Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2294 การร่วงหล่นของบรรพจารย์จักรพรรดิ

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2294 การร่วงหล่นของบรรพจารย์จักรพรรดิ

ตอนที่ 2294 การร่วงหล่นของบรรพจารย์จักรพรรดิ

สีหน้าที่โมโหยิ่งยวดของชายชุดเขียวทำให้หลินสวินอดยิ้มไม่ได้ สายตาแฝงความทะเล้น กล่าวว่า “มองข้ามเจ้าแล้วอย่างไร แน่จริงก็เข้ามาสิ”

ปราณกระบี่ไร้สิ้นสุดทะยาน กระบี่มรรคหนึ่งเดียวสำแดงมรรคกระบี่ไร้เทียมทานมากมาย แม้ไม่อาจทำร้ายชายชุดเขียว แต่ก็ทำให้เขาจำต้องลงมือสลายพลังอย่างต่อเนื่อง

ทว่าการคงอยู่ของเตากระบี่หนึ่งเดียว ทำให้การจู่โจมทั้งหมดของเขาถูกขวางไว้

พูดสั้นๆ ก็คือ ในการปะทะครั้งนี้ ไม่ว่าเป็นใครก็ทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้

สำหรับหลินสวินก็เรียกได้ว่าเป็นผลงานอันเกริกก้องพลิกฟ้าแล้ว ถึงอย่างไรเขาซึ่งมีพลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามสามารถปะทะกับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งได้ หากกระจายออกไปจะต้องได้รับเสียงตื่นตะลึงนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน

ทว่าสำหรับเฒ่าดึกดำบรรพ์ที่มีชีวิตมาไม่รู้นานเท่าไหร่แล้วอย่างชายชุดเขียว การต่อสู้เช่นนี้สามารถทำให้เขาเสียชื่อไม่เหลือชิ้นดี!

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

ชายชุดเขียวเดือดดาลราวกับบ้าคลั่ง กระตุ้นศาสตราจักรพรรดิ ประทับมรรคแดงเพลิงราวกับแสงอรุณนั่น บนนั้นสลักอักษร ‘สยบอากาศ’ ปลดปล่อยอานุภาพน่ากลัวปกคลุมเวิ้งฟ้า

‘ทะยาน!’

หลินสวินขับเคลื่อนความคิด เจดีย์ไร้สิ้นสุดผุดออกมา อุบัติอานุภาพชั้นเลิศที่กำราบกาลนิรันดร์

ทันใดนั้นฟ้าดินแถบนี้พังถล่ม อึงอลไม่หยุด

สิ่งที่ทำให้ชายชุดเขียวสีหน้าไม่น่าดูก็คือ แม้จะเรียกประทับมรรคสยบอากาศศาสตราจักรพรรดิบริสุทธิ์ของตนออกมาแล้ว แต่กลับยังถูกขวางไว้

ต่อสู้มาจนถึงตอนนี้ ไม่มีความคืบหน้าแม้แต่น้อย!

สัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างพวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงที่จับตามองการต่อสู้นี้ต่างล้วนตกตะลึง นี่คือพลังต่อสู้ที่มหาจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งสามารถครอบครองได้หรือ

ช่างทำให้คนคลุ้มคลั่งจริงๆ!

ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน อย่าว่าแต่เคยเห็น ไม่เคยได้ยินด้วยซ้ำว่ามีมกุฎมหาจักรพรรดิคนใดเย้ยฟ้าถึงขนาดนี้

กลางห้วงอากาศ หลินสวินตัวคนเดียวเข้าปะทะบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่ง ไม่เพียงไม่เคยถูกกดดัน กลับปรากฏสถานการณ์สูสีอยู่รางๆ!

นี่ทำให้พวกหวงชางเทียนตะลึงงัน มองจนตาลาย นี่ทึ่งเกินไป ในปัจจุบันพวกเย้ยฟ้าปานปีศาจไร้เทียมทานเช่นนี้ สามารถทำให้คนตกใจตายได้จริงๆ!

ถึงอย่างไรการใช้พลังปราณระดับจักรพรรดิขั้นสามต่อสู้อย่างสูสีกับเฒ่าดึกดำบรรพ์ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งได้ ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยมีมาก่อน

“เดรัจฉาน! ยังไม่มารับความตายอีก!”

ทันใดนั้นเฒ่าชราคนหนึ่งตะโกนอย่างเดือดดาล พลันเข้าร่วงมการต่อสู้ ควบคุมขวดหยกฟ้าครามราวกับเทพวารี วารีดำลึกลับมากมายพรั่งพรูประหนึ่งธารดาราม้วนพัดจักรวาล หมายจะสังหารหลินสวิน

เฒ่าชราคนนี้คือระดับมกุฎจักรพรรดิขั้นแปด คอยช่วยเหลืออยู่ข้างกายไป๋หลิงเจินมาโดยตลอด ตอนนี้ก็รับคำสั่งไป๋หลิงเจินให้มาช่วย

“สุนัขเฒ่า การต่อสู้ครั้งนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์เข้าร่วม!”

หลินสวินหลุดขำออกมา กระบี่มรรคหนึ่งเดียวส่องแสง ปลดปล่อยประกายศักดิ์สิทธิ์มากมายฟันสังหารเข้าไปอย่างรุนแรง

หนึ่งกระบี่ทะยาน จักรวาลเปลี่ยนสี เทพผีล้วนตะลึง

ตูม โครม!

ก็เห็นปราณกระบี่ไร้เทียมทานนั่นบดขยี้ห้วงอากาศอย่างแข็งกร้าว พุ่งพรวดออกมา เสียงพรูดดังขึ้นคราหนึ่ง ฟันแขนขวาของเฒ่าชราผู้นั้นออกตรงๆ!

แสงเลือดสะดุดตาพุ่งขึ้นฟ้า เฒ่าชราร้องโหยหวน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง คิดไม่ถึงว่าเพิ่งพุ่งเข้าไป ตนกลับได้บาดเจ็บภายใต้น้ำมือเจ้าหนุ่มคนหนึ่ง

อันที่จริงหากไม่ใช่เพราะชายชุดเขียวสกัดไว้ แค่หนึ่งกระบี่นี้ก็สามารถเอาชีวิตเขาได้แล้ว!

“ไสหัวไป!”

ชายชุดเขียวตะโกน ยิ่งเดือดดาลกว่าเดิม เดิมทีเขาก็รู้สึกขายหน้าพออยู่แล้ว ดันยังมีคนกระโดดมาช่วยเหลือ นี่คิดว่าด้วยพลังของเขาคนเดียวไม่สามารถกำราบสวะตัวจ้อยระดับจักรพรรดิขั้นสามได้หรือ

เฒ่าชราที่แขนขาดไปข้างหนึ่งสีหน้าซีดเซียว จะกล้าเข้ามายุ่งอีกได้อย่างไร หมุนตัวถอยออกจากสนามรบทันที

“ควรจัดการได้แล้ว”

ชายชุดเขียวสูดหายใจลึกคราหนึ่ง รอบตัวปลดปล่อยกระแสแสงมรรคน่ากลัวยิ่งยวดออกมา ควบรวมกลายเป็นโลกที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งหนึ่งรางๆ

เขาโมโหอย่างยิ่งแล้ว ตัดสินใจใช้อานุภาพแท้จริง รากฐานพลังที่หลินสวินสำแดงออกมาเย้ยฟ้าเกินไป หากวันนี้ไม่กำจัด บนโลกนี้ทั้งบนล่างย่อมไม่มีใครสามารถกำราบได้อีก!

ชั่วขณะนี้เขาไม่กล้าออมมืออีก

“ไป!”

ชายชุดเขียวสองมือทำมุทรา หนวดเคราเผ้าผมพลิ้วไหว อานุภาพของประทับมรรคสยบอากาศทะยานขึ้นทันใด ลุกโชนดุจตะวันเจิดจ้าดวงหนึ่ง คลื่นพลังที่น่าหวาดหวั่นยิ่งซัดโหมแปดทิศราวกับพายุกระโชก

ชั่วขณะนี้พวกซี ต้าหวง ซย่าจื้อ หวงชางเทียนต่างอดหวั่นไหวไม่ได้ ในใจเกิดความกังวล

“ก่อนหน้านี้เพื่อจับเป็นเจ้าหนุ่มนี่ผู้อาวุโสสามจึงออมมือมาโดยตลอด ตอนนี้… ไม่แล้ว!”

ไป๋หลิงเจินสีหน้าเย็นชา

นักหลอมอาวุธที่เป็นดั่งตำนานคนหนึ่ง พลังต่อสู้ยังเย้ยฟ้าได้ถึงขนาดนี้ นี่ก็เหมือนปีศาจหนึ่งเดียวในโลก ทำให้ไป๋หลิงเจินยังเกิดไอสังหารรุนแรง

ตูม!

ประทับมรรคสยบอากาศพุ่งออกมา อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาทำให้หลินสวินกดดันขึ้นเป็นเท่าตัว

แต่เขากลับไม่กลัว ตรงข้ามยิ่งต่อสู้ยิ่งห้าวหาญ ต้นกำเนิดมรรคดั้งเดิมในร่างพลุ่งพล่าน อานุภาพเพิ่มขึ้นมากเพราะเหตุนี้

โดยเฉพาะการดำรงอยู่ของเตากระบี่หนึ่งเดียว ทำให้เขาปลดปล่อยพลังแท้จริงออกมาได้ถึงขีดสุด ยิ่งต่อสู้ในใจยิ่งเหมือนเพลิงศึกลุกโชน รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ฝีมือการต่อสู้ยิ่งเฉียบคมและดุดันขึ้นเรื่องๆ

ทันใดนั้นหลินสวินคำรามดังลั่นประหนึ่งมังกรครวญเสือคำราม ผมยาวแผ่สยาย กายมรรคทั้งห้าก็ทะยานออกมาในตอนนี้ กระตุ้นกระบี่มรรคเหมือนกับร่างต้น

สวบ!

ปราณกระบี่สายหนึ่งโฉบพุ่งออกไป สำแดงอานุภาพของ ‘ไปไร้หวน’ ถึงขีดสุด

ก็เห็นปราณกระบี่สายนั้นแฝงไว้ซึ่งเจตกระบี่ไร้ที่สิ้นสุด กรีดทำลายเวิ้งฟ้าทั้งแถบ คมกริบบาดตา ในสายตาทุกคนก็เหมือนอสนีบาตหนาใหญ่กรีดผ่านอากาศไป รุนแรงหาใดเปรียบ

ปัง!

ประทับมรรคสยบอากาศถูกผ่าจนกระเด็น เสียงครวญสะเทือนหู

เงาร่างของชายชุดเขียวโซเซ ถึงกับถูกอานุภาพของกระบี่นี้ซัดถอยออกไปหลายก้าว

ชั่วขณะเดียวสีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นแตกตื่น เดือดดาล อึ้งงัน ยากจะเชื่อ เหมือนคิดไม่ถึงว่าระดับบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างตน… กลับถูกระดับจักรพรรดิขั้นสามคนหนึ่งซัดถอยหลังได้!

ตูมโครม!

ฟ้าดินราวกับแตกแยก หลืนสวินอานุภาพอหังการ ร่างต้นและร่างแยกทั้งห้าออกโจมตีพร้อมกัน กระบี่มรรคฟาดฟัน สังหารได้ทุกสิ่ง

ชั่วพริบตาเท่านั้นชายชุดเขียวถูกซัดถอยเป็นครั้งที่สอง

ในที่นั้นมีเสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น เสียงสูดหายใจสะท้านยิ่งดังไม่ขาดสาย

การต่อสู้ก่อนหน้านี้ยังเรียกได้ว่าฝีมือสูสี ทว่าตอนนี้หลินสวินกลับมีท่าทีโต้กลับอยู่รางๆ ซัดบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างต่อเนื่อง!

นี่น่ากลัวเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย!

ก็เห็นในสนามรบเจตกระบี่พุ่งยิง ปราณกระบี่แต่ละสายทะลวงจักรวาล สำแดงนัยเร้นลับมหามรรคอันไม่มีที่สิ้นสุด เบ่งบานกลางฟ้า ส่องสว่างภูผาธาราหมื่นลี้

ประกายกระบี่สายแล้วสายเล่าพุ่งออกมาอย่างรุนแรง กดดันจนชายชุดเขียวจำต้องหลบหนี ดูสะบักสะบอมอย่างที่สุด

“รนหาที่ตาย!” ทันใดนั้นในหมู่บรรพจารย์จักรพรรดิห้าคนที่กำลังล้อมโจมตีซี ชายชุดเทาซึ่งร่างกายผอมซูมพุ่งออกมา โจมตีเข้าใส่หลินสวิน

แทบจะในเวลาเดียวกันหลินสวินก็ตะโกนออกมา “ซี!”

แค่คำเดียว ซีที่กำลังต่อสู้อย่างดุเดือดคล้ายเข้าใจดี ในดวงตางามเผยประกายเด็ดขาด

“ฟัน!”

หลินสวินไม่มองชายชุดเทาที่โจมตีมาด้วยซ้ำ ใช้ร่างต้นและร่างแยกทั้งห้ากระตุ้นกระบี่มรรคหนึ่งเดียวเต็มกำลัง ฟาดฟันออกไป

ไปไร้หวน!

ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าชั่วขณะที่ฟันกระบี่นี้ออกไป มีแสงมรรคคลุมเครือแปลกประหลาดสายหนึ่งแผ่ออกจากร่างหลินสวิน

และในพริบตานี้ ชายชุดเขียวที่คิดว่าหลินสวินจะสู้สุดชีวิตเผยรอยยิ้มชั่วร้ายเหี้ยมโหด หมายจะเข้ากำราบหลินสวินพร้อมกับชายชุดเทาที่อนยู่ห่างออกไป

ทว่าก็เป็นชั่วพริบตานี้ที่อภินิหารหยุดเวลาปลดปล่อยออกมา…

ฟุ่บ!

เมื่อกระบี่มรรคหนึ่งเดียวฟันลงมา กระแสปราณกระบี่ไพศาลก็ฟันร่างชายชุดเขียวเป็นสองท่อน!

และพร้อมๆ กับปราณกระบี่อหังการนั้น ร่างของระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่ประหนึ่งยักษ์ใหญ่เทียมฟ้าก็ถูกทำลาย กลายเป็นเถ้าถ่านล่องลอย

ฝนเลือดไหลสาด การหล่นร่วงของบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งสะท้านสะเทือนทุกคนในที่นั้น

ทว่าก็ตอนนี้เอง ในอีกจุดหนึ่งเฒ่าชราชุดเทาที่แยกตัวมาโจมตีหลินสวิน เงาร่างล้วนแหลกละเอียดทุกกระเบียดกลางอากาศ จากนั้นกลายเป็นควันพวยพุ่งหายไป

ด้านหลังเขาไม่รู้ว่าซีมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ เสื้อผ้าสะบัดพลิ้ว กฎเกณฑ์ตัดสลับ เงาร่างสง่างามโดดเด่น

หรือก็คือ หลินสวินและซีแยกกันสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิในเวลาเดียวกัน!

ตั้งแต่เปิดศึกมา นี่เป็นครั้งแรกที่ระดับบรรพจารย์จักรพรรดิร่วงหล่น อีกทั้งยังตายพร้อมกันสองคน

สนามรบที่เดิมทีต่อสู้กันอย่างดุเดือดล้วนเงียบกริบลงในชั่วขณะนี้ ความสะท้านสะเทือนไร้รูปกลบจิตใจของบรรพจารย์จักรพรรดิเหล่านั้นราวกับกระแสน้ำ

ไม่ว่าศัตรูหรือฝั่งตนล้วนตะลึง!

“นี่เป็นไปได้อย่างไร” ไป๋หลิงเจินสีหน้าเปลี่ยนไป ตาแทบถลน ใบหน้าชราเขียวคล้ำไม่น่าดู

บรรพจารย์จักรพรรดิสองคนที่ร่วงหล่นล้วนมาจากเผ่าเสือขาวของพวกเขา ความสูญเสียระดับนี้ทำให้ใจเขาแทบหลั่งเลือด

“ฆ่า!”

และฉวยโอกาสนี้ หลินสวินก็โจมตีเข้าใส่ไป๋หลิงเจิน อานุภาพดุดันรุนแรง ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายอหังการอันน่าตะลึง

ในเวลาเดียวกันซีก็เปิดฉากตอบโต้อันแข็งแกร่งหาใดเปรียบ เงาร่างพริบไหว ทวนศึกที่ประหนึ่งพลังระเบียบพลันควบรวมในฝ่ามือ โจมตีเข้าใส่อู่ซิวสิงที่อยู่อีกทาง

นางกับหลินสวินร่วมมือกันอย่างรู้ใจ คนหนึ่งเล็งไป๋หลิงเจิน อีกคนจับจ้องอู่ซิวสิง ล้วนรู้ชัดว่าขอเพียงจับหัวหน้าเผ่าสองคนนี้ได้ สถานการณ์การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง!

ตูม!

เตากระบี่หนึ่งเดียวพรั่งพรูประกายศักดิ์สิทธิ์มากมาย เมื่อหลินสวินต่อสู้ กระบี่มรรคภายในล้วนสาดปราณกระบี่ออกมาเป็นระลอกคลื่น ทำให้ฟ้าดินปั่นป่วนทรุดทลาย!

ตอนนี้ไป๋หลิงเจินกำลังสู้กับหวงชางเทียนอย่างดุเดือด ยามสังเกตเห็นภาพนี้ก็หลบหลีกอย่างไม่ลังเล ไม่ได้ไปปะทะ

การตายของชายชุดเขียวซึ่งมีพลังปราณระดับบรรพจารย์จักรพรรดิ ทำให้เขาตระหนักได้ถึงความแข็งแกร่งของหลินสวินยิ่งยวด จะกล้าไปปะทะซึ่งหน้าอีกได้อย่างไร

หลินสวินย่อมไม่มีทางให้อีกฝ่ายหลบไปเช่นนี้ เมื่อความคิดขยับไหว ปราณกระบี่ไท่เสวียนไร้สิ้นสุดพลันแผ่ออกมา กลายเป็นอานุภาพปกฟ้าคลุมดิน ปกคลุมพื้นที่แห่งนี้

ไป๋หลิงเจินหน้าเปลี่ยนสีไป ส่งเสียงตะโกนพลางกวัดแกว่งดาบในมือ ฟันอย่างเกรี้ยวกราด พยายามทำลายการปิดล้อม หมายจะออกจากวงล้อมไป

ตูม!

เสียงปะทะประหนึ่งฟ้าถล่มดินทลายดังขึ้น ในประกายแสงที่แผ่พุ่งไร้สิ้นสุด ก็เห็นไป๋หลิงเจินถูกปราณกระบี่สายแล้วสายเล่าซัดจนจมูกปากหลั่งเลือด เงาร่างเซถอย ได้รับบาดเจ็บสาหัสในทันที

“ตาย!”

หลินสวินโจมตีมาอีกครั้ง เร็วจนเหลือเชื่อ หมายจะสังหารไป๋หลิงเจินในคราเดียว

ฟุ่บ!

ทว่าก็เป็นตอนนี้เอง จู่ๆ ประทับฝ่ามือหนึ่งควบรวมกลางอากาศ ตบเข้าใส่หลินสวินอย่างรุนแรงราวกับดวงอาทิตย์เจิดจ้า

เป็นบรรพจารย์จักรพรรดิคนหนึ่งลงมือ!

และในเวลาเดียวกัน บรรพจารย์จักรพรรดิอีกคนปรากฏตัวข้างกายไป๋หลิงเจิน พาเขาหลบหนีออกไปไกลจากจุดเดิมในทันที

ปัง!

หลินสวินถูกประทับฝ่ามือที่รุนแรงนั่นซัดจนเลือดลมรอบกายพลิกตลบ ไม่อาจไม่หลบหลีก

ทว่าไป๋หลิงเจินซึ่งหนีตายมาได้ยังไม่ทันถอนหายใจโล่งอก ในสนามรบที่ห่างออกไปมีเสียงโหยหวนน่าสลดยิ่งเสียงหนึ่งดังขึ้น

………………………

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท