Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2286 ปั่นป่วนคลื่นลมกลางสมรภูมิ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2286 ปั่นป่วนคลื่นลมกลางสมรภูมิ

ตอนที่ 2286 ปั่นป่วนคลื่นลมกลางสมรภูมิ

นอกเมือง

เมื่อเงาร่างของพวกซีปรากฏก็ดึงดูดความสนใจของระดับจักรพรรดิสามคนทันที ทั้งเปิดฉากจู่โจมในพริบตา

ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเสือขาวสองคน ต่างมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นห้าและขั้นเจ็ด ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเต่าดำอีกคนมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นหก

ก่อนหน้านี้ระดับจักรพรรดิสามคนนี้ร่วมมือกันคุ้มครองปฐมาจารย์สลักลายมรรคมากมายที่มาจากทั้งสองเผ่า ซึ่งกำลังอนุมานและตีความกระบวนค่ายกลผนึกของเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง

เพียงแต่ใครก็ไม่คาดคิดว่ากระบวนค่ายกลผนึกนั้นยังไม่ถูกทำลายก็มีคนพุ่งออกมาก่อน ซ้ำยังเป็นผู้หญิงสองคนกับหมาหนึ่งตัว…

“ตาย!”

ชายชราระดับจักรพรรดิคนหนึ่งของเผ่าเสือขาวตะโกนลั่น ไอสังหารล้นฟ้า กลิ่นอายดุดันนองเลือดที่ปลดปล่อยออกมาทั้งตัว สามารถพิฆาตผู้ฝึกปราณทั่วไปทั้งเป็นได้

เขาโบกทวนวงเดือนเล่มหนึ่ง โจมตีไปทางซี

“ให้ข้าเอง!”

กลับเห็นต้าหวงตื่นเต้นจนเหมือนติดสัด ชิงพุ่งตัวออกมาก่อน ตะปบอุ้งเท้าออกไป แสงมรรคพรั่งพรูกลายเป็นตาข่ายยักษ์ราวกับจะปกคลุมฟ้าดิน

ชายชราคนนั้นรวมถึงทวนวงเดือนล้วนถูกตาข่ายปกคลุมเหมือนเหยื่อตัวหนึ่งทันที

ชายชราขนพองสยองเกล้า วิญญาณเกือบหลุดออกจากร่าง ตอนนี้ถึงตระหนักได้ว่าสุนัขที่ดูเหมือนหมาบ้านตัวนี้ กลับเป็นพวกที่แข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการได้คนหนึ่ง

เมื่อเขาคิดจะดิ้นรนและขัดขืนก็ช้าไปก้าวหนึ่งแล้ว

ฟุ่บ!

ตาข่ายหดรัด ชั่วพริบตาชายชราก็ถูกต้าหวงฟาดจนสลบแล้วเก็บลงไปอย่างปลื้มปริ่ม เสือขาวระดับจักรพรรดิที่ฝึกปราณมาไม่รู้นานเท่าไหร่ตัวหนึ่ง หากนำมาย่างกิน…

นึกถึงตรงนี้น้ำลายของต้าหวงก็ไหลเป็นทาง

“ไม่!”

ขณะเดียวกันเสียงร้องโหยหวนอย่างตื่นตระหนกพลันดังขึ้น

กลับเห็นว่าอีกด้านหนึ่งเงาร่างของซีพริบไหว มือหยกขาวกระจ่างเรียวบางบีบคอของผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเผ่าเสือขาวอีกคนจนแหลกละเอียด

“อย่าโยนทิ้ง เก็บไว้!” ต้าหวงรีบกล่าวเตือน วัตถุดิบอาหารที่ล้ำค่าหาใดเปรียบเช่นนี้จะทิ้งขว้างได้อย่างไร

ซีร้องอ้อคราหนึ่ง โยนร่างไร้วิญญาณในมือให้ต้าหวง

ตูม!

ห่างไปไม่ไกลซย่าจื้อกำลังห้ำหั่นกับผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิขั้นหกของเผ่าเต่าดำ ทวนซัดเกราะของอีกฝ่ายจนพินาศอย่างคล่องแคล่วหมดจด ทะลวงร่างของอีกฝ่ายจนบุปผาโลหิตพร่างฟ้า

เมื่อซย่าจื้อสะบัดข้อมือ ร่างของระดับจักรพรรดิแห่งเผ่าเต่าดำนี้ถูกผ่าออกทันที ยังไม่รอให้ตกถึงพื้นก็ถูกต้าหวงเก็บไปอย่างรวดเร็ว

“นี่เป็นถึงเต่าเฒ่าหมื่นปี ตุ๋นน้ำแกงดื่มต้องเป็นของบำรุงอย่างดีแน่!” ต้าหวงตื่นเต้นยินดีจนดวงตาเปล่งประกาย

นอกเมือง ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเสือขาวและเต่าดำทั้งหมดตาลายไปพักหนึ่ง การบุกเมืองที่เดิมดุเดือดหาใดเปรียบ เวลานี้ล้วนเงียบงันไปไม่น้อย

ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงอ้าปากค้าง

ระดับจักรพรรดิสามคนพ่ายแพ้เหมือนไก่กระเบื้องสุนัขดินเผาในชั่วพริบตา!

คนหนึ่งถูกจับเป็น สองคนถูกสังหาร!

นี่เหมือนการฟาดกระบองใส่หน้าจริงๆ ทำให้ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเสือขาวและเต่าดำต่างรับมือไม่ทัน ในใจสั่นสะท้านขึ้นมา

ผู้หญิงสองคนกับหมาหนึ่งตัวนี้ เดิมทีถูกพวกเขาหัวเราะเยาะไม่หยุด แต่ตอนนี้พวกเขาเพิ่งตระหนักได้ว่าอะไรที่เรียกว่าแข็งแกร่ง อะไรที่เรียกว่าน่าหวาดกลัว!

“นี่…”

ในเมืองหวงชางเทียนที่เดิมออกคำสั่ง คิดว่าหากพวกซีเจออันตรายจะออกจากเมืองไปช่วยทันทีก็สูดหายใจสะท้าน

พวกเฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพและเผ่าหงส์เซียนที่อยู่ใกล้ต่างตกตะลึงตาค้าง นี่… แข็งแกร่งเกินไปแล้วกระมัง

หลายคนยิ่งละอายใจ รู้สึกอับอายไม่หยุด เมื่อครู่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าพลังต่อสู้ของพวกซีจะแข็งแกร่งเช่นนี้

ตูม!

เสียงกัมปนาทราวฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น ก็เห็นเงาร่างของซีทรงสง่าดุจภาพฝัน พลังกฎเกณฑ์ที่เหมือนระเบียบร้อยถักเข้าด้วยกัน ฟ้าดินใกล้เคียงสั่นสะเทือนทรุดทลายเมื่อนางก้าวเท้า

มองจากไกลๆ ราวกับเทพมาเยือนโลก อานุภาพไร้จำกัด

“แย่แล้ว!”

ปฐมาจารย์สลักลายมรรคของเผ่าเสือขาวและเต่าดำทั้งหมดหน้าเปลี่ยนสี กำลังจะหลบหนี

ก็เห็นว่าเมื่อซีสะบัดมือ แสงมรรคไร้สิ้นสุดปรากฏขึ้นกลางอากาศแล้วขวางอยู่ใต้ฟ้า เงาร่างของปฐมาจารย์สลักลายมรรคพวกนั้นถูกฝังกลบอยู่ภายใน ชั่วพริบตาก็จิตสิ้นวิญญาณซ่าน

“เร็วเข้า ไปฆ่าพวกเขา!”

ห่างออกไปบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวกับบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นตวาดลั่นพร้อมกัน สีหน้าคล้ำเขียว

ยังไม่ทันสิ้นเสียงพวกเขาก็พุ่งนำไปทางซี พวกเขาล้วนสังเกตเห็นว่าภัยคุกคามของซีมากที่สุด หากไม่ขวางและกำราบ ภารกิจบุกเมืองครั้งนี้เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดฝัน

“เจ้าเฒ่าสองคนนี้ยกให้ข้าจัดการ พวกเจ้าไปสังหารคนอื่น”

เสียงของซีเยียบเย็น ดวงหน้างามราบเรียบ ต่อให้ถูกระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนจับจ้องก็ไม่ตื่นตระหนกแม้เพียงเสี้ยว

“ฆ่า!”

บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวตวาดลั่น เสียงสะเทือนเก้าชั้นฟ้า กระบี่มรรคสีเลือดเล่มหนึ่งฟันออกมา วิวัฒน์เป็นลักษณ์กฎเกณฑ์ประหลาดไร้สิ้นสุด มีอานุภาพกำจัดหมื่นวิญญาณ

ขณะเดียวกันบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นกระตุ้นโคมพระราชวังสีม่วงดวงหนึ่ง ฝนเพลิงนับหมื่นแสนสาดพรมแล้วม้วนกลืนไปทางซี

ทันทีที่ทั้งสองลงมือก็ใช้อานุภาพที่แท้จริง!

ตูม!

ศึกใหญ่ปะทุขึ้น พื้นที่แถบนั้นฟ้าสะท้านดินสะเทือน โกลาหลอลหม่าน

ที่ทำให้ทุกคนตื่นตระหนกคือ ต่อให้ถูกบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนตีขนาบ ซีก็ไม่ด้อยไปกว่ากันเท่าไร ไม่มีสัญญาณว่าจะถูกกำราบอย่างสิ้นเชิง กลับเป็นว่าเมื่อนางลงมือ การโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนพลันถูกซัดพินาศไปทั้งหมด ทำเอาทั้งสองต่างเผยสีหน้าครัดเคร่งหาใดเปรียบ

แม้แต่พวกหวงชางเทียน เวลานี้ในใจต่างปั่นป่วนไม่หยุด ไม่อาจสงบ

ผู้หญิงคนหนึ่งกลับสกัดการโจมตีของบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนได้ เช่นนั้นศักยภาพของนางจะบรรลุถึงขั้นน่าหวาดกลัวระดับใด

หากพวกเขารู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเผ่าเจินหลงก่อนหน้านี้ บางทีคงไม่ตื่นตูมเช่นนี้แล้ว

ต้องรู้ว่าตอนนั้นหลินสวินและพวกซีบุกเข้าไปในวังมหามรรคหมื่นมังกรอย่างแข็งกร้าว หากไม่ใช่ว่ามี ‘ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณ’ ที่ควบคุมพลังระเบียบต้นกำเนิดของแดนวังมังกรลงมือ เผ่าเจินหลงในตอนนั้นเกรงว่าคงต้านการโจมตีของพวกหลินสวินไม่อยู่แต่แรก

ปัจจุบันนอกเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงนี้แค่สู้กับระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนเท่านั้น สำหรับซีแล้วไม่อาจพูดได้ว่าเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงเกินไป

“ฆ่า!”

ต้าหวงสาวเท้าทั้งสี่พุ่งไปกลางอากาศ ปากส่งเสียงคำราม ขนผิวทั้งตัวมีแสงมรรคเจิดจรัสไร้สิ้นสุดเวียนวน

ปึง!

ระดับจักรพรรดิเผ่าเต่าดำคนหนึ่งยังไม่ทันได้ตอบสนอง ก็ถูกอุ้งเท้าของต้าหวงตบจนสลบแล้วเก็บไป

ท่าทีกำราบที่แข็งกร้าวนั่น ทำเอาในลานมีเสียงร้องอุทานดังขึ้นฉับพลันเช่นกัน

ระดับจักรพรรดิของเผ่าเต่าดำและเสือขาวที่ออกเคลื่อนพลครั้งนี้มีถึงห้าสิบคน อย่างน้อยในด้านจำนวนก็เป็นฝ่ายได้เปรียบแน่นอน

ไม่ทันไรระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่งก็พุ่งเข้ามาจัดการต้าหวงพร้อมกัน

กลับเห็นต้าหวงไม่ตระหนกแต่ยินดี ยิงฟันเผยเขี้ยวทั้งปาก น้ำลายไหลเป็นทาง “ตัวนี้ตุ๋น ตัวนี้นึ่ง ตัวนี้เคี่ยวได้ ตัวนี้นำไปทอด…”

ต้าหวงวิจารณ์ไปพลาง การเคลื่อนไหวก็ไม่ได้ช้าลงเพียงนิด เริ่มดำเนินการ ‘ล่าสัตว์’

พลังต่อสู้ของมันถึงขนาดไล่ล่าตามก้นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิได้ มีหรือจะใส่ใจการล้อมโจมตีของพวกที่อย่างมากก็มีพลังแค่ระดับจักรพรรดิขั้นแปดพวกนี้

ปึง!

เพียงชั่วขณะผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเผ่าเสือขาวที่รูปร่างอวบอั๋น งดงามเหมือนเด็กสาวคนหนึ่งก็ถูกต้าหวงฟาดสลบอย่างดุดัน “ส่วนเจ้า เอาไปเคี่ยวน้ำแกงต้มกระดูก!”

ปึง!

ไม่ทันไรผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเผ่าเต่าดำที่ดุดันปราดเปรียวอีกคนถูกซัดหน้าอกจนละเอียด…

“แค่หมาตัวหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงน่ากลัวเช่นนี้”

“เร็วเข้า บุกไปพร้อมกัน!”

…ทุกเสียงขุ่นเคืองดังก้องอยู่กลางฟ้าดิน ก็เห็นระดับจักรพรรดินับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามา วางแผนอาศัยข้อได้เปรียบด้านจำนวนมากำราบต้าหวง

แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนขวัญหนีดีฝ่อคือ ไม่รอให้ถูกปิดล้อมแน่นหนา ต้าหวงก็สังหารระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าเหมือนผ่าลำไผ่

ภาพนองเลือดต่างๆ นั้นทำให้ผู้แข็งแกร่งของเผ่าเสือขาวและเต่าดำรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ

ไม่อาจไปปิดล้อมได้อย่างสิ้นเชิง

เมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขากรูกันเข้าไป ต้าหวงจะใช้ท่าทางแข็งกร้าวหาใดเปรียบตีฝ่าวงล้อมออกมา จากนั้นค่อยโจมตีให้พ่ายทีละคน ป่าเถื่อนจนน่ากลัว

ถึงขั้นทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดหวั่นกว่าฝั่งซีด้วยซ้ำ ถึงอย่างไรคนที่สิ้นชีพก็เป็นถึงระดับจักรพรรดิที่ทรงอำนาจมากมาย!

คนที่ไม่ดึงดูดความสนใจของผู้คนที่สุดในการต่อสู้นั้น บางทีก็อาจเป็นซย่าจื้อแล้ว นางตัวคนเดียว เงาร่างอาบไล้ด้วยเงาแสงมืดมิด ถือทวนกระดูกขาวเล่มหนึ่ง เหมือนแสงเคลื่อนว่างเปล่าและเลือนราง

แต่ขอแค่เป็นสถานที่ซึ่งนางปรากฏตัว ย่อมใช้วิธีเรียบง่ายตรงไปตรงมา โจมตีอย่างดุดันและแม่นยำ สังหารคู่ต่อสู้ได้ทั้งสิ้น

จู่โจมเด็ดขาดแล้วหายตัวไป ไม่พูดพร่ำทำเพลงสักนิด!

ในเมือง หวงชางเทียน เลี่ยนจิ่วเซียวและผู้แข็งแกร่งของเผ่าหงส์เซียนกับเผ่าจักรพรรดิช่างเทพมากมายล้วนหน้าตื่น

ตกใจ มึนงง ยากจะเชื่อ สั่นสะท้าน… ทุกความรู้สึกทยอยปรากฏ

ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าพวกซี ซย่าจื้อ ต้าหวง กลับเปิดฉากพายุสังหารที่นองเลือดหาใดเปรียบนอกเมืองนั้นได้!

ทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำที่สามารถทำให้เผ่าใดก็ตามรู้สึกหายใจไม่ออกและสิ้นหวังนั้น เวลานี้กลับเผยท่าทีอลหม่านและปั่นป่วน

ครั้งนี้กองทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำเรียกได้ว่ามีมากถึงแปดแสนคน แต่คนที่สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริงมีแค่ระดับจักรพรรดิห้าสิบกว่าคนนั้น

แน่นอนว่านี่เป็นจำนวนที่ทำให้คนสิ้นหวังได้แล้ว

แต่ตอนนี้บุคคลที่เหมือนผู้นำสองคนอย่างบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นถูกซีคนเดียวสกัด ระดับจักรพรรดิคนอื่นก็กำลังเจอการสังหารของต้าหวงกับซย่าจื้อ มีระดับจักรพรรดิสิ้นชีพตลอดเวลา…

พูดอย่างไม่เกินจริง กองทัพใหญ่ของเผ่าเสือขาวและเต่าดำถูกพวกซีทำให้ปั่นป่วนจนเสียการควบคุมอย่างสมบูรณ์แล้ว บาดเจ็บล้มตายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!

“หัวหน้าเผ่า พวกเราก็ฉวยโอกาสนี้โจมตีออกไปเถอะ!”

มีคนเสนออย่างตื่นเต้น เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าหงส์เซียนที่อยู่ใกล้ต่างมองไปทางหวงชางเทียนกันพรึ่บพรั่บ

การออกนอกเมืองไปสังหารศัตรูเวลานี้ ย่อมคว้าโอกาสที่ดีที่สุดในการซัดศัตรูให้พินาศได้อย่างไม่ต้องสงสัย!

หวงชางเทียนก็หวั่นไหวเช่นกัน พยักหน้ากล่าว “ไม่ควรให้สหายยุทธ์สามคนนั้นสู้เพียงลำพังจริงๆ ถึงเวลาแสดงพลังของพวกเราเผ่าหงส์เซียนสักหน่อยแล้ว!”

แต่ยามที่เขากำลังจะออกคำสั่งก็หน้าเปลี่ยนสีทันที นัยน์ตาพลันทอดมองไปไกล

ในบริเวณที่ห่างออกไปไกลนั้น มีกลิ่นอายน่ากลัวหาใดเปรียบมากมายกำลังพุ่งมาทางนี้ด้วยความเร็วน่าเหลือเชื่อ

หรือว่า… กำลังพลที่แท้จริงของเผ่าเสือขาวและเต่าดำมาเยือนแล้ว

นึกถึงตรงนี้ในใจหวงชางเทียนพลันตึงเครียด ทำการสื่อจิตทันที ‘สหายยุทธ์ทั้งสาม มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เชิญกลับมาโดยเร็ว!’

ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องกล่าวเตือน ก่อนที่หวงชางเทียนจะสังเกตเห็นว่ามีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น พวกซี ต้าหวง ซย่าจื้อก็สังเกตเห็นแล้ว

“ไป” ซีขมวดคิ้ว ตัดสินใจโดยไม่ลังเลและล่าช้า

ต้าหวงที่จมสู่ภารกิจ ‘ล่าสัตว์’ อย่างคลุ้มคลั่งยังไม่หายอยากอยู่บ้าง แต่เห็นว่าซย่าจื้อกับซีถอนตัวไปแล้วก็ได้แต่จากไปอย่างจนปัญญา

สายตาอาลัยอาวรณ์นั้น ทำเอาคู่ต่อสู้พวกนั้นเห็นแล้วคับแค้นอับอายแทบวายชีวาจริงๆ

…………………….

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท