Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2287 ทรยศ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2287 ทรยศ

ตอนที่ 2287 ทรยศ

พวกซี ซย่าจื้อ ต้าหวงออกจากการต่อสู้กะทันหัน ทำให้บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นรู้สึกผิดคาดไปพักหนึ่ง

ความจริงแล้วยามต่อสู้ห้ำหั่นกับซีก่อนหน้านี้ พวกเขาสังเกตเห็นว่าไม่เข้าทีอยู่ก่อนแล้ว

โดยเฉพาะยามสังเกตเห็นต้าหวงกับซย่าจื้อล่าระดับจักรพรรดิพวกนั้นอย่างต่อเนื่อง พวกเขาล้วนโกรธแค้นจนหน้าคล้ำเขียว ทั้งตระหนกทั้งหวาดกลัว ถึงขั้นไม่กล้าเชื่อ

ต่อให้ไม่อยากยอมรับ แต่จากที่พวกเขาคาดเดา หากปล่อยให้สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินต่อไปไม่ถึงหนึ่งเค่อ ทัพพันธมิตรของพวกเขาเผ่าเต่าดำและเสือขาวต้องถูกซัดพินาศแน่!

ยังดีที่ทั้งหมดนี้ยังไม่เกิดขึ้น

ขณะที่การถอนตัวของซี ซย่าจื้อ ต้าหวงทำให้พวกเขารู้สึกผิดคาด ไม่ทันไรก็เข้าใจทันที นัยน์ตาทอดมองไปยังจุดที่ห่างออกไปพร้อมกัน

เวลานี้ทั้งสมรภูมิถึงขั้นถูกทำให้สั่นสะเทือน ไม่ว่าจะเป็นกองทัพใหญ่ของเผ่าเต่าดำและเสือขาวที่อยู่นอกเมือง หรือพวกหวงชางเทียนที่อยู่ในเมือง ทุกคนล้วนมองไปยังจุดเดียวกัน

ตะวันสาดแสงดังโลหิต ประจวบเหมาะเป็นเวลาสายัณห์

แสงยามเย็นดุจอัคคีปกคลุมเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิง กลิ่นอายเคร่งขรึมศักดิ์สิทธิ์แผ่อบอวล

สิ่งปลูกสร้างเก่าแก่สูงตระหง่านแออัดเรียงราย ภูผาธารางามประณีต แสงสีทองเวียนวนภายใต้อาทิตย์อัสดง ดูประหนึ่งภาพฝันลวงตา กว้างใหญ่ไพศาลยิ่ง

ตูม!

ไม่นานความสงบนี้ก็ถูกทำลาย แผ่นดินสั่นสะเทือน ห้วงอากาศอบอวลด้วยกลิ่นอายเหี้ยมเกรียมแข็งกร้าว

มีคนกลุ่มหนึ่งเคลื่อนผ่านอากาศมาแต่ไกล ราวกับเมฆดำกดทับทั่วนคร

แต่ละคนในกลุ่มนั้นมีอานุภาพสูงส่ง ทั้งตัวปกคลุมด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์ระดับจักรพรรดิ ราวกับนายเหนือหัวมากมายมาเยือน ทะยานผ่านภูผาธารา หมายปัดกวาดอุปสรรคขวากหนามทั้งมวล สะกดข่มผู้คนหาใดเปรียบ

เบื้องหลังพวกเขายังมีผู้ฝึกปราณขบวนแล้วขบวนเล่าตามมาด้วย กองกำลังยิ่งใหญ่เกรียงไกร รวมตัวกันราวกับมังกรคลั่งออกจากหุบเหว เพียงอานุภาพที่แผ่ออกมาจากตัวก็ปั่นป่วนคลื่นลมทั่วสารทิศ ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี

เงาร่างหลายสิบที่อยู่เบื้องหน้านั้น มีทั้งชายและหญิง ทั้งชราและเยาว์วัย กลิ่นอายของแต่ละคนล้วนแข็งแกร่งหาใดเปรียบ ถึงกับเป็นระดับจักรพรรดิกลุ่มหนึ่ง!

ผู้นำคือชายสองคน

คนหนึ่งอยู่ในชุดคลุมขาว นัยน์ตาเยียบเย็น ร่างผอมบางราวกับยอดเขาตระหง่านทะลวงเมฆ ทั่วร่างแผ่ไอสังหารน่าหวาดกลัวล้นฟ้า

ไป๋หลิงเจิน!

สมญา ‘จักรพรรดิสังหารหลิงเจิน’ หัวหน้าเผ่าเสือขาว!

ข้างกายเขามีชายชราร่างผอมผมบางประปรายเหมือนไม้ใกล้ฝั่งคนหนึ่งยืนอยู่ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอย นัยน์ตาเขียวขจีล้ำลึกน่าหวาดกลัว

อู่ซิวสิง!

สมญา ‘จักรพรรดิยุทธ์ซิวสิง’ หัวหน้าเผ่าเต่าดำ!

บุคคลสำคัญที่เหมือนนายเหนือหัวของแต่ละโลกสองคน เวลานี้นำเฒ่าดึกดำบรรพ์มากมายของแต่ละเผ่าทะยานมา

ภาพนั้นทำให้สีหน้าของพวกหวงชางเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังหาใดเปรียบ นี่คิดจะเปิดฉากการโจมตีรอบด้านแล้วหรือ

ฟ้าดินตกอยู่ในความเงียบสงัดไปทั้งแถบ สั่นสะเทือนใจคน

ไม่ว่าจะเป็นคนในเผ่าหงส์เซียน หรือผู้แข็งแกร่งของเผ่าจักรพรรดิช่างเทพ ล้วนรู้สึกหวาดหวั่น กระบวนรบของอีกฝ่ายน่ากลัวเกินไป ความต่างของกำลังพลก็ห่างชั้นกันเกินไปแล้ว

ระดับจักรพรรดิมาเยือน ความน่าเกรงขามเช่นนี้สูงส่งหาใดเปรียบ ปกติยากจะได้เห็นหน้าค่าตา นับประสาอะไรกับระดับจักรพรรดินับร้อยคนรวมตัวกัน อานุภาพเช่นนั้นสามารถทำให้สำนักโบราณใดก็ตามรู้สึกสิ้นหวังจริงๆ

ระดับจักรพรรดิเดือดดาล สุริยันจันทราเปลี่ยนสี ผืนปฐพีจ่อมจม สรรพสิ่งล้วนตกอยู่ในความหวาดกลัว นี่ก็คืออานุภาพของพวกเขา แม้ว่าไร้รูป แต่กลับเพียงพอจะตัดสินความเป็นตายของสิ่งมีชีวิตเกือบทั้งหมดบนโลก!

ในยามปกติระดับจักรพรรดิล้วนยากพบเห็น ลึกลับและสูงส่ง ควบคุมขุมอำนาจฝ่ายหนึ่ง แม้ว่าไม่ปรากฏตัว แต่กลับข่มขวัญทั่วสารทิศ ทำให้ศัตรูภายนอกไม่กล้ามารุกราน

แต่ตอนนี้ระดับจักรพรรดิของเผ่าเสือขาวและเต่าดำแทบจะยกขบวนมาทั้งรัง ภาพนี้เหมือนขุนพลสวรรค์ยกทัพมาถล่มจริงๆ พาให้คนไม่อาจระงับความหวาดกลัวในใจ

ศึกใหญ่ใกล้ปะทุขึ้นแล้ว!

วันนี้เมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงนี่ รวมไปถึงแดนหงส์เซียนทั้งหมด ย่อมถูกลิขิตให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่!

“คารวะหัวหน้าเผ่า!”

“คารวะหัวหน้าเผ่า!”

บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและผู้แข็งแกร่งเผ่าเสือขาว รวมถึงบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นและผู้แข็งแกร่งเผ่าเต่าดำ ล้วนพุ่งเข้ามาต้อนรับ สีหน้าไม่วายฮึกเหิม

กำลังเสริมมาแล้ว สถานการณ์ก็จะพลิกผัน!

สายตาไป๋หลิงเจินกวาดมองทุกคนในที่นั้นแล้วอดมุ่นคิ้วไม่ได้ “การต่อสู้ก่อนหน้านี้บาดเจ็บล้มตายไปเท่าไหร่”

ประโยคเดียวทำให้สีหน้าของพวกบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวผิดธรรมชาติขึ้นมา

“เรียนหัวหน้าเผ่า เผ่าของพวกเรามีระดับจักรพรรดิสิ้นชีพเก้าคน ส่วนเผ่าเต่าดำก็มีระดับจักรพรรดิสิ้นชีพสิบเอ็ดคน… นอกจากนี้ยังมีปฐมาจารย์สลักลายมรรคสิบกว่าคนประสบเคราะห์…”

มีคนเอ่ยเสียงเบา

เพียงชั่วขณะไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงและเหล่าบุคคลสำคัญที่เพิ่งมาถึงต่างอึ้งไป แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่”

นัยน์ตาของไป๋หลิงเจินวาวโรจน์ สีหน้าเยียบเย็น

บรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวถอนหายใจยาว ไม่กล้าปิดบัง ได้แต่เล่าความจริงออกมาทีละเรื่อง

“ผู้หญิงสองคนกับหมาหนึ่งตัว?”

เมื่อรู้เรื่องทั้งหมดนี้ สีหน้าของไป๋หลิงเจินเปลี่ยนเป็นคล้ำเขียวขึ้นมา

ไม่ใช่แค่เขา สีหน้าของพวกอู่ซิวสิงก็อึมครึมหาใดเปรียบ ผู้หญิงสองคนกับหมาหนึ่งตัว เกือบซัดทัพพันธมิตรที่นำโดยบรรพจารย์จักรพรรดิวั่นหลิวและบรรพจารย์จักรพรรดิเฉียนอิ่นจนพินาศ!

ใครจะกล้าเชื่อ

บรรยากาศนอกเมืองล้วนเปลี่ยนเป็นกดดันหาใดเปรียบ

สายตาของพวกไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิง ล้วนมองไปยังเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงที่อยู่ห่างออกไปพร้อมกัน สีหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารเยียบเย็น

“หวงชางเทียน ทิ้งเมืองแล้วยอมแพ้เสียตอนนี้ ข้าจะให้โอกาสรอดกับเผ่าหงส์เซียนของพวกเจ้า ไม่อย่างนั้นจะไม่ใช่แค่เมืองนี้ที่ถูกบดขยี้ เผ่าหงส์เซียนของพวกเจ้าก็จะถูกขุดรากถอนโคนด้วย!”

ไป๋หลิงเจินกล่าวด้วยเสียงเรียบเฉย เสียงดังก้องนภาราวกับฟ้าคำราม สะท้านสะเทือนทั่วทิศ

ในเมืองหวงชางเทียนสีหน้าเยียบเย็น กล่าวด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก “ไป๋หลิงเจิน เผ่าหงส์เซียนของข้าไม่ใช่พวกหัวหด ถ้าอยากเอาชีวิตเข้าแลกจริง สุดท้ายก็ไม่แน่ว่าใครจะตายใครจะเป็น!”

“หลังจากนี้สามวัน ผู้อาวุโสเจ็ดแห่งตระกูลลั่วของอีกฟากฝั่งจะมาเยือนด้วยตัวเอง เผ่าหงส์เซียนของเจ้า… จะดื้อดึงต่อต้านจริงหรือ”

บนใบหน้าชราของอู่ซิวสิงเผยแววเสียดสี “เจ้าดูนอกเมืองนี้สิ ทัพพันธมิตรเผ่าเต่าดำและเสือขาวของข้ารวมตัวอยู่ที่นี่ อาศัยกำลังพลของเผ่าหงส์เซียนเจ้า ย่อมไม่ต่างกับการเอาไข่ไปกระทบหิน เอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง!”

“เจ้าเต่าเฒ่า พูดไร้สาระให้น้อยหน่อย ถ้ากล้าก็พุ่งสังหารเข้ามา!”

หวงชางเทียนยิ้มหยัน

อู่ซิวสิงที่ถูกด่าว่าเต่าเฒ่ากลับไม่มีโทสะ สีหน้าราบเรียบเยือกเย็น “หวงชางเทียน เจ้าน่าจะรู้จุดประสงค์ที่พวกเรามาครานี้ ข้าจะบอกเจ้าให้ บรรพชนของเผ่าเจ้าจำเป็นต้องยอมจำนน ถึงจะมีโอกาสตื่นรู้และรอดต่อไป ไม่อย่างนั้นอย่าว่าแต่เผ่าเต่าดำและเสือขาวของข้าไม่รับปาก ต่อให้เป็นตระกูลลั่วของอีกฟากฝั่งก็ไม่ยอมปล่อยให้บรรพชนของเผ่าเจ้ารอดไปแน่!”

คำพูดนี้ดังก้องบนท้องฟ้าเหนือเมืองจักรพรรดิหมื่นเพลิงอย่างชัดเจนทุกประการ

สีหน้าของหวงชางเทียนและเฒ่าดึกดำบรรพ์แห่งเผ่าหงส์เซียนล้วนเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูหาใดเปรียบ พวกสารเลวนี่มาเพื่อขัดขวางการตื่นรู้ของบรรพชนพวกเขาดังคาด!

“จากที่พวกข้ารู้ ตอนนั้นบรรพชนเผ่าเจ้าหลอมพลังระเบียบต้นกำเนิดแดนหงส์เซียนของพวกเจ้าเป็น ‘เพลิงเทพระเบียบ’ เพื่อแปรสภาพอย่างสมบูรณ์นานแล้ว ไม่มีทางถูกเจ้าหวงชางเทียนควบคุมได้อีก”

ไป๋หลิงเจินพลันเอ่ยปากเย็นชา “เมื่อไม่มียอดอาวุธสังหารเช่นนี้ เผ่าหงส์เซียนของเจ้าจะเอาอะไรมาขวางการโจมตีของพวกข้า อาศัย… เมืองคร่ำคร่าที่เปราะบางแห่งนี้หรือ”

น้ำเสียงเผยแววหยามเหยียดอย่างรุนแรง

“ดูออกว่าเจ้าพวกนี้เตรียมการมาก่อนดังคาด” ต้าหวงกล่าวพึมพำ

ตอนอยู่แดนเจินหลง แค่ผู้อาวุโสประหัตวิญญาณครอบครอง ‘มุกสยบหล้า’ ก็ควบคุมพลังระเบียบต้นกำเนิดของแดนวังมังกรได้ สังหารจนซีกับต้าหวงได้รับบาดเจ็บจนคิดหนี

เห็นชัดว่าพลังของ ‘เพลิงเทพระเบียบ’ ที่ไป๋หลิงเจินเอ่ยถึงก็เหมือน ‘มุกสยบหล้า’ สามารถควบคุมระเบียบต้นกำเนิดของแดนหงส์เซียนได้

แต่เพลิงเทพระเบียบนี้กลับถูกบรรพชนหงส์เซียนหลอมไปนานแล้ว แน่นอนว่าไม่มีโอกาสให้พวกหวงชางเทียนควบคุมได้อีก

นี่ก็คือหนึ่งในสาเหตุที่ว่าทำไมพวกไป๋หลิงเจินและอู่ซิวสิงไม่เกรงกลัวสิ่งใดเช่นนี้

ส่วนหวงชางเทียนกับเฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าหงส์เซียนในตอนนี้ก็ทั้งตระหนกและขุ่นเคือง สิ่งที่ไป๋หลิงเจินกล่าวมาทั้งหมดล้วนเป็นความลับสำคัญของพวกเขาเผ่าหงส์เซียน!

เห็นชัดว่ามี ‘หนอนบ่อนไส้’ แพร่งพรายความลับสำคัญพวกนี้ไปนานแล้ว!

“เช่นนั้นข้าก็จะบอกเจ้าให้ วันนี้ต่อให้เผ่าหงส์เซียนของข้าตายในการต่อสู้กันหมด ก็ไม่ยอมให้พวกเจ้าสมหวังดั่งปรารถนา!”

หวงชางเทียนพลันสูดหายใจเข้าลึกๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว

“งั้นรึ เช่นนั้นพวกข้าก็อยากลองดูจริงๆ”

ไป๋หลิงเจินยิ้มหยันแล้วสะบัดมือทันใด เอ่ยคำพูดแปลกประหลาดประโยคหนึ่งออกมา

“ทุกท่าน ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะสร้างความชอบแล้ว!”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงก็เห็นว่า…

ข้างกายหวงชางเทียนพลันเกิดการเปลี่ยนแปลง!

เฒ่าดึกดำบรรพ์ของเผ่าหงส์เซียนคนหนึ่งพลันกระโจนออกมา ซัดฝ่ามือหนึ่งไปยังแผ่นหลังของหวงชางเทียน พละกำลังยิ่งใหญ่ เร็วจนน่าเหลือเชื่อ

เหตุไม่คาดฝันที่เกิดขึ้นกะทันหันนี้ เหนือความคาดหมายของทุกคนอย่างสิ้นเชิง

ใครจะกล้าจินตนาการว่าในเผ่าหงส์เซียนยามนี้ ตำแหน่งข้างกายหวงชางเทียนยังมีคน ‘กบฏ’ อยู่

ปึง!

ชั่วพริบตาหวงชางเทียนก็ถูกฝ่ามือหนึ่งตบกระเด็น ปากกระอักเลือด

เมื่อเห็นว่าเขากำลังถูกเฒ่าดึกดำบรรพ์นั้นจับเป็น ก็เห็นเงาร่างของซีไหววูบทันใด มือบางโบกสะบัด แสงศักดิ์สิทธิ์แผ่กระจายออกมา

ตูม!

เฒ่าดึกดำบรรพ์นั้นถูกกระเทือนจนซวนเซถอยร่น ไม่รอให้เขายืนมั่นก็ถูกต้าหวงตะปบอุ้งเท้าจนลงไปกองกับพื้น กดกำราบอย่างหนักหน่วง

“ผู้อาวุโสสามสาม เจ้าทรยศเผ่าพันธุ์รึ!?”

“บัดซบ ทำไมเจ้าถึงใจร้ายเช่นนี้!”

ทุกคนในที่นั้นร้องเสียงหลง รู้ว่าคนที่ลอบโจมตีหวงชางเทียนนั้นคือผู้อาวุโสสามหวงโหย่วเต้า เฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับจักรพรรดิขั้นแปดคนหนึ่ง

เวลานี้หวงชางเทียนก็ได้สติกลับมา สีหน้าคล้ำเขียวหาใดเปรียบ ดวงตาทั้งสองดุจเปลวเพลิงร้อนระอุ “ผู้อาวุโสสาม ทำไมถึงทำเช่นนี้!?”

กลับเห็นหวงโหย่วเต้าคำรามเสียงแตกพร่า “ถึงตอนนี้แล้วพวกเจ้ายังไม่เข้าใจหรือ มีแค่ยอมจำนนต่อตระกูลลั่วของอีกฟากฝั่ง เผ่าของพวกเราจึงมีโอกาสรอดต่อไป! ข้าทำเช่นนี้เพื่อเผ่าพันธุ์ทั้งสิ้น!”

ในที่นั้นเกิดความโกลาหล สีหน้าของทุกคนล้วนคล้ำเขียวไม่น่าดู

แม้แต่พวกซี ต้าหวง ซย่าจื้อก็คิดไม่ถึงว่าในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้ เฒ่าดึกดำบรรพ์คนหนึ่งในเผ่าหงส์เซียนกลับกลายเป็น ‘หนอนบ่อนไส้’ !

แต่ทั้งหมดนี้ยังไม่สิ้นสุด

ฟุ่บ!

ก็เห็นว่าท่ามกลางความโกลาหล กระบี่บินเล่มหนึ่งพลันพุ่งออกมา ขณะที่ทุกคนยังไม่ทันได้ตอบสนองก็ตัดหัวของเลี่ยนชิงฉีแล้ว!

ภาพนองเลือดนั้นทำให้พวกหวงชางเทียนราวกับถูกฟ้าผ่า เพิ่งตระหนักได้ว่านอกจากผู้อาวุโสสามหวงโหย่วเต้าแล้ว ในเผ่ายังมีผู้ทรยศอีก!

เวลานี้ซีกับต้าหวงลงมือพร้อมกัน ใช้พลังดุจสายฟ้าจับตัวผู้ทรยศคนนี้

พวกเขาไม่ใช่คนของเผ่าหงส์เซียน เปรียบเทียบกันแล้วย่อมเยือกเย็นที่สุด ตั้งแต่พริบตาแรกที่เหตุไม่คาดฝันปรากฏก็ลงมือโดยไม่ลังเล

เมื่อรู้ฐานะของผู้ทรยศคนนั้น สีหน้าของพวกหวงชางเทียนไม่น่าดูยิ่งกว่าเดิม ใจเหมือนถูกมีดเฉือน เกรี้ยวกราดแทบคลั่งจริงๆ

“ผู้อาวุโสห้า เจ้าก็ทรยศด้วยรึ!”

———————–

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท