Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2248 ฐานะเปิดเผย

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2248 ฐานะเปิดเผย

ตอนที่ 2248 ฐานะเปิดเผย

มรรคสิ้นฟ้าอาสัญ ถึงกับเป็นกระบวนค่ายกลต้องห้ามของเผ่าเจินหลง นี่ทำให้หลินสวินมีความคิดผุดขึ้นเป็นสายอย่างอดไม่ได้

มรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรเป็นสิ่งที่ท่านลู่ได้มาจากเผ่าเจินหลง กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญก็เป็นเช่นนั้นหรือไม่

หรือกล่าวได้ว่า ท่านลู่ในตอนนั้นเคยบุกกระบวนค่ายกลนี้ ทั้งจากไปได้สำเร็จ ดังนั้นจึงอนุมานนัยเร้นลับสำคัญของกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญนี้ออกมาผ่านความทรงจำของตน?

ยามหลินสวินใคร่ครวญ วิญญาณค่ายกลที่เหมือนเด็กคนนั้นพลันกล่าวว่า “เจ้ากล้าสู้ตัดสินกับข้าบนความเชี่ยวชาญด้านลายมรรคหรือไม่”

หลินสวินกล่าว “ไม่ว่าจะกล้าหรือไม่ กระบวนค่ายกลที่เจ้าครอบครองนี้ก็ขวางข้าไม่อยู่ ข้าขอเตือนเจ้าให้กลับตัวกลับใจ อย่าดิ้นรนโดยเปล่าประโยชน์”

คิ้วของเด็กชายเลิกขึ้น กล่าวอย่างเย็นชา “งั้นรึ ข้าอยากดูนักว่าเจ้าเฒ่านั่นสอนวิชาอะไรให้เจ้าบ้าง”

ตูม!

น้ำเสียงเพิ่งแผ่วลง เมฆดาราแถบหนึ่งปรากฏ กลายเป็นวังวนที่ลึกจนไม่เห็นจุดสิ้นสุด ส่วนลึกของวังวนมีดวงดาวไร้ขอบเขตหมุนวน ปลดปล่อยพลังกลืนกินที่น่าสะพรึงอย่างที่สุด ปกคลุมไปทางหลินสวิน

หลินสวินย่างเท้าออกไปหนึ่งก้าว โบกสะบัดแขนเสื้อ วังวนเมฆดาราแถบหนึ่งปรากฏขึ้นเช่นกัน เกิดคลื่นหมุนวนในทางตรงข้าม พลังลายมรรคน่ากลัวราวกับภูเขาไฟที่เงียบสงบมาชั่วกาลระเบิดออก

หนึ่งกลืนกิน หนึ่งระเบิด เพียงชั่วขณะก็เกิดภาพทำลายล้างอย่างหยินหยางปะทะ น้ำไฟไม่เข้ากัน ขนบปฏิรูปขัดแย้ง ทำให้ห้วงอากาศแถบนั้นพลันระเบิดกระจุย สภาพอากาศแปรปรวนไหลสะเปะสะปะ บิดเบี้ยวพังทลาย

“เจ้าถึงกับเริ่มควบคุมพลังกระบวนค่ายกลของข้าแล้ว!?” เด็กชายพลันประหลาดใจ จากนั้นก็แค่นเสียงเย็นชาแล้วดีดนิ้วเบาๆ

วู้ม!

ลายมรรคดารานับไม่ถ้วนควบรวมเป็นกระบี่ดาราแสนเล่ม ทะลวงโลดแล่นราวกับจะบดทลายฟ้าดาราแถบนี้

หลินสวินไม่หลบหลีก ในดวงตาแผ่แสงลึกลับคลุมเครือ ซัดหมัดหนึ่งออกไปทันที เพียงชั่วขณะห้วงอากาศแถบนี้พลิกหมุน ดวงดาวนับหมื่นแสนรวมตัวอยู่ในพลังหมัดนี้ ใช้อานุภาพดุจเขาถล่มสมุทรคำรามกดอัดไปยังกระบี่ดาราแสนเล่มนั้น

เสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังก้อง สัญลักษณ์ลายมรรคนับไม่ถ้วนแผ่คลุมเหมือนฟองคลื่น จากนั้นสลายไปดุจภาพฝัน ฟ้าดาราแถบนี้ต่างปั่นป่วนขึ้นมา

“มาอีก!”

เด็กชายตวาดลั่น เขามีสติปัญญาเฉพาะตัว ควบคุมกระบวนค่ายกลแห่งนี้ได้ตามประสงค์ เผยการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงหลากรูปแบบ อานุภาพก็แข็งแกร่งถึงขั้นน่าเหลือเชื่อ

ซีกับต้าหวงที่สังเกตการณ์อยู่ไกลออกไปเห็นแล้วเผยสีหน้าจริงจัง รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนใครอย่างวิญญาณค่ายกลแล้ว

พูดอย่างไม่เกินจริง เวลานี้ต่อให้เปลี่ยนเป็นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งมาอยู่ที่นี่ เกรงว่าคงยากจะต้านการสังหารเช่นนี้ได้

ส่วนหลินสวินในตอนนี้ ไม่ได้ต่อสู้โดยอาศัยแรงกำลัง เขากลับควบคุมพลังของกระบวนค่ายกลนี้เช่นกัน พลิกแพลงตามกระบวนท่า เผยความเชี่ยวชาญเหนือธรรมดาบนวิถีสลักวิญญาณออกมา

เพียงชั่วขณะก็เห็นว่าแสงมรรคในกระบวนค่ายกลดุจกระแสน้ำ ส่งเสียงกัมปนาทราวอสนีบาต ทุกหนแห่งมีสัญญาณว่าจะพังทลาย ดวงดาวมากมายแตกระเบิด ค่ายกลลายมรรคแต่ละแห่งพังพินาศยับเยิน ราวกับเปิดฉากการต่อสู้ดับโลกที่สะเทือนใต้หล้า!

“มาอีก!”

“มาอีก!”

“มาอีก!”

เสียงตวาดของวิญญาณค่ายกลดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง แฝงความไม่พอใจและเด็ดขาด ส่วนพลังกระบวนค่ายกลที่ถูกเขาควบคุมก็เปลี่ยนเป็นชวนสะพรึงและน่ากลัวยิ่งกว่าเดิม

แต่ไม่ว่าจะเปลี่ยนไปอย่างไร หลินสวินก็เหมือนหาช่องโหว่ได้ ใช้ความเชี่ยวชาญด้านลายมรรคของตนต้านทานและคลี่คลายไปทีละอัน

ความจริงคือหลายปีนี้เขาศึกษาค้นคว้ากระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ เข้าใจนัยเร้นลับทั้งหมดในนั้นอย่างถ่องแท้นานแล้ว

ต้องรู้ว่ามรรคสิ้นฟ้าอาสัญที่ท่านลู่เหลือทิ้งไว้แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่นั่นคือการอนุมานถึงขีดสุดอย่างหนึ่ง เข้าใจนัยเร้นลับสำคัญของกระบวนค่ายกลนี้อย่างลึกซึ้งนานแล้ว สิ่งที่ขาดก็เหลือแค่มรรคแห่งการเปลี่ยนแปลงและพลังสังหารของกระบวนค่ายกลนี้เท่านั้น

ในสถานการณ์เช่นนี้หากพูดว่าหลินสวินกำลังต่อสู้ ไม่สู้พูดว่าเขากำลังพิสูจน์และศึกษาความอัศจรรย์แห่งการเปลี่ยนแปลงนานัปการของกระบวนค่ายกลนี้ ผ่านฝีมือของวิญญาณค่ายกลเสียยังดีกว่า!

ต่อให้เจอภัยคุกคามถึงชีวิต ในสายตาของหลินสวินที่ถือครองนัยเร้นลับสำคัญของกระบวนค่ายกลนี้ ก็ใช่ว่าไร้ร่องรอยให้เสาะหาจนไม่อาจขจัด!

ตามเวลาที่ล่วงเลย ใบหน้าเล็กของวิญญาณค่ายกลที่เหมือนเด็กชายเคร่งเครียดขึ้นมา หน้านิ่วคิ้วขมวด ใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดแต่ยังทำอะไรหลินสวินไม่ได้

“ทำไมยังไม่จบอีก”

พวกจักรพรรดิมังกรมายาต่างร้อนรนอยู่ลึกๆ การเปลี่ยนแปลงในกระบวนค่ายกลมากเกินไปแล้ว พลังที่ปลดปล่อยออกมาก็น่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง ทำให้พวกเขาไม่อาจล่วงรู้ถึงการประลองแห่งยุคที่กำลังเปิดฉากในนั้นได้นานแล้ว

แต่มีจุดหนึ่งที่พวกเขาสามารถยืนยันได้ นั่นก็คือหลังจากวิญญาณค่ายกลปรากฏตัว ถึงกับไม่อาจสังหารคู่ต่อสู้พวกนั้นได้ในพริบตา!

นี่ทำให้พวกเขาแทบไม่กล้าเชื่อ

“เป็นไปไม่ได้ กระบวนค่ายกลต้องห้ามของเผ่าเรา ต่อให้บรรพจารย์จักรพรรดิติดอยู่ในนั้นก็ต้องสิ้นชีพ ยังเกิดเรื่องไม่คาดฝันมากเช่นนี้ได้อย่างไร”

จักรพรรดิมังกรมารดาราถลึงตาถมึงทึง

“บางทีบรรพจารย์จักรพรรดิอาจสิ้นชีพ แต่สำหรับคนจำพวกหนึ่ง ต่อให้ใช้กระบวนค่ายกลนี้ก็ขังไว้ไม่ได้…”

จักรพรรดิมังกรมายาเสียงแหบแห้ง เหมือนคิดอะไรบางอย่างอยู่ สีหน้าอึมครึมไม่น่าดูเป็นพิเศษ

“เป็นไปไม่ได้!”

เพียงชั่วขณะจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินก็เหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ “บนโลกนี้มีลู่ป๋อหยาแค่คนเดียว ไหนเลยจะมีคนที่สอง”

ลู่ป๋อหยา!

เมื่อจักรพรรดิมังกรมารดาราได้ยินชื่อนี้ก็ล้วนอึ้งงันอยู่ตรงนั้น ใบหน้าเหี้ยมเกรียมเหมือนกระจ่างแจ้งขึ้นมาในชั่วขณะเดียว “หรือว่าเจ้าหนุ่มคนนั้นคือผู้สืบทอดของลู่ป๋อหยา”

“อันที่จริงพวกเราน่าจะเดาฐานะของเจ้าหมอนี่ออกตั้งนานแล้ว…” จักรพรรดิมังกรมายาสีหน้าอึมครึมยิ่งกว่าเดิม “นอกจากเดรัจฉานที่ย่ำยีธิดามังกรจิ่งเซวียนของเผ่าเรานั่นแล้ว ใครยังมีความกล้าพอจะแฝงตัวเข้ามาหาเรื่องเผ่าเราเช่นนี้อีก”

ปีนั้นหลังจากอ๋าวเจิ้นเทียนพาจ้าวจิ่งเซวียนกลับมา ทั้งเผ่าต่างรู้ว่าหลายปีนั้นจ้าวจิ่งเซวียนเติบโตในจักรวรรดิจื่อเย่าของโลกชั้นล่าง

หลังจากรู้ว่าจ้าวจิ่งเซวียนตั้งครรภ์ เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างพวกเขายังถามเรื่องเกี่ยวกับหลินสวินจากจ้าวจิ่งเซวียนและอ๋าวเจิ้นเทียนโดยเฉพาะ แน่นอนว่าต้องรู้ว่าหลินสวินไม่เพียงแต่ยึดกุมมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร แต่ยังถูกลู่ป๋อหยาเลี้ยงมาจนโตกับมือด้วย!

สำหรับเผ่าเจินหลง แน่นอนว่าลู่ป๋อหยาเป็นชื่อที่ทำให้พวกเขาจงเกลียดจงชัง เป็นศัตรูที่ทำให้พวกเขาอยากจะกลืนกินทั้งเป็นคนหนึ่ง

ด้วยรู้สถานการณ์บางอย่างที่เกี่ยวกับหลินสวิน จึงทำให้เผ่าเจินหลงของพวกเขาตัดสินใจขั้นเด็ดขาด…

ทำลายเส้นทางเชื่อมต่อทางเดินโบราณฟ้าดารา ใช้สิ่งนี้ตัดโอกาสที่จะเกิดภัยแฝงทั้งหมด จากนั้นจึงให้จ้าวจิ่งเซวียนรวมถึงเด็กในครรภ์ได้แต่อยู่ในเผ่าเจินหลงชั่วชีวิต ไม่มีทางสานสัมพันธ์อื่นใดกับหลินสวินอีก

แต่พวกเขาต่างคาดไม่ถึง เพิ่งผ่านไปไม่กี่สิบปีเท่านั้น หลินสวินก็มาแล้ว!

ทั้งยังใช้ฐานะของมกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่ง บุกสังหารมาจนถึงหน้าวังมหามรรคหมื่นมังกร!

“ถึงกับเป็นเจ้าเดรัจฉานนี่!”

สีหน้าของจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินและจักรพรรดิมังกรมารดาราก็คล้ำเขียวหาใดเปรียบ ยามรู้ฐานะของหลินสวินอย่างถ่องแท้ ก็ตระหนักได้ว่าหลินสวินมาครานี้ด้วยต้องการทำอะไร

“ถ้ารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ ตอนนั้นหลังจากงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกรปิดฉาก ก็ควรมุ่งหน้าไปทางเดินโบราณฟ้าดารากำจัดเจ้าหมอนี่ให้สิ้นซากทันที!”

จักรพรรดิมังกรมารดารากัดฟันอย่างเกลียดชัง ไม่ใช่แค่เพราะหลินสวินเป็นผู้สืบทอดของลู่ป๋อหยา และไม่เพียงเพราะเขาครอบครองมรดกของเผ่าเจินหลงอย่างมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร

ที่สำคัญกว่าคือหลินสวินเป็นพ่อของเด็กในครรภ์จ้าวจิ่งเซวียน!

ตูม!

ในตอนนี้เองเสียงระเบิดสะท้านฟ้าสะเทือนดินพลันดังก้อง

ก็เห็นว่าในกระบวนค่ายกล วิญญาณค่ายกลที่เหมือนเด็กส่งเสียงร้องแหลมอย่างไม่พอใจ “ที่แท้เจ้าเฒ่านั่นก็แอบค้นคว้านัยเร้นลับสำคัญของกระบวนค่ายกลนี้จนปรุโปร่งนานแล้ว!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขาก็ถูกหลินสวินหิ้วไว้ในมือเหมือนขุดได้หัวไชเท้าที่เป็นประกายต้นหนึ่ง ก่อนจับยัดเข้าไปในเจดีย์มหามรรคไร้สิ้นสุด

เมื่อมีวิญญาณค่ายกลนี้ ก็เท่ากับครอบครองกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญที่สมบูรณ์แล้ว ภายหน้าเพียงวางกระบวนค่ายกลแล้วให้วิญญาณค่ายกลนี้ควบคุมดูแล ก็เหมือนมียอดอาวุธสังหารที่ฆ่าบรรพจารย์จักรพรรดิได้!

แต่ทรัพยากรและเจตวัตถุที่ต้องใช้ในการวางกระบวนค่ายกล แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่หลินสวินหาได้ในตอนนี้ ด้วยมากมายมหาศาลเกินไป

เหมือนเผ่าเจินหลงที่รวบรวมพลังต้นกำเนิดของแดนวังมังกร ถึงทำให้กระบวนค่ายกลแห่งนี้โคจรได้เต็มกำลัง แค่คิดก็รู้แล้วว่ายามวางกระบวนค่ายกลจริงๆ ทรัพยากรที่ต้องการจะมากมายมหาศาลเพียงใด

“แย่แล้ว!”

ขณะเดียวกันพวกเฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างจักรพรรดิมังกรมายาที่ถูกทำให้แตกตื่น แต่ละคนล้วนตกใจจนขนพองสยองเกล้า สีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่

แต่ยังไม่รอให้พวกเขาตอบสนอง ซีกับต้าหวงที่เตรียมพร้อมนานแล้วก็เคลื่อนแหวกอากาศไป

เมื่อไม่มีกระบวนค่ายกลอย่างมรรคสิ้นฟ้าอาสัญป้องกัน วังมหามรรคหมื่นมังกรที่กว้างใหญ่นั้นก็เท่ากับถอดเกราะชั้นหนึ่งที่มั่นคงที่สุดออกไป ไม่อาจขวางหนทางของซีกับต้าหวงได้อีก

ตูม!

แค่พริบตาการต่อสู้พลันปะทุขึ้นแล้ว

ซีไม่ได้ออมมือ ต้าหวงยิ่งเพลิงโทสะสุมอกจนอยากระบาย ทันทีที่ลงมือก็เปิดฉากโจมตีเหมือนอสนีบาตหมื่นสาย

ฟุ่บ!

เพียงชั่วขณะทวนไร้สวรรค์ในมือซีพลันแทงออกไป สังหารจักรพรรดิมังกรมารดาราที่บาดเจ็บสาหัสอยู่ก่อนแล้ว ลำคอระเบิดกระจุย จากนั้นร่างกายกับจิตก็ระเบิดออกพร้อมกัน เลือดสีสดสาดกระจาย

ดาบไร้วิชาในอุ้งเท้าของต้าหวงก็ดุดันจนน่ากลัว ประหัตประหารจนจักรพรรดิมังกรวาโยกลืนกินบาดเจ็บสะสม ถอยร่นอย่างต่อเนื่อง ไม่ทันไรก็เลือดอาบไปทั้งตัว ตกอยู่ในสภาพสิ้นหวัง

จักรพรรดิมังกรมายาแม้จะเป็นระดับจักรพรรดิขั้นเก้า แต่เวลานี้กลับถูกซีกำราบอยู่หมัด ตกเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างมาก ใบหน้าชราบิดเบี้ยวเหี้ยมเกรียม แผดเสียงคำรามอย่างต่อเนื่อง

หลินสวินไม่สนใจเรื่องพวกนี้ หลังพุ่งออกมาจากกระบวนค่ายกลก็บุกเข้าไปในวังมหามรรคหมื่นมังกรพร้อมซย่าจื้อ

การต่อสู้ดำเนินมาถึงตอนนี้แล้ว หัวหน้าเผ่าเจินหลงอ๋าวฮ่วนไห่นั่นยังไม่ปรากฏตัว นี่ทำให้ในใจหลินสวินมีลางสังหรณ์ไม่ดีอยู่รางๆ

“รีบขวางเขาไว้!” จักรพรรดิมังกรมายาส่งเสียงคำราม สะท้อนก้องเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

ผู้แข็งแกร่งมากมายที่ก่อนหน้านี้สังเกตการณ์อยู่ไกลออกไปมาตลอดพวกนั้น เมื่อเห็นกระบวนค่ายกลต้องห้ามที่ถูกมองเป็นแนวป้องกันชีวิตนั้นยังถูกทำลาย ล้วนถูกทำให้หวั่นหวาดจนจิตวิญญาณสูญเสียการควบคุม ตกอยู่ในสภาพอึ้งงันนานแล้ว ไม่กล้าเชื่อว่าทุกอย่างนี้เป็นเรื่องจริง

กระทั่งตอนนี้ยามจักรพรรดิมังกรมายาตวาดลั่นพวกเขาถึงได้สติกลับมา แต่ละคนสีหน้าแปรเปลี่ยนยกใหญ่ ล้วนพุ่งมาทางวังมหามรรคหมื่นมังกรโดยไม่ลังเล

นี่คือแกนกลางสำคัญของเผ่าเจินหลง เป็นตัวแทนของอำนาจและความน่าเกรงขามอันสูงส่งของเผ่าพวกเขา จะยอมให้ศัตรูภายนอกล่วงล้ำได้หรือ

เพียงแต่มีน้อยคนมากที่สังเกตเห็น ผู้ติดตามอาวุโสที่ขายชีวิตให้เผ่าเจินหลงพวกนั้น เวลานี้แม้จะพุ่งเข้าไปพร้อมกัน แต่ส่วนลึกในใจพวกเขาแต่ละคนล้วนตื่นเต้นหาใดเปรียบ เต็มไปด้วยความตื่นตะลึงและสั่นสะท้าน

ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เดิมถูกพวกเขามองว่าไม่มีทางรอดไปได้ กลับทำลายแนวป้องกันชีวิตของเผ่าเจินหลง นี่เหมือนปาฏิหาริย์ที่เป็นประวัติการณ์โดยแท้!

ขอเพียงเจ้าหนุ่มนี่รอดชีวิต สำหรับพวกเขารวมถึงเผ่าเบื้องหลังพวกเขา โอกาสที่สามารถเปลี่ยนชะตาชีวิตของตนนั้น… ก็ยังอยู่!

……………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท