ตอนที่ 2274 จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง
เมื่อสมบัติชิ้นหนึ่งอนุภาพเหนือกว่าของระดับเดียวกันมาก ก็จะกลายเป็นประหนึ่งของแปลก และสามารถเรียกได้ว่า ‘ยอด’!
ของชั้นยอด มักหมายความว่ามีน้อย หายาก ได้แต่ฝันใฝ่ไม่อาจครอบครอง
ตอนนี้เกราะชิ้นหนึ่งที่หลินสวินใช้เวลาหลอมออกมาเพียงหนึ่งชั่วยามครึ่ง กลับปกคลุมด้วยลายสมบัติมรรคจักรพรรดิหกสิบเก้าสาย นี่สามารถจัดเป็น ‘ของชั้นยอด’ ในศาสตราจักรพรรดิขั้นลึกลับชั้นสูงได้แล้ว!
กระทั่งผ่านไปนาน พวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ยจึงสงบสติอารมณ์จากอาการสะท้านสะเทือนได้เล็กน้อย
“ฝีมือของสหายยุทธ์หลินเรียกได้ว่าประณีตบรรจง พวกข้าสู้ไม่ไหว น่าละอายนัก!”
เลี่ยนเฟยเจี่ยเผยแววละอายใจออกมา ค้อมตัวต่ำคารวะ
“สหายยุทธ์หลิน ข้าน้อยเลื่อมใสอย่างที่สุดแล้ว”
“วันนี้ถึงได้รู้ว่าในด้านการหลอมอาวุธ บนโลกใบนี้นอกจากเผ่าจักรพรรดิช่างเทพของเราแล้ว ถึงกับยังมีคนเช่นสหายยุทธ์หลินอีกด้วย”
เลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียนต่างเอ่ยปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความเคารพและเลื่อมใสที่มาจากใจ
ใครก็คิดไม่ถึงว่าปัญหายากที่เลี่ยนเฟยเจี่ยประสบอยู่ กลับถูกหลินสวินแก้ไขได้อย่างง่ายดาย
ยิ่งไม่มีใครคาดคิดว่าศาสตราจักรพรรดิที่ต้องให้เลี่ยนเฟยเจี่ยใช้เวลาหนึ่งเดือนถึงจะหลอมออกมาได้ ซ้ำยังมั่นใจแค่แปดส่วน กลับหลอมออกมาสำเร็จได้ภายในเวลาหนึ่งชั่วยามครึ่ง
หนำซ้ำยังเป็นของชั้นยอดในระดับเดียวกันชิ้นหนึ่งด้วย!
เมื่อย้อนนึกถึงฝีมือที่หลินสวินสำแดงยามหลอมอาวุธก่อนหน้านี้โดยละเอียด ก็ยิ่งทำให้พวกเขารู้สึกตราตรึงใจ ติดค้างไม่รู้วาย สามารถทำให้พวกเขาใคร่ครวญศึกษาไปอีกนานนับจากนี้
อันที่จริงพูดให้ถูกคือ หลินสวินไม่ใช่นักหลอมอาวุธ แต่เป็นนักสลักลายมรรคคนหนึ่ง ทว่านี่ก็คือจุดที่น่ากลัวของนักสลักลายมรรค
ในโลกใบนี้ไม่ว่าใครก็ตามที่เป็นนักสลักลายมรรค ล้วนเป็นนักหลอมอาวุธได้อย่างไร้ที่ติ แต่นักหลอมอาวุธอาจไม่ใช่นักสลักลายมรรคที่ตรงเกณฑ์เสมอไป
สาเหตุก็เพราะนักหลอมอาวุธไม่จำเป็นต้องเข้าใจนัยเร้นลับกระบวนลายมรรคทุกแบบ ก็สามารถใช้กระบวนลายมรรคที่เข้าใจไปหลอมอาวุธได้แล้ว
แต่นักสลักลายมรรคกลับจำเป็นต้องเข้าใจนัยเร้นลับแก่นแท้ของกระบวนลายมรรคทุกแบบ ดังนั้นเมื่อต้องสวมบทเป็นนักหลอมอาวุธ กลับจะยิ่งเข้าใจว่าควรหลอมรวมกระบวนและสมบัติเข้าด้วยกันอย่างไรยิ่งกว่านักหลอมอาวุธตัวจริงเสียอีก
กล่าวง่ายๆ คือ ทั้งคู่มีความแตกต่างโดยธรรมชาติ
“ทุกท่านพอจะเล่าที่มาของเตาหลอมอาวุธนี้ให้ข้าคนแซ่หลินฟังหน่อยได้หรือไม่” หลินสวินชี้ออกไป
นี่ไม่ใช่ความลับอะไร มีหรือเลี่ยนเฟยเจี่ยจะปิดบัง รีบเอ่ยปากด้วยความเคารพทันที
“เตานี้เป็นหนึ่งในเก้าเตาหลอมอาวุธที่บรรพชนจักรพรรดิศาสตราของเผ่าเราหลอมขึ้น ว่ากันว่าช่วงแรกสุดใต้เท้าจักรพรรดิศาสตราเคยมุ่งหน้าไปแหล่งสถานคุนหลุน และได้พบกับเตามารดาหลอมสมบัติที่เหมือนดั่งตำนานใบนั้นโดยบังเอิญ ด้วยเหตุนี้จึงเกิดความคิดจุดประกายลึกซึ้ง หลังกลับมาจากแหล่งสถานคุนหลุนจึงหลอมเตาหลอมเก้าใบนี้ขึ้นมาโดยอิงรูปแบบของเตามารดาหลอมสมบัติ”
นัยน์ตาหลินสวินวาบแววกระจ่าง เป็นเช่นนี้ดังคาด!
ตั้งแต่เข้ามาที่นี่และได้เห็นเตาหลอมสำริดใบนั้น หลินสวินเกือบสงสัยว่าได้เห็นเตามารดาหลอมสมบัติแล้ว แต่หลังจากเพ่งพิศโดยละเอียดกลับรู้สึกได้ถึงความแตกต่าง
ตอนนี้ถึงรู้ว่าที่แท้นี่ก็คือของเลียนแบบโดยฝีมือบรรพชนจักรพรรดิศาสตราของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ
“พูดถึงเรื่องนี้ ข้าพอจะรู้ความลับบางอย่าง”
เลี่ยนอวิ๋นเทียนกล่าว “ช่วงแรกเดิมทีใต้เท้าจักรพรรดิศาสตราของเผ่าเราพยายามจะเอาเตามารดาหลอมสมบัติมาด้วย แต่กลับพบว่าเตามารดาหลอมสมบัติของจริงเสียหายไปนานแล้ว สิ่งที่ใต้เท้าจักรพรรดิศาสตราพบเป็นพลังเจตจำนงของเตามารดาหลอมสมบัติ แต่ใต้เท้าจักรพรรดิศาสตราก็ใช่ว่าจะไม่ได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรเลย”
“ผลเก็บเกี่ยวอะไรหรือ” หลินสวินถาม
เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ย เลี่ยนหงซิ่วต่างอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เผยความถือดีและอหังการ กล่าวพร้อมกันว่า “‘เพลิงมรรคฟ้าประทาน’ ที่เตามารดาหลอมสมบัติเหลือทิ้งไว้!”
จากนั้นพวกเขาก็กระจ่างแจ้งขึ้นมา กล่าวอย่างประหลาดใจ “ก่อนหน้านี้สหายยุทธ์หลินไม่เคยได้ยินเรื่องนี้บ้างเลยหรือ”
“ข้ามาจากโลกภายนอก” หลินสวินกล่าว
พวกเลี่ยนอวิ๋นเทียนเพิ่งเข้าใจโดยสมบูรณ์ มิน่าเมื่อก่อนถึงไม่เคยได้ยินชื่อ ‘หลินเต้ายวน’ นี้มาก่อน ที่แท้ก็ไม่ใช่คนแดนหงส์เซียนอย่างที่พวกเขาคาดเดาจริงๆ!
ต่อมาหลินสวินถึงรู้ว่าทะเลเพลิงไพศาลใต้เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงผืนนั้น ก็แปรสภาพมาจากเพลิงมรรคฟ้าประทานที่เตามารดาหลอมสมบัติเหลือไว้!
ในแดนหงส์เซียนแห่งนี้แทบไม่มีใครไม่รู้
ที่น่าอึดอัดคือ หลินสวินเพิ่งมาถึงเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงได้ไม่ถึงหนึ่งวัน ไหนเลยจะเข้าใจข่าวลือพวกนี้ได้
“เพลิงมรรคฟ้าประทานระดับนี้ล้ำค่าปานใด ทุกท่านไม่กลัวจะถูกฉกชิงไปหรือ” หลินสวินอดถามไม่ได้
หลังฟังคำอธิบายจบ เขาถึงเพิ่งเข้าใจว่าเพลิงมรรคฟ้าประทานที่เตามารดาหลอมสมบัติใบนั้นเหลือทิ้งไว้ ถึงกับมีชีวิตและสติปัญญานานแล้ว! ถูกเผ่าจักรพรรดิช่างเทพขานนามว่า ‘จักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิง’!
หลินสวินสะกิดใจ ความคิดที่ควบคุมไม่อยู่อย่างหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว กล่าวว่า “ทุกท่าน ไม่ทราบว่าข้าคนแซ่หลินสามารถขอพบจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงผู้นี้หน่อยได้หรือไม่”
พวกเลี่ยนอวิ๋นเทียนต่างสบตากันปราดหนึ่ง ล้วนลังเลอยู่บ้าง
“สหายยุทธ์หลิน เจ้าคงยังไม่รู้ ก่อนหน้านี้นานมาแล้ว ใต้เท้าจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงจมสู่ภวังค์หลับใหล ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้แม้แต่บรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์ในเผ่าพวกเรา ล้วนไม่เคยได้พบใต้เท้าจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงอีกเลย”
เลี่ยนหงซิ่วกล่าวอธิบาย “แต่พวกเราพอจะพาสหายยุทธ์หลินไปดูสถานที่ปิดด่านของใต้เท้าจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงได้”
หลินสวินกล่าว “เช่นนั้นก็รบกวนแล้ว”
เลี่ยนหงซิ่วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริงสถานที่ปิดด่านของใต้เท้าจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงก็คือแดนลับในร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง โลกแห่งนั้นเป็นส่วนลึกที่สุดของทะเลเพลิงใต้เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง ต่อให้พวกเราไม่พาสหายยุทธ์เข้าไป สหายยุทธ์ก็ยังสามารถไปดูที่ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งนั่นได้”
หลินสวินเพิ่งกระจ่าง เขาครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า “เรื่องนี้ไม่ได้รีบร้อน พวกเราไปเดินดูร้านระดับหนึ่งหมายเลขเจ็ด หมายเลขหก หมายเลขห้านั่นตามลำดับเหมือนเดิมดีกว่า”
เขาเดินมาตลอดทาง ได้รับความรู้และเกิดความคิดจุดประกายมากมาย แนวคิดต่อศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ในใจก็เริ่มชัดเจนขึ้นมาทีละนิดแล้ว
เขาอยากลองดูเพิ่มอีกหน่อย เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่สมบูรณ์แบบที่สุด
พวกเลี่ยนหงซิ่วต่างเห็นด้วยอย่างยินดี
ช่วงเวลาที่ได้ติดตามข้างกายหลินสวินยังไม่ถึงครึ่งวันด้วยซ้ำ ก็ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ลึกซึ้ง สั่นสะท้านซ้ำๆ โดยเฉพาะหลังจากเห็นฝีมือหลอมอาวุธสุดประณีตบรรจงของหลินสวิน ก็มองหลินสวินเป็นดั่งเทพ ให้ความรู้สึกเหมือนแหงนมองภูเขาสูง
เมื่อปุถุชนแหงนมองเวิ้งฟ้า ย่อมต้องสั่นสะท้านให้กับความไพศาลของฟ้าดารา รู้สึกได้ถึงความเล็กจ้อยของตนเอง
ตอนนี้ขณะที่พวกเขาอยู่ต่อหน้าหลินสวินก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกันนี้
ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขเจ็ด
ผู้ดูแลที่นี่คือเฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ อาวุโสยิ่งยวด
หลังได้รู้เรื่องราวทั้งหมดของหลินสวิน และได้คำยืนยันซ้ำๆ จากพวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ยสามคนนี้ เฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้ก็สะท้านใจไม่หาย มองหลินสวินเป็นแขกพิเศษ คอยแนะนำศาสตราจักรพรรดิแต่ละแบบที่เรียงรายอยู่ในร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขเจ็ดให้หลินสวินฟังด้วยตนเอง
และหลินสวินก็รู้ความนัยในนั้น ขณะพูดคุยกันจึง ‘ชี้’ ข้อบกพร่องเล็กๆ น้อยๆ ด้านการหลอมอาวุธของเฒ่าดึกดำบรรพ์คนนี้ออกมา ทำเอาฝ่ายหลังอดตกใจไม่ได้ สุดท้ายจึงยอมเชื่อว่าหลินสวินคือยอดฝีมือน่าทึ่งคนหนึ่งจริงๆ
เมื่อหลินสวินมุ่งหน้าไปยังร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหก ข้างกายก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์ร่วมทางเพิ่มมาอีกคน…
คนทั้งขบวนเดินเข้าร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหก หมายเลขห้า หมายเลขสี่เช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เมื่อไปถึงแต่ละที่ เป็นต้องทำเอาคนใหญ่คนโตเผ่าจักรพรรดิช่างเทพที่ดูแลในนั้นตกใจฮือฮา
คนใหญ่คนโตแต่ละคน หลังจากได้รู้เรื่องก่อนหน้านี้ของหลินสวินล้วนอดประหลาดใจและตกใจไม่ได้ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
เพียงแต่ไม่ต้องให้หลินสวินอธิบายด้วยตัวเองด้วยซ้ำ สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ยก็ทำการชวนเชื่อ ‘ล้างสมอง’ กันเจื้อยแจ้ว ยิ่งใช้ประสบการณ์ส่วนตัวเป็นเครื่องพิสูจน์ให้มีน้ำหนักมากขึ้น
ท่าทางกระตือรือร้นและเลื่อมใสศรัทธาต่อหลินสวินนั่น ทำเอาเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่พบเจอระหว่างทางต่างปากอ้าตาค้าง สูดหายใจเย็น แม้ในใจจะกังขาก็ได้แต่เก็บงำไว้ข้างใน
สำหรับเรื่องพวกนี้ หลินสวินเห็นอยู่ในสายตา และเปรมปรีดิ์ยิ่ง
ที่เขาทำเช่นนี้ก็มีสาเหตุ ทั้งหมดล้วนเพื่อเตรียมการสำหรับการหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตน
หากไม่สำแดงฝีมือ พิชิตการยอมรับและความเลื่อมใสจากบรรดาเฒ่าดึกดำบรรพ์เผ่าจักรพรรดิช่างเทพเหล่านี้ เขาจะมีโอกาสไปพบจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงคนนั้นได้เสียที่ไหน
ยิ่งกว่านั้นการหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ครั้งนี้ ไม่แน่ว่าอาจต้องการความช่วยเหลือจากเผ่าจักรพรรดิช่างเทพก็ได้
กลยุทธ์ที่หลินสวินนำมาใช้ในตอนนี้ก็แสนง่ายดายมาก พิสูจน์ศักยภาพของตน ให้การชี้แนะแก่พวกเขา ตอนที่ตนเอ่ยขอบางอย่างขึ้นมา พวกเจ้าจะแข็งใจไม่ช่วยได้หรือ
แน่นอน เรื่องช่วยเหลือเกื้อกูลกันนี้ไม่นับเป็นการหลอกใช้ ถึงขั้นพอพูดขึ้นมา คนอย่างพวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียนยังต้องซาบซึ้งในคำ ‘ชี้แนะ’ ของเขาหลินสวินด้วยซ้ำ!
นี่ก็เทียบได้กับตอนบำเพ็ญมหามรรคแล้วประสบปัญหาคอขวด ถูกคนชี้แนะทลายอุปสรรค นั่นเท่ากับเป็นบุญคุณด้วยซ้ำ!
จนกระทั่งเดินออกมาจากร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขสอง ข้างกายหลินสวินรายล้อมด้วยเฒ่าดึกดำบรรพ์กลุ่มหนึ่ง ล้วนเป็นเสาหลักของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ ความเชี่ยวชาญด้านการหลอมอาวุธของแต่ละคนล้วนแข็งแกร่ง สุ่มเลือกออกมาสักคนล้วนเป็นคนระดับมหาปฐมาจารย์ชื่อก้องแดนหงส์เซียน พร่างพราวโดดเด่น
ทว่าตอนนี้แต่ละคนต่างเดินขนาบซ้ายขวาติดตามหลินสวินแบบก้าวต่อก้าว ยามเมื่อเดินไปบนท้องถนนก็เรียกเสียงตกใจฮือฮาไม่รู้เท่าไหร่
อันที่จริงตั้งแต่หลินสวินเข้าร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขสิบจนถึงตอนนี้ ตลอดทางในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงก็ดึงดูดสายตามากมาย ได้รับความสนใจไม่รู้เท่าไหร่นานแล้ว
อย่างไรเสียถึงเขาจะแปลกหน้าแปลกตา แต่สัตว์ประหลาดเฒ่าร้านช่างเทพเหล่านั้นที่คอยติดตามข้างกายก็มีชื่อเสียงเกินไป
ที่ผ่านมาสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านี้ทั้งถือดีและโอหังยิ่งยวด แม้แต่ระดับจักรพรรดิก็ยากจะได้เห็นหน้าสักครั้ง
ทว่าตอนนี้พวกเขากลับเดินตามอยู่ข้างกายชายหนุ่มคนหนึ่งต้อยๆ ปานลูกสมุน หนำซ้ำสีหน้าท่าทางล้วนเต็มไปด้วยความถ่อมตน เคารพ และกระตือรือร้น ขบวนแปลกประหลาดเช่นนี้ไม่อยากเป็นที่สะดุดตาคนยังยาก
เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงเป็นเมืองอันดับหนึ่งในแดนหงส์เซียน แต่ละวันไม่รู้สิ่งมีชีวิตเผ่าต่างๆ แห่แหนมาจากทั่วสารทิศกันเท่าไหร่ เจริญรุ่งเรืองเป็นที่สุด
ความฮือฮาที่เกิดจากขบวนพวกหลินสวินแทบจะถูกโจษจันออกไปตั้งแต่แรก ชั่วขณะเดียวผู้แข็งแกร่งไม่รู้เท่าไหร่ถูกกระตุ้นต่อมอยากรู้
ถึงขั้นที่ขุมอำนาจใหญ่มากมายซึ่งมีอาณาเขตในเมืองยังถูกทำให้แตกตื่น พากันเข้ามาสอดส่องสืบข่าว
ชายหนุ่มคนนั้นเป็นใคร
และมีเบื้องลึกเบื้องหลังอย่างไรกันแน่ ถึงทำให้สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับปรมาจารย์ในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพที่โอหังหาใดเปรียบเหล่านั้นต่างแห่ห้อมอยู่ข้างกายปานดาวล้อมเดือนได้
ข่าวลือจากหนึ่งไปสิบ จากสิบไปร้อย และเรียกระลอกคลื่นใหญ่ขึ้นภายในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงอย่างไร้รูป!
ฉะนั้นยามเมื่อหลินสวินเดินออกจากร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขสอง ก็พลันตระหนักได้ว่าในท้องถนนละแวกนั้นถึงกับอัดแน่นด้วยเงาร่างที่รอชมเรื่องสนุกมากมาย แต่ละคนต่างเผยสีหน้าใคร่รู้ มองสำรวจ และฉงนใจ
………………….