Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2265 คลอดลูกและหึงหวง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2265 คลอดลูกและหึงหวง

ตอนที่ 2265 คลอดลูกและหึงหวง

โลกภายนอกแปรปรวน คลื่นลูกใหญ่ซัดโหมรุนแรง

หลินสวินไม่รับรู้ถึงเรื่องพวกนี้โดยสิ้นเชิง

ริมบ่อมังกร เขานั่งสมาธิจดจ่อฟื้นฟูอาการบาดเจ็บ

การเข้าแดนเจินหลงคราวนี้ผ่านไปสองปีเศษแล้ว

นึกย้อนไปถึงตอนแรก เขากำราบเผ่าจักรพรรดิเจินโห่ว ทะยานบนทะเลตะวันออก ได้วารีแรกปฐมจากเกาะเทพรุ้งมรกต มองทะลุปริศนาของมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร

จากนั้นก็แทรกซึมเข้าแดนวังมังกร ช่วยอ๋าวเจิ้นเทียนออกมาจากเขาผนึกฟ้า ได้รู้เรื่องภายในงานชุมนุมเซียนหมื่นมังกร ดังนั้นจึงบุกตะลุยสังหาร บุกเข้าวังมหามรรคหมื่นมังกร…

ใต้ทะเลตะวันออกเก้าพันจั้ง เขาอนุมานศิลามรรคค้ำสมุทรสี่สิบเก้าหลัก เมื่อทะลวงปราการใจจักรพรรดิ บรรลุระดับจักรพรรดิขั้นสาม ทำให้วิชาสลักลายมรรคของตนแปรเปลี่ยนพัฒนาฉับพลัน…

กระทั่งตอนนี้บุกเข้ามาในแดนวังมังกรอีกครั้ง เหตุพลิกผันระหว่างทาง ความอันตรายของสถานการณ์ ความพิสดารในการต่อสู้ เรียกได้ว่าสะท้านวิญญาณ

แต่ยังดีที่ทั้งหมดได้ปิดฉากลงแล้ว

เหยี่ยนซิงตายแล้ว เศษเสี้ยววิญญาณจักรพรรดิไร้นามก็วอดวายไปแล้ว เท่ากับว่าภารกิจที่ศิษย์พี่รองจ้งชิวฝากไว้ก็เสร็จสิ้นโดยสมบูรณ์

อีกทั้งเขายังได้พบจ้าวจิ่งเซวียนแล้ว และสำหรับหลินสวิน ลูกในท้องจ้าวจิ่งเซวียนก็เป็นเรื่องน่ายินดีเรื่องหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย

พอคิดว่าตัวเองจะเป็นพ่อคนแล้ว ใจหลินสวินก็ตื่นเต้นอย่างหาได้ยาก รวมทั้งกระวนกระวายอย่างบอกไม่ถูกอยู่บ้าง

หลังจากเด็กคนนั้นถือกำเนิด จะเป็นชายหรือหญิง นิสัยจะเหมือนใคร รูปลักษณ์จะเป็นเช่นไร…

เป็นพ่อคนครั้งแรก สภาพจิตใจก็เป็นเช่นนี้ทั้งนั้น

ซย่าจื้อนั่งอยู่ด้านข้างเงียบๆ มองดูรังมังกรสีทองในบ่อมังกรเป็นครั้งคราว และมองหลินสวินที่กำลังหลับตานั่งสมาธิเป็นพักๆ

แม้หลินสวินไม่ได้พูดอะไร แต่ซย่าจื้อสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าหลังได้เห็นรังมังกรสีทองนี้ สภาวะจิตของหลินสวินเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

ซย่าจื้อไม่เข้าใจความเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกเช่นนั้น แต่นางรู้ว่าจ้าวจิ่งเซวียนกับลูกในท้องมีตำแหน่งแห่งที่ที่สำคัญในใจหลินสวิน

“เจ้าชอบเด็กหรือ” จู่ๆ ซย่าจื้อก็เอ่ยปาก เสียงใสกระจ่าง

หลินสวินที่กำลังฟื้นฟูบาดแผลอยู่อึ้งไป จากนั้นก็ยิ้มเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ไม่รู้ ตอนนี้ถึงสังเกตได้ว่าหลังมีลูก… จิตใจก็ไม่เหมือนเดิม”

ซย่าจื้อคิดๆ แล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นเจ้าจะไม่ต้องการข้าหรือไม่”

ประโยคเดียวทำให้หลินสวินผงะไป ความรู้สึกชอบกลผุดขึ้นในใจเขา เพิ่งตระหนักได้ยามนี้ว่าตนเหมือนไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของซย่าจื้อมาก่อน

ตอนนี้นางถามเช่นนี้ เป็นเพราะในใจกังวลว่าหลังจากตนมีลูกกับจิ่งเซวียนแล้วจะไม่ทำดีต่อนางแล้วอย่างนั้นหรือ

ความรู้สึกผิดที่บอกไม่ถูกผุดขึ้นในใจหลินสวิน เขาจับจ้องซย่าจื้ออย่างจริงจัง เอ่ยว่า “ข้าไม่เคยคิดว่าเจ้าจะออกไปจากโลกของข้า”

ซย่าจื้อร้องอืมคราหนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ขอเพียงเจ้าไม่ไล่ข้าไป ข้าก็จะไม่จากไปไหน ไม่จากไปไหนตลอดชีวิต เพราะว่า…”

หลินสวินกล่าว “เพราะอะไรหรือ”

ซย่าจื้อเอ่ยเสียงเบา “ถ้าจากเจ้าไป โลกของข้าก็จะมีแต่ความมืดมิด มีชีวิตอยู่หรือตายไปก็เหมือนไม่มีความหมาย”

หลินสวินใจสั่นสะท้าน ทันใดนั้นก็นึกถึงคำพูดที่ซย่าจื้อเคยพูดไว้เมื่อครั้งยังเยาว์บางส่วน

‘โลกของข้าเล็กนัก เล็กจนบรรจุเจ้าได้แค่คนเดียว’

‘หลินสวิน ก่อนได้พบกับเจ้า โลกของข้ามีแต่ความมืดมิด พอมีเจ้าแล้ว โลกของข้าถึงมีแสงสว่าง’

‘รับปากข้า ภายหน้าถ้าเจออันตรายอีก อย่ามาขวางหน้าข้าได้ไหม’

……

หลินสวินจิตใจพลิกม้วน ไม่อาจทนได้อีกต่อไปกอดซย่าจื้อไว้แน่น เอ่ยเสียงค่อยว่า “ข้าหลินสวินขอสาบาน ว่าชีวิตนี้จะไม่ให้เจ้าจากข้าไป ต่อให้ตายก็ไม่ยอม”

บนใบหน้างามล้ำที่ปิดบังอยู่ใต้หมวกม่านของซย่าจื้อมีรอยยิ้มเจิดจ้าจากใจปรากฏขึ้น ความงามอันผุดผาดเหนือโลกีย์ คล้ายภาพฝันมายานั้น สามารถทำให้ทั้งฟ้าดินอับแสงหมองศรี

นางไม่เคยเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ที่ต้องให้คนอื่นปกป้อง นางถึงกับแข็งแกร่งกว่าสตรีใดในใต้หล้า หาไม่แล้วคงไม่อาจกรำศึกเพียงลำพังในแดนมรณะเสื่อมโทรมนั้นได้

และความแข็งแกร่งทั้งหมด การต่อสู้ทั้งปวง ทุกสิ่งล้วนทำเพื่อหลินสวินเท่านั้น

เรื่องพวกนี้นางคร้านจะเอ่ยปากมาโดยตลอด

ก็เหมือนดั่งมหามรรคฟ้าดินนี้ ภูผาธาราหมื่นสรรพสิ่งนี้ สรรพชีวิตทั้งปวงนี้ นางไม่เคยสนใจ เพราะโลกของนางแต่ไหนแต่ไรมีหลินสวินเพียงคนเดียวมาตลอด

เช่นนี้ก็เพียงพอแล้ว

จู่ๆ ซย่าจื้อก็พูดเสียงเบา “หลินสวิน ข้าก็อยากมีลูก”

หลินสวินที่กอดร่างงามของซย่าจื้อไว้แน่นตัวแข็งทื่อ สีหน้าเปลี่ยนแปลงร้อยพันในทันใด ในใจเหมือนมีพันทัพหมื่นม้าทะยานผ่าน

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน!?

เขางุนงงอยู่บ้าง ก้มหน้าลงมองดวงตาซย่าจื้ออย่างอดไม่ได้ แต่กลับเห็นว่าในดวงตางามกระจ่างดั่งดวงดาราของฝ่ายหลังมีแต่แววจริงจัง

นี่ทำให้เขางงงวยไปครู่หนึ่ง คงไม่ใช่ว่าซย่าจื้อถูกจิ่งเซวียนกระตุ้นใช่ไหม

ก็พบว่าดวงตาซย่าจื้อมีแววไม่เข้าใจและฉงนสงสัยฉายวาบ เอ่ยว่า “แต่ข้าไม่รู้ว่าจะมีลูกได้อย่างไร หรือต้องไปหารังมังกรแบบนี้มา”

เสียงประหนึ่งเสียงสวรรค์ บวกกับสีหน้าเหลอหลาไม่รู้เรื่องดูน่ารักเป็นอย่างยิ่ง

ชั่วขณะเดียวหลินสวินก็ปรีดาแล้ว หัวเราะร่าเสียงดังอย่างอดไม่ได้ หัวเราะจนสุดท้ายจะหายใจติดขัดอยู่รอมร่อแล้ว

เขาเพิ่งรู้เอาตอนนี้ว่าซย่าจื้อไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องชายหญิงเลย ประหนึ่งกระดาษเปล่าแผ่นหนึ่ง ไม่เข้าใจอะไรทั้งสิ้น

“มีอะไรน่าขำหรือ”

ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไรที่ซีเดินมาจากไกลๆ เงาร่างอรชรมีละอองแสงไหลเวียน ดุจเซียนดั่งเทพ ยากจับต้องดั่งมายา

“ข้าอยากมีลูกสักคน ก็ไม่รู้ทำไมเขาถึงหัวเราะจนเป็นเช่นนี้” ซย่าจื้อนิ่วหน้าเอ่ย

บรรยากาศพลันเงียบกริบ ก็พบว่าซีสีหน้าอึ้งงันไปครู่หนึ่งเช่นกัน คล้ายออกจะไม่ทันตั้งตัว

สักพักนางก็มองไปที่หลินสวินอย่างอดไม่ได้ เผยแววสอบสวนว่า “ทำไมเจ้ามาถกเรื่องส่วนตัวเช่นนี้กับนาง ไม่รู้สึกกระดากอายหรือไร”

หลินสวินยิ้มเจื่อน รีบร้อนอธิบายว่า “นี่ข้าไม่ใช่คนยกขึ้นมาจริงๆ นะ”

แต่สายตาซย่าจื้อมองที่ซีไปแล้ว “พี่สาว เจ้ารู้ไหมว่าจะมีลูกได้อย่างไร”

ซีมีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไร แต่พอเผชิญหน้ากับคำถามนี้เข้ายังรู้สึกว่าหน้าร้อนผ่าวอยู่บ้าง นางอึ้งไปเช่นนั้น ไม่รู้ว่าควรจะตอบซย่าจื้ออย่างไรดี

นางย่อมรู้อยู่แล้ว แต่จะ… จะพูดออกมาต่อหน้าบุรุษเช่นหลินสวินได้อย่างไร

หลินสวินก็สังเกตเห็นความอึดอัดของซีเช่นกัน ในใจเบิกบาน หญิงที่เย็นชาราวหิมะ หยิ่งทระนงลึกลับผู้นี้ไม่เคยดูอึดอัดใจขนาดนี้มาก่อน

“เจ้าว่าน่าขันมากหรือ”

เนตรกระจ่างของซีดุจสายฟ้า จ้องหลินสวินด้วยแววตาน่ากลัว นางไม่มีทางตอบคำถามนี้ของซย่าจื้อ ทำได้แค่เปลี่ยนหัวข้อ หา ‘แพะรับบาป’

หลินสวินพลันรู้สึกไม่เข้าที ลุกขึ้นเอ่ยทันใด “พวกเจ้าคุยกันไปนะ ข้าไปดูต้าหวงสักหน่อย”

พอเสียงพูดดังขึ้น ตัวเขาก็หนีขวับไปไกลๆ แล้ว

ซย่าจื้อสีหน้ายิ่งงุนงง ดวงตากระจ่างดุจวารีมีแต่ความงงงวย “หรือมีลูกลึกลับเสียยิ่งกว่าหยั่งรู้มหามรรค”

ซี “…”

หน้างามของนางยิ่งร้อนขึ้นไปอีก ไม่ต้องส่องคันฉ่องก็รู้ว่าหน้าตนต้องแดงแจ๋เหมือนประกายเพลิงแน่ๆ

แต่พอเห็นแววตาตั้งตาคอยการไขข้อกังขานั้นของซย่าจื้อ นางก็รู้ว่าคำถามนี้ต้องอธิบายให้เด็กสาวที่งดงามจนทำให้ตนรู้สึกกดดันคนนี้ดีๆ เสียหน่อยแล้ว

ใช่แล้ว ในสายตาซี ซย่าจื้อยังเป็นเด็กสาวจริงๆ

นางครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ถึงเอ่ยพูดอึกอัก กำกวมหาใดเทียบว่า “ซย่าจื้อ การให้กำเนิดลูกเป็นเรื่องส่วนตัวมาก จะต้อง… อืม พูดอย่างไรดีนะ… เจ้ารู้จักหยินหยางสอดประสาน พยัคฆ์มังกรเกลียวกลมไหม”

ซย่าจื้อพูด “ข้ารู้ แต่นี่เกี่ยวอะไรกับการมีลูก หรือยังต้องฝึกมหามรรคหยินหยางถึงจะมีลูกได้”

มุมปากซีกระตุกเกร็งอย่างยากสังเกตเห็นไปครู่หนึ่ง รู้สึกได้ว่าทั้งตัวนางกำลังว้าวุ่นอยู่บ้าง เด็กสาวคนนี้… ไม่รู้อะไรจริงๆ เลย..

ในเวลาต่อมาซีอดทนเป็นอย่างยิ่งในการพูดอุปมาต่างๆ ให้ซย่าจื้อฟัง แต่ฝ่ายหลังยิ่งฟังก็ยิ่งงุนงง คล้ายคิดว่าเรื่องมีลูกนี้ลึกลับและคลุมเครือมากไปอยู่บ้าง…

ในที่สุดซีก็ล้มเลิกแล้ว ไม่อาจอธิบายได้สักนิด แต่ในใจนางชังหลินสวินเสียจนกัดฟัน เจ้าหมอนี่ทำไมถึงมาพูดคุยเรื่องลับส่วนตัวเช่นนี้กับเด็กสาวที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วเช่นนี้ได้

เดรัจฉานสวมอาภรณ์ชัดๆ!

“รอแม่นางจิ่งเซวียนผู้นั้นตื่นจากรังมังกร เจ้าก็ลองไปถามนางดู” ซีปัดเผือกร้อนให้พ้นตัวทันที

ซย่าจื้อกลับพยักหน้าอย่างเห็นด้วย ดวงตาเปล่งประกาย “จริงด้วย ถามพี่จิ่งเซวียนสักหน่อย นางมีลูกแล้วจะต้องรู้ดีที่สุดแน่”

ซีแววตาแปลกไป เอ่ยอย่างชอบกลว่า “กับแม่นางจิ่งเซวียนคนนั้น… เจ้าหึงหวงไหม หรือริษยารึเปล่า หรือโกรธเคืองหรือไม่”

ซย่าจื้อเอ่ยอย่างกังขาว่า “ริษยาหรือ โกรธเคืองหรือ ก็ไม่นะ นอกจากหลินสวินแล้ว บนโลกนี้ไม่มีใครมีค่าให้ข้าโกรธหรอก อีกอย่าง หึงหวงคืออะไรหรือ”

ซี “…”

นางเข้าใจได้สักทีว่าทำไมซย่าจื้อถึงยังอยู่ข้างกายหลินสวินมาได้ถึงตอนนี้ ไม่ใช่เพราะใจคอกว้างขวางจนยอมให้หลินสวินไปอยู่กับหญิงอื่น แต่เพราะนาง… ไม่เข้าใจอะไรสักนิด!

“พี่ซี เจ้าจะหึงหวงไหม” ซย่าจื้อถาม

ซีผงะไป จากนั้นก็ยิ้มขึ้นมา เอ่ยอย่างผ่อนคลายสบายอารมณ์ว่า “บนโลกนี้มีชายคนไหนควรค่าให้ข้าหึงหวงเล่า”

“หลินสวินล่ะ” ซย่าจื้อถาม นางไม่รู้ว่าหึงหวงคืออะไร แต่อยากจะจับนัยของความหึงหวงจากการพูดคุยกับซี

“เขาหรือ”

ซีพ่นหัวเราะออกมา เสียงเย้าแหย่เอ่ยหยอกล้อว่า “ข้ามองดูเขาเติบโตขึ้นมากับตาตั้งแต่เขายังเยาว์ เจ้าว่าข้าจะไปหึงเจ้าคนแบบนี้ไหม”

พูดถึงตรงนี้ในใจนางก็ทอดถอนใจ ตนอยู่มานานนัก ได้เห็นการเติบโตของเจ้าตระกูลเสวียนเสวียนซั่งเฉิน ได้ประจักษ์ความสง่างามของลู่ป๋อหยา และเห็นการผงาดของหลินสวิน….

แต่เหมือนว่า…

ที่เข้าตาตนจริงๆ เหมือนจะมีแค่หลินสวินคนเดียว

นึกถึงอดีตต่างๆ นึกถึงภาพหลินสวินฝ่าด่านแต่ละด่านในห้องโถงมรรคาสวรรค์ แววตาของซีก็เหม่อลอยขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

หลินสวินตรงหน้าไม่ใช่ ‘เจ้าหนูน้อย’ คนหนึ่งแล้ว เขาเป็นมกุฎมหาจักรพรรดิที่หาได้ยากยิ่งในอดีตกาลถึงปัจจุบัน บนมรรคายิ่งมีศักยภาพแฝงน่ากลัวชนิดไม่เป็นรองใคร

คนเช่นนี้ ในสายตาของสรรพชีวิตทั่วหล้าคือบุคคลที่สามารถโอหังเหนือโลกหล้า ประหนึ่งตำนานไปนานแล้ว

คิดถึงตรงนี้ก็สบสายตากังขานั้นของซย่าจื้อ ซีเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าอาจจะไม่เข้าใจในตอนนี้ แต่ภายหน้าเจ้าต้องเข้าใจแน่ คนที่รักกันอย่างแท้จริงถึงจะรู้ว่าอะไรคือรสชาติของความหึงหวง”

ซย่าจื้อร้องอ้อ คล้ายเข้าใจแล้ว แต่ก็เหมือนไม่เข้าใจอะไรเหมือนกัน

ซีไม่ได้อธิบายอะไรอีก เรื่องแบบนี้ย่อมไม่อาจอธิบายได้อย่างชัดเจน

ในเวลาเดียวกัน หลินสวินมาหาต้าหวง

ต้าหวงเห็นหลินสวินก็พูดอย่างชอบใจว่า “เจ้าหนู ตอนนี้ขอเพียงเจ้าขอร้องข้า ข้าจะมอบศุภโชคใหญ่เท่าฟ้าให้ชิ้นหนึ่ง!”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท