Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2272 ยอดฝีมือผู้น่าทึ่ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2272 ยอดฝีมือผู้น่าทึ่ง

ตอนที่ 2272 ยอดฝีมือผู้น่าทึ่ง

เลี่ยนหงซิ่วแค่นเสียงกล่าวทันที “เรื่องนี้ลือกันทั่วเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงนานแล้ว หากตั้งใจสืบข่าวใครก็รู้กันทั้งนั้น”

หลินสวินยิ้มบางๆ กล่าวว่า “แต่ข้ายังรู้อีกว่า คอขวดที่เจ้าประสบอยู่ตอนนี้ก่อกวนเจ้ามาเป็นเวลานานกว่าหนึ่งพันห้าร้อยปีแล้ว แถมตอนนี้ยังไม่พบวิธีจะทะลวงผ่านคอขวดได้”

คราวนี้เลี่ยนหงซิ่วตกใจทันควัน ร้องโพล่งออกมา “เจ้ารู้ได้อย่างไร”

นางไม่อาจสงบอารมณ์ได้ แม้แต่ภายในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ ก็มีไม่กี่คนที่สามารถบอกเวลาที่นางประสบปัญหาคอขวดออกมาได้อย่างแม่นยำ

ทว่าตอนนี้กลับถูกคนนอกคนหนึ่งบอกตรงจุดในประโยคเดียว!

หลินสวินยิ้มน้อยๆ ชี้ไปยังกระบี่บินเล่มหนึ่งบนโต๊ะจัดแสดง “เวลาหลอมที่กำกับของศาสตราจักรพรรดิชิ้นนี้คือสามพันห้าร้อยปีก่อน และตั้งแต่ศาสตราจักรพรรดิชิ้นนี้ ขณะที่เจ้าหลอมอาวุธได้เริ่มลองรูปแบบใหม่ๆ พยายามทะลวงผลสำเร็จทางด้านการหลอมอาวุธ”

เลี่ยนหงซิ่วเพิ่งกระจ่าง สายตาที่มองทางหลินสวินก็เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม ถึงจะเป็นพวกปราณเทียมฟ้า แต่หากไม่เข้าใจด้านการหลอมอาวุธก็ไม่มีทางมองทะลุเบาะแสเพียงน้อยนิดเช่นนี้จากสมบัติชิ้นเดียวได้เด็ดขาด

ต่อให้เป็นปฐมาจารย์หลอมอาวุธ หากไม่ศึกษาโดยละเอียดก็ยากจะค้นพบเช่นกัน

แต่คนหนุ่มตรงหน้านี้กลับทำได้!

กลับเห็นหลินสวินกล่าวต่อเองว่า “หลังจากหลอมกระบี่บินเล่มนี้ สมบัติเหล่านั้นที่เจ้าหลอมแต่ละชิ้นล้วนเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม ความคิดสร้างสรรค์แยบยล โดดเด่นมีเอกลักษณ์ แต่กลับมีร่องรอยกระบี่เอียงแฉลบปลาย สาเหตุก็เพราะความเชี่ยวชาญแกนหลักในการหลอมอาวุธยังไม่ทะลวงอย่างแท้จริง แต่กลับมองออกว่าเจ้าทุ่มเทแรงกายแรงใจมากมายเพื่อฟันฝ่ามันไป นี่ก็คือสาเหตุว่าทำไมข้าถึงระบุได้ว่าปัญหาคอขวดที่เจ้าเผชิญยังไม่อาจก้าวผ่านไปจนถึงตอนนี้”

คำพูดที่เอ่ยออกมานี้ทำเอาเลี่ยนหงซิ่วอึ้งงันอยู่ตรงนั้น สีหน้าเปลี่ยนไปมา คำพูดของหลินสวินพาให้ใจนางพลุ่งพล่าน ถึงขั้นสั่นสะเทือน

เพราะสิ่งที่หลินสวินพูดมาล้วนไม่ผิดแม้แต่คำเดียว ทุกประโยคทุกถ้อยคำต่างตีแผ่ภาวะคับขันที่นางประสบในด้านการหลอมอาวุธตอนนี้ได้อย่างแม่นยำ!

ส่วนเหยาเถาที่อยู่ข้างกันก็ฟังจนอึ้งค้างแล้ว แขกผู้นี้… หรือจะเป็นยอดฝีมือน่าทึ่งคนหนึ่งกัน

ความสูงส่งของฐานะในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ และความลึกล้ำเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของเลี่ยนหงซิ่ว นางรู้ดียิ่งกว่าใคร

ทว่าตอนนี้คนนอกคนหนึ่งกลับชี้ปัญหาคอขวดที่เลี่ยนหงซิ่วเผชิญได้ด้วยการสังเกตสมบัติเหล่านั้น นี่น่าเหลือเชื่อเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

หลังจากนั้นครู่ใหญ่เลี่ยนหงซิ่วเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ยามปฏิบัติตัวต่อหลินสวินก็เจือความเคารพนอบน้อมขึ้นมา“ขอบังอาจถามว่าสหายยุทธ์ชื่อแซ่อะไรหรือ”

“หลินเต้ายวน”

หลินสวินกล่าวส่งๆ “หากไม่มีธุระอื่น ข้าคนแซ่หลินขอตัวก่อนล่ะ”

ขณะพูดเขาก็เตรียมจะออกไป สมบัติในร้านช่างเทพแห่งนี้เขาทำความเข้าใจครบทุกชิ้นแล้ว และถือว่าได้ผลเก็บเกี่ยว จุดประกายความคิดให้เขาไม่น้อย

ต่อไปเขาตั้งใจว่าจะไปลองสัมผัสในร้านช่างเทพร้านอื่นๆ ต่อ

“ช้าก่อน”

เลี่ยนหงซิ่วรีบกล่าว “สหายยุทธ์ ก่อนหน้านี้ข้ามีตาหามีแวว ทำให้มองข้ามสหายยุทธ์ไป พอจะอยู่ต่อสักครู่ให้ข้ามอบของชดเชยไถ่โทษได้หรือไม่”

ขณะพูดก็หันไปค้อมกายให้หลินสวินน้อยๆ เจือแววคาดหวัง

ในใจนางมีความคิดที่ไม่อาจควบคุมอย่างหนึ่งกำลังพวยพุ่ง คนที่สามารถชี้ปัญหาคอขวดที่ตนประสบอยู่ได้ภายในเวลาอันสั้นเช่นนี้ ก็น่าจะชี้แนะให้ตนพอมีโอกาสไขปัญหาคอขวดนี้ได้ด้วยใช่หรือไม่

เหยาเถาอ้าปากหวอ มึนตื้อไปหมด นางกล้าสาบานได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเลี่ยนหงซิ่วปฏิบัติต่อแขกคนหนึ่งอย่างเคารพนบนอบเช่นนี้!

ตลอดเวลาที่ผ่านมาต่อให้เป็นคนใหญ่คนโตระดับจักรพรรดิที่เรียกลมเรียกฝนมาอยู่ต่อหน้า เลี่ยนหงซิ่วก็ยังไม่เคยนอบน้อมเช่นนี้!

“เจ้าอยากให้ข้าช่วยชี้แนะเจ้าหรือ” หลินสวินเผยความคิดของเลี่ยนหงซิ่วในประโยคเดียว

เลี่ยนหงซิ่วสีหน้าอักอ่วนอยู่บ้าง แต่ก็ยังพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์ “หากสหายยุทธ์พอจะชี้แนะข้า ช่วยข้าก้าวผ่านปัญหานี้ไปได้ ขอเพียงเป็นราคาที่ข้าจ่ายไหวล้วนจะตอบรับอย่างไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น!”

หลินสวินครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วกล่าว “เอาแบบนี้แล้วกัน เจ้าพาข้าไปดูที่ร้านช่างเทพอื่นๆ ก่อน”

นี่ถือว่าตอบตกลงตนแล้วใช่หรือไม่

เลี่ยนหงซิ่วไม่แน่ใจอยู่บ้าง แต่ก็ยังรับปากอย่างรวดเร็ว กล่าวว่า “ยินดีอย่างยิ่ง”

“ไปเถอะ”

หลินสวินยิ้มน้อยๆ แล้วเดินออกไปข้างนอก

เลี่ยนหงซิ่วรีบตามหลังไปติดๆ ชนิดก้าวต่อก้าว

มองเห็นภาพนี้อยู่ในสายตา แววตาของข้ารับใช้หญิงเหยาเถาก็เปลี่ยนเป็นคลั่งไคล้ ใจดวงน้อยเต้นรัวระส่ำ มาดของผู้อาวุโสคนนั้น… ช่างชวนหลงใหลนัก…

ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขเก้า

ตอนได้ยินว่าเลี่ยนหงซิ่วมาพร้อมกับระดับจักรพรรดิหนุ่มคนหนึ่ง ปฐมาจารย์หลอมอาวุธเลี่ยนอวิ๋นเทียนซึ่งเป็นผู้ดูแลหลักของที่นี่แทบเข้าใจว่าเป็นคนใหญ่คนโตเผ่าหงส์เซียนมาเยือน จึงรีบร้อนออกมาต้อนรับ

แต่หลังจากเห็นหลินสวิน เขาก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเจ้าหมอนี่เป็นใคร เหตุใดถึงทำให้เลี่ยนหงซิ่วที่หยิ่งทระนงหาใดเปรียบร่วมเดินทางมาด้วย

และหลังจากได้ยินเลี่ยนหงซิ่วเล่าเรื่องที่เจอมาเมื่อครู่ ปฏิกิริยาแรกของเลี่ยนอวิ๋นเทียนก็คือ

เจ้าหมอนี่อาจเป็นพวกต้มตุ๋น!

ใครบ้างไม่รู้ว่าในด้านการหลอมอาวุธ ทั่วทั้งแดนหงส์เซียน หากเผ่าจักรพรรดิช่างเทพของพวกเขาเป็นที่สองก็ไม่มีใครกล้าเป็นที่หนึ่งแล้ว

แต่ตอนนี้เลี่ยนหงซิ่วกลับฝากความหวังที่จะทลายปัญหาคอขวดไว้กับคนนอกคนหนึ่ง นี่ช่าง… น่าขันสิ้นดี!

ทว่าเลี่ยนอวิ๋นเทียนกลับไม่ได้เปิดโปงต่อหน้า หากแต่มองสำรวจหลินสวินเงียบๆ ตัดสินใจลองภูมิหลินสวินด้วยตนเอง ใช้ความจริงพิสูจน์ บางทีอาจจะทำให้เลี่ยนหงซิ่วที่หลงเชื่อคำลวงได้สติขึ้นมาบ้าง

กระทั่งหลังจากหลินสวินเยี่ยมชมสมบัติในร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขเก้าครบทุกชิ้นแล้ว เลี่ยนอวิ๋นเทียนจึงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “จากความเห็นสหายยุทธ์หลิน ศาสตราจักรพรรดิเหล่านี้ที่ข้าหลอมเป็นอย่างไรบ้าง”

หลินสวินเหลือบมองเขาคราหนึ่ง พยักหน้ากล่าว “ไม่เลว”

แค่ไม่เลวเองหรือ

เมื่อได้ยินคำประเมินนี้เลี่ยนอวิ๋นเทียนก็อึ้งไปเช่นกัน สายตาแทบจะเหมือนกับเลี่ยนหงซิ่วในตอนแรกไม่มีผิด ภายในใจมีความเดือดดาลที่ถูกกระตุ้นขึ้นมา

เลี่ยนอวิ๋นเทียนสูดหายใจลึก ข่มความขุ่นเคืองภายในใจเอาไว้กล่าวว่า “เช่นนั้นขอเชิญสหายยุทธ์หลินติชมโดยละเอียดได้หรือไม่”

เลี่ยนหงซิ่วก็เผยแววสงสัยใคร่รู้

กลับเห็นหลินสวินกล่าวยิ้มๆ “สหายยุทธ์อยากฟังจริงๆ หรือ”

“แน่นอน” เลี่ยนอวิ๋นเทียนกล่าวอย่างไม่ลังเลใดๆ เขาชักอยากเปิดโปงกลลวงของคนต้มตุ๋นอย่างหลินสวินจนแทบทนไม่ไหวแล้ว

“ความเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของสหายยุทธ์เรียกได้ว่ายอดเยี่ยมแข็งแกร่ง ศาสตราจักรพรรดิที่หลอมออกมาล้วนไม่ธรรมดายิ่ง…”

หลินสวินเลือกใช้คำอย่างไตร่ตรอง

เลี่ยนอวิ๋นเทียนแค่นหัวเราะในใจ ต่อให้เจ้ายกยอปอปั้นแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์ ครั้งนี้หากไม่พูดให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง ข้าจะแฉกลโกงของเจ้าซึ่งๆ หน้า!

“น่าเสียดาย” หลินสวินถอนใจเบาๆ “หากสหายยุทธ์ไม่รีบทลายอุปสรรคในใจ ผลสำเร็จด้านการหลอมอาวุธชั่วชีวิตนี้เกรงว่าคงจะหยุดอยู่เพียงเท่านี้แล้ว”

“อุปสรรคในใจ?” เลี่ยนอวิ๋นเทียนขมวดคิ้ว “หมายความว่าอย่างไร”

หลินสวินชี้บริเวณโต๊ะจัดแสดง กล่าวว่า “เจ้าดูสมบัติเหล่านี้ ล้วนเป็นผลงานเจ้า ทุกชิ้นทั้งรูปแบบและท่วงทำนองล้วนเหมือนกัน ไร้ซึ่งความก้าวหน้าและเปลี่ยนแปลง ทั้งยังให้ความรู้สึกเหมือนๆ กันหมด นี่หมายความได้อย่างเดียว ว่าในด้านการหลอมอาวุธเจ้าล้าหลังไร้พัฒนาแล้ว ซ้ำยังถลำลึกมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ภายหน้าหากคิดอยากก้าวผ่านและรุดหน้า เกรงว่าคงยากยิ่งกว่าปีนขึ้นฟ้า…”

เมื่อพูดออกมา เลี่ยนอวิ๋นเทียนอับอายจนพานโกรธอย่างเลี่ยงไม่ได้ “เหลวไหล! ข้าจะล้าหลังไร้พัฒนาได้อย่างไร”

หลินสวินยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย “เช่นนั้นข้าขอถามเจ้า เกือบแปดพันปีมานี้เจ้าเคยหลอมศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นสูงออกมาได้สักชิ้นหรือไม่ หรือไม่ก็ เจ้าเคยหลอมสมบัติชิ้นไหนที่เหนือกว่าศาสตราจักรพรรดิบนโต๊ะจัดแสดงเหล่านี้บ้าง”

เลี่ยนอวิ๋นเทียนพูดไม่ออกทันที เบื้อใบ้ไร้คำพูด

“แปดพันปี เวลาไม่ใช่สั้นๆ แต่เจ้าก็ทำได้เพียงหลอมศาสตราจักรพรรดิระดับแค่นี้ออกมา นี่… ยังไม่ล้าหลังไร้พัฒนาอีกหรือ”

หลินสวินถอนใจเบาๆ “อุปสรรคทางใจหากไม่กำจัด ชีวิตนี้อย่าหวังจะก้าวหน้าอีกเลย สหายยุทธ์จัดการเอาเองเถิด”

กล่าวจบเขาก็หมุนตัวออกไป เลี่ยนหงซิ่วรีบตามมาติดๆ

ภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้นางเห็นอยู่ในสายตาทั้งหมด เห็นด้วยกับคำประเมินของหลินสวินอย่างสิ้นเชิง เรียกได้ว่าวิเคราะห์ภาวะคับขันของเลี่ยนอวิ๋นเทียนออกมาได้อย่างตรงประเด็น เข็มเดียวเห็นเลือด!

เลี่ยนอวิ๋นเทียนยืนอึ้งค้างอยู่กับที่ เดิมเขามองหลินสวินเป็นนักต้มตุ๋น คิดจะเปิดโปงอย่างแนบเนียน

ทว่าตอนนี้เขากลับหลั่งเหงื่อเย็นท่วมตัว รู้สึกเหมือนถูกคนจับแก้ผ้าล่อนจ้อน ความลับทั้งตัวล้วนถูกเผยออกมา

ครู่ใหญ่เขาก็ร้องเสียงหลงขึ้นมาทันควัน “สหายยุทธ์หลิน ช้าก่อน!” และรีบกุลีกุจอไล่ตาม

เมื่อเห็นเลี่ยนอวิ๋นเทียนไล่ตามมา เลี่ยนหงซิ่วก็อดยิ้มในใจไม่ได้ ก่อนหน้านี้เจ้าเฒ่านี่ยังมัวคลางแคลงใจ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ตอนนี้ก็ตามมาอย่างว่าง่ายเหมือนตนไม่มีผิดแล้วไม่ใช่หรือ

ขณะเดียวกันนางยิ่งใคร่รู้ที่มาของหลินสวินมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ผ่านมาไม่เคยได้ยินว่าในแดนหงส์เซียนมียอดฝีมือเช่นนี้อยู่ด้วย

เขาเป็นใคร

เหตุใดถึงมีความเชี่ยวชาญที่สูงล้ำสุดหยั่งเช่นนี้

ด้วยความคิดเช่นนี้ พวกเขาทั้งขบวนก็มาถึงร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขแปด

มีเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียนเดินทางมาด้วย ย่อมผ่านฉลุยไร้อุปสรรค

หลินสวินเริ่มเดินชมศาสตราจักรพรรดิที่วางเรียงรายบนโต๊ะจัดแสดงเหล่านั้นอีกครั้ง เห็นมากจึงจะรู้มาก และปรับใช้ความรู้ได้อย่างชำนาญ เดินชมตลอดทาง วิธีหลอมศาสตราจักรพรรดิเหล่านั้นที่ได้พบเจอ รวมถึงผลมหัศจรรย์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้หลินสวินได้จุดประกายความคิดอย่างลึกซึ้ง

การออกแบบศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตนเองในหัวก็ค่อยๆ มีความเจาะจงมากขึ้น

นี่ก็ทำให้หลินสวินรู้สึกถึงผลเก็บเกี่ยวอย่างอดไม่ได้ คิดว่ามาครั้งนี้ไม่เสียเที่ยว

กระทั่งเขาตั้งใจจะออกไปยังร้านช่างเทพร้านถัดไปอย่างอิ่มอกอิ่มใจ จู่ๆ เลี่ยนหงซิ่วก็เอ่ยปากกล่าว

“สหายยุทธ์ เลี่ยนเฟยเจี่ยที่ดูแลอยู่ที่นี่เป็นปฐมาจารย์ผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ ตอนนี้เขากำลังหลอมศาสตราจักรพรรดิชิ้นหนึ่งอยู่ สหายยุทธ์สนใจจะไปชมหน่อยหรือไม่”

หลินสวินอึ้งไป “ได้หรือ”

เท่าที่เขารู้ ยามเมื่อหลอมสมบัติระดับศาสตราจักรพรรดินี้ สิ่งที่ห้ามเด็ดขาดก็คือถูกโลกภายนอกรบกวน

“ได้แน่นอนอยู่แล้ว”

เลี่ยนอวิ๋นเทียนที่อยู่ข้างกันยิ้มขึ้นมา “สหายยุทธ์เชิญตามข้ามา”

ขณะพูดก็นำทางอยู่ข้างหน้า มุ่งหน้าไปหลังร้านช่างเทพ ปลายระเบียงที่เลี้ยวลดคดเคี้ยวเป็นแดนลับขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

เมื่อเลี่ยนอวิ๋นเทียนล้วงป้ายคำสั่งออกมาโบกเบาๆ ประตูบานหนึ่งก็ถูกเปิดออกเงียบๆ คนทั้งขบวนเดินตามกันเข้าไป

ตูมโครม!

ในแดนลับนี้แดงฉานดั่งเพลิงโหม แม่น้ำหินหนืดสายหนึ่งไหลเชี่ยวโหมกระหน่ำ หอบม้วนคลื่นเพลิง เสียงสะท้อนดังกึกก้อง

เตาหลอมสำริดเก่าแก่ใบหนึ่งลอยอยู่เหนือแม่น้ำหินหนืด แผ่ระลอกคลื่นพลังน่าตกใจออกมา

หน้าเตาหลอมสำริด ชายชราผมเครารุงรังคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ เขาคล้ายพบเจอปัญหายุ่งยากยิ่ง แววตาแข็งค้าง หัวคิ้วขมวดมุ่น ริมฝีปากยังคงขมุบขมิบอะไรบางอย่าง

ตั้งแต่ต้นจนจบถึงกับไม่ได้สังเกตว่าพวกหลินสวินเดินเข้ามาแล้ว

……………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท