Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2231 ประสบการณ์อันหลู่เกียรติ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2231 ประสบการณ์อันหลู่เกียรติ

ตอนที่ 2231 ประสบการณ์อันหลู่เกียรติ

เสียงหญิงชุดม่วงเพิ่งสิ้นสุด ร่างของนางก็กลายเป็นเถ้าถ่านปลิวลอยภายใต้นิ้วมือของหลินสวิน

และพร้อมกันนั้นจิตรับรู้ของหลินสวินก็แผ่กว้าง ในคฤหาสน์นี้มีผู้แข็งแกร่งเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดสิบเก้าคนกระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ล้วนตายอนาถเงียบๆ อย่างไร้สุ้มเสียง

จากนั้นหลินสวินก็ทอดสายตามองไปทางอิ๋นฮวน ดีดนิ้วคราหนึ่ง พลังชีวิตอบอุ่นวูบหนึ่งก็ทะลักเข้าสู่ร่างของอิ๋นฮวน

สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่าบาดเจ็บทั่วร่างของนางกลับสู่ภาพปกติด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ สีหน้าที่แต่เดิมซีดขาวโปร่งแสงก็เต็มไปด้วยพลังชีวิตและความมีชีวิตชีวา

ถึงขั้นที่แม้แต่โรคเรื้อรัง แผลมหามรรคภายในร่างนางยังถูกซ่อมแซมกลับมาทั้งหมด

“ไม่!”

ผ่านไปครู่หนึ่งอิ๋นฮวนส่งเสียงกรีดร้องอย่างตื่นกลัวออกมา ดิ้นรนรุนแรงสุดแรงเกิด

“แม่นางอิ๋นฮวน ไม่เป็นไรแล้ว” หลินสวินยื่นมือออกมากดไหล่นางเอาไว้ น้ำเสียงดุจเสียงแห่งมหามรรค ปัดเป่าความร้อนรนและตื่นกลัวภายในใจอิ๋นฮวน

คราวนี้ร่างอรชรที่บิดเกร็งขัดขืนของนางจึงสงบลงมา ราวกับเพิ่งตื่นจากฝัน สายตาที่ว่างเปล่าและเฉยชาค่อยๆ คืนสู่แววตาเหมือนที่ผ่านมา ได้สติอย่างสิ้นเชิง

“หลิน… หลินสวิน? เหตุใดจึงเป็นเจ้า… ข้าไม่ได้ฝันไปกระมัง” มองดูใบหน้าคุ้นเคยของหลินสวิน แววตาของอิ๋นฮวนวูบไหวระลอกหนึ่ง อดสงสัยว่าตนกำลังฝันไปไม่ได้

“ข้าเอง ตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

สิ่งนี้ทำให้ในใจหลินสวินก็ทอดถอนใจเช่นกัน ในฐานะผู้สืบทอดสำนักเร้นฤทธิ์เทพ บุคคลชั้นยอดแห่งยุคที่องค์ชายเจ็ดเผ่าเจินหลงอ๋าวเจิ้นเทียนรักถนอม หลังจากเข้าสู่แดนเจินหลง กลับไม่รู้ว่าผ่านความลำบากน่าอนาจแบบไหน ถึงกับตกอยู่ในสภาพทาสที่ใครๆ ต่างสามารถกรีดเฉือนและเหยียบย่ำอย่างอุกอาจ

ประสบการณ์เช่นนี้อำมหิตเกินไป!

เนิ่นนานคราวนี้อิ๋นฮวนจึงกล้าเชื่อว่าเรื่องทั้งหมดนี้เป็นความจริง นางควบคุมอารมณ์ภายในใจไม่ได้อีกต่อไป โผเข้าสู่อ้อมกอดหลินสวิน เริ่มร้องไห้ฟูมฟาย หยาดน้ำตาสุกใสวาววับร่วงเผาะลงมาราวกับไข่มุก

จนกระทั่งนางระบายอารมณ์ภายในใจออกมาผ่านการร้องไห้จนพอแล้ว หลินสวินถึงเอ่ยถาม “ปีนั้นหลังจากพวกเจ้ามาแดนเจินหลง เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

อิ๋นฮวนสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง นั่งตัวตรง เช็ดหางตาที่บวมแดงกล่าวว่า “พี่หลิน ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงแม่นางจิ่งเซวียน แต่เจ้าวางใจเถอะ นางไม่เป็นไร”

จิตใจที่บีบรัดของหลินสวินถึงผ่อนคลายลงไม่น้อย

ครู่ต่อมาอิ๋นฮวนกฌเล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบให้ฟัง

เมื่อหลายสิบปีก่อน หลังจากที่นางและอ๋าวเจิ้นเทียนพาจ้าวจิ่งเซวียนมาแดนเจินหลงด้วยกัน ยังไม่ได้เกิดเหตุเหนือคาดอะไรขึ้น

ภายใต้การจัดแจงของเผ่าเจินหลง จ้าวจิ่งเซวียนมีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรอย่างราบรื่น

ทว่าในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรกลับเกิดเหตุพลิกผันครั้งใหญ่อย่างหนึ่งขึ้น ทำให้เรื่องทั้งหมดนี้ล้วนเปลี่ยนแปลงไป…

อิ๋นฮวนเป็นเผ่ามนุษย์ ไม่มีคุณสมบัติเข้าร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร จนกระทั่งงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรปิดม่าน นางถึงได้รู้ว่าข่าวที่เกี่ยวกับงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรถูกปกปิดอย่างสิ้นเชิง นอกจากคนใหญ่คนโตระดับสูงของเผ่าเจินหลงก็ไม่มีใครล่วงรู้ ว่าในงานใหญ่ครั้งนี้เกิดเหตุพลิกผันอะไรขึ้นกันแน่

ที่ยิ่งทำให้อิ๋นฮวนงงงันก็คือ ไม่ว่าจ้าวจิ่งเซวียนหรืออ๋าวเจิ้นเทียน ถึงกับถูกชาวเผ่าจัดการให้เข้าไปปิดด่านใน ‘บ่อมังกรแรกเริ่ม’ ตรงๆ

ส่วนอิ๋นฮวนก็พบกับการขับไล่ของเผ่าเจินหลง!

กล่าวถึงตรงนี้อิ๋นฮวนเผยสีหน้าหดหู่และเดือดดาลออกมา “ตอนนั้นข้าไม่เข้าใจสักนิดว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ถูกองค์ชายสี่เผ่าเจินหลงอ๋าวเสวียนเฟิงจับตัว พาข้าออกจากวังมังกรแล้ว”

“จนกระทั่งสุดท้ายอ๋าวเสวียนเฟิงถึงได้บอกว่า ผู้หญิงเผ่ามนุษย์อย่างข้าไม่คู่ควรกับอ๋าวเจิ้นเทียนน้องเขาสักนิด ให้ข้า… ไสหัวออกไปยิ่งไกลยิ่งดี…”

สีหน้าของอิ๋นฮวนเผยแววอับอายแกมโกรธ กัดฟันกรอด “ซ้ำยังบอกว่าหากข้ายังกล้าโผล่มาอีก จะขยี้ข้าไม่ให้เหลือกระดูกอีกด้วย…”

นัยน์ตาดำของหลินสวินเยียบเย็น เขารู้ดียิ่งว่าอ๋าวเจิ้นเทียนและอิ๋นฮวนรักกันจากใจจริง ความรู้สึกของทั้งคู่มั่นคงหาใดเปรียบ

ตอนที่อยู่ดินแดนรกร้างโบราณ อ๋าวเจิ้นเทียนเคยบอกว่าหลังกลับไปแดนเจินหลงจะแจ้งเรื่องของเขาและอิ๋นฮวนต่อผู้อาวุโสในเผ่า ไม่ว่าจะพบเจอเรื่องยากลำบากอะไรก็จะสู่ขออิ๋นฮวนเป็นภรรยาให้ได้

แต่อิ๋นฮวน… กลับถูกเผ่าเจินหลงขับไล่!

ดังคาด เผ่าเจินหลงไม่คิดจะตกลงเรื่องการแต่งงานครั้งนี้สักนิด

“ต่อมา…”

สายตาของอิ๋นฮวนผุดแววเจ็บปวดขมขื่นออกมา นางในเวลาต่อมาเหมือนคนน่าเวทนาที่ถูกฟ้าดินทอดทิ้ง ใช้ทุกวิถีทางพยายามไปหาอ๋าวเจิ้นเทียนอีกครั้ง

แต่สุดท้ายก็เปลืองแรงเปล่า

เนื่องจากนางเป็นเผ่ามนุษย์ ไม่ว่าไปที่ไหนล้วนพบเจอการกดข่มและย่ำยีจากสิ่งมีชีวิตแต่ละเผ่า หากไม่ใช่เพราะนางมีมรรควิถีระดับมกุฎราชัน เกรงว่าคงประสบเคราะห์ไม่รู้เท่าไหร่นานแล้ว

และก่อนหน้านี้ไม่นาน นางถูกผู้แข็งแกร่งระดับกึ่งจักรพรรดิของ ‘เผ่าจักรพรรดิป้าเซี่ย’ หนึ่งในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่หมายหัว ถูกกำราบอย่างอนาถ จากนั้นก็ถูกขายเป็น ‘สินค้า’ ให้แก่เผ่างูนิลดำ ต่อมาก็ถูกเผ่าค้างคาวเขียวกระหายเลือดแย่งชิงมาไว้ในมือ…

กล่าวเสร็จอิ๋นฮวนก็อดน้ำตาหลังรินอีกรอบไม่ได้

วันเวลาหลายปีมานี้ที่เร่ร่อนในแดนเจินหลงเหมือนกับฝันร้ายฉากหนึ่งชัดๆ สร้างแรงโจมตีที่เกือบจะพังทลายให้แก่นาง

หลินสวินได้ฟังเรื่องทั้งหมดนี้ในใจก็อุบัติเพลิงโทสะขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุม มกุฎราชันอริยะคนหนึ่ง หากอยู่ในดินแดนรกร้างโบราณก็เป็นผู้ที่น่าเคารพนับถือและสะดุดตาปานใด ต่อให้อยู่ในทางเดินโบราณฟ้าดารา ก็ยังเรียกได้ว่าเป็นบุคคลทรงอิทธิพลในโลกแห่งหนึ่งได้แล้ว

แต่ในแดนเจินหลงแห่งนี้ อิ๋นฮวนกลับถูกทำร้ายบาดเจ็บหลายครั้ง ถูกบีบคั้นรังแกอย่างอุกอาจ เรื่องทั้งหมดนี้เผ่าเจินหลงจะต้องมีส่วนรับผิดชอบอย่างไม่อาจบ่ายเบี่ยง ขณะเดียวกันนี่ก็เกี่ยวข้องกับสถานะเผ่ามนุษย์ของนางด้วย!

หลินสวินทอดถอนใจในใจ ‘หากรู้เช่นนี้แต่แรก ข้าก็ไม่ควรให้จิ่งเซวียนมาเลย…’

ถึงแม้จ้าวจิ่งเซวียนจะมีสายเลือดเจินหลง มารดาเป็นน้องสาวของหัวหน้าเผ่าเจินหลงคนปัจจุบัน แต่ถึงอย่างไรบนตัวนางก็ยังมีสายเลือดเผ่ามนุษย์อยู่ ตอนนี้นางอยู่ในเผ่าเจินหลงนั่น จะได้รับการปฏิบัติอย่างไรกันเล่า

“แม่นางอิ๋นฮวน เจ้ารู้เส้นทางมุ่งหน้าไปวังมังกรหรือไม่” หลินสวินถาม

อิ๋นฮวนส่ายหน้า “พี่หลิน สถานที่ตั้งวังมังกรแห่งนั้นลึกลับเป็นที่สุด ไม่มีการเชิญจากเผ่าเจินหลง ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิก็ไม่สามารถเข้าไปได้”

หลินสวินพลันผิดหวังอยู่บ้าง เขาสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ฝืนระงับความกังวลใจที่มีต่อจ้าวจิ่งเซวียนเอาไว้ กล่าวว่า “ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่ควรอยู่นานๆ ข้าพาเจ้าออกไปก่อนแล้วกัน”

อิ๋นฮวนพยักหน้า

หลินสวินลงมือ พาผู้แข็งแกร่งเผ่ามนุษย์ที่ถูกกักขังเหมือนกับอิ๋นฮวนพวกนั้นออกไปทั้งหมด ถึงค่อยจากไปพร้อมกับอิ๋นฮวน

“พี่หลิน เจ้ามาที่แดนเจินหลงได้อย่างไร” ระหว่างทางอิ๋นฮวนอดเอ่ยถามไม่ได้

หลินสวินกล่าว “ในใจข้าเฝ้าคิดถึงจิ่งเซวียน”

แววตาของอิ๋นฮวนซับซ้อน ทอดถอนใจกล่าวว่า “น้องจิ่งเซวียนมีคู่บำเพ็ญเช่นเจ้าช่างโชคดีปานใด”

จากนั้นสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย กล่าวว่า “พี่หลิน เผ่าเจินหลงรังเกียจการแต่งงานกับคนนอกเผ่าเป็นที่สุด ครั้งนี้หากเจ้ามีโอกาสไปวังมังกรจริงๆ ก็ต้องเตรียมพร้อมให้ดี”

นางนึกถึงประสบการณ์หลู่เกียรติที่ตนถูกขับไล่ขึ้นมา

นัยน์ตาดำของหลินสวินหรี่ลง กล่าวว่า “ข้าเข้าใจ”

พูดคุยกับอีกพักหนึ่ง เห็นว่าอิ๋นฮวนอ่อนล้า สีหน้าท่าทางซึมเซา จึงเชิญนางเข้าไปสงบจิตในเจดีย์ไร้สิ้นสุด ส่วนตัวเขาก็ย้อนกลับไปยังจุดนัดพบที่นัดหมายอันเจิงไว้ก่อนหน้า

ฟ้าเริ่มมืดแล้ว สีราตรีแผ่ลามเข้ามาดุจดั่งกระแสน้ำเชี่ยว

บนเกาะเทพรุ้งมรกตทุกแห่งหนจุดโคมสว่างโร่ เจิดจ้าส่องแสง สว่างราวกับกลางวัน เงาโคมงดงามประดับประดาทั่วทั้งเกาะจนราวกับภาพฝันมายา

หลินสวินยืนอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง ถือน้ำเต้าสุราดื่มคนเดียว เงาร่างสันโดษไม่เข้ากับบรรยากาศครึกครื้นจอแจในบริเวณนั้นสักนิด

เกาะเทพรุ้งมรกตในตอนกลางคืนถึงขั้นคึกคักยิ่งกว่าตอนกลางวัน สิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลายเดินสวนกันบนท้องถนนที่แน่นขนัดดุจใยแมงมุม เสียงร้องเรียกเร่ขายดังก้องหูไม่ว่างเว้น

มาแดนเจินหลงจนถึงตอนนี้ ผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว

แต่ทุกสิ่งที่ได้ยินได้เห็นในช่วงครึ่งเดือนนี้กลับทำให้ในใจหลินสวินรู้สึกรังเกียจและไม่ชอบใจ ในอกก็เหมือนถูกหินกดทับ

เผ่ามนุษย์ต่ำต้อย ตกอับกลายเป็นทาส ปล่อยให้ใครต่อใครเข่นฆ่าและเหยียบย่ำ สิ่งที่ได้ยินตลอดทางนี้เสมือนกำลังพิสูจน์ ว่าสถานการณ์ของเผ่ามนุษย์น่าอนาถปานใด

หากแค่เท่านี้ก็ช่างเถิด

แต่ตอนนี้เมื่อได้รู้ถึงเรื่องการพลิกผันครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร ได้รู้ประสบการณ์หลู่เกียรติที่อิ๋นฮวนประสบพบเจอ ทำให้หลินสวินยังอดสงสัยไม่ได้ ว่าการไปเผ่าเจินหลงครั้งนี้เป็นไปได้สูงว่าคงจะไม่ราบรื่นแล้ว!

หลินสวินร่ำสุราเงียบๆ นัยน์ตาดำค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าหนทางเบื้องหน้าของเขาจะทุลักทุเลปานใด ครั้งนี้ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพาจิ่งเซวียนไปให้ได้!

จนกระทั่งกลางดึกใกล้ยามจื่อ ในที่สุดงานประมูลที่เอิกเกริกเป็นประวัติการณ์นั้นในหอคันฉ่องสวรรค์ก็ปิดม่านลง

‘วารีแรกปฐม’ ในฐานะตัวเอกสุดท้ายปรากฏตัว หลังผ่านการช่วงชิงอย่างดุเดือดรอบแล้วรอบเล่า สุดท้ายก็ถูกประมูลออกไปในราคาสูงลิ่วขนาดที่สามารถทำให้ระดับจักรพรรดิคนใดก็ตามอกสั่นขวัญผวา ถูกอันเจิงจากเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นคว้าไปครอง!

ตอนที่จัดการเรื่องนี้เสร็จ อันเจิงก็ทิ้งตัวทรุดนั่งบนเก้าอี้ประหนึ่งปลดเปลื้องพันธนาการ ภายในใจฮึกเหิมและตื่นเต้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาได้ลิ้มรสถึงสิ่งที่เรียกว่า ‘ใจป้ำ’!

ศาสตราจักรพรรดิเหล่านั้นถูกเขาโยนออกไปชิ้นแล้วชิ้นเล่าเหมือนไม่เสียดายเงิน สร้างความสะท้านสะเทือนในที่นั้นไม่รู้เท่าไหร่

ยิ่งไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไหร่อิจฉา ริษยา บ้าคลั่งเพราะเหตุนี้!

รสชาติเช่นนั้นไม่ต้องพูดเลยว่าอิ่มเอมใจขนาดไหน ทำเอาอันเจิงในเวลานี้ยังรู้สึกติดใจไม่สิ้นอยู่บ้าง

อันที่จริงในคืนนี้เขาอันเจิงก็โด่งดังอย่างสิ้นเชิงแล้ว กึ่งจักรพรรดิคนหนึ่ง กลับโยนศาสตราจักรพรรดิหลายชิ้นสิบ สมบัติและเจตวัตถุกองพะเนินปานภูเขาออกมา และคว้าวารีแรกปฐมไปครองได้ในที่สุด ทำให้ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นยังอิจฉาและจนคำพูด

ส่วนผู้แข็งแกร่งที่ถือกำเนิดมาจากเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นเช่นเดียวกันอันเจิงเหล่านั้น ต่างก็ปากอ้าตาค้างเช่นกัน ล้วนไม่กล้าเชื่อว่าอันเจิงถึงกับเปลี่ยนเป็น… ร่ำรวยใจใหญ่เช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่!

และมีพวกที่ในใจคิดไม่ซื่อส่วนหนึ่ง เดิมตั้งใจว่าหลังงานประมูลสิ้นสุดก็จะลงมือกับเจ้าคนที่คว้าวารีแรกปฐมไป

ไหนเลยจะคาดคิด ตอนที่ได้รู้ว่าผู้ชนะคนสุดท้ายเป็นทายาทเลือดบริสุทธ์ของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น แต่ละคนต่างพากันโกรธจนหน้าเขียว ไม่อาจไม่ล้มเลิกความคิดดักปล้น

ที่นี่คือเกาะเทพรุ้งมรกต เป็นอาณาเขตของเผ่าจักรพรรดิปี้อั้น!

หากเป็นหลินสวินที่ใช้ฐานะผู้แข็งแกร่งเผ่าวิญญาณเมฆามาเข้าร่วม บางทีต่อให้สุดท้ายสามารถประมูลวารีแรกปฐมไปได้ แต่จะต้องเรียกความวุ่นวายและระลอกคลื่นมากมายขึ้นเป็นแน่

นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมเขาให้อันเจิงไปช่วย

ถึงแม้หลินสวินจะยืนอยู่ท่ามกลางทะเลคน แต่จิตรับรู้กลับแผ่ครอบอยู่แถวๆ หอคันฉ่องสวรรค์แห่งนั้น เก็บภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ไว้ในสายตานานแล้ว ในใจก็อดถอนหายใจโล่งอกไม่ได้

ครั้งนี้คว้าวารีแรกปฐมมาได้ ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่เหนือคาดอย่างหนึ่งจริงๆ

ถึงอย่างไรสมบัติระดับนี้ก็เป็นหนึ่งในเจตวัตถุสำคัญ ที่สามารถควบรวม ‘ต้นอ่อนต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด’ ได้!

หืม?

แต่ไม่ทันไรหัวคิ้วของหลินสวินก็ขมวดมุ่น

ในจิตรับรู้ของเขา ตอนที่อันเจิงเพิ่งเดินออกจากหอคันฉ่องสวรรค์ ก็ถูกเฒ่าชราเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นสองคนที่รออยู่ตรงนั้นพาตัวไปแล้ว!

……………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท