Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2282 เงาร่างงามสีแดงเพลิงนั้น

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2282 เงาร่างงามสีแดงเพลิงนั้น

ตอนที่ 2282 เงาร่างงามสีแดงเพลิงนั้น

เวลาสั้นๆ ไม่ถึงสามวัน เมืองอันดับหนึ่งที่เจริญรุ่งเรืองอย่างเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงก็เปลี่ยนเป็นซบเซาอ้างว้างมาก

บนท้องถนนที่หนาแน่นราวกับใยแมงมุมมีเงาร่างเร่งรีบจากไปเต็มไปหมด บ้างเป็นคนของขุมอำนาจใหญ่ บ้างเกาะกลุ่มเป็นขบวนจากไป

ด้วยข่าวของเผ่าเสือขาวและเต่าดำแพร่ออกมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงกลายเป็นศูนย์รวมปัญหาที่พายุมาเยือน ภัยพิบัติใกล้ก่อเกิด

ไม่มีใครสนใจว่าเผ่าหงส์เซียนจะถูกล้างเผ่าพันธุ์หรือไม่ สำหรับคนทั่วไปพวกนั้น จุดประสงค์ที่ถอนตัวไปก่อนล่วงหน้าในตอนนี้ ด้วยห่วงว่าจะถูกม้วนกลืนเข้าไปในมหันตภัยนี้พร้อมกัน!

กลัวว่าความซวยจะมาถึงตัว

ยิ่งไปกว่านั้นเผ่าเสือขาวและเต่าดำล้วนแสดงออกอย่างชัดเจนแล้ว ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับเผ่าหงส์เซียน ขอเพียงอยู่ในเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงย่อมกลายเป็นศัตรูที่พวกเขาจะโจมตีทั้งสิ้น!

ลมหนาวหอบพัด ผู้คนสัญจรอย่างรีบเร่ง

สำหรับทุกอย่างนี้ ต่อให้เป็นเผ่าจักรพรรดิช่างเทพที่เป็นเจ้าเมืองก็ไร้กำลังขวาง พวกเขาไม่อาจใช้วิธีแข็งกร้าวรั้งคนในเมืองทั้งหมดไว้

หน้าร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งก็เปลี่ยนเป็นซบเซาไม่น้อย ไม่มีภาพผู้คนเต็มตรอกถนนจนมืดฟ้ามัวดินเหมือนอดีต

สัตว์ประหลาดเฒ่าระดับจักรพรรดินับร้อยคนที่เดิมรวมตัวอยู่ที่นี่ ตอนนี้เหลือเพียงไม่ถึงสามสิบคน ลดฮวบไปกว่าครึ่ง

กล่าวกันถึงที่สุดแล้ว ระดับจักรพรรดิที่จากไปพวกนั้นถึงอย่างไรก็ไม่ใช่คนในเผ่าหงส์เซียน ในเวลาเช่นนี้มีหรือจะเลือกอยู่ต่อ

หวงชางเทียนไม่ขัดขวาง หากแต่จำชื่อของระดับจักรพรรดิพวกนี้ไว้ขึ้นใจทั้งหมด

“เหตุใดทุกท่านไม่จากไปเล่า”

หวงชางเทียนมองระดับจักรพรรดิที่เหลือแค่ไม่กี่สิบคนนั้นแล้วเอ่ยราบเรียบ บนสีหน้าไม่เห็นความตื่นตระหนกแม้เพียงเสี้ยว

“หากไม่มีร้านช่างเทพ พวกข้าย่อมไม่มีทางได้ศาสตราจักรพรรดิชั้นยอดในเวลาอันสั้นเช่นนี้แน่ ตอนนี้เผ่าจักรพรรดิช่างเทพเจอปัญหา พวกข้าจะเก็บมือเฝ้ามองได้อย่างไร”

สัตว์ประหลาดเฒ่าคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้ระดับจักรพรรดิทั้งหมดในที่นั้นพยักหน้าไม่หยุด

เผ่าจักรพรรดิช่างเทพอยู่ใต้อาณัติเผ่าหงส์เซียน รากฐานของเผ่าอยู่ในเมืองจักรพรรรดิหมื่นเพลิง หากเผ่าเสือขาวและเต่าดำบุกโจมตี เผ่าจักรพรรดิช่างเทพต้องเกิดเรื่องไม่คาดฝันแน่

สายตาหวงชางเทียนกวาดมองพวกเขาทีละคน สุดท้ายก็แหงนมองฟ้าหัวเราะร่า “พบมิตรแท้ยามประสบเคราะห์ น้ำใจของทุกท่านในวันนี้ ข้าจดจำแทนเผ่าจักรพรรดิช่างเทพแล้ว!”

ไม่อาจไม่พูดถึง แผนข่มขู่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำประสบความสำเร็จมาก อาศัยแค่การข่มขู่ก็ทำให้ทั้งเมืองปั่นป่วน สถานการณ์แปรเปลี่ยนครั้งใหญ่

นี่ทำให้หวงชางเทียนรู้สึกกดดันมากเช่นกัน ตระหนักได้ยิ่งกว่าเดิมว่ายามเคราะห์มาเยือนต้องไม่ธรรมดาแน่

แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้ก็ไม่มีทางถอยแล้ว กลับกลายเป็นว่ากระตุ้นจิตต่อสู้ในใจหวงชางเทียนขึ้นมา

เขาออกคำสั่งทันที “ประกาศให้ทั่วเมือง อีกสามวันข้างหน้า เปิดใช้กระบวนค่ายกลใหญ่ของเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงรอบด้าน ใครอยากไปก็รีบไสหัวไปในสามวัน!”

“ขอรับ!”

มีคนรีบรับคำสั่งจากไป

“ก่อนลมพายุมาเยือน ทุกคนรู้สึกอันตราย ผู้ยินดีร่วมเป็นร่วมตายกับเผ่าหงส์เซียนมีแค่ไม่กี่คนแล้ว”

ในหอสุราแห่งหนึ่งบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวเอ่ยปากเนิบช้า สีหน้าเจือความพึงพอใจ

เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันนี้ล้วนอยู่ในสายตาของเขา

“อีกสามวันหวงชางเทียนจะปิดเมืองทั้งหมด พวกเราก็ควรไปแล้ว” บรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นที่อยู่ด้านข้างหยัดร่างขึ้น

“ดี กำลังรอเวลานี้อยู่เลย!” บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวยิ้มพลางตอบรับ

อีกไม่นานรอแค่ทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำรวมตัวกัน ก็เป็นวันที่พวกเขาออกศึก!

ในแดนลับ

หลินสวินตื่นจากสมาธิ ผ่อนลมหายใจยาวเหมือนพอใจ

สองเดือนแล้ว เขาเหมือนอยู่ในกระบวนการ ‘ฝึกมือ’ นอกจากหลอมอาวุธก็ฟื้นฟูพลังกายทั้งกลางวันและกลางคืน ไม่หยุดพักแม้แต่น้อย

จนถึงตอนนี้ในหัวเขาล้วนสั่งสมความคิดความรู้สึกไว้นับไม่ถ้วน เหมือนหินหนืดที่เดือดระอุอยู่ตลอด รู้สึกว่าจะปะทุออกมาได้ทุกเมื่อ

หลินสวินรู้ว่าเป้าหมายของการฝึกมือบรรลุผลแล้ว หลังจากนี้คงถึงคราวตนไปหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์แล้ว

แต่เวลานี้เองหวงชางเทียนพลันมาเยือน สีหน้าจริงจังผิดธรรมดา เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานี้ให้หลินสวินฟังอย่างกระชับเรียบง่าย

พูดจบหวงชางเทียนจ้องมองแววตาหลินสวินพลางกล่าว “หากเจ้าจะไป ตอนนี้ยังทัน ถ้าไม่ไปอีกก็สายไปแล้ว”

เวลานี้เลี่ยนจิ่วเซียวและผู้อาวุโสของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพคนอื่นก็สีหน้าปรวนแปรไม่หยุด คิดไม่ถึงว่าเพิ่งผ่านไปสองเดือน โลกภายนอกกลับคลื่นลมผันเปลี่ยนแล้ว

สุดท้ายทุกสายตาต่างมองไปยังหลินสวิน

หลินสวินเงียบไปครู่หนึ่งค่อยกล่าว “ปีนั้นด้วยมารดาของข้าเป็นเหตุ จึงทำให้ผู้อาวุโสรวมถึงเผ่าหงส์เซียนที่อยู่เบื้องหลังแตกหักกับตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งอย่างสิ้นเชิง ปัจจุบันในเมื่อเกิดภัยพิบัติเช่นนี้ ข้าคนแซ่หลินมีหรือจะจากไปเพียงเท่านี้”

พวกเลี่ยนจิ่วเซียวต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ตอนนี้ถึงรับรู้ได้ทันที ที่แท้มารดาของหลินเต้ายวนคนนี้ก็คือลั่วชิงสวินคนนั้น!

ลั่วเจียก็อึ้งไป รู้สึกคาดไม่ถึง

กลับเห็นหลินสวินยิ้มกล่าว “ยิ่งไปกว่านั้น ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของข้ายังไม่ทันหลอม จะจากไปเช่นนี้ได้อย่างไร ต่อให้จากไป แต่หากไม่มีความช่วยเหลือจากเผ่าหงส์เซียนก็ไม่อาจกลับไปยังทางเดินโบราณฟ้าดาราได้”

หวงชางเทียนจ้องมองหลินสวินครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงกล่าวว่า “หากเจ้าตัดสินใจดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังเจ้าอีก”

เขาพูดพลางบอกความลับที่บรรพชนเผ่าหงส์เซียนหลับใหลอยู่ใต้แดนลับแห่งนี้ออกมาจนหมด

“หรือกล่าวได้ว่าพวกเขามาเพราะบรรพชนเผ่าหงส์?” นัยน์ตาดำของหลินสวินหดรัดลงเล็กน้อย

หวงชางเทียนพยักหน้าพลางกล่าว “หากบรรพชนของเผ่าข้าตื่นขึ้น ต้องเป็นภัยคุกคามต่อเผ่าเสือขาวและเต่าดำแน่ ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งส่งบุคคลสำคัญคนหนึ่งมา ก็แค่คิดจะบีบให้บรรพชนเผ่าข้ายอมจำนนเท่านั้น”

หลินสวินเพิ่งตระหนักได้ว่าวิกฤติที่เผ่าหงส์เซียนเผชิญรุนแรงระดับใด ส่วนร้านช่างเทพระดับหนึ่งหมายเลขหนึ่งนี้ก็จะกลายเป็นตาพายุ!

“หากเป็นเช่นนี้ข้าก็ยิ่งจากไปไม่ได้”

แววตาหลินสวินนิ่งสงบ “ผู้อาวุโส หากมีอะไรสั่งความก็แจ้งมาได้ ข้าหลินสวินจะทำให้เต็มที่”

หวงชางเทียนนิ่งเงียบแล้วยิ้มกล่าว “ภัยพิบัตินี้ยังไม่มาเยือนอย่างแท้จริง ก่อนหน้านั้นสหายน้อยคอยหลอมอาวุธอยู่ที่นี่ก็พอ”

สายตาเขามองไปยังพวกเลี่ยนจิ่วเซียว “เพียงแต่พวกเขาไม่อาจคอยช่วยเจ้าอยู่ที่นี่แล้ว”

หลินสวินส่ายหัว “ไม่มีปัญหา”

ด้วยระดับความรู้อันลึกซึ้งของเขา เดิมก็ไม่ต้องให้คนอื่นช่วยเหลือ

“ลั่วเจีย เจ้าอยู่ที่นี่กับหลินสวิน” หวงชางเทียนเอ่ยกำชับ

ลั่วเจียรู้แล้วว่าสถานการณ์รุนแรง อดกล่าวไม่ได้ “หัวหน้าเผ่า ข้าก็อยากทำประโยชน์ให้เผ่า”

หวงชางเทียนยิ้มกล่าว “เจ้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อทำประโยชน์ให้เผ่า”

พูดจบเขาก็พาพวกเลี่ยนจิ่วเซียวจากไป

เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงสร้างขึ้นโดยเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ หลายปีมานี้เมืองนี้ประหนึ่งศาสตราจักรพรรดิขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่ง ปกคลุมด้วยพลังกระบวนผนึกนับไม่ถ้วน

ตอนนี้มหาเคราะห์ใกล้มาเยือน เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงไม่อาจไม่มีเลี่ยนจิ่วเซียวและเหล่าเฒ่าดึกดำบรรพ์ควบคุมดูแล

ไม่ทันไรแดนลับนี้ก็เหลือเพียงหลินสวินและลั่วเจียสองคน

เห็นว่าลั่วเจียจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว สีหน้าว้าวุ่นใจ หลินสวินจึงกล่าวปลอบใจด้วยเสียงแผ่วเบา “วางใจเถอะ มีข้าอยู่ ย่อมไม่มีทางให้เผ่าหงส์เซียนเจอหายนะแห่งการทำลายล้างแน่”

แต่เห็นได้ชัดว่าลั่วเจียฟังไม่เข้าหู พยักหน้าอย่างจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว

หลินสวินก็ไม่พูดมากอีก เรื่องเร่งด่วน…

แน่นอนว่าเป็นการหลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์!

หลินสวินสะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง

ตูม!

เพลิงมรรคอัศจรรย์พุ่งออกมา กลายเป็นเตาหลอมสามขาสองหูใบหนึ่ง มีท่วงทำนองอันเป็นอมตะ

นี่ก็คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเพลิงมรรคอัศจรรย์!

ตอนนั้นที่กำราบไฟนี้เคยมีลักษณ์ประหลาดสะเทือนใต้หล้าปรากฏ กลางฟ้าดินสรรพสิ่งคืนสู่ความเงียบ มีเพียงกระถางเพลิงใบเดียวที่ลุกโชน หลักการฟ้าดิน สุริยันจันทราดารา ล้วนถูกหลอมจนว่างเปล่า

ร่องรอยกาลเวลา วงโคจรของห้วงอากาศเหมือนไม่มีอยู่ มีเพียงเพลิงมรรคที่เหมือนเตาหลอมดวงนี้กลายเป็นสิ่งเดียวที่มั่นคงและไม่ผุพัง!

หลินสวินยังจำได้ดี ตอนนั้นขุนพลวิญญาณเพลิงที่ปกป้องไฟนี้เคยพูดว่า

‘หมายได้ไฟนี้ ต้องสัมผัสผลกรรม หมายสลายผลกรรม ต้องเข้าสถานอัศจรรย์ ไม่ว่าเจ้าเป็นผู้ใด ขอถามสักประโยค ต้องการนำเพลิงนี้ไปยังแหล่งสถานอัศจรรย์หรือไม่’

ตอนนั้นเองที่หลินสวินชี้ชัดได้ ว่าเพลิงมรรคอัศจรรย์นี้เป็นไปได้สูงว่าจะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับแหล่งสถานอัศจรรย์ หนึ่งในจตุโบราณสถาน!

เพียงแต่หลายปีนี้เพลิงมรรคอัศจรรย์ไม่มีโอกาสแสดงความสามารถมาตลอด อย่างมากก็ได้แต่ช่วยหลินสวินย่างอาหารเลิศรสบางส่วน…

‘วันนี้ข้าจะใช้เจ้าเป็นเตา ใช้ศาสตราจักรพรรดิเป็นเจตวัตถุ หลอมศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของข้าชิ้นหนึ่ง!’

หลินสวินสูดหายใจลึก แขนเสื้อพลิกตลบ ศาสตราจักรพรรดิหลายสิบชิ้นทะยานออกมาแน่นขนัด ล้วนสาดแสงสว่างไสว เผยความอัศจรรย์และอานุภาพที่แตกต่างกันออกมา

มีเชือกทองคล้องสมบัติ ภาพหมื่นลักษณ์ฟ้าดารา กระบี่ยอดสังหาร กระบี่อเวจี น้ำเต้าวิญญาณต้นกำเนิดเป็นต้น

ล้วนเป็นทรัพย์หลังศึกที่หลินสวินได้มาจากมือศัตรูในช่วงหลายปีนี้ ไม่มีสิ่งใดไม่ใช่ศาสตราจักรพรรดิล้ำค่าที่เรียกได้ว่าอัศจรรย์

และตอนนี้หลินสวินก็คิดนำพวกมันมาหลอมเป็นวัตถุดิบเสริมในการหลอมอาวุธทั้งหมด!

แน่นอนว่ายังไม่สิ้นสุด

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อ ศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนเก้าชิ้นอย่างกระบี่ไร้รูป ดาบไร้วิชา ทวนไร้สวรรค์ ประทับไร้ชีพ ธงไร้ระเบียบ ขวดไร้ขอบเขต จานไร้ตัวตน โคมไร้มลทิน เกราะไร้บกพร่องก็ปรากฏออกมาเช่นกัน

นอกจากนี้ยังมีก้อนทองแดงโบราณที่เตามารดาหลอมสมบัติเหลือทิ้งไว้ด้วย!

ห่างออกไปลั่วเจียอึ้งงัน คล้ายคิดไม่ถึงอย่างสิ้นเชิง ว่าในตัวหลินสวินจะซ่อนศาสตราจักรพรรดิที่เรียกได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าแห่งฟ้าดินไว้มากเช่นนี้

นี่เห็นได้ว่าน่าเหลือเชื่อนัก

แต่สำหรับหลินสวิน ของพวกนี้ล้วนไม่นับว่ามีค่าอะไร

มรรคของเขารองรับมรรคาทั่วหล้า วิวัฒน์หมื่นวิชาในใต้หล้า อดีตปัจจุบันล้วนไม่เคยมี แตกต่างจากผู้อื่น พิเศษโดดเด่นไม่เหมือนใคร

ศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของเขา แน่นอนว่าย่อมเป็นเช่นนั้น!

ก็มีเพียงเช่นนี้จึงจะประสานเข้ากับมรรควิถีของเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นจึงสำแดงพลังต่อสู้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ออกมา!

‘ข้าจะใช้มรรคของข้าเป็นกระบวน ใช้วิชาของข้าเป็นลวดลาย หลอมศาสตราจักรพรรดิ สร้างโครงอาวุธ…’

หลินสวินสูดหายใจลึก

แต่เวลานี้เองในลานมรรคที่กว้างใหญ่นี้พลันเกิดคลื่นสะเทือนระลอกหนึ่ง จากนั้นเงาร่างงามสีแดงเพลิงสายหนึ่งปรากฏตัวกลางอากาศ

นี่คือหญิงสาวที่ราวกับวิวัฒน์จากเพลิงเทพคนหนึ่ง งดงามและเจิดจรัสหาใดเปรียบ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทั้งร่างเหมือนแผดเผาทั่วหล้าได้จริงๆ เผด็จการยิ่งยวด

เพลิงเทพพันกว่าชนิดที่กระจายอยู่ในแดนลับนี้ ยามนี้ล้วนสั่นไหวขึ้นมาราวกับขุนนางกราบจักรพรรดิอย่างเลื่อมใส!

มีเพียงเพลิงมรรคอัศจรรย์ที่เหมือนไม่ได้รับผลกระทบ นิ่งสงบไม่ไหวติง กลิ่นอายอันเป็นอมตะเวียนวน

หญิงสาวมองเก้าศาสตราจักรพรรดิแห่งคุนหลุนรวมถึงก้อนทองแดงนั้นก่อน จากนั้นก็เหลือบมองเพลิงมรรคอัศจรรย์เล็กน้อย สุดท้ายจึงมองไปยังหลินสวินพลางกล่าว

“เจ้าหนุ่ม เจ้าดึงดูดความสนใจของข้าสำเร็จแล้ว”

……………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท