Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2262 รังมังกรเปลี่ยนแปลงฉับพลัน

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2262 รังมังกรเปลี่ยนแปลงฉับพลัน

ฝ่ามืออ๋าวฮ่วนไห่กดลงไปบนรังมังกรสีทองแน่น ดวงตาแดงก่ำ เผยให้เห็นความคลุ้มคลั่ง

ดวงตาดำของหลินสวินเย็นชาจนน่ากลัว

พูดไปแล้วจ้าวจิ่งเซวียนก็คือหลานสาวแท้ๆ ของอ๋าวฮ่วนไห่ แต่เห็นได้ชัดว่าอ๋าวฮ่วนไห่ไม่ได้คิดเช่นนี้

เขาเพียงมองรังมังกรสีทองนั่น รวมถึงจ้าวจิ่งเซวียนที่อยู่ข้างในเป็นตัวประกัน บีบหลินสวินให้ไปรับมือเหยี่ยนซิง ตอนนี้ยังจะข่มขู่หลินสวินให้ส่งบุตรชายบุตรสาวของเขาเหล่านั้นมา!

หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งจึงค่อยพยักหน้า “ก็ได้ แต่ตอนที่ปล่อยคน เจ้าก็ต้องมอบรังมังกรนั้นให้ข้าด้วย”

ได้ยินดังนั้นอ๋าวฮ่วนไห่ก็ยิ้มเหี้ยม คิดไปเองว่าจะควบคุมหลินสวินได้ เอ่ยว่า “เจ้าปล่อยลูกของข้าพวกนั้นก่อน ข้า…”

ฟุ่บ! ฟุ่บ!

ยังไม่ทันพูดจบ องค์ชายเผ่ามังกรสองคนก็ถูกหลินสวินโยนไป นี่ทำให้อ๋าวฮ่วนไห่ชะงักไป

ทันใดนั้นเขาตระหนักอะไรบางอย่าง ตวาดลั่น “ถ้าเจ้ากล้าใช้อภินิหารพรสวรรค์ ต่อให้ตายข้าก็จะทำลายรังมังกรนี่!”

หลินสวินนัยน์หดรัด กดข่มอภินิหารหยุดเวลาที่เกือบจะสำแดงออกมา ในใจฉงนอย่างอดไม่ได้ว่าเจ้าเฒ่านี่รู้เรื่องพลังพรสวรรค์ของตนได้อย่างไร

ก่อนหน้านี้เขาหมายจะฉวยโอกาสตอนแลกเปลี่ยนตัวประกันสำแดงอภินิหารหยุดเวลา กำราบอีกฝ่ายในคราวเดียวจริงๆ

แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายระวังตัวไว้ก่อนแล้ว!

หลินสวินเหลือบมองเหยี่ยนซิงที่กำลังห้ำหั่นกับซีอยู่กลางอากาศ เดาว่าคงเป็นข้อมูลที่ผู้หญิงคนนี้เผยออกมา

“เร็วสิ ปล่อยคนอื่นมาด้วย!” อ๋าวฮ่วนไห่ตะคอก ยิ่งไม่หวั่นกลัวขึ้นไปอีก นึกว่าตนกุมชะตาของหลินสวินไว้แล้ว

“ข้าปล่อยไปสองคนแล้ว เพียงพอแสดงถึงความจริงใจของข้าแล้ว เจ้า…”

ไม่รอให้หลินสวินพูดจบ อ๋าวฮ่วนไห่ก็พูดเสียงแข็งว่า “เลิกพูดไร้สาระ ข้าให้เจ้าปล่อยคน! ถ้าเจ้าชักช้าอีก อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

เขาออกแรงกดนิ้วที่อยู่บนรังมังกรสีทอง ทำให้รังมังกรสีทองสั่นระริกขึ้นมา

หลินสวินสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เอ่ยว่า “ได้!”

เขาสะบัดแขนเสื้อ

ฟุ่บๆๆ!

ร่างขององค์ชายมังกรสามคนกับองค์หญิงสองคนที่ถูกกำราบอยู่กับพื้นถูกม้วนตลบขึ้น โยนไปทางอ๋าวฮ่วนไห่ที่อยู่ไกลออกไป

แต่อ๋าวฮ่วนไห่ไม่ได้ปล่อยรังมังกรสีทองในเวลาเดียวกัน กลับแหงนหน้าหัวเราะเสียงดัง สีหน้าน่าสะพรึง “เจ้าโง่ เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยจริง…”

ปัง!

ยังไม่ทันพูดจบ องค์ชายมังกรคนนึ่งก็พลันตัวระเบิด เลือดเนื้อแหลกกระจุย พลังจิตกลายเป็นจุณตายคาที่

ภาพนี้ทำให้อ๋าวฮ่วนไห่หัวเราะค้าง โกรธจนตาแทบหลุดจากเบ้า คำรามว่า “เจ้าถึงกับกล้าใช้ลูกไม้สกปรก!”

“เจ้าก็ไม่ได้มอบรังมังกรนั้นให้ข้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ”

หลินสวินแววตาเย็นชา “ครั้งสุดท้าย ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง มอบรังมังกรนั่นมา ข้ารับรองว่าจะให้พวกเจ้าพ่อลูกได้รวมตัวกันโดยที่ยังมีชีวิต”

อ๋าวฮ่วนไห่สีหน้าเปลี่ยนไปมา เขาจะยอมก้มหัวเช่นนี้ได้อย่างไร

แต่พอเห็นลูกๆ ของเขาเหล่านั้น เห็นความประหวั่นพรั่นพรึงและแวววิงวอนในสายตาของพวกเขา ในใจกลับลังเลและหวั่นไหวอย่างห้ามไม่อยู่

“ท่านพ่อ ขอท่านปล่อยน้องจิ่งเซวียนเถอะ พวกเราไม่อยากตาย ไม่อยากตายนะ…” องค์ชายมังกรผู้หนึ่งคุกเข่ากับพื้นโอดครวญ

“ไม่เอาไหน!”

อ๋าวฮ่วนไห่สีหน้าคล้ำเขียว “ร้องไห้อะไร ก็แค่ตายเท่านั้น!”

“มดยังรักตัวกลัวตาย นับประสาอะไรกับลูกของเจ้าเหล่านี้ ถ้าเจ้ายังเห็นว่าจิ่งเซวียนเป็นหลานสาวเจ้า วางมือตอนนี้ก็ไม่สาย”

ขณะที่หลินสวินพูดก็ชี้ออกไปไกล “เจ้าลองดูทั้งแดนวังมังกร ตกอยู่ในความวุ่นวายโกลาหลไปนานแล้ว และด้านนอกแดนวังมังกรก็ยังมีขุมอำนาจเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ผนึกไว้อย่างแน่นหนา”

“เจ้าซึ่งมีฐานะเป็นหัวหน้าเผ่าเจินหลงจะยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อไป หรือควรพูดว่าเพราะความเห็นแก่ตัวของเจ้า จะยอมให้ทั้งเผ่าเจินหลงดับสิ้นไปหรือ”

แต่ละคำเป็นดั่งดาบแทงเข้าหัวใจอ๋าวฮ่วนไห่อย่างแรง ร่างกายเขาล้วนสั่นสะท้านเพราะโกรธเกรี้ยว สีหน้าเหี้ยมเกรียมจนน่ากลัว

ทันใดนั้นเขาหัวเราะร่าขึ้นมา “ฮ่าๆๆ เผ่าดับสิ้นหรือ ไม่มีทาง! ในกาลเวลายาวนานไร้สิ้นสุดนี้ เผ่าเจินหลงของข้ามีบรรพชนรุ่นแรกรวมถึงคนใหญ่คนโตที่สะดุดตาที่สุดไปฝึกปราณยังโลกอีกฟากฝั่งนานแล้ว แม้วันนี้แดนวังมังกรจะถูกทำลาย เผ่าเจินหลงของข้าก็จะไม่มีทางดับสิ้นเด็ดขาด!”

ปัง!

เสียงพูดเพิ่งเงียบลง องค์ชายมังกรผู้หนึ่งก็ตายคาที่ ฝนเลือดปลิวว่อน ตายไปต่อหน้าต่อตาอ๋าวฮ่วนไห่

ชั่วขณะหนึ่งอ๋าวฮ่วนไห่แทบเป็นบ้า คำรามจะเป็นจะตายว่า “ต่อให้ข้าตายก็จะทำลายการพบกันของเจ้ากับลูกเจ้า จะให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติของการสูญเสียลูกไปเช่นกัน!”

ยามพูดเขาก็ออกแรงที่ฝ่ามือ!

ตูม!

แต่ครู่ต่อมา พลังน่ากลัวที่พวยพุ่งออกมาจากในรังมังกรสีทองนั้น ไม่เพียงสลายพลังฝ่ามือนี้ของอ๋าวฮ่วนไห่ ยังซัดให้ร่างอีกฝ่ายโซเซไปด้วย

แย่แล้ว!

อ๋าวฮ่วนไห่หน้าเปลี่ยนสีทันใด แต่ยังไม่ทันให้เขาควบคุมรังมังกรสีทองอีกครั้ง หลินสวินก็สำแดงอภินิหารหยุดเวลาออกมาแล้ว

ฟ้าดินเงียบวงัด สรรพสิ่งหยุดนิ่ง การเคลื่อนไหวของอ๋าวฮ่วนไห่ก็หยุดชะงักเช่นกัน

และในเวลาเดียวกัน หลินสวินกับซย่าจื้อที่สั่งสมพลังรออยู่นานแล้วก็ทะยานออกไป หลินสวินพุ่งไปสังหารอ๋าวฮ่วนไห่ประหนึ่งทวยเทพดุดันอหังการ

ส่วนซย่าจื้อกลับพุ่งไปยังรังมังกรสีทองนั้น!

ชั่วพริบตานั้นการเคลื่อนไหวทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลง พออ๋าวฮ่วนไห่ได้สติกลับมา ดาบหักเล่มหนึ่งก็ฟันลงมาอย่างกราดเกรี้ยว ประกายดาบอันน่ากลัวแหลมคมไร้ใดเปรียบเข้าปกคลุมตัวเขา

ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน อ๋าวฮ่วนไห่ส่งเสียงคำราม เบื้องหน้าพลันมีม่านแสงสีเขียวกลมเกลี้ยงแถบหนึ่งปรากฏ ลายมรรคงดงามลึกลับฉายวาบอยู่บนม่านแสง

ปึง!

ภายใต้การปะทะสะท้านฟ้าสะเทือนดิน ม่านแสงสีเขียวนั้นถูกฟันแตกกลายเปลี่ยนเป็นละอองแสงปลิวว่อน ส่วนตัวอ๋าวฮ่วนไห่ก็ถูกฟันกระเด็นออกไปอย่างแรง กระแทกออกไปหลายร้อยจั้ง เลือดกบปากจมูก กระตุกเกร็งทั้งร่าง

แต่ร่างกายเขากลับไม่มีบาดแผลภายนอกสักนิด!

ก็เห็นว่าสาบเสื้อตรงหน้าอกเขาแหลกกระจุย เผยให้เห็นเกราะสีเขียว แสงมรรคขมุกขมัวแผ่ออกมา ลี้ลับหาใดเทียบ

ก่อนหน้านี้อ๋าวฮ่วนไห่ก็อาศัยเกราะสมบัตินี้มาขวางหน้าการจู่โจมกะทันหันของเหยี่ยนซิงไว้ และควบคุมรังมังกรสีทองนั้นไว้มั่น

ในดวงตาหลินสวินวาบประกายเยียบเย็น มองออกทันทีว่านั่นต้องเป็นเกราะมหามรรคไร้บกพร่อง!

สวบ!

ไม่รออ๋าวฮ่วนไห่ลุกขึ้นมา หลินสวินก็ทะยานออกไป ยื่นมือกระชากเกราะมหามรรคไร้บกพร่องสีเขียวนั้นมาทั้งอย่างนั้น

ปึง!

เท้าหนึ่งของเขาเตะออกไป ร่างของอ๋าวฮ่วนไห่ที่เดิมหมายจะปีนขึ้นมากระแทกลงไปอีกครั้ง กระดูกอกแตกกระจุยพังทลาย เจ็บจนครวญครางน่าอนาถ

ปึงๆๆ!

หลินสวินที่สั่งสมความแค้นและไฟโทสะมานานแล้วจะเกรงในได้อย่างไร ใช้ทั้งมือเท้าอัดอ๋าวฮ่วนไห่อย่างรุนแรง

ไม่นานนักกระดูกเส้นเอ็นทั้งร่างอ๋าวฮ่วนไห่ก็ถูกหักสะบั้นทั้งหมด หัวบวมแดง ผิวหลั่งเลือดแตกระแหง ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงชีวิต

เห็นอยู่ว่าหลินสวินกำลังจะเล่นงานเขาถึงตาย จู่ๆ เงาร่างหนึ่งก็มาเยือนกลางอากาศ “ให้ข้าจัดการเขาเถอะ”

ผู้มาก็คืออ๋าวซิงถัง!

หลินสวินนิ่วหน้า แต่สุดท้ายยังทนไว้ ไม่ว่าจะอย่างไรอ๋าวซิงถังกับอ๋าวฮ่วนไห่ก็เป็นพี่น้องกัน

แต่อ๋าวซิงถังก็เป็นมารดาของจ้าวจิ่งเซวียน เป็นแม่ยายในอนาคตของเขาเช่นกัน

“ซิงถัง เจ้ามาได้จังหวะเลย เร็วเข้า รีบฆ่าเจ้าปีศาจนี่เร็ว!” อ๋าวฮ่วนไห่ที่ถูกอัดจนการรับรู้คลุมเครือยังคงร้องเสียงแข็งเหมือนเสียสติ

“ข้ามาแก้แค้นแทนท่านพ่อ” อ๋าวซิงถังเอ่ยอย่างเย็นชา

อ๋าวฮ่วนไห่แหงนหน้าที่เต็มไปด้วยคราบเลือดขึ้นมาอย่างยากลำบาก แววตาเลื่อนลอย “แก้แค้นแทนท่านพ่อหรือ”

ทันใดนั้นเขาก็สั่นสะท้านหนาววาบไปทั้งตัว คล้ายตระหนักอะไรได้ เอ่ยเสียงดังว่า “ซิงถัง เจ้าฟังข้าอธิบายก่อน ตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะข้าอดทนไว้ เป็นได้สูงยิ่งว่าจะถูกฆ่าเหมือนท่านพ่อ เจ้า…”

แต่อ๋าวซิงถังคล้ายคร้านจะฟังคำอธิบายแล้ว ยกดาบศึกเล่มหนึ่งขึ้นฟันลงไป

ฟุ่บ!

ศีรษะอ๋าวฮ่วนไห่ก็ถูกฟันร่วง ก่อนตายสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความงุนงง คล้ายทำใจเชื่อได้ยาก

“ตั้งแต่ตอนที่เจ้าตัดพ่อตัดลูก ก็ไม่ใช่พี่ใหญ่ของข้าแล้ว…”

อ๋าวซิงถังหิ้วหัวที่เลือดหลั่งรินของอ๋าวฮ่วนไห่ขึ้นมา น้ำเสียงเสียใจ

ตอนนั้นบิดาของพวกเขาจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวถูกทั้งเผ่าทำร้าย อ๋าวฮ่วนไห่เป็นคนแรกที่มาชี้หน้าว่าจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวเป็นคนทรยศ

ลูกบังเกิดเกล้ากลับมองพ่อเป็นคนร้าย!

นี่จะโหดเหี้ยมได้ปานไหนกัน

ครู่หนึ่งอ๋าวซิงถังก็พูดเสียงเบาว่า “ข้าจะเอาเถ้ากระดูกเจ้าสาดลงหน้าหลุมศพของท่านพ่อ ให้ท่านพ่อได้ตายตาหลับ”

สังหารพี่ชายด้วยตัวเอง! สำหรับนางแล้วจะไม่ใช่ทางเลือกที่เจ็บปวดที่สุดได้อย่างไร

เห็นภาพเหล่านี้หลินสวินยังอึ้งไปอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้ถึงตระหนักได้ว่าที่อ๋าวซิงถังมาคราวนี้ ไม่ได้มาเพื่อไว้ชีวิตอ๋าวฮ่วนไห่ แต่เพราะอยากฆ่าอ๋าวฮ่วนไห่ด้วยมือนางเอง!

“หลินสวิน”

ไกลออกไปซย่าจื้อเอ่ยปาก “เจ้ารีบมาเร็ว”

หลินสวินใจหดเกร็ง ไม่อาจมัวคิดอะไรได้อีก ทะยานตัวเคลื่อนไปหาก็พบว่ากลิ่นอายของรังมังกรสีทองที่อยู่ในบ่อมังกรกำลังอ่อนแอลงทีละนิด!

แสงมรรคที่ปรากฏขึ้นบนพื้นผิวรังมังกรนั้นก็กำลังหม่นลง

“หรือจะเกิดเหตุไม่คาดฝันกับจิ่งเซวียน” หลินสวินใจสั่น กำลังจะยื่นมือไปแตะรังมังกรสีทองนั้น

“อย่าขยับ”

เสียงแหบพร่าเสียงหนึ่งดังขึ้น ก็พบว่าเงาร่างบรรพชนเจินหลงปรากฏกลางอากาศ เพียงแต่เงาร่างเขาคลุมเครือเป็นอย่างยิ่ง คล้ายจะสลายไปเมื่อไรก็ได้

แต่บรรพชนเจินหลงเหมือนไม่ได้สนใจ หลังจากมาถึงสายตาก็จับจ้องที่รังมังกรสีทองนั้น

‘ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณถูกกำราบแล้ว’ จ้าวหยวนจี๋ก็ตามมา สื่อจิตบอกหลินสวิน

หลินสวินถอนหายใจโล่งอกทันที สายตามองบรรพชนเจินหลงแล้วอดถามไม่ได้ “ผู้อาวุโส จิ่งเซวียนเป็นอย่างไร”

“ถ้าเจ้าเชื่อข้าก็ยืนดูอยู่อีกด้าน”

บรรพชนเจินหลงเงียบไปครู่หนึ่ง หลังจากพูดประโยคนี้ก็ยื่นมือสอดเข้าไปในรังมังกรสีทองนั้นอย่างแรง

นิ้วมือทั้งห้าของเขาเปล่งแสงทองเจิดจ้า ปกคลุมด้วยเกล็ดมังกร แปรเปลี่ยนเป็นแสงมรรคพร่างพราวหาใดเทียบ ทำให้หลินสวินหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย

เพียงแต่เขายังไม่ทันได้ตอบสนอง พลังนิ้วมือนี้ก็จมเข้าไปในรังมังกรสีทองนั้น

ครืน!

ครู่ต่อมาก็พบว่าทันทีที่บรรพชนเจินหลงชักกรงเล็บมังกรสีทองนั้นกลับ ก็จับเงาร่างเศษเสี้ยววิญญาณอันเลือนรางสายหนึ่งไว้มั่นแล้ว

“ปล่อยข้า หนอนเฒ่าอย่างเจ้าอยากหาที่ตายหรือ!” เงาร่างเศษเสี้ยววิญญาณนี้ดิ้นรนอย่างรุนแรง ส่งเสียงคำราม

หลินสวินตกตะลึงหวาดกลัว จะคิดได้อย่างไรว่าจะเกิดภาพประหลาดเช่นนี้!

เห็นได้ชัดว่าที่กลิ่นอายรังมังกรสีทองอ่อนแอลงเมื่อครู่ เกี่ยวข้องกับเศษเสี้ยววิญญาณนี้!

“เป็นเศษเสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิไร้นามคนก่อน!” ต้าหวงก็มาแล้ว เผยสีหน้าตกตะลึง “เจ้าเฒ่านี่ไม่ได้ตายไปโดยสมบูรณ์จริงๆ!”

จักรพรรดิไร้นาม!

หลินสวินใจสั่น เสียวสันหลังวาบ รู้สึกได้ถึงความกลัวที่ยังหลงเหลืออยู่

ไม่ต้องคิดสักนิดเขาก็ตระหนักได้ ว่าเศษเสี้ยววิญญาณของจักรพรรดิไร้นามนั่นคิดจะกัดกินและยึดร่างลูกในท้องจิ่งเซวียนเพื่อฟื้นคืนชีพ!

และเกรงว่าอ๋าวฮ่วนไห่ผู้นั้นก็คงคิดไม่ถึง ว่าภายในรังมังกรสีทองที่เขาควบคุมไว้อย่างแน่นหนานี้เกิดความเปลี่ยนแปลงฉับพลันไปนานแล้ว!

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท