Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2266 หวาดหวั่นใจ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2266 หวาดหวั่นใจ

ตอนที่ 2266 หวาดหวั่นใจ

ต้าหวงตื่นเต้นนัก แววตาเปี่ยมด้วยความได้ใจและพึงพอใจ ราวกับแม่ทัพที่สู้ชนะพิชิตชัยกลับมา

หลินสวินเดาออกทันทีว่าเจ้าหมานี่จะต้องตักตวงของดีมาได้แน่!

“ต้าหวง เจ้ายังจำได้ไหมว่าตอนที่พวกเราออกเดินทาง ศิษย์พี่รองของข้าสั่งเจ้าไว้ว่าอย่างไร” หลินสวินเอ่ยปากเรื่อยเฉื่อย

ต้าหวงระวังตัวทันที เอ่ยว่า “เจ้าหนู ข้ามอบศุภโชคให้เจ้าเลยนะ เจ้ากลับอ้างชื่อนายท่านมาขู่ขวัญข้า เจตนานี้จะชั่วร้ายไปแล้ว บอกเจ้าให้ว่าข้าไม่ติดกับแน่!”

ในใจมันนึกเสียใจอยู่บ้างว่าทำไมต้องออกตัวกระตือรือร้นมอบสมบัติให้เช่นนี้ ดูตอนนี้สิ กลับถูกเจ้าเด็กนี่จับจ้องแล้ว

หลินสวินยิ้ม “เจ้าเอาศุภโชคชิ้นนั้นมาให้ข้าก็พอ สมบัติอันอื่นข้าไม่ไปแย่งกับเจ้า แน่นอนว่าถ้าเจ้าทำให้ข้าไม่พอใจ หลังจากกลับไปข้าจะต้องคุยกับศิษย์พี่รองดีๆ เสียหน่อย”

ต้าหวงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง “ไร้มโนธรรม! ไร้มโนธรรมเกินไปแล้ว!”

“จะให้ไหม” หลินสวินไม่เกรงใจสักนิด สีหน้าหนักแน่น

ต้าหวงขบเขี้ยว หมายจะกัดหลินสวินสักครั้ง แต่สุดท้ายก็ถอนหายใจคราหนึ่งแล้วเอาสมบัติอย่างหนึ่งมาให้อย่างว่าง่าย

นี่เป็นขวดหยกโปร่งแสงใบหนึ่ง ในขวดมีเม็ดทรายขาวกระจ่างไหลอยู่ แปลงเป็นภาพปรากฏการณ์ยิ่งใหญ่อย่างจักรวาลฟ้าดารา แสงดาวเปล่งประกาย

ขวดหยกเล็กๆ ใบหนึ่ง กลับเหมือนรองรับจักรวาลฟ้าดาราแห่งหนึ่ง!

“ทรายวิญญาณดาราขุ่นใสหรือ” หลินสวินตกตะลึง

ต้าหวงเอ่ยอย่างลำพองว่า “เป็นสมบัตินี้จริงๆ ถ้าหลอมเข้าไปในศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ได้ อานุภาพก็จะเพิ่มพูนขึ้นเท่าหนึ่งเป็นอย่างน้อย! แน่นอนว่าสมบัตินี้ก็เป็นหนึ่งในวัตถุดิบเทพที่จำเป็นในการควบรวมต้นอ่อนต้นบ่อเกิดแรกกำเนิด…”

มันพูดฉะฉาน เหมือนกำลังอวดความดีความชอบ “ถ้าไม่ใช่ข้าพลิกแดนวังมังกรแห่งนี้ เกรงว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าคงไม่ได้รับสิ่งนี้”

หลินสวินรับขวดหยกนี้มาอย่างแนบเนียน จากนั้นจึงยิ้มเอ่ยว่า “ต้าหวง ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ คราวนี้คงตักตวงสมบัติมาได้ไม่น้อยกระมัง”

ต้าหวงพูดอย่างระมัดระวังว่า “นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า เจ้าหนู ทรายวิญญาณดาราขุ่นใสก็ให้เจ้าไปแล้วยังไม่รู้จักพอ ข้าจะโกรธแล้วนะ!”

หลินสวินถอนหายใจยาวเฮือกหนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มกุมมือเอ่ยว่า “รอข้ากลับไปพบศิษย์พี่รอง จะเอ่ยขอบคุณของขวัญของต้าหวงต่อหน้าเขาเป็นอย่างดี”

นี่มันคำพูดอะไรกัน

เห็นได้ชัดว่าคิดจะฟ้องพฤติกรรมของข้าต้าหวง!

ต้าหวงจะฟังนัยแฝงของหลินสวินไม่ออกได้อย่างไร ในใจเขาพลันระอา แยกเขี้ยวอยู่นานกว่าจะกัดฟันโยนถุงเก็บของออกมาถุงหนึ่ง “ได้ สมบัติพวกนี้มอบให้เจ้า เจ้าหนูอย่างเจ้าจะมาได้คืบจะเอาศอกอีกไม่ได้แล้ว ข้าจะโมโหจริงๆ แล้ว!”

พูดพลางก็ทำหน้าเจ็บปวด

หลินสวินเปิดถุงเก็บของออกดูแล้วสูดหายใจสะท้านอย่างอดไม่ได้ ที่อยู่ในถุงเก็บของนั้นต่างเป็นสมบัติชิ้นงามระดับจักรพรรดิขึ้นไป ไม่มีสมบัติธรรมดาสักชิ้น ทั้งยังมีมากมายหลายชนิด ทั้งเจตวัตถุ ทั้งยาลูกกลอน ทั้งของล้ำค่า ทั้งหินแร่…

มูลค่าเช่นนั้นไม่อาจประเมินค่าได้โดยสิ้นเชิงแล้ว!

‘หรือเจ้าต้าหวงนี่จะกวาดคลังสมบัติเผ่าเจินหลงมาจนเกลี้ยง ทำไมถึงตักตวงสมบัติมาได้มากมายขนาดนี้…”

หลินสวินกำลังจะพูดอะไร พอเงยหน้าขึ้นมาเงาร่างของต้าหวงก็หายไปนานแล้ว เห็นได้ชัดว่ากังวลว่าตนจะปอกลอกมันอีก

หลินสวินเก็บถุงเก็บของ ลอบเอ่ยในใจว่าเหลือแค่รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพชางอู๋เท่านั้น ก็จะควบรวมต้นอ่อนของต้นบ่อเกินแรกกำเนิดได้แล้ว!

รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพทั้งสี่ เขาเก็บเจี้ยนมู่ คุนอู๋ และฝูซางมาได้แล้ว

เจตวัตถุที่จำเป็นอย่างดินปราณแรกกำเนิด ดินวิญญาณห้าสี วารีแรกปฐม และทรายวิญญาณดาราขุ่นใสต่างรวบรวมได้ครบแล้ว

ตอนนี้เหลือแค่รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพชางอู๋แล้วจริงๆ

และเมื่อนึกถึงไม้เทพชางอู๋ หลินสวินก็นึกถึงเรื่องในอดีตเรื่องหนึ่งขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

ในดินแดนรกร้างโบราณตอนนั้น บนเขาพยับครามเคยมีงานชุมนุมโคมกถามรรคครั้งหนึ่งเปิดฉากขึ้น

ก็เป็นตอนนั้นที่หลินสวินได้เห็นประทับเจตจำนงที่หลี่เสวียนเวยทิ้งไว้ รวมถึงพลังที่ระฆังมหามรรคไร้กฎหลงเหลือเอาไว้

นอกจากนี้ตอนนั้นเขายังหยั่งถึงนัยเร้นลับมหามรรคที่จักรพรรดิสงครามดับดาราทิ้งไว้ในป่าศิลาแห่งหนึ่ง… ดับดารากลืนกิน!

ตอนนั้นผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมโคมกถามรรคมีทั้งอวี่หลิงคงซึ่งครอบครองตำหนักอมตะ มีจี้ซิงเหยา ลั่วเจีย มีจงหลีอู๋จี้ จั๋วข่วงหลัน เหลยเชียนจวิน…

ผ่านไปหลายปี หลินสวินนึกถึงผู้คนกับเรื่องราวในตอนนั้นก็ทอดถอนใจออกมา แต่เขาไม่ได้ลืม

บนเขาพยับครามนั้นมีต้นโคมสำริดมรรคโบราณต้นหนึ่ง มีโอสถราชันกายสิทธิ์ที่เหมือนคนแคระต้นหนึ่ง เรียกตัวเองว่าเป็นรากวิญญาณหนึ่งเดียวของเขาพยับคราม ทั้งยังเรียกตนเองว่า ‘อาจารย์แห่งเหล่าอริยะ’!

ตอนที่เขาออกมาจากเขาพยับคราม ก็ได้โอสถราชันกายสิทธิ์นี้ช่วยเอาไว้

ตอนนี้พอนึกถึงเรื่องในอดีต หลินสวินก็พลันนึกขึ้นได้ ว่าเขาพยับครามนั้นจะเกี่ยวข้องกับไม้เทพชางอู๋หรือไม่

‘ภายหน้าหากมีโอกาส จะต้องกลับไปดินแดนรกร้างโบราณสักหน’ หลินสวินครุ่นคิด

……

คู่สามีภรรยาจ้าวหยวนจี๋ใช้เวลาสามวันชำระล้างแดนวังมังกรได้สมบูรณ์

พวกที่เคยสังหารจักรพรรดิมังกรหมิงหลัวในตอนนั้น ถูกอ๋าวซิงถังสะสางบัญชีแทบทั้งนั้น ส่วนคนในเผ่าที่ยินดีสวามิภักดิ์เหล่านั้นก็ถูกอ๋าวซิงถังรับไว้ใต้อาณัติอย่างปราณี ให้เป็นข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์

จนถึงตอนนี้อำนาจสูงสุดของเผ่าเจินหลงถูกอ๋าวซิงถังควบคุมโดยสมบูรณ์

กระบวนการระหว่างนั้นหลินสวินไม่ได้รู้ชัดนัก

แต่เขารู้ดีว่าสิ่งที่ทิ้งไว้ให้อ๋าวซิงถังจัดการคือความเละเทะ เผ่าเจินหลงคิดจะฟื้นฟูอำนาจและฐานะในอดีต จะต้องผ่านกระบวนการอันยืดยาวหาใดเทียบ

ถึงอย่างไรเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าเจินหลงที่ตายไปคราวนี้ก็มีมากนัก สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดิที่เหลือมีไม่ถึงสองส่วนของแต่ก่อน!

นี่ไม่ใช่พลังดั้งเดิมเสียหายร้ายแรงแล้ว แต่เป็นรากฐานทั้งเผ่าบาดเจ็บสาหัส!

ในตอนที่สองสามีภรรยาจ้าวหยวนจี๋ยังยุ่งอยู่ หลินสวินก็ออกจากแดนวังมังกรมาเพียงลำพัง

……

เกาะเทพรุ้งมรกต

พอเงาร่างของหลินสวินปรากฏตัว หัวหน้าเผ่าของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ต่างก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว สายตาแต่ละคนเจือแววตั้งตาคอย

“ยินดีด้วยที่สหายยุทธ์หลินเหยียบทำลายวังมังกร อานุภาพข่มเผ่าเจินหลง!”

“หมื่นกาลมานี้ ผู้ที่เอาชนะเผ่าเจินหลงได้มีสหายยุทธ์หลินเป็นคนแรก!”

“ตอนนี้ใต้หล้านี้ใครจะไม่รู้จักความสง่างามอันหาได้ยากยิ่งของสหายยุทธ์หลิน”

….หลินสวินเพิ่งมาถึงก็ได้รับคำแสดงความยินดีต่างๆ สีหน้าหัวหน้าเผ่าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่เอ่อล้นไปด้วยความกระตือรือร้น เคารพและยำเกรง

พวกเขาอาจจะมีส่วนที่พูดเกินจริง แต่ความเคารพและยำเกรงต่อหลินสวินกลับเป็นเรื่องจริง คนผู้หนึ่งสามารถบดขยี้วังมังกร กดข่มเผ่าเจินหลงให้ก้มหัว ล้วนสมควรได้รับความเคารพยำเกรงจากพวกเขาแล้ว!

หลินสวินสีหน้าเรียบเฉยเอ่ยว่า “ทุกท่านวางใจได้ เรื่องที่รับปากไว้ก่อนหน้านี้ ข้าคนแซ่หลินย่อมไม่คืนคำ มรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ข้าจะมอบให้ทุกท่าน”

ได้ยินดังนั้นเหล่าหัวหน้าเผ่าต่างลอบถอนหายใจโล่งอก ยิ้มอย่างยินดี

เพียงแต่ครู่ต่อมาหลินสวินก็เปลี่ยนเรื่อง พูดว่า “แต่มีเรื่องหนึ่งข้าคนแซ่หลินต้องเตือนทุกท่าน”

บรรยากาศในโถงพลันเงียบสงัด หัวหน้าเผ่าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่เหล่านั้นมีแววฉงนฉายวาบในดวงตา

หลินสวินไม่ได้ปิดบัง เอ่ยอย่างจริงใจว่า “ภายหน้าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ไม่ต้องรับคำสั่งอยู่ใต้อาณัติเผ่าเจินหลงก็ได้ แต่ถ้าเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่กล้าถือโอกาสตอนที่เผ่าเจินหลงเกิดความวุ่นวายภายในตีชิงตามไฟ เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าคนแซ่หลินไม่เกรงใจ”

เหล่าหัวหน้าเผ่าของเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ต่างตกตะลึง มองหน้ากันไปมา

ก่อนหน้านี้พวกเขาพอจะคาดเดาออกเป็นส่วนใหญ่ ว่าหลังจากผ่านความโกลาหลและเข่นฆ่าครั้งนี้ไป อิทธิพลของเผ่าเจินหลงจะต้องตกต่ำถึงขีดสุดแล้ว ตอนนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่จะฉกชิงอาณาเขตของเผ่าเจินหลงอย่างไม่ต้องสงสัย

กระทั่งพวกเขายังหารือกันลับๆ ว่าจะใช้วิธีต่างๆ ออกเคลื่อนไหว!

แต่คำพูดนี้ของหลินสวินกลับเหมือนน้ำเย็นที่ราดลงบนหัวพวกเขา ทำให้พวกเขาถึงกับยากจะเชื่อ

“สหายยุทธ์หลิน เจ้าคงไม่ได้อยากกินเรียบอยู่คนเดียวกระมัง คราวนี้ถ้าไม่ได้เก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่ของพวกเราช่วย เกรงว่าเผ่าเจินหลงคงไม่มีทางแพ้ง่ายๆ เช่นนี้!”

มีคนนิ่วหน้าอย่างอดไม่ได้ เอ่ยปากเตือนหลินสวินว่าจะอย่าทำตัวน่าเกลียดเกินไป

หลินสวินชำเลืองมองอีกฝ่ายคราหนึ่ง จำได้ว่าเป็นหัวหน้าเผ่าเผ่าจักรพรรดิซวนหนีก็ยิ้มขึ้นอย่างอดไม่อยู่ “เจ้าพูดถูก ถ้าไม่ได้พวกเจ้าช่วย เผ่าเจินหลงคงไม่แพ้เร็วขนาดนี้จริงๆ แต่พวกเจ้ารู้ดียิ่งกว่าว่าถ้าไม่มีข้าคนแซ่หลิน พวกเจ้า รวมถึงเผ่าเบื้องหลังพวกเจ้าจะมีโอกาสเปลี่ยนแปลงชะตาของเผ่าได้อย่างไร”

หัวหน้าเผ่าซวนหนีสีหน้าไม่น่ามอง “สหายยุทธ์หลิน อาณาเขตที่เผ่าเจินหลงครอบครองรวมถึงทั้งแดนเจินหลง แค่เจ้าคนเดียว… เกรงว่าจะรับไม่ไหว”

สายตาคนอื่นก็มองมาที่หลินสวิน

ตามที่ตกลงกันไว้ตอนแรก หลังจากพวกเขาช่วยหลินสวินแล้ว สิ่งที่แลกเปลี่ยนจะมีเพียงมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปร ไม่ได้รวมถึงการแบ่งอาณาเขตของเผ่าเจินหลงด้วย

แต่ตอนนี้ก็ส่วนตอนนี้ ตอนนั้นก็ส่วนตอนนั้น เผ่าเจินหลงในปัจจุบันเป็นช่วงที่อ่อนแอที่สุด เหมือนดั่งเหยื่ออวบอ้วนที่จะฆ่าแกงอย่างไรก็ได้ตัวหนึ่ง พวกเขาเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่จะไม่หวั่นไหวได้อย่างไร

กลับเห็นว่าหลินสวินจ้องหัวหน้าเผ่าซวนหนีอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “เจ้าหายไปตอนนี้จะดีที่สุด”

ใบหน้าหัวหน้าเผ่าซวนหนีแดงก่ำ เส้นเลือดขมับปูดโปน พูดเสียงต่ำลึกว่า “สหายยุทธ์หลิน นี่เจ้าหมายความว่าอย่างไร หรือก่อนหน้านี้ข้าพูดอะไรผิดไป”

“ไสหัวไป!”

ดวงตาดำหลินสวินเย็นชาลุ่มลึก ทันทีที่ลุกขึ้น ไอสังหารน่าสะพรึงมืดฟ้ามัวดินก็แผ่กระจายออกไป กระแทกตัวหัวหน้าเผ่าซวนหนีอย่างแรงราวกับพายุ

ร่างหัวหน้าเผ่าซวนหนีสั่นโคลง หน้าเปลี่ยนสีทันตา พลันโคจรพลังปราณเข้าต้าน “หลินสวิน นี่เจ้าจะกลับคำหรือ!”

ตูม!

หลินสวินตบออกไปกลางอากาศคราหนึ่ง ด้วยพลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้ สามารถสังหารระดับจักรพรรดิขั้นแปด ทัดเทียมกับระดับจักรพรรดิขั้นเก้าแล้ว หัวหน้าเผ่าซวนหนีผู้นี้มีพลังปราณแค่ระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ด จะต้านไว้ได้อย่างไร

ก็ได้ยินเสียงปึงดังขึ้น หัวหน้าเผ่าซวนหนีถูกหวดกระเด็นออกไป ล้มลงอยู่นอกโถง

ภาพนี้น่าตกตะลึงจนทุกคนต่างหน้าเปลี่ยนสี

“จำไว้ เป็นข้าหลินสวินให้โอกาสพวกเจ้าได้เปลี่ยนโชคชะตาของเผ่า ข้าไม่ขอให้พวกเจ้าขอบคุณ แต่พวกเจ้าคนไหนกล้าได้คืบจะเอาศอก แตะต้องในสิ่งที่ไม่ควรแตะต้อง ข้าก็ไม่ถือที่จะไปเยือนเผ่าพวกเจ้าสักรอบ”

“เผ่าเจินหลงยังขวางข้าไม่ได้ พวกเจ้า… จะทำได้หรือ”

หลินสวินพูดจบก็ทิ้งม้วนหยกที่บันทึกมรดกมังกรเคราะห์เก้ากระบวนแปรไว้แล้วจากไปทันที

ทุกคนหน้าเปลี่ยนสีไม่ว่างเว้น ในใจยังหลงเหลือความกลัวและโกรธเกรี้ยว แต่สุดท้ายต่างเลิกล้มความคิดที่แบ่งชิงอาณาเขตของเผ่าเจินหลง

เผ่าเจินหลงซึ่งเป็นดั่งนายเหนือหัวยังถูกหลินสวินกำราบ เผ่าอื่นๆ อย่างพวกเขาจะไปรับไฟโทสะของหลินสวินได้หรือ

นอกโถงหัวหน้าเผ่าซวนหนีดิ้นรนลุกขึ้น สีหน้าไม่น่าดู ไม่อาจเชิดหน้าได้ เขาตื่นเต็มตาแล้ว กระทั่งไม่อาจมีความคิดไปงัดข้อกับหลินสวินอีก

“ทุกท่านก็เอาตามนี้เถอะ หลินสวินนั่นน่ากลัวกว่าเผ่าเจินหลงเสียอีก ต่อให้พวกเราเก้าเผ่าจักรพรรดิใหญ่รวมตัวกัน… ก็ยังไม่อาจล่วงเกินเขาได้!”

มีคนถอนใจยาวราวกับยอมรับชะตากรรมโดยสมบูรณ์

คนอื่นๆ ต่างล้วนหวาดหวั่นใจ

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท