Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2276 ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2276 ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง

ตอนที่ 2276 ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง

ลั่วเจียรับคำสั่งในทันที ในใจคิดอย่างค่อนข้างดีใจว่าคราวนี้จะได้ไปแจ้งเรื่องกับพี่หลินได้เสียที

บนบัลลังก์ ในเวลานี้หวงชางเทียนแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจเด็ดขาดของหัวหน้าเผ่า ออกคำสั่งสามข้อติดต่อกันโดยไม่ลังเล

“ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ให้ตรวจค้นชาวเผ่าทุกคนโดยละเอียด ไม่ว่าใครถูกหนอนเทพกักวิญญาณควบคุม ให้จับตัวไว้ทันที!”

“ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านพาคนมุ่งหน้าไปเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง ระดมกำลังทั้งหมดของเผ่าเรา หากพบเจอคนเผ่าเสือขาว เต่าดำสองเผ่านี้ ฆ่าทิ้งสถานเดียว!”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แดนลับหงส์เซียนให้เพิ่มความเข้มงวดทุกด้าน ชาวเผ่าทุกคนหากไม่ได้รับคำสั่งห้ามออกไปข้างนอกโดยพลการ หากฝ่าฝืนให้ลงโทษสถานหนัก!”

คำสั่งสามข้อกังวานดังสนั่น ทำให้บรรยากาศโถงใหญ่เปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดขึ้นมา

ทันใดนั้นก็มีเฒ่าดึกดำบรรพ์รับคําสั่งและจากไปอย่างรีบร้อน เริ่มดำเนินการ

ทุกคนล้วนสังหรณ์ใจได้ว่าวันนี้คลื่นลมกำลังจะแผ่ขยายออกไป

ลั่วเจียและลั่วฉางเฟิงบิดาของนางก็ออกไปเช่นกัน ในโถงใหญ่เหลือเพียงหวงชางเทียนและผู้เฒ่าเผ่าหงส์เซียนจำนวนหนึ่ง

จวบจนตอนนี้หวงชางเทียนเพิ่งจะเผยแววหวั่นวิตกออกมา กล่าวว่า “มาตอนไหนไม่มา ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งดันส่งคนใหญ่คนโตมาเอาตอนนี้ ทุกท่านคิดว่าพวกเขามีเจตนาอะไร”

“ต้องมีคนปล่อยข่าวเรื่องที่บรรพชนของเผ่าเราใกล้จะตื่นจากนิพพานแน่ๆ เลยชักนำหายนะครั้งนี้มา!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งสีหน้าเคร่งขรึม “ทุกท่านอย่าลืมสิ ตอนนั้นเพราะช่วยลั่วชิงสวิน บรรพชนเจินหลงจึงต้องถูกกำราบอย่างน่าสังเวช บรรพชนสองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำต่างเลือกยอมจำนน ก่อนหน้านี้นานมาแล้วจึงได้มุ่งหน้าไปฝึกปราณที่ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง”

“มีเพียงบรรพชนของเผ่าเรา ปีนั้นเนื่องจากเรื่องนิพพานจึงไม่ได้เลือกฝั่งไหน ครั้งนี้… เกรงว่าตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งจะอาศัยช่วงที่ใต้เท้าบรรพชนของเผ่าเราตื่นขึ้นมา บีบให้ใต้เท้าบรรพชนตัดสินใจเลือกสักทางอย่างแน่นอน!”

เฒ่าดึกดำบรรพ์คนอื่นๆ ต่างก็พยักหน้า และมีเพียงคำอธิบายเช่นนี้เท่านั้นจึงจะฟังขึ้น

จู่ๆ ก็มีคนกล่าวว่า “ยังมีความเป็นไปได้อีกข้อ อาจเพราะเสือขาวและเต่าดำสองเผ่านี้กำลังยุยงประโคมไฟ หมายยืมมีดฆ่าคนหรือไม่”

“หมายความว่าอย่างไร” หวงชางเทียนถาม

“ตอนนี้ในหมู่สี่เผ่าวิญญาณฟ้าประทานของพวกเรา บรรพชนเจินหลงถูกกำราบ บรรพชนเผ่าพวกเราเข้าภวังค์หลับใหล บรรพชนสองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำกลับมอบชีวิตให้ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่ง ระหว่างสองฝ่ายเรียกได้ว่าคู่คี่สูสี”

คนผู้นั้นกล่าวต่อ “แต่หากบรรพชนของพวกเราตื่นจากนิพพาน ต้องทำลายสมดุลนี้ลงแน่นอน เผ่าเจินหลงมีสัมพันธ์อันดีกับเผ่าพวกเรา ย่อมไม่ห่วงว่าจะได้รับภัยคุกคามจากเผ่าพวกเรา แต่ทั้งสองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำเกรงว่าคงไม่คิดเช่นนี้แล้ว”

คำพูดนี้ทำเอาทุกคนต่างครุ่นคิด

ทุกคนล้วนรู้ดีว่าเผ่าหงส์เซียนตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งเพราะลั่วชิงสวิน แน่นอนว่านี่เป็นเจตจำนงที่สืบทอดต่อมาของบรรพชนหงส์เซียน

หากบรรพชนหงส์เซียนตื่นขึ้นมา และรู้ว่าทุกวันนี้สองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำมอบชีวิตให้ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งมาตลอด มีหรือจะไม่เกิดใจเป็นปรปักษ์

ด้วยพลังหลังตื่นขึ้นของบรรพชนหงส์เซียน แน่นอนว่าสามารถคุกคามสองเผ่าอย่างเสือขาวและเต่าดำได้!

“หากเป็นเช่นนี้ แผนชั่วครั้งนี้เกรงว่าคงไม่ง่ายดายเพียงเท่านี้”

หวงชางเทียนพยักหน้าน้อยๆ สีหน้าท่าทางเจือแววเคร่งขรึม “ตั้งแต่พรุ่งนี้ข้าจะไปเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ คุ้มครองการตื่นขึ้นมาของใต้เท้าบรรพชนด้วยตนเอง!”

บรรพชนหงส์เซียนหลับใหลอยู่ในส่วนลึกที่สุดของทะเลเพลิงใต้เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง ในกาลเวลาไร้สิ้นสุดที่ผ่านมานี้ ล้วนอารักขาโดยจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพมาตลอด

เรื่องนี้มีเพียงคนระดับสูงแกนหลักในเผ่าหงส์เซียน รวมถึงเฒ่าดึกดำบรรพ์ไม่กี่คนในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพเท่านั้นที่รู้

ทว่าตอนนี้หวงชางเทียนกลับค่อนข้างกังวลว่าข่าวจะรั่วไหลไปแล้วหรือไม่…

ขณะเดียวกันภายในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ

หัวหน้าเผ่าเลี่ยนจิ่วเซียวรวมถึงเหล่าคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่มต่างกำลังหารือกัน เพียงแต่หัวข้อที่พูดถึงกลับเกี่ยวข้องกับคนผู้หนึ่ง

หลินเต้ายวน!

เรื่องที่เกิดขึ้นในร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขสิบถึงหมายเลขสอง บรรดาคนใหญ่คนโตเผ่าจักรพรรดิช่างเทพอย่างเลี่ยนจิ่วเซียวล้วนรู้กระจ่างแล้ว หลังผ่านความสะท้านและประหลาดใจในช่วงแรกสุด ในใจก็ผุดความสงสัยข้อหนึ่งขึ้นมาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย

หลินเต้ายวนนี่มาร้านช่างเทพครั้งนี้ จะมาแค่เพื่อชมและประเมินสมบัติเท่านั้นหรือ

“หงซิ่ว เจ้าบอกว่าหลินเต้ายวนคนนี้ต้องการพบใต้เท้าจักรพรรดิวิญญาณหมื่นเพลิงหรือ” จู่ๆ เลี่ยนจิ่วเซียวก็ถามขึ้น

เลี่ยนหงซิ่วพยักหน้า “ถูกต้อง แต่ข้าคิดว่าสหายยุทธ์หลินไม่ได้มีเจตนาอื่นแอบแฝง เรื่องนี้อวิ๋นเทียนและเฟยเจี่ยต่างพิสูจน์ได้”

เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ยที่อยู่ข้างกันล้วนพยักหน้า

“หัวหน้าเผ่า ไม่ว่าสหายยุทธ์หลินมาครั้งนี้เพราะอะไร พรุ่งนี้เขาก็จะมุ่งหน้ามาที่ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งของพวกเรา ถึงตอนนั้นลองถามให้กระจ่างเองก็ได้”

มีคนกล่าวเสนอ

“ใช่ ข้าเองก็อยากลองดูว่าฝีมือของสหายยุทธ์หลินคนนี้จะน่าทึ่งแค่ไหนกันแน่”

เฒ่าดึกดำบรรพ์บางส่วนพากันเอ่ยปากขึ้น ล้วนสนอกสนใจยิ่ง

ใคร่ครวญอยู่นานเลี่ยนจิ่วเซียวก็พยักหน้ากล่าวว่า “ก็ดี แต่ทุกท่านก็ต้องระวังไว้บ้าง เผื่อหลินเต้ายวนคนนั้นมีจุดประสงค์แอบแฝงอะไรจริงๆ พวกเราจะติดกับไม่ได้เด็ดขาด”

ทุกคนต่างตอบรับด้วยความยินดี

ในวันนี้ถูกกำหนดให้ไม่อาจสงบ

ดึกสงัดแล้ว ในเรือนห่างไกลแห่งหนึ่งปกคลุมด้วยผนึกคลุมเครือเป็นชั้นๆ

ภายในเรือนไม่มีแสงไฟ มืดมิดเงียบสงัด แต่กลับมีเงาร่างกลุ่มหนึ่งนั่งอยู่ในนั้น เห็นได้ชัดว่าลึกลับหาใดเปรียบ

“วันนี้นายน้อยอู่ฝ่าเทียนของเผ่าพวกเรา รวมถึงสี่ผู้อาวุโสที่มีปราณระดับจักรพรรดิขั้นเจ็ดล้วนถูกคนฆ่าตายหมดแล้ว…” เสียงต่ำลึกเย็นเยียบสายหนึ่งดังขึ้น

“เฮอะ! นายน้อยไป๋ซาจวินและคนใหญ่คนโตปราณระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่งของเผ่าพวกเราก็ประสบเคราะห์เหมือนกัน!” มีคนแค่นเสียงเย็น

มีคนเอ่ยเสียงต่ำลึก “หรือว่าเผ่าหงส์เซียนเริ่มไหวตัวและเคลื่อนไหวแล้ว”

“ไม่มีทาง! หมากที่เผ่าพวกเราแทรกซึมไว้ในเผ่าหงส์เซียนยังไม่พบความผิดปกติอะไร”

“แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเรื่องในวันนี้ต้องกระทบเผ่าหงส์เซียนแล้วเป็นแน่ หากไม่เหนือคาด หวงชางเทียนต้องเริ่มเคลื่อนไหวอย่างแน่นอน”

“เผ่าหงส์เซียนยากจะหนีเคราะห์พ้นแล้ว เวลานี้แม้จะเริ่มเคลื่อนไหวก็ไม่อาจแก้ไขอะไรได้ รอเพียงคนใหญ่คนโตตระกูลลั่วคนนั้นมุ่งหน้ามา ก็ถึงเวลาที่พวกเราสองเผ่าต้องจะลงมือเต็มที่แล้ว!”

“ช่วงนี้ทุกท่านเก็บตัวเงียบหน่อย พยายามอย่าเปิดเผยร่องรอย”

“ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว”

เสียงพูดคุยหารือเหล่านั้นค่อยๆ เลือนรางจนกระทั่งอันตรธานหายไป

ในเรือนมืดมิดดังเดิม เพียงแต่เงาร่างเหล่านั้นไม่อยู่แล้ว

เช้าวันรุ่งขึ้นท้องฟ้าแจ่มใส

แต่เมื่อหลินสวินเดินออกจากโรงเตี๊ยม กลับพบว่าแม้บนท้องถนนจะยังคงคึกคักจอแจตามเดิม แต่กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศตึงเครียดหนาวสะท้าน

หลังสืบข่าวคร่าวๆ หลินสวินจึงรู้ว่า ตั้งแต่เมื่อคืนเผ่าหงส์เซียนก็ระดมกำลังมากมายเข้ามาลาดตระเวนทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง

ว่ากันว่าจะจับกุมหัวขโมยบางส่วน

หลินสวินมีหรือจะไม่เข้าใจ ว่า ‘หัวขโมย’ ที่ว่านี้คงหมายถึงผู้แข็งแกร่งเผ่าเสือขาวและเต่าดำสองเผ่า!

‘ตอบสนองเร็วใช้ได้’

ในใจหลินสวินสงบลง นี่พิสูจน์ว่าลั่วเจียนำข่าวกลับไปแจ้งเผ่าแล้ว และคนใหญ่คนโตระดับสูงเหล่านั้นก็ให้ความสำคัญ

เช่นนี้ก็ดี ขอเพียงไม่ถูกครอบในกะลาก็จะไม่เป็นฝ่ายถูกกระทำ

ขณะครุ่นคิดหลินสวินก็ย่างเท้ามุ่งไปยังร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง

“พี่หลิน”

เพิ่งเดินไปได้ครึ่งทางก็เห็นลั่วเจียมาจากไกลๆ สวมกระโปรงยาวสีม่วงอ่อน คิ้วตาดั่งภาพวาด งามล้ำเหนือธรรมดา ระหว่างทางไม่รู้ดึงดูดความสนใจมากมายเท่าไหร่

“ดูท่าเจ้าอารมณ์ดีทีเดียว”

หลินสวินกล่าวยิ้มๆ ในมือเขามีป้ายหยกที่ลั่วเจียมอบให้ชิ้นหนึ่ง ที่อีกฝ่ายหาตนพบก็อยู่ในการคาดหมายของเขา

ลั่วเจียพยักหน้ากล่าว “หัวหน้าเผ่าของพวกเราตอบตกลงแล้ว รอหลังจากคลี่คลายหายนะครั้งนี้เสร็จก็จะเปิดเส้นทางให้เจ้า ส่งเจ้ากลับทางเดินโบราณฟ้าดารา”

นี่ย่อมเป็นข่าวดีอย่างหนึ่ง แต่หลินสวินกลับได้ยินความหมายที่ต่างออกไป อดกล่าวหยอกล้อด้วยรอยยิ้มไม่ได้ “หรือกล่าวอีกอย่างคือ ก่อนที่จะกำจัดหายนะครั้งนี้เสร็จ ข้าก็ไปไหนไม่ได้หรือ”

ลั่วเจียร้องเอ้อคราหนึ่ง ไม่รู้ว่าควรตอบกลับอย่างไรไปชั่วขณะ

หลินสวินกล่าว “อย่าคิดจริงจัง ถึงอย่างไรตอนนี้ข้าก็ไม่ได้รีบร้อนออกไปอยู่แล้ว”

ลั่วเจียถาม “จริงสิ นี่เจ้าจะไปไหน”

“ร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่ง” หลินสวินกล่าวง่ายๆ

ลั่วเจียอึ้งไป จากนั้นจึงเอ่ยอย่างใคร่รู้ “ไปทำอะไรที่นั่น”

หลินสวินไม่ตอบ กล่าวยิ้มๆ “อยากไปดูด้วยกันหรือไม่”

“ในฐานะเจ้าบ้าน จะไม่อยู่เป็นเพื่อนจนถึงที่สุดได้ที่ไหน”

ลั่วเจียยิ้มสดใส เสียงนุ่มนวลกังวาน

จนกระทั่งตอนที่มองเห็นร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งอยู่ไกลๆ ลั่วเจียก็อดอึ้งไปไม่ได้ คนเยอะจัง!

เงาร่างแออัดยัดเยียด ถึงกับออกันแน่นทั่วพื้นที่แถบนั้น นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ

ที่ทำให้ลั่วเจียยิ่งประหลาดใจคือ เลี่ยนจิ่วเซียวหัวหน้าเผ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ รวมถึงคนใหญ่คนโตทั้งกลุ่ม เวลานี้ล้วนยืนอยู่หน้าประตูใหญ่ของร้านช่างเทพ เห็นได้ชัดว่าเกรียงไกรหาใดเปรียบ

ภาพเช่นนี้ในอดีตที่ผ่านมาพบเห็นได้ยากที่สุด!

“พี่หลิน ดูจากสถานการณ์แล้ว วันนี้พวกเราคงไปร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งนั่นไม่ได้แล้ว…”

ลั่วเจียเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ก็เห็นกลุ่มคนไกลๆ เริ่มแตกตื่น เสียงฮือฮาดังขึ้นระลอกหนึ่ง

“มาแล้ว! หลินเต้ายวนคนนั้นมาแล้ว!”

“ดูเร็ว นั่นก็คือหลินเต้ายวน ยอดฝีมือคนนั้นที่สร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองเมื่อวานนี้”

“ดูแล้วยังหนุ่มอยู่เลย…”

พร้อมๆ กันนั้นสายตานับไม่ถ้วนต่างหันมามองหลินสวิน ภาพที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ทำเอาลั่วเจียอดอึ้งงันไม่ได้

นี่มันเรื่องอะไรกัน!?

นางเพิ่งออกมาจากเผ่าก็มาหาหลินสวินทันที จึงไม่รู้ว่าหลินสวินที่อยู่ข้างกายสร้างคลื่นลูกใหญ่ขึ้นในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว

เวลานี้เลี่ยนจิ่วเซียวหัวหน้าเผ่าเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ และสัตว์ประหลาดเฒ่าปฐมาจารย์หลอมอาวุธอย่างพวกเลี่ยนหงซิ่ว เลี่ยนอวิ๋นเทียน เลี่ยนเฟยเจี่ยต่างก็เดินมาจากไกลๆ พร้อมกัน

ยังห่างกันอีกไกล บรรดาสัตว์ประหลาดเฒ่าเหล่านั้นก็เผยสีหน้ากระตือรือร้น เคารพนับถือ และต่างร้องทักทาย

“สหายยุทธ์หลิน ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว”

“ท่านนี้คือหัวหน้าเผ่าของพวกเรา หลังจากเขาฟังเรื่องราวของเจ้า ก็ตัดสินใจทันทีว่าจะมาดูความสง่างามของสหายยุทธ์”

“จริงสิ คนเหล่านี้เป็นพวกเฒ่าชราของเผ่าพวกเรา ไว้ข้าจะแนะนําให้เจ้ารู้จักทีละคนในภายหลัง”

บรรยากาศคึกคักมาก บรรดาปฐมาจารย์หลอมอาวุธที่ในอดีตแต่ละคนล้วนถือตัวเทียมฟ้า เวลานี้กลับแห่ห้อมเข้ามาทักทายปราศรัยกับหลินสวินอย่างกระตือรือร้น

นี่ทำให้ลั่วเจียล้วนงุนงง

เหล่าเฒ่าชราในเผ่าจักรพรรดิช่างเทพพวกนี้ แม้แต่ยามอยู่ต่อหน้าคนใหญ่คนโตเผ่าหงส์เซียนของพวกเขาก็ยังไว้ตัวและถือดียิ่งยวด

ทว่าตอนนี้กลับเคารพนับถือ และกระตือรือร้นต่อคนนอกอย่างหลินสวินถึงเพียงนี้!

นี่… เกิดอะไรขึ้นกันแน่

ยังไม่ทันเข้าใจ ลั่วเจียก็ถูกหลินสวินพาเดินเข้าร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งแห่งนั้นอย่างงงๆ ภายใต้วงล้อมของบรรดาคนใหญ่คนโตเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ และภายใต้สายตาจับจ้องนับไม่ถ้วนของเหล่าคนที่มามุงดู

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท