Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2299 เจ้าโง่

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2299 เจ้าโง่

ตอนที่ 2299 เจ้าโง่

ควรรู้ว่ากายเนื้อมรรคจักรพรรดิของหลินสวินแข็งแกร่งดั่งทองเทพ ศาสตราจักรพรรดิทั่วไปโจมตีเข้ามาล้วนสะท้อนกลับจนแหลกละเอียด

แต่วันนี้ร่างกายของเขากลับได้รับบาดเจ็บ!

แต่ละภาพนี้ทำเอาผู้คนอกสั่นขวัญหาย

ไม่อาจไม่พูดว่าลักษณะการจู่โจมอันดุดันของลั่วเฉินน่ากลัวเกินไปจริงๆ ใช้กระบี่เทพสีเขียวฟันฟ้ากว้างพังทลายไม่หยุดหย่อน ห้วงอากาศดุจกระดาษเปื่อยไม่อาจทนการโจมตี

ทุกครั้งที่แสงกระบี่ฟันลงมา ตรงนั้นล้วนระเบิดกระจุย การจู่โจมยิ่งยวดเช่นนี้จะมีสักกี่คนที่ต้านได้

ถ้าคนรุ่นเดียวกันทั่วๆ ไปประมือ เกรงว่าคงถูกสังหารคาที่ทันที!

เฒ่าดึกดำบรรพ์อย่างไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างดูจนสูดหายใจสะท้าน ตกตะลึงตาค้าง

สามวันก่อนภาพหลินสวินกรำศึกกับบรรพจารย์จักรพรรดิยังติดตาอยู่ แต่ตอนนี้กลับบาดเจ็บเสียแล้ว น่าตะลึงนัก

คนเผ่าหงส์เซียนอย่างพวกหวงชางเทียนสีหน้าตึงเครียด ยิ่งรู้สึกว่าตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งยากหยั่งถึง มียอดอัจฉริยะอยู่ อย่างลั่วเฉินคนนี้ก็น่ากลัวเกินไปแล้ว!

แน่นอนว่าทุกคนต่างมองเห็นอย่างฉับไวเช่นกันว่าลั่วเฉินก็ได้รับบาดเจ็บแล้ว สีหน้าเขาซีดลงเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแน่น มีคราบเลือดไหลออกมาจากมุมปากเป็นสายๆ

เขากำลังฝืนไม่ให้กระอักเลือดออกมา ความจริงแล้วได้รับบาดเจ็บไปแล้ว

ครั้นเห็นภาพนี้ ในที่สุดลั่วซิงเฟิงก็หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย ลั่วเฉินที่มีพลังระดับจักรพรรดิขั้นสี่ เดิมทีรากฐานพลังก็เย้ยฟ้าอยู่แล้ว แต่ตอนนี้กลับได้รับบาดเจ็บหรือ

นี่เป็นเรื่องที่เขาคิดไม่ถึงเด็ดขาด

ตูม!

การจู่โจมของหลินสวินเปลี่ยนไปทันที ไม่ได้รับมือตามกระบวนท่าอีก เริ่มเป็นผ่ายรุก แต่ละหมัดล้วนดุดันยิ่งขึ้น อหังการยิ่งขึ้น ประจันหน้ากับกระบี่เทพเล่มนั้น ต่อให้ร่างกายมีแผลแตก มีเลือดหลั่งริน ก็ยังจู่โจมอย่างดุดันเช่นเคย

พลังหมัดสายแล้วสายเล่านั้นไพศาลแกร่งกล้า กำลังจะใหญ่เท่าภูเขาแล้ว แสงหมัดมีแสงมรรคไหววูบ ทั้งยังปกฟ้าคลุมดิน ถล่มใส่ศัตรูที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

พรวด!

ในที่สุดลั่วเฉินก็ทนไม่ไหว ถูกแสงหมัดโจมตีจนกระอักเลือดคำใหญ่ ร่างกายสั่นไหว

“ฆ่า!”

หลินสวินตวาด เสียงของเขาเหมือนสายฟ้าฟาด ทำให้ห้วงอากาศส่งเสียงระงม หมัดยิ่งพร่างพราว ประหนึ่งค้อนเทพสองเต้ากำลังทุบเก้าฟ้าสิบแผ่นดินอยู่ตรงนั้น!

ซี ต้าหวงล้วนลอบถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ นี่… จึงจะเป็นความสามารถที่แท้จริงของหลินสวิน! การต่อสู้ก่อนหน้านี้เหมือนเป็นการหยั่งเชิงที่ยั้งมือไว้ถึงที่สุด

“นี่…”

พวกสัตว์ประหลาดเฒ่าอย่างไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงอ้ำอึ้ง รู้สึกสั่นสะท้านจนพูดไม่ออก

ความจริงแล้วพวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยปากอีก กลัวว่าจะยั่วให้ลั่วซิงเฟิงที่อยู่ข้างกายโมโห

เพราะสีหน้าลั่วซิงเฟิงในตอนนี้ปรากฏแววอึมครึมที่ยากสังเกตเห็นไปแล้ว

หลินสวินได้รับบาดเจ็บ เขาไม่สนใจ แต่ลั่วเฉินได้รับบาดเจ็บ กลับทำให้เขาประหลาดใจนัก ถึงกับไม่อาจรับได้อยู่บ้าง

นี่เป็นถึงมหาจักรพรรดิซึ่งโดดเด่นที่สุดในหมู่คนรุ่นหลังของตระกูลลั่วของพวกเขา ด้านพลังปราณเหนือกว่าคู่ต่อสู้ขั้นหนึ่ง จะได้รับบาดเจ็บได้อย่างไร

“อึก!”

ไม่นานลั่วเฉินก็ทนไม่ไหว กระอักเลือดแดงสดหาใดเทียบอีกครั้ง ย้อมท้องฟ้าให้เป็นสีแดง ร่างของเขาก็ไหวโคลงไปครู่หนึ่ง

แต่ในขณะเดียวกันรอยกระบี่หลายรอยก็ปรากฏขึ้นบนร่างหลินสวิน!

รอยหนึ่งในนั้นลึกจนเห็นกระดูกแล้ว พอจะเห็นกลายๆ ว่าในรอยเลือดมีสีขาวนิดๆ นั่นคือกระดูก

ทุกคนถึงตระหนักได้ว่าพวกเขาทั้งสองล้วนได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เรียกได้ว่าเจ็บกันทั้งคู่ ไม่ว่าใครต่างไม่อาจได้เปรียบ

ชั่วพริบตาทั้งสองก็ถึงกับสู้เอาเป็นเอาตายเป็นร้อยกระบวนท่า ไม่อาจตัดสินแพ้ชนะ ร่างกายมีแต่รอยแผล

“ไม่เลว เจ้าควรค่าให้ข้าให้ความสำคัญแล้ว ต่อไปข้าจะให้เจ้าได้ประจักษ์เสียหน่อยว่าอะไรเรียกยอดวิชาที่แท้จริง!”

ลั่วเฉินแววตาลุ่มลึกเย็นชาจนน่ากลัว เสียงยังคงเรียบสงบดังเดิม

บนร่างเขามีเพลิงสีเขียวโชติช่วงลุกโหม พลังนิพพานอุบัติ บาดแผลของเขาสมานกันอย่างรวดเร็วจนน่าเหลือเชื่อ

ชั่วพริบตาถึงกับฟื้นสภาพดังเดิม!

ไม่เห็นอาการบาดเจ็บใดๆ สักนิด อานุภาพยิ่งแข็งแกร่งกว่าก่อนหน้านี้!

ภาพนี้ทำให้คนที่เห็นตกตะลึงอ้าปากค้าง เพียงชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้น สภาพทั้งร่างเขาก็กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง น่ากลัวยิ่งกว่าตอนที่สภาพบริบูรณ์ไร้บาดแผลเสียอีก

นี่ยังจะสู้กันอย่างไร จะไปประลองชี้เป็นชี้ตายกับเขาได้อย่างไร

ครอบครองวิชาลับเช่นนี้ ลั่วเฉินแทบไม่มีทางพ่ายแพ้ เพราะต่อให้ได้รับบาดเจ็บก็จะฟื้นตัวกลับมาได้ทันที สามารถคืนสภาพได้อย่างรวดเร็ว รักษาสภาพที่ดีที่สุดได้ตั้งแต่เริ่มจนจบ

และไม่ว่าใครจะที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาต่างล้วนต้องปวดหัว มองเห็นความหวังที่จะชนะได้ยากนัก!

ซ่า!

ทรายทองกระเพื่อมไหว แสงมรรคพวยพุ่ง ภายใต้สายตาตกตะลึงของทุกคน หลินสวินก็เปลี่ยนไป อาการบาดเจ็บที่ได้รับบนผิวหนังสมานกันดังเก่า อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาก็เปลี่ยนเป็นน่ากลัวยิ่งกว่าก่อนหน้านี้เช่นกัน

“หือ?”

หลายคนตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตะลึง

นี่เป็นนัยเร้นลับกฎเกณฑ์ไร้มรณะ อันที่จริงปีนั้นที่หลินสวินครอบครองมหามรรคนี้ จุดสำคัญอย่างแรกสุดที่หยั่งถึงก็คือการฟื้นฟูพลังชีวิต สำแดงลักษณะพิเศษไร้มรณะไม่เสื่อมสลาย

เพียงแต่ในหลายปีมานี้เขาได้ใช้น้อยครั้งนัก

ลั่วเฉินก็อึ้งไปเช่นกัน แค่นหัวเราะหยันทันที จิตต่อสู้โชติช่วงอย่างไม่เคยมีมาก่อนปะทุขึ้นในดวงตา

“โอม!”

เขาเปล่งเสียงมรรคคลุมเครือ เบื้องหลังมีเพลิงดาราสีเขียวงดงามตระการตาแถบหนึ่งอุบัติขึ้น แปรเป็นโลกวังวงแห่งหนึ่ง เพลิงดาราทับซ้อนเป็นทบๆ หมุนวนพวยพุ่ง เกิดเป็นพลังแผดเผาบิดเบี้ยวอันน่ากลัว

ชั่วพริบตาฟ้าดินบิดเบี้ยว ทั้งโลกเหมือนจะพลิกคว่ำลงมา หมายปั่นป่วนจักรวาล หยินหยางพลิกกลับ!

หลายคนต่างอุทาน นี่เป็นพลังพรสวรรค์มหามรรค! ทั้งยังเป็นพรสวรรค์ที่น่ากลัวหาใดเทียบด้วย!

เฒ่าดึกดำบรรพ์มากมายตะลึงงัน ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งยอดเยี่ยมดังคาด น่าตื่นตะลึงเกินไปแล้ว

สิ่งที่เรียกว่าวังวนวิญญาณเพลิงดารา คือการชักนำด้วยเพลิงดาราจักรวาล แปลงเป็นวังวนปั่นป่วน หมายจะคว่ำฟ้าดินแห่งนี้ อานุภาพที่เกิดขึ้นสามารถบดขยี้สิ่งมีชีวิตทั้งปวงที่ถูกตลบเข้ามาในวังวน ทำลายพลังชีวิตจนสิ้น อหังการหาใดเทียบเป็นที่สุด!

ทันใดนั้นหลินสวินเหมือนจอกแหนกลางคลื่นคลั่ง พลังกับอานุภาพที่สำแดงออกมาต่างมีเค้าลางถูกเหนี่ยวรั้ง เสียการควบคุมอยู่กลายๆ

พวกซี ต้าหวงต่างนัยน์ตาหดรัด ความเปลี่ยนแปลงนี้เร็วเกินไปแล้ว ทำให้พวกเขายังไม่อาจสงบใจได้

ครืนโครม!

แล้วก็เห็นว่าสองมือของหลินสวินต้านและโจมตีไม่หยุด ร่างกายมีแสงเทพแสงมรรคบาดตาถาโถม อานุภาพเรียกได้ว่าแข็งแกร่ง

แต่พลังของวังวนวิญญาณเพลิงดารานั้นน่ากลัวยิ่งกว่า ทำให้ฟ้าดินบิดเบี้ยว จมสู่ความวุ่นวายปั่นป่วน พลังบดขยี้เกรียงไกร ดั่งมหานทีถาโถม ดุจภูผาธาราคำรน ม้วนตลบฟ้าสูงกลบท้องนภา

ทุกคนมองจนจิตใจสั่นระรัว แข็งแกร่งเกินไปแล้ว ลั่วเฉินที่สู้เต็มกำลังเป็นดั่งทวยเทพไร้ศัตรูใดเทียบเทียม โอหังเหนือจักรวาล

เห็นดังนี้ลั่วซิงเฟิงจึงพยักหน้า สีหน้าคลายลง เผยยิ้มน้อยๆ อย่างภูมิใจ วังวนวิญญาณเพลิงดารา สมเป็นรากฐานพรสวรรค์สูงสุด

“นี่เพิ่งเริ่มเท่านั้นเจ้าก็รับไม่ไหวแล้วหรือ” ลั่วเฉินเอ่ยปากเย็นชา เผยความอหังการ

ชุดขาวทั้งตัวเขาไหวกระพือ รูปลักษณ์สง่างาม มีท่วงท่าไร้เทียมทาน

บัดนี้พลังทั้งหมดของเขาสำแดงออกมา แข็งแกร่งจนน่ากลัว ทำให้ทุกคนประหวั่นพรั่นพรึง ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่นคงถูกขยี้แหลกไปแล้ว

หลินสวินเป็นฝ่ายรับอย่างเห็นได้ชัดเช่นกัน ประหนึ่งจอกแหนบนมหาสมุทรที่มีลมฝนบ้าคลั่ง จะถูกฉีกกระจุยเมื่อไรก็ได้

“อย่าลำพองไวเกินไป”

ที่เกินความคาดหมายของทุกคนคือภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หลินสวินกลับสงบนิ่งดังเก่า สุขุมเยือกเย็น มือทั้งสองของเขาทำมุทราต่อเนื่อง สำแดงมรรคและวิชาของตนไม่หยุด

แม้ตกเป็นฝ่ายรับ กลับไม่อาจทำอะไรเขาได้ในเวลาสั้นๆ

นี่ทำให้ลั่วเฉินนิ่วหน้า การจู่โจมยิ่งโหดเหี้ยมดุดัน

พลังเทพปั่นป่วน กฎเกณฑ์นับไม่ถ้วนแปลงเป็นสุริยันจันทราดาราเต็มฟ้าระหว่างคนทั้งคู่

ที่นี่กลายเป็นฟ้าดินแห่งระเบียบมรรค ปะทะกันไม่ว่างเว้นราวกับดาราดวงใหญ่ดวงแล้วดวงเล่าพังทลาย สะท้านฟ้าสะเทือนดิน สถานการณ์น่าตกตะลึง

ไม่นานนักทุกคนก็พบว่าแม้หลินสวินจะเป็นฝ่ายตั้งรับ แต่ลั่วเฉินกลับยังไม่อาจเอาชนะเขาได้เสียที จะสังหารยิ่งไม่ต้องพูดถึง

“เจ้าหนุ่มนี่แข็งแกร่งผิดธรรมดาจริงๆ” ลั่วซิงเฟิงนิ่วหน้า เดิมเขานึกว่าลั่วเฉินจะชนะแล้ว

แต่สู้กันจนถึงตอนนี้ ลั่วเฉินเองก็คล้ายจะหมดความอดทน ไม่อยากพัวพันอยู่แบบนี้อีก พลันส่งเสียงตวาดลั่น ผมทั้งหัวชูตั้ง ตัวเขาเหมือนลุกโชน มีเพลิงมรรคดารามากมายปรากฏ สว่างจ้าไปทั้งเก้าชั้นฟ้า

อานุภาพเช่นนั้นทำให้ทุกคนอดสั่นขวัญหาย เพราะกลิ่นอายที่เผยออกมาน่ากลัวเกินไป ทำให้คนยากจะเชื่อ ดุร้ายจนน่าหวาดหวั่น ร้ายกาจจนผยองคับฟ้า!

“ตาย!”

เขาพลันชกหมัดหนึ่งออกไป เปลวเพลิงดารามากมายซัดสาด แปลงเป็นประทับหมัดสุริยันตระการตา ทันทีที่ปรากฏฟ้าดินแห่งนี้ก็เหมือนถูกหลอมเหลว ห้วงอากาศฉีกออกเป็นหลุมดำนับไม่ถ้วน พลังแผดเผาอันน่ากริ่งเกรงอาละวาด ทำให้เฒ่าดึกดำบรรพ์มากมายยังหวั่นใจ

หมัดนี้เหมือนจะเปิดกระชากจักรวาล เผาสรรพสิ่งในนั้น มีอานุภาพไร้เทียมทานประหนึ่งทำลายล้างโลก!

พวกซี ต้าหวงต่างจิตใจเครียดเกร็ง

พวกไป๋หลิงเจิน อู่ซิวสิงต่างสั่นสะท้าน ถ้าไม่ได้เห็นในวันนี้ พวกเขาย่อมไม่กล้าเชื่อว่าระดับมกุฎมหาจักรพรรดิขั้นสี่คนหนึ่งจะปลดปล่อยอานุภาพเย้ยฟ้าเช่นนี้ได้!

หมัดนี้ ถึงกับทำให้พวกเขายังรู้สึกถึงอันตราย!

“ไม่เลว”

แววตาลั่วซิงเฟิงมีแววประหลาด ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มพึงพอใจ

ปึง!

ก็เห็นว่าหมัดนั้นทะยานกึกก้อง ยามอยู่ห่างจากหลินสวินไม่กี่จั้ง พลันกลายเป็นละอองแสงไหวเคลื่อนกระจัดกระจายดังฟู่แล้วสลายไป พัดให้เสื้อผ้าหลินสวินไหวกระพือ แต่กลับไม่ได้รับบาดเจ็บสักนิด

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

ทุกคนงุนงง เกือบสะดุ้งโหยง

ลั่วซิงเฟิงก็ผงะไปครู่หนึ่งเช่นกัน รอยยิ้มที่เพิ่งปรากฏบนใบหน้าแข็งค้าง

แม้แต่ลั่วเฉินยังเผยสีหน้ายากจะเชื่อคล้ายถูกสายฟ้าฟาด การโจมตีเต็มกำลังที่ตนมั่นใจที่สุดเชียวนะ! ทำไม… ทำไมถึงอ่อนแอปานนี้

และตอนนี้เองเงาร่างหลินสวินก็หายไปจากที่เดิมแล้ว ปรากฏตัวตรงหน้าลั่วเฉินอย่างรวดเร็ว ถือโอกาสตอนที่ดวงตาของอีกฝ่ายฉายแววเหม่อลอยนั้นกดฝ่ามือลงไป

ลั่วเฉินตะโกนลั่น ต้านทานเต็มกำลัง ประกายน่ากลัวฉายวาบในแววตา

แต่ตอนนี้มรรควิถีและพลังที่ถูกเขาโคจรถึงขีดสุดกลับเหมือนกระดาษเปื่อย ถูกฝ่ามือเดียวของหลินสวินตบแหลก ละอองแสงสาดกระเซ็น

เทียบกับเมื่อครู่แล้ว อานุภาพฝ่ามือนี้ของหลินสวินแข็งแกร่งยิ่งกว่าเท่าตัว!

แย่แล้ว!

ลั่วเฉินสะดุดกึกในใจ หน้าเปลี่ยนสีโดยสิ้นเชิง ตระหนักได้ว่าเป็นไปได้สูงยิ่งที่ตนจะติดกับแล้ว

แต่ตอนที่เขาอยากจะหลบอีกครั้ง คอของเขาก็ถูกมือใหญ่ของหลินสวินที่ยื่นออกมานั้นบีบไว้ทันที หิ้วอยู่ในมือเหมือนลูกเจี๊ยบ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและกะทันหันเกินไป อย่าว่าแต่พวกซี ต้าหวงที่คิดไม่ถึง บุคคลอย่างลั่วซิงเฟิงยังไม่ทันตั้งตัว

เมื่อพวกเขาได้สติกลับมา มหาจักรพรรดิที่โดดเด่นในหมู่คนรุ่นเยาว์ตระกูลลั่วอีกฟากฝั่งอย่างลั่วเฉิน ก็ถูกหลินสวินจับไว้มั่นแล้ว!

ในขณะเดียวกันเมื่อสบกับสายตาเคียดแค้นโกรธเกรี้ยวของลั่วเฉิน หลินสวินก็หัวเราะเบาๆ อย่างอดไม่ได้

“เจ้าโง่ การต่อสู้เมื่อกี้ก็แค่เล่นเป็นเพื่อนเจ้าเท่านั้น”

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท