Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2240 ความจริงในปีนั้น!

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2240 ความจริงในปีนั้น!

ตอนที่ 2240 ความจริงในปีนั้น!

สีหน้าอ๋าวเจิ้นเทียนเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง “พี่หลิน เจ้าคิดจะทำอะไร ที่นี่เป็นเผ่าเจินหลง เมื่อเจ้าเผยตัวต้องไม่มีโอกาสย้อนคืนแน่!”

หลินสวินหันหลังเดินออกไปจากที่ราบ กล่าวโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง “ยังจำคำพูดที่ข้าบอกเจ้าในปีนั้นได้ไหม”

อ๋าวเจิ้นเทียนนึกถึงคำพูดของหลินสวินบนทะเลหมากดาราในดินแดนรกร้างโบราณเมื่อปีนั้น ที่เอ่ยก่อนตนจะพาจ้าวจิ่งเซวียนจากไปอย่างอดไม่ได้

‘ข้าเชื่อเจ้า แต่ยากจะเชื่อทั้งเผ่าเจินหลง พูดจริงๆ หากเกิดอะไรขึ้นกับจิ่งเซวียน ข้าทนไม่ได้แน่ ถึงตอนนั้น ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าเป็นเผ่าเจินหลงอะไร’

‘แม้คำพูดจะไม่น่าฟังนักแต่นี่เป็นคำพูดจากใจข้า ข้าเคยได้ยินว่ามังกรมีเกล็ดย้อน สัมผัสแล้วต้องตาย และจิ่งเซวียนก็คือเกล็ดย้อนของข้า!’

ตอนนั้นอ๋าวเจิ้นเทียนไม่ได้นำคำพูดนี้มาใส่ใจ แต่ตอนนี้คำพูดนั้นกลับเสียดลึกเข้าไปในใจเขาอย่างหนักหน่วงทุกคำ

เขาลนลานอย่างสิ้นเชิง กล่าวด้วยเสียงแหบพร่า “พี่หลิน ข้า…”

เมื่อเงยหน้ามองไปรอบๆ กลับพบว่าเงาร่างของหลินสวินหายไปนานแล้ว

อ๋าวเจิ้นเทียนสั่นไปทั้งตัวทันที ในใจม้วนซัดและตื่นตระหนกอย่างที่สุด พุ่งตัวไปข้างนอกเหมือนเสียการควบคุม

ปึง!

พลังต้องห้ามตีกลับขวางเขาไว้

“บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ…” อ๋าวเจิ้นเทียนดวงตาแดงก่ำราวกับคลุ้มคลั่ง โจมตีพลังต้องห้ามนั้นอย่างต่อเนื่อง แต่สุดท้ายกลับเปล่าประโยชน์

“พี่หลิน หากเจ้าต้องคิดในมุมมองของข้า เจ้าจะ… เลือกทรยศบิดามารดา ญาติมิตร… รวมถึงเผ่าของตัวเองไหม”

อ๋าวเจิ้นเทียนนั่งกุมหัวอยู่กับพื้น เผยความเจ็บปวดและดิ้นรน “เพราะอะไร ทำไมถึงเป็นเช่นนี้…”

หลินสวินไม่ได้จากไปจริงๆ แต่เมื่อเห็นอ๋าวเจิ้นเทียนโอดครวญเช่นนี้จากไกลๆ หลินสวินก็ถอนหายใจในใจ

สุดท้ายเขาก็เอ่ยปาก “แม่นางอิ๋นฮวนถูกพี่สี่ของเจ้าจับไปด้วยมือตัวเอง ขับไล่ไปด้วยวิธีที่อัปยศหาใดเปรียบ ตกเป็นทาสชั้นต่ำในสายตาเผ่ามังกรของพวกเจ้า ถูกขายไปหลายครั้ง ถ้าเจ้าเป็นแม่นางอิ๋นฮวน เจ้ายังจะปกป้องเผ่าของเจ้าเช่นนี้ไหม นางเป็นถึงผู้หญิงที่เจ้ารักที่สุดนะ”

“อะไรนะ!?”

อ๋าวเจิ้นเทียนเพียงรู้สึกว่าสมองแทบระเบิด ราวกับถูกฟ้าผ่า ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่อย่างสิ้นเชิง สั่นไปทั้งตัวด้วยความโกรธแค้น

“ตอนนี้หากเจ้าเข้าใจความรู้สึกของข้า ก็เล่าเรื่องของจิ่งเซวียนให้ข้าฟัง ข้าหลินสวินยังเห็นเจ้าเป็นเพื่อน” หลินสวินกล่าว

“ข้า…” อ๋าวเจิ้นเทียนสีหน้าบิดเบี้ยว ราวกับใกล้เสียสติ

พร้อมกันนี้เสียงนุ่มนวลหนึ่งดังขึ้น “เจิ้นเทียน เจ้า… ช่วยพี่หลินเถอะ ตอนนี้แม่นางจิ่งเซวียนเป็นตายไม่อาจรู้ นางเป็นญาติผู้น้องของเจ้า ทั้งเป็นคู่บำเพ็ญที่พี่หลินใส่ใจที่สุดด้วย”

อ๋าวเจิ้นเทียนพลันเงยหน้าขึ้น ในดวงตาที่เหมือนคั่งโลหิตเห็นเงาร่างงามที่คุ้นเคยซึ่งทำให้เขาถวิลหาทุกเช้าค่ำตลอดหลายสิบปีนี้

เห็นนางมองตนด้วยสีหน้าสงสาร ความมุ่งมั่นในใจของอ๋าวเจิ้นเทียนราวกับถูกซัดแตก กล่าวเสียงสั่นเครือ “อิ๋นฮวน ที่พี่หลินพูดเมื่อครู่… เป็นเรื่องจริงหรือ”

อิ๋นฮวนพยักหน้าแล้วเอ่ยเสียงเบา “หากไม่ได้พี่หลิน เกรงว่าข้าคง… ไม่ได้เจอเจ้าอีกแล้ว…”

อ๋าวเจิ้นเทียนกัดฟันจนเกิดเสียงกรอด ครู่ใหญ่จึงสูดหายใจลึก ในแววตาเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหดพลางกล่าวพึมพำ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตนี้ต้องทรยศเผ่าพันธุ์ แต่ทั้งหมดนี้… พวกเจ้าเป็นฝ่ายบีบข้าเอง…”

หลินสวินและอิ๋นฮวนสบตากันวูบหนึ่ง เหมือนยกภูเขาออกจากอก

แต่หลังจากรู้เรื่องภายในชวนตะลึงที่เกิดขึ้นในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรนั้นจากปากของอ๋าวเจิ้นเทียน หลินสวินก็อึ้งงันอย่างสมบูรณ์…

หลายสิบปีก่อน งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรที่สิ่งมีชีวิตหมื่นเผ่าพันธุ์ในแดนเจินหลงจับตามองได้เปิดฉากขึ้น รวมแล้วมีทายาทผู้มากสามารถรุ่นเยาว์ของเผ่าเจินหลงเข้าร่วมงานสี่สิบเจ็ดคน

ในงานชุมนุมครั้งนี้ ทายาทรุ่นเยาว์พวกนี้ต่างใช้ฝีมือของตัวเองไปชิงพลังต้นกำเนิดบรรพชนมังกรที่รวมอยู่ในบ่อเจินหลงนั้นมา

ในฐานะที่จ้าวจิ่งเซวียนเป็นหลานสาวของหัวหน้าเผ่า ย่อมมีสิทธิ์เข้าร่วมงานนี้ด้วยเช่นกัน

ตอนแรกฝีมือของจ้าวจิ่งเซวียนไม่โดดเด่น ถึงขั้นถูกคนใหญ่คนโตในเผ่ามังกรมากมายเย้ยหยัน บอกว่าสายเลือดของนางไม่บริสุทธิ์

แต่เมื่องานชุมนุมดำเนินไปถึงครึ่งทาง เหตุไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น…

จ้าวจิ่งเซวียนพลันฉายแววอัศจรรย์ ใช้วิธีเผด็จการหาใดเปรียบอย่างหนึ่ง กลืนกินต้นกำเนิดบรรพชนมังกรที่เตรียมไว้ในบ่อเจินหลงนั้นไปอย่างบ้าคลั่ง

ไม่ว่าทายาทของเผ่าเจินหลงคนอื่นจะแย่งชิงอย่างไรล้วนไม่อาจชิงมาได้สักหยด…

เหตุการณ์นี้ปั่นป่วนทั่วบริเวณ

แต่นานเข้าคนใหญ่คนโตของเผ่าเจินหลงล้วนพบว่าไม่ชอบมาพากล ต้นกำเนิดบรรพชนมังกรในบ่อเจินหลง เดิมทีก็เป็นหนึ่งในยอดสมบัติล้ำค่าของเผ่าเจินหลง มีพลังชวนตะลึงหาใดเปรียบ ไม่ว่าจะเป็นทายาทคนใด อย่างมากก็ได้แค่หลอมต้นกำเนิดบรรพชนมังกรประมาณร้อยชั่ง

แต่ร่างกายของจ้าวจิ่งเซวียนกลับเหมือนหลุมไร้ก้น ม้วนกลืนอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด เห็นว่าต้นกำเนิดบรรพชนมังกรนั้นใกล้ถูกกลืนไปจนสิ้น คนใหญ่คนโตของเผ่าเจินหลงเหล่านั้นจึงลงมือห้ามปรามโดยไม่ลังเล

ต่อมาหัวหน้าเผ่าเจินหลงคนปัจจุบันอ๋าวฮ่วนไห่จึงพบว่า คนที่กลืนต้นกำเนิดบรรพชนมังกรนั้นไม่ใช่จ้าวจิ่งเซวียน

หากแต่เป็นทารกในท้องของนาง!

ได้ยินถึงตรงนี้หลินสวินรู้สึกเหมือนสายฟ้าฟาดกลางหัว ทั้งตัวนิ่งงันอยู่ตรงนั้น ทารก! ทารก!!

นั่นไม่ใช่… ลูกของตนกับจิ่งเซวียนหรอกหรือ

ในใจหลินสวินปั่นป่วน ต่อให้เป็นระดับจักรพรรดิ สภาวะจิตเคี่ยวกรำถึงขั้นเป็นประวัติการณ์นานแล้ว แต่เมื่อรู้ข่าวดีเช่นนี้เขาก็ยังห้ามความรู้สึกไม่อยู่ ราวกับหัวใจถูกโจมตีอย่างหนัก เกิดระลอกคลื่นดุจเขาถล่มสมุทรคำราม

“ข้า… มีลูกแล้ว?” เขามองไปยังอิ๋นฮวนที่อยู่ด้านข้าง ในแววตาเจือความปิติยินดีอย่างยากปกปิด รวมถึง… ความยากจะเชื่อ

อิ๋นฮวนก็ถูกข่าวนี้ทำให้ตกตะลึง แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นคนนอก ย่อมเยือกเย็นกว่าหลินสวิน นางยิ้มพลางพยักหน้าทันที “ใช่ ตอนนี้พี่หลินเป็นพ่อคนแล้ว”

ความรู้สึกทั่วท้องของหลินสวินปั่นป่วน สูดหายใจลึกแล้วมองไปยังอ๋าวเจิ้นเทียนอีกครั้ง

อ๋าวเจิ้นเทียนกลับก้มหน้า ไม่กล้าสบตาหลินสวิน

นี่ทำให้หลินสวินเหมือนถูกสาดด้วยน้ำเย็นถังหนึ่ง พลันสงบสติอารมณ์จากความตื่นเต้นแล้วกล่าว “เจ้าพูดต่อสิ”

อ๋าวเจิ้นเทียนเงียบไปครู่หนึ่งจึงกัดฟันกล่าวราวกับใช้พลังทั้งตัว

หลังจากรู้ว่าจ้าวจิ่งเซวียนตั้งครรภ์ บุคคลสำคัญที่มีหัวหน้าเผ่าเจินหลงอ๋าวฮ่วนไห่เป็นผู้นำล้วนสีหน้าไม่น่าดู โกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง

เดิมทีพวกเขาเรียกจ้าวจิ่งเซวียนกลับมาครั้งนี้ นอกจากให้นางร่วมงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรแล้ว ยังมีจุดประสงค์อื่นด้วย

นั่นก็คือจัดแจงเรื่องแต่งงานให้นาง คิดหมั้นหมายนางกับไป๋คงเจี่ยองค์ชายเก้าแห่งเผ่าเสือขาว

แต่ตอนนี้เมื่อเรื่องที่จ้าวจิ่งเซวียนตั้งครรภ์ปรากฏ งานแต่งครั้งนี้ก็เห็นชัดว่าเป็นไปไม่ได้แล้ว

ขณะที่คนใหญ่คนโตเผ่าเจินหลงพวกนั้นเดือดดาลหาใดเปรียบ คิดลงโทษจ้าวจิ่งเซวียนขั้นรุนแรง อ๋าวฮ่วนไห่กลับพบความลับน่าตระหนกอย่างหนึ่ง

เด็กที่อยู่ในครรภ์จ้าวจิ่งเซวียน ไม่เพียงแต่มีสายเลือดบรรพชนมังกรที่สูงส่งบริสุทธิ์ ยังครอบครองพรสวรรค์น่าหวาดกลัวที่เหมือนสิ่งต้องห้ามอย่างหนึ่งด้วย…

หุบเหวกลืนกิน!

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในเผ่าวิญญาณฟ้าประทานซึ่งยืนหยัดมาแต่โบราณจนทุกวันนี้ อ๋าวฮ่วนไห่มีหรือจะไม่รู้ ว่าพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินนี้เป็นลักษณะเฉพาะของตระกูลลั่วเผ่าอมตะในอีกฟากฝั่ง

ซ้ำต่อให้เป็นตระกูลลั่ว ก็มีน้อยคนในตระกูลที่ปลุกพรสวรรค์สายเลือดเช่นนี้ได้!

แต่ตอนนี้ในร่างของจ้าวจิ่งเซวียนกลับมีเด็กทารกเช่นนี้อยู่ ทั้งมีพลังพรสวรรค์ที่น่ากลัวเช่นนี้ด้วย

ที่ทำให้อ๋าวฮ่วนไห่รู้สึกตะลึงที่สุดคือ ในตัวเด็กทารกคนนี้ยังมีเลือดบรรพชนมังกรที่หายากถึงขีดสุดไหลเวียนอยู่ บริสุทธิ์หาใดเปรียบ!

ฟังถึงตรงนี้สีหน้าหลินสวินอึมครึมลงแล้ว เขาคาดเดาอะไรได้รางๆ

“ด้วยเหตุไม่คาดฝันนี้ งานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรจึงถูกยกเลิกกลางคัน ข่าวทั้งหมดล้วนถูกปิดและกำราบลง ทั้งขอแค่เป็นคนในเผ่าที่เข้าร่วมงานชุมนุมนี้ ทั้งหมดล้วนถูกปิดปาก…”

เสียงของอ๋าวเจิ้นเทียนต่ำลึกยิ่งกว่าเดิม “และนับจากนั้นน้องจิ่งเซวียนก็ถูกบิดาของข้าพาตัวไป อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่คนใหญ่คนโตในตระกูลพวกนั้นก็ไม่รู้ ส่วนเรื่องนี้ก็ถูกจัดเป็นความลับสำคัญในเผ่าเจินหลงของข้า”

หลินสวินสีหน้าปรวนแปรไม่หยุด กล่าวว่า “เจ้าก็ไม่รู้หรือ”

“หลายปีนี้ข้าถูกขังอยู่ที่นี่มาตลอด มีหรือจะรู้เรื่องพวกนี้…” อ๋าวเจิ้นเทียนเอ่ยเสียงขื่น “สิ่งเดียวที่ข้ากล้ายืนยันคือ ด้วยเด็กทารกที่น้องจิ่งเซวียนอุ้มท้อง บิดาของข้าไม่มีทางทำร้ายน้องจิ่งเซวียนแน่”

“นั่นเป็นลูกของข้ากับจิ่งเซวียน!”

หลินสวินหน้าคล้ำเขียว “แต่ข้าผู้เป็นบิดากลับถูกเผ่าเจินหลงของพวกเจ้ามองเป็นศัตรู อยากกำจัดข้าทิ้งโดยเร็ว ถึงขั้นกังวลว่าข้าจะมาจากทางเดินโบราณฟ้าดารา พวกเจ้าจึงลงมือทำลายเส้นทางเชื่อต่อทางเดินโบราณฟ้าดาราโดยไม่คำนึงถึงอะไร!”

หลินสวินสูดหายใจลึก กล่าวชัดทีละคำ “ตอนนี้เจ้าบอกข้ามา เผ่าเจินหลงของพวกเจ้าคิดทำอะไรกันแน่!? ยึดครองลูกของข้า ให้เขาแซ่อ๋าว ให้เขาไม่รู้ว่าใครเป็นบิดาที่แท้จริงของเขาหรือ”

อ๋าวเจิ้นเทียนคอตก ไม่มีแรงโต้แย้ง

เรื่องนี้เป็นอย่างที่หลินสวินคาดเดา หลังจากรู้พรสวรรค์ที่น่าหวาดกลัวหาใดเปรียบของทารกคนนี้ บุคคลสำคัญของเผ่าเจินหลงพวกนั้น แน่นอนว่าไม่ยอมให้ทารกคนนี้ไปจากเผ่าเจินหลงอีก!

และหากฆ่าหลินสวินได้ นั่นก็เท่ากับตัดเรื่องที่พ่อลูกจะเจอกันในภายหน้าได้อย่างสมบูรณ์

“พี่หลิน เจ้าใจเย็นลงหน่อย เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่เจิ้นเทียนเปลี่ยนแปลงได้” อิ๋นฮวนมองหลินสวินที่กำลังโกรธอย่างกังวล พูดปลอบใจด้วยเสียงอ่อนโยน

หลินสวินสูดหายใจลึกอยู่หลายครั้ง พยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง แต่ในใจกลับยากจะสงบ

ผ่านมาหลายปีแล้ว จิ่งเซวียนกับลูกของตน… ไม่เติบใหญ่ไปแล้วหรือ แต่ตนผู้เป็นบิดากลับ… รู้เรื่องทุกอย่างเอาตอนนี้!

ยิ่งคิดในใจหลินสวินก็เต็มไปด้วยความคั่งแค้นพลุ่งพล่าน แทบควบคุมไม่อยู่

อ๋าวเจิ้นเทียนนึกอะไรขึ้นมาได้ เอ่ยเสียงเบาว่า “พี่หลิน เส้นทางเชื่อมต่อทางเดินโบราณฟ้าดาราที่ถล่มไปนั้นไม่ได้มีสาเหตุจากเจ้า แต่ผู้อาวุโสในเผ่าข้าพวกนั้นรู้ดีว่า หากให้จอมจักรพรรดิไร้นามรู้ว่าลูกของเจ้ามีพรสวรรค์หุบเหวกลืนกินติดตัว ต้องบุกมาจากทางเดินโบราณฟ้าดาราทันทีแน่”

หลินสวินขมวดคิ้วกล่าว “จอมจักรพรรดิไร้นามถูกเอาชนะไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงเสี้ยววิญญาณที่ยังยื้ออยู่เท่านั้น”

อ๋าวเจิ้นเทียนอึ้งงัน “จอมจักรพรรดิไร้นามมาจากตระกูลลั่วของอีกฟากฝั่ง ครอบครองพลังระเบียบต้องห้ามเหนือจิตนาการ แต่ถูกเอาชนะไปแล้วหรือ”

เห็นชัดว่าเขารู้ที่มาของจอมจักรพรรดิไร้นามเช่นกัน!

“เจิ้นเทียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาพูดเรื่องนี้ เจ้ารีบบอกพี่หลินเร็ว ตอนนี้แม่นางจิ่งเซวียนอยู่ที่ไหน” อิ๋นฮวนอดกล่าวไม่ได้

สายตาหลินสวินก็มองไปยังอ๋าวเจิ้นเทียน

“เรื่องนี้ข้าไม่รู้จริงๆ” เสียงของอ๋าวเจิ้นเทียนขมขื่นยิ่งกว่าเดิม

หลายสิบปีนี้เขาถูกกักบริเวณอยู่ที่นี่เหมือนนักโทษมาตลอด มีหรือจะรู้ความลับสำคัญเช่นนั้น

………………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท