้นตั้งท่าจะเคาะประตู ประตูห้องที่ปิดสนิทก็เปิดออกอย่างไร้สุ้มเสียง ภายในห้องหลินสวินนั่งอยู่หน้าโต๊ะ กำลังร่ำสุรา เอ่ยถามโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา “มีธุระอะไร”

ชายชราชุดเทากวาดสายตาหนหนึ่งก็มองเห็นรูแตกบนผนังห้องตรงนั้น พลันขมวดคิ้วทันที กล่าวว่า “นั่นเป็นฝีมือเจ้าหรือ”

หลินสวินยกมือขึ้นโยนถุงเก็บของใบหนึ่งออกมา “ข้ารู้กฎดี ด้านในมีสามพันเหรียญเจินหลง เพียงพอจะชดใช้ให้พวกเจ้าแล้ว”

ชายชราชุดเทากล่าวด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “เจ้าเคยลงมือก่อเรื่องร้ายแรงหรือไม่”

คิ้วของหลินสวินเลิกขึ้น คราวนี้จึงตระหนักได้ว่าเรื่องรั่วไหลไปแล้ว เขาเองก็ไม่ได้ปิดบัง กล่าวว่า “ถูกต้อง”

พวกชายชราชุดเทาต่างอึ้งไป คล้ายกับคิดไม่ถึงว่าหลินสวินจะเปิดเผยเช่นนี้

“เจ้ายังมีอย่างอื่นอยากจะพูดอีกหรือไม่” ชายชราชุดเทาสีหน้ามืดทะมึน จ้องหลินสวินพลางกล่าว “หากไม่มีก็ยอมถูกจับแต่โดยดีเถอะ”

“ดูเหมือนข้าจะไม่ได้ทำผิดกฎระเบียบบนเรือนะ” หลินสวินกล่าวสบายๆ

มุ่งหน้าไปยังเกาะเทพรุ้งมรกต จำเป็นต้องผ่านพื้นที่ทับซ้อนมากมายกลางทะเลตะวันออก และบนทะเลตะวันออกอันเวิ้งว้างก็เต็มไปด้วยอันตรายมากมาย

หากไม่ใช่เพราะไม่รู้เส้นทาง หลินสวินคงไม่จ่ายสมบัติ โดยสารเรือมุ่งหน้าไปเป็นแน่

“แต่เจ้าฆ่าผู้แข็งแกร่งของเผ่าค้างเขียวกระหายเลือด!” ชายชราชุดเทาสีหน้าเลือดเย็น “กฎระเบียบบนเรือสมบัติคือห้ามลงมือโดยพลการ!”

หลินสวินเอ่ยถาม “แล้วตอนที่เจ้าคนพวกนั้นจะฆ่าแม่นางน้อยจากเผ่ามนุษย์คนหนึ่ง เหตุใดพวกเจ้าไม่โผล่มา”

เผ่ามนุษย์?

ชายชราชุดเทาหัวเราะออกมาอย่างเหยียดหยัน “เผ่ามนุษย์ก็เหมือนเดรัจฉาน ไม่ว่าใครก็สามารถสังหารได้ อย่าว่าแต่ข้าไม่รู้เลย ต่อให้ข้ารู้ก็ไม่มีทางสนใจ”

สายตาของหลินสวินเย็นเยียบ “กล่าวเช่นนี้ ในแง่ปัญหาของการปฏิบัติต่อเผ่ามนุษย์ กฎระเบียบของเผ่าปี้อั้นจะไม่พูดถึงก็ได้หรือ”

ชายชราชุดเทาอดขมวดคิ้วไม่ได้ “นี่ไม่ใช่คำพูดไร้สาระหรอกหรือ เผ่ามนุษย์คู่ควรให้พวกเราเผ่าปี้อั้นยกกฎระเบียบมาพูดถึงเสียที่ไหน”

หลินสวินร้องอ้อคราหนึ่ง กล่าวว่า “เช่นนั้นข้าจะบอกพวกเจ้าให้ก็ได้ พวกเจ้า… ไม่คู่ควรให้ข้าปฏิบัติตามกฎบนเรือแห่งนี้อีกต่อไป แล้วก็ ทางที่ดีพวกเจ้าหายไปตั้งแต่ตอนนี้จะดีที่สุด”

กล่าวเสร็จประตูห้องก็ปิดลงอย่างเงียบๆ ทำเอาพวกชายชราชุดเทาตัวแข็งค้างอยู่ตรงนั้น

เมื่อเห็นภาพนี้สีหน้าของผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นเหล่านี้ล้วนไม่น่าดูขึ้นเรื่อยๆ ต่างมองไปยังทางชายชราชุดเทา

ชายชราชุดเทาแค่นเสียงเย็น “ยังมัวอึ้งทำอะไรอยู่ ลงมือ!”

ชายร่างกำยำเผ่าปี้อั้นคนหนึ่งยกเท้าขึ้นเตรียมถีบประตูห้องเข้าไป เพียงแต่ยังไม่ทันถีบโดน เท้าขวาที่ยกขึ้นของเขาก็เกิดเสียงดังกร๊อบ กระดูกเส้นเลือดแตกระเบิด เงาร่างซวนเซคุกเข่าลงกับพื้น เจ็บจนร้องอู้อี้ออกมา

ชายชราชุดเทาหนังตากระตุก เขาถึงขั้นไม่สังเกตเห็นว่าอีกฝ่ายลงมืออย่างไรกันแน่!

“บังอาจ! บนเรือสมบัติของพวกเรายังกล้าจองหองขนาดนี้ รนหาที่ตาย!”

ผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นคนอื่นๆ ต่างก็เดือดดาล จากนั้นก็มีคนพุ่งพรวดขึ้นมาอีก หมายจะพังประตูห้องบุกเข้าไปข้างใน

ทว่าพร้อมๆ กับเสียงปึงๆๆ ระลอกหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นเหล่านี้ต่างถูกกำราบลงกับพื้น นอนระเนระนาดร้องครวญครางกันเป็นแถบ

นี่ทำให้ชายชราชุดเทาสูดหายใจเฮือก ตระหนักได้ว่าพบกับพวกร้ายกาจเข้าให้แล้ว

“สหาย เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาของการทำเช่นนี้หรือไม่” เขากัดฟันเอ่ยปาก เสียงอึมครึม “คนที่ล่วงเกินเผ่าปี้อั้นของข้า ไม่เคยมีจุดจบที่ดี!”

ประตูห้องเปิดออกเงียบๆ หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาดำลุ่มลึกไม่ทุกข์ไม่สุข “เจ้ารู้จุดจบของการล่วงเกินข้าคนแซ่หลินหรือไม่”

ชายชราชุดเทาโกรธจัดจนหัวเราะออกมา “ได้ เจ้ารอข้าก่อนเถอะ!”

กล่าวเสร็จก็สะบัดแขนเสื้อทำท่าจะเดินออกไป

แต่เพิ่งสาวเท้าออกมาก็ถูกมือใหญ่ข้างหนึ่งบีบคอจากด้านหลัง คว้าขึ้นมาเหมือนลูกไก่ก็ไม่ปาน

“เจ้าคิดจะทำอะไร!?” ชายชราชุดเทาตกใจยกใหญ่ เขาเป็นกึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง แต่ถึงกับไม่ทันแม้แต่จะตอบสนอง สิ่งนี้ทำให้เขามึนงงขึ้นมาเล็กน้อย

“ไปพบเจ้านายที่แท้จริงของเรือสมบัติลำนี้”

หลินสวินกล่าวพลางหิ้วชายชราชุดเทาคนนี้เดินออกไปด้านนอก

บนโถงทางเดินที่ทอดยาว ท่ามกลางห้องที่เบียดเสียดแน่นขนัด สิ่งมีชีวิตไม่รู้เท่าไหร่ถูกทำให้ตกใจ ชะโงกหน้าที่มีลักษณะแตกต่างกันออกมาสังเกตการณ์

ตอนที่มองเห็นภาพนี้ต่างตกใจหน้าถอดสีกันอย่างอดไม่ได้ เจ้าคนเผ่าวิญญาณเมฆานี่ก็ดุร้ายเกินไปแล้วกระมัง ถึงขั้นกล้าลงมือกับผู้แข็งแกร่งเผ่าปี้อั้นตรงๆ เชียว!

ควรรู้ว่าในแดนเจินหลง นอกจากเผ่าเจินหลงที่อยู่เหนือสุดดุจดั่งนายเหนือหัวแล้ว เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ที่ขนาบข้างเผ่าเจินหลงเหล่านั้นก็เป็นพวกที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องด้วยเช่นกัน

และเผ่าปี้อั้นก็คือหนึ่งในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่!

หลินสวินไม่ได้สนใจสายตาหลากหลายรูปแบบเหล่านั้น ยังคงหิ้วชายชราชุดเทาเดินตรงดิ่งไปบนเรือสมบัติชั้นหนึ่ง ตลอดทาง เรียกสายตาตกใจแกมสงสัยไม่รู้เท่าไหร่

ไกลออกไปโถงใหญ่อันวิจิตรหรูหราแห่งหนึ่งสะท้อนเข้าสู่ครรลองสายตา เบื้องหน้าโถงใหญ่มีองครักษ์มากมายยืนเฝ้าอยู่ แต่ละคนหนักแน่นขึงขัง กลิ่นอายดุดัน

เพียงแต่หลินสวินไม่ได้หยุดเท้า เดินมุ่งหน้าไปทางโถงใหญ่แห่งนั้น

และด้านหลังของเขา สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าไม่รู้เท่าไหร่เดินตามมานานแล้ว กำลังเฝ้าชมสถานการณ์ เห็นได้ชัดว่าการกระทำของหลินสวินเรียกความโกลาหลบนเรือเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“หยุดนะ!”

“เจ้า… ถึงกับกล้าลงมืออุกอาจกับรองผู้ดูแลเชียวหรือ”

องครักษ์กลุ่มหนึ่งที่เฝ้าอยู่นอกโถงใหญ่สังเกตเห็นหลินสวินที่เดินเข้ามา ยามเมื่อมองเห็นชายชราชุดเทาที่ถูกหลินสวินหิ้วอยู่ พวกเขาก็เกือบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

ตูม!

แต่ไม่รอให้พวกเขาเคลื่อนไหวใดๆ ยามเมื่อหลินสวินเดินมา แรงบีบคั้นอันน่าสะพรึงไร้รูปวูบหนึ่งก็แผ่กว้าง กำราบพวกเขาลงกับพื้นทีละคน ไม่มีใครลุกขึ้นยืนได้อีก!

“แข็งแกร่งนัก!”

“เผ่าวิญญาณเมฆามีพวกร้ายกาจเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

เสียงร้องอุทานตกใจระลอกหนึ่งดังขึ้นจากที่ไกลๆ ผู้แข็งแกร่งที่ตามหลังมาเหล่านั้นแต่ละคนล้วนตกใจไม่หยุด

องครักษ์บนเรือสมบัติแห่งนี้ล้วนมีปราณระดับอริยะขึ้นไป พวกที่ร้ายกาจบางส่วนยิ่งเป็นระดับราชันอริยะ ในสายตาของผู้แข็งแกร่งแต่ละเผ่าเหล่านั้น ล้วนเรียกว่าเป็นพวกที่น่าสะพรึงถึงขีดสุด

แต่ในสายตาของหลินสวิน…

กลับไม่ควรค่าให้ชายตาแลชัดๆ!

กลางโถงใหญ่ อันเจิงที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สมบัติจิบชาพลางรอฟังข่าวพลันขมวดคิ้ว การเคลื่อนไหวแปลกๆ ที่เกิดขึ้นด้านนอกโถงใหญ่ถูกเขารับรู้ในทันที

เขาเงยหน้าขึ้นมองไป ก็เห็นหลินสวินที่หิ้วชายชราชุดเทาเดินเข้ามาในโถงใหญ่

ครู่ต่อมาเขาก็ตระหนักได้ว่าเรื่องชักไม่เข้าที หยัดตัวขึ้นเต็มความสูง กล่าวด้วยสีหน้ามืดทะมึนว่า “สหายท่านนี้ นี่เจ้าคิดจะทำอะไร”

ปึง!

หลินสวินโยนชายชราชุดเทาคนนั้นออกไปเหมือนโยนขยะก็ไม่ปาน จากนั้นพอกวาดสายตาคราหนึ่งก็มองเห็นชายจากเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดคนนั้น

ฝ่ายหลังทำหน้ามึนงง คล้ายยังไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น

“ที่แท้ปลาลอดตาข่ายก็อยู่นี่นี่เอง” หลินสวินกล่าวพลางดีดนิ้วคราหนึ่ง

ชายเผ่าค้าวคาวเขียวกระหายเลือดที่ยังคงมืดแปดด้านคนนี้ร่างกายพลันระเบิดออก กลายเป็นเถ้าถ่านร่วงเกลื่อนพื้น ตายอย่างมึนงง

คราวนี้หลินสวินถึงมองไปทางอันเจิง กล่าวว่า “เจ้าก็คือเจ้าของเรือลำนี้หรือ”

อันเจิงที่เผชิญหน้ากับนัยน์ตาดำลุ่มลึกของหลินสวิน จากที่หยิ่งทะนงลำพองตนเรื่อยมา ในใจกลับเริ่มสั่นผวาระลอกหนึ่ง ขนลุกไปทั้งร่าง เหมือนถูกเทพแห่งความตายจับจ้อง

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งกล่าวว่า “เรือสมบัติลำนี้เป็นส่วนหนึ่งของเผ่าปี้อั้นของข้า การเดินเรือครั้งนี้มีข้าเป็นคนควบคุมดูแล สหายเจ้าน่าจะรู้ดี เผ่าปี้อั้นสามคำนี้มีความหมายว่าอย่างไร”

หลินสวินกล่าวเสียงเรียบ “พวกสวะเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดพวกนั้น ข้าเป็นคนฆ่าเองทั้งหมด ตอนนี้เจ้าจะจัดการตามกฎหรือไม่”

บรรยากาศบีบคั้น ภายในใจอันเจิงผุดความรู้สึกอับอายอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน สีหน้าวูบไหวไม่นิ่ง ตั้งแต่เล็กจนโต เขาฝึกปราณมาจนป่านนี้ เคยถูกข่มขู่เช่นนี้เสียเมื่อไหร่

แต่เขารู้ดียิ่ง ทั้งที่รู้ว่าที่นี่คือเรือสมบัติเผ่าปี้อั้นของพวกเขายังกล้าทำเรื่องเช่นนี้ ต้องไม่ใช่พวกจิตใจดีอะไรอย่างแน่นอน

เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง สายตามองนอกห้องโถงใหญ่ กล่าวตะโกนลั่น “ให้พวกที่ชมเรื่องสนุกพวกนั้นไสหัวไปซะ!”

น้ำเสียงกึกก้องดั่งฟ้าคำราม

นอกโถงใหญ่พลันเกิดเสียงแตกตื่นระลอกหนึ่ง สิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่าที่เดิมตั้งใจจะชมเรื่องสนุกพวกนั้น เผชิญหน้ากับอันเจิงที่กำลังมีโทสะ ต่างแยกย้ายกันจ้าละหวั่น ไม่นานก็อันตรธานหายไป

อันเจิงจัดปกเสื้อคราหนึ่ง ฝืนยิ้มพร้อมประสานมือคารวะกล่าวว่า “ผู้อาวุโส มีอะไรก็พูดกันดีๆ ก่อนหน้านี้หากล่วงเกินจุดใด ผู้น้อยอันเจิงจะชดใช้ให้ท่านเดี๋ยวนี้”

กล่าวพลางโค้งกายคารวะอย่างนอบน้อม

ต่อให้หลินสวินดูท่าทางยังหนุ่มหาใดเปรียบ แต่อันเจิงไม่กล้าฟันธงว่าเจ้าหมอนี่จะเป็นสัตว์ประหลาดเฒ่าที่อยู่มาไม่รู้กี่กาลเวลาแล้วหรือไม่ ฉะนั้นจึงใช้คำว่าผู้อาวุโสเรียกขาน

หลินสวินจ้องอันเจิงครู่หนึ่ง กล่าวว่า “เจ้ารู้จักอันเสวี่ยหรือไม่”

อันเจิงอึ้งงัน หยัดกายหลังตรงกล่าวว่า “นั่นก็คือท่านพี่ในเผ่าของผู้น้อยเอง”

อันเสวี่ย!

บุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่คนรุ่นเยาว์เผ่าปี้อั้น ผู้กล้าหญิงที่เลื่องชื่อในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่คนหนึ่ง ทั้งยังเป็นหนึ่งในมกุฎกึ่งจักรพรรดิที่มีจำนวนนับนิ้วได้ของแดนเจินหลงในปัจจุบัน!

ในเผ่าปี้อั้น ฐานะของอันเสวี่ยโดดเด่นหาใดเปรียบ ไม่ใช่คนที่ ‘น้องชายในเผ่า’ อย่างเขาจะเทียบชั้นได้

หลินสวินถาม “เช่นนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าวังมังกรที่เผ่าเจินหลงพักอาศัยอยู่ที่ใด”

อันเจิงส่ายหน้า เห็นได้ชัดว่าซื่อตรงยิ่ง “วังมังกรเป็นเขตหวงห้ามที่ลึกลับที่สุดในแดนเจินหลง หนำซ้ำหากไม่มีการเชื้อเชิญ ต่อให้รู้ที่ตั้งของวังมังกรก็ไม่สามารถไปถึงได้”

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท