Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2235 แผนการของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2235 แผนการของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่

ตอนที่ 2235 แผนการของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่

มองส่งเต่าดำหนวดมังกรบรรทุกตำหนักรวมถึงหลินสวินที่อยู่ในตำหนักนั้นเหินทะยานขึ้นสู่นภาคราม คราวนี้สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอันเทียนสุ่ยจึงเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน

“หลินเต้ายวนนั่น… จับตัวจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรไปหรือ นี่เขาคิดจะทำอะไร”

มีคนใจสั่นรัว

“คนที่เกือบจะฆ่าล้างเผ่าจักรพรรดิเจินโห่ว ซ้ำตอนนี้ยังผูกแค้นกับคนใหญ่คนโตเผ่าเจินหลงอีก นี่เหมือนเล่นกับไฟชัดๆ”

มีคนตกใจไม่สิ้น

“เรื่องนี้เกิดขึ้นบนเกาะเทพรุ้งมรกตของเผ่าปี้อั้นของพวกเรา หากถูกเผ่าเจินหลงรู้เข้า เกรงว่าพวกเราก็ยากจะหนีการข้องเกี่ยวพ้นนะ”

มีคนเผยแววหวั่นวิตกออกมา

“ผู้อาวุโสท่านนั้นถึงกับไปทั้งอย่างนี้แล้ว…”

อันเจิงก็เห็นภาพเหตุการณ์นี้เช่นกัน อดงุนงงไปพักหนึ่งไม่ได้ มีแต่เขาที่รู้ดี หลินสวินตั้งใจจะมุ่งหน้าไปวังมังกร!

เพียงแต่เขากลับคิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเลือกใช้วิธีดุดันเช่นนี้

“อันเสวี่ย เจ้ารู้ความผิดหรือไม่!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกอันเทียนสุ่ย อันเทียนหลินย้อนกลับมายังโถงใหญ่ เมื่อมองเห็นอันเสวี่ย แต่ละคนก็สีหน้าย่ำแย่หาใดเปรียบ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ในความคิดพวกเขา เรื่องในวันนี้ล้วนเกิดขึ้นเพราะอันเสวี่ยคนเดียว!

อันเสวี่ยเอ่ยถามทันที “ท่านลุง ตอนนั้นที่พวกท่านแจ้งมรรคกลายเป็นจักรพรรดิ ก็ลงนามประทับลายมือบนยันต์สีทองนั่นด้วยหรือ”

พวกอันเทียนสุ่ยต่างสบสายตากัน ล้วนแค่นเสียงเย็นไม่หยุด เห็นได้ชัดว่ายอมรับโดยปริยาย

“ส่งชะตาชีวิตให้คนอื่นจับกุม ถึงแลกมาซึ่งหนทางแห่งการบรรลุจักรพรรดิ มิน่าพวกท่านถึงได้หวาดกลัวผู้แข็งแกร่งเผ่าเจินหลงขนาดนั้น”

อันเสวี่ยถอนหายใจเบาๆ

“อันเสวี่ย! เจ้าไม่รู้สำนึก ถึงขั้นยังกล้าถากถางพวกข้าอีกหรือ” พวกอันเทียนสุ่ยต่างสีหน้าไม่น่าดู คิดว่าอันเสวี่ยกำลังถากถางคนแก่อย่างพวกเขาอยู่

“ข้าไม่ได้ถากถาง เพียงแต่กำลังอธิบายความจริง ชะตาชีวิตถูกคนบงการ ต่อให้บรรลุจักรพรรดิแล้วอย่างไร ไม่ใช่ว่ายังต้องพินอบพิเทาเอาใจเผ่าเจินหลงนั่นอยู่อีกหรือ”

อันเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง กล่าวว่า “แต่ข้าไม่เหมือนกัน ไม่จำเป็นต้องไปลงนามยันต์ที่เหมือนสัญญาขายตัวนั่น ข้าก็บรรลุจักรพรรดิได้!”

อันเทียนสุ่ยเดือดจัดจนหัวเราะ “เบาปัญญา! ไม่เพียงเผ่าปี้อั้นของพวกเรา ในบรรดาเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ทั้งหมด ไม่ว่าใครที่อยากบรรลุจักรพรรดิก็ต้องขอความช่วยเหลือจากเผ่าเจินหลงทั้งนั้น และมีแต่ต้องลงนามใน ‘ยันต์ชะตาชีวิต’ นั่น เผ่าเจินหลงถึงจะให้การช่วยเหลือ”

“สถานการณ์เช่นนี้เริ่มมาตั้งแต่เมื่อหนึ่งแสนปีก่อนสมัยจักรพรรดิมังกรหมิงหลัว และดำรงสืบมาจนปัจจุบัน ไม่เคยมีใครเปลี่ยนแปลงได้! และยิ่งไม่มีใครทำลายกฎเหล็กข้อนี้ได้!”

“แม้แต่เจ้า… ก็ไม่ได้!”

กล่าวถึงตอนสุดท้ายเสียงของอันเทียนสุ่ยก็เจือแววเคืองขุ่น หากไม่ใช่เพราะถูกบีบบังคับ ปีนั้นพวกเขามีหรือจะเต็มใจมอบชะตาชีวิตให้ผู้อื่นควบคุม

อันเสวี่ยใคร่ครวญครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “ความช่วยเหลือจากเผ่าเจินหลง… คืออะไรกันแน่”

อันเทียนสุ่ยกล่าวเย็นเยียบ “นั่นเป็นมรดกต้องห้ามที่เป็นของเผ่าเจินหลงอย่างหนึ่ง มีชื่อเรียกว่า ‘มังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร’ จำเพาะเจาะจงไปที่มรดกสูงสุดซึ่งเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ต่างมีในครอบครอง มรดกต้องห้ามระดับนี้ครอบครองโดยผู้อาวุโสเผ่าเจินหลงเรื่อยมา และก็เพราะอาศัยมรดกนี้ เผ่าเจินหลงจึงสามารถควบคุมและสั่งการเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ของพวกเราได้จนบัดนี้ ตอนนี้เจ้าเข้าใจแล้วกระมัง”

อันเสวี่ยตะลึงงัน นางตระหนักได้ทันทีว่าผู้อาวุโสหลินเต้ายวนคนนั้น เป็นไปได้สูงว่าจะเป็นพวกที่ครอบครองมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรคนหนึ่ง!

เพียงแต่มรดกที่เหมือนสิ่งต้องห้ามระดับนี้ จะถูกคนที่นอกเหนือจากผู้อาวุโสเผ่าเจินหลงครอบครองได้อย่างไร

“ตอนนี้เจ้ารู้หรือยังว่าก่อหายนะใหญ่ขนาดไหนขึ้น ไม่เพียงเจ้าที่พลาดโอกาสบรรลุจักรพรรดิ ยังทำให้พวกเราเผ่าปี้อั้น… ล่วงเกินเผ่าเจินหลงกันหมดอีกด้วย!”

อันเทียนสุ่ยกล่าวถึงตรงนี้ก็โกรธจนหน้าอกกระเพื่อม “เรื่องนี้หากให้พ่อของเจ้ากับผู้อาวุโสในเผ่าพวกนั้นรู้เข้า เจ้า… รับผิดชอบไม่ไหวเป็นแน่!”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างก็สีหน้าเยียบเย็น อัดอั้นเต็มทรวง

“ท่านลุงทุกท่าน พวกท่านดู” จู่ๆ อันเสวี่ยสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ขยับมือควบรวมประทับปี้อั้นสายหนึ่งออกมา ปลดปล่อยแสงมรรคเจิดจ้าแสบตา ท่ามกลางความเลือนรางดุจดั่งมีเงามายาปี้อั้นสายหนึ่งปรากฏขึ้น เหยียบทลายฟ้าดารา ปั่นป่วนทั่วหล้า!

แรกเริ่มเดิมทีพวกอันเทียนสุ่ยยังไม่เข้าใจความหมายของอันเสวี่ย แต่หลังจากจับจ้องประทับปี้อั้นสายนี้โดยละเอียด พวกเขาแต่ละคนต่างอึ้งค้างไป

มีหรือพวกเขาจะจำไม่ได้ นี่คือประทับปี้อั้นที่มีนัยเร้นลับแกนหลัก สมบูรณ์แบบไร้ที่ติสายหนึ่ง!?

“เจ้า… เหตุใดถึง… นี่เป็นไปไม่ได้สิ…”

พวกอันเทียนสุ่ยต่างมึนงงไปบ้าง ต่างซักไซ้ “นี่เรื่องเป็นมาอย่างไรกันแน่”

อันเสวี่ยลอบกล่าวในใจ ‘ผู้อาวุโสหลิน ท่านจากไปแล้ว และคงไม่มีปัญหาอะไรสาวไปถึงตัวท่านได้ หวังว่าท่านจะให้อภัย…’

จากนั้นนางกัดฟันคราหนึ่ง บอกเล่าเรื่องที่ตนและอันเจิงได้รับการชี้แนะจากหลินสวินให้ฟังทั้งหมด

และหลังจากรู้เรื่องทั้งหมดนี้ พวกอันเทียนสุ่ยต่างแทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

ครู่ใหญ่ให้หลังพวกเขาเรียกอันเจิงมา ให้เขาสำแดงนัยเร้นลับของประทับปี้อั้นครั้งหนึ่ง คราวนี้ในที่สุดจึงกล้าเชื่อว่าทั้งหมดนี้… คือเรื่องจริง!

“กล่าวเช่นนี้ หลินเต้ายวนนั่นไม่ใช่ว่าครอบครองมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรไปแล้วหรอกหรือ” อันเทียนสุ่ยสูดหายใจสะท้าน เขารู้ดียิ่งว่าความจริงข้อนี้น่าตกใจปานใด

ลองเปรียบเทียบให้ดู ผู้ฝึกปราณของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ บนตัวล้วนมีโซ่ตรวนไร้รูปสายหนึ่ง พันธนาการพวกเขาให้ไม่สามารถแตะต้องธรณีประตูบรรลุจักรพรรดิได้

และมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรที่ถูกเผ่าเจินหลงครอบครองนี้ ก็เปรียบเสมือนกุญแจดอกหนึ่งที่สามารถปลดเปลื้องโซ่ตรวนทั้งหมดบนตัวของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ได้!

เดิมทีหนึ่งแสนปีมานี้ กุญแจดอกนี้ควบคุมโดยเผ่าเจินหลงตลอดมา ผู้ฝึกปราณในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่คิดอยากบรรลุจักรพรรดิก็มีแต่ต้องมอบชีวิตเชื่อฟัง มอบชะตาชีวิตให้เผ่าเจินหลงควบคุม

ทว่าตอนนี้ กุญแจดอกนี้กลับไม่ใช่เพียงดอกเดียวอีกต่อไป อีกดอกหนึ่งปรากฏอยู่ในมือผู้ฝึกปราณที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเผ่าเจินหลงอย่างสิ้นเชิง!

นี่ก็หมายความว่า ขอเพียงเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ลงมือ แย่งชิงกุญแจดอกนี้มาไว้ในมือ ก็สามารถคลี่คลายปัญหาโซ่ตรวนบนตัวได้อย่างสิ้นเชิง!

ถึงตอนนั้นใครจะโง่เง่าถึงขึ้นมอบชะตาชีวิตให้เผ่าเจินหลงควบคุมอยู่อีก

“นี่คือโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของเผ่าอย่างหนึ่ง!”

อันเทียนหลินฮึกเหิมจนลมหายใจหอบหนัก มือเท้าสั่นระริก

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างก็เป็นเช่นนี้เหมือนกัน บางทีชั่วชีวิตนี้พวกเขาอาจไม่สามารถควบคุมชะตาชีวิตของตน แต่ขอเพียงคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้ คนรุ่นต่อไปของเผ่าก็สามารถทุบทำลายโซ่ตรวนนี้ได้อย่างสิ้นเชิง!

เนิ่นนานหลังจากอันเทียนสุ่ยสงบอารมณ์ก็อดกล่าวอย่างหัวเสียไม่ได้ “เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เสวี่ยเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกแต่แรกเล่า รู้เช่นนี้แต่แรก ต่อให้ต้องงัดทุกวิธีพวกข้าก็จะรั้งหลินเต้ายวนนั่นเอาไว้ และปฏิบัติกับเขาอย่างแขกกิตติมศักดิ์ที่สุด”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนอื่นๆ ต่างก็จนคำพูดไปพักหนึ่งเช่นกัน

อันเสวี่ยกล่าวเสียงเบา “ไม่ใช่ข้าไม่อยากพูด หากแต่ผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ให้พูด เขาเดาได้แต่แรกว่าหากพูดออกไปจะต้องนำพาคลื่นลมมามากมายแน่”

อันเทียนสุ่ยกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “หรือเจ้าคิดว่าพวกเราจะลงมือไปช่วงชิงมาอย่างนั้นหรือ”

อันเสวี่ยกล่าวอย่างจริงจัง “หากผู้อาวุโสท่านนั้นไม่ตกลง พวกท่านจะอดใจไม่ลงมือได้หรือ”

พวกอันเทียนสุ่ยมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็ยิ้มขื่นทอดถอนใจ ก็จริง อยู่ต่อหน้าโอกาสที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตคนทั้งเผ่าเช่นนั้น พวกเขา… อาจจะอดไม่ไหวทำเช่นนี้ลงไปจริงๆ!

อันเสวี่ยรีบกล่าว “แต่ว่าท่านลุงทุกท่านวางใจได้ ผู้อาวุโสท่านนั้นเคยบอกว่า หากครั้งนี้เขาสามารถกลับจากเผ่าเจินหลงได้อย่างราบรื่น บางทีอาจจะไปพูดคุยเรื่องนี้กับพวกคนใหญ่คนโตของเผ่าเรา”

พวกอันเทียนสุ่ยใจสะท้านทันที

ทว่าเมื่อนึกถึงว่าก่อนหน้านี้หลินสวินถึงขั้นกล้าจับตัวจักรพรรดิมังกรพลิกสมุทรไป พวกอันเทียนสุ่ยต่างก็เศร้าซึมอีกรอบ

ต่อให้ครั้งนี้หลินเต้ายวนนี่สามารถไปถึงวังมังกร แล้วมีหรือจะเดินออกมาได้อย่างราบรื่น

“ไม่ว่าอย่างไรเรื่องนี้ก็ต้องรายงานผู้นำทันที”

อันเทียนสุ่ยตัดสินใจ “หากเป็นไปได้ ทำให้ทั้งเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่รู้เรื่องนี้ให้หมดจะดีที่สุด ให้พวกเขารู้ว่าหลินเต้ายวนนี่คือคนที่สามารถเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเราเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ได้ หากเกิดเรื่องกับเขา โอกาสนี้ก็จะจบสิ้น…”

นิ่งไปพักหนึ่งสายตาเขาฉายประกาย กล่าวเสียงต่ำลึก “เมื่อเป็นเช่นนี้ บางทีเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่อาจช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่ก็จะไม่มองดูหลินเต้ายวนถูกเผ่าเจินหลงฆ่าตายตาปริบๆ แน่!”

ทุกคนต่างลอบพยักหน้า

ในกาลเวลาที่ผ่านมานี้ ชาวเผ่ามากมายในเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ ล้วนถูกส่งไปทำหน้าที่เป็นองครักษ์บ้าง ข้ารับใช้บ้างในวังมังกร

หากหลินเต้ายวนนั่นพบเจออะไรที่สุดวิสัยในวังมังกรแห่งนั้น บางทีเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ของพวกเขาอาจสามารถเคลื่อนพลส่วนนี้เข้าช่วยเหลือเขาในวังมังกรนั่นได้…

เมื่อเป็นเช่นนี้ ต่อให้เขาเคราะห์ร้าย แต่ขอเพียงไม่ตาย สามารถเดินออกจากวังมังกรอย่างราบรื่น จะต้องซาบซึ้งในบุญคุณช่วยชีวิตของพวกเขาเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่แน่!

แน่นอนว่าเงื่อนไขแรกของเรื่องทั้งหมดนี้ อยู่ที่หลินเต้ายวนนั่นมีโอกาสเข้าสู่วังมังกรได้จริงๆ

“เรื่องนี้ต้องรีบจัดการโดยด่วน เชื่อว่าหลังจากเผ่าจักรพรรดิอื่นๆ รู้เรื่องนี้ จะต้องตัดสินใจแบบเดียวกับพวกเราเผ่าปี้อั้นแน่ เพียงแต่เรื่องนี้อย่าให้คนในเผ่ารู้มากเกินไป หาไม่หากเผ่าเจินหลงระแคะระคาย จะต้องบุกโจมตีพวกเราเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่อย่างแน่นอน!”

อันเทียนสุ่ยสั่งการลงไป

ในวันนี้อันเทียนหลินรีบพาอันเสวี่ยออกจากเกาะเทพรุ้งมรกตด้วยกัน กลับไปเผ่าปี้อั้น เริ่มระดมพลเคลื่อนไหว

และหลังจากได้รู้ข่าวทั้งหมดนี้ คนระดับสูงเผ่าปี้อั้นก็ตัดสินใจแบบเดียวกันอย่างไม่ลังเล ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามพลาดโอกาสที่หมื่นปียากจะพานพบเช่นนี้ไปเป็นอันขาด!

ไม่นานคนระดับสูงเผ่าปี้อั้นก็ออกโรงด้วยตัวเอง มุ่งหน้าไปยังเผ่าจักรพรรดิต่างๆ อย่างชือน้ำแข็ง ฟู่ซี่ ผูเหลา ฉิวหนิว หยาจื้อ…

โอกาสนี้แม้จะล่อตาล่อใจ แต่เกี่ยวโยงถึงมรดกต้องห้ามมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร เผ่าปี้อั้นของพวกเขาเผ่าเดียวจัดการไม่ได้ จะต้องรวมกำลังให้ได้มากกว่านี้

หากเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่สามารถร่วมมือกันได้ นั่นเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

เวลาต่อมา ข่าวดีส่งกลับมายังเผ่าจักรพรรดิปี้อั้นอย่างไม่ขาดสาย

“เผ่าจักรพรรดิชือน้ำแข็งตกลงร่วมพันธมิตร!”

“เผ่าจักรพรรดิผูเหลาตกลงร่วมพันธมิตร!”

“เผ่าจักรพรรดิป้าเซี่ยตกลง…”

…จนกระทั่งต่อมา มหาจักรพรรดิแปดเผ่าอื่นต่างแสดงจุดยืนชัดเจน ว่าจะร่วมเคลื่อนไหวด้วยกันกับเผ่าปี้อั้นในเรื่องนี้ จะต้องคว้าโอกาสทองครั้งนี้ไว้ให้ได้

ตอนนี้เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ซึ่งอยู่ใต้บัญชาเผ่าเจินหลงเรื่อยมาเกือบหนึ่งแสนปี มีแต่เผ่าเจินหลงคอยชี้นิ้วสั่งการค่อยๆ กลายเป็นพันธมิตรอันแน่นแฟ้นในเงามืด

และทั้งหมดนี้ ล้วนบังเกิดขึ้นเพราะการปรากฏตัวของหลินสวิน…

หลินสวินเองเกรงว่ายังคิดไม่ถึงด้วยซ้ำ ว่าเพราะมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ถึงกับทำให้ระหว่างเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่บังเกิดความคิดบางอย่างขึ้น

ความคิดที่เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตเผ่าพันธุ์!

ก็เหมือนผีเสื้อที่สะบัดปีกแผ่วเบา ระหว่างงไม่ทันตั้งตัวก็ทำให้เกิดมรสุมโหมกระหน่ำครั้งหนึ่งขึ้น จะต้องส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ทั่วหล้าอย่างแน่นอน…

…………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท