Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2305 ยันต์วิหคทองแดง

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2305 ยันต์วิหคทองแดง

ตอนที่ 2305 ยันต์วิหคทองแดง

ฟ้าถล่มดินทลาย กลิ่นคาวเลือดตลบอบอวล

ณ ที่นั้นเหลือเพียงจักรพรรดิธรรมเทียนตูผู้เดียว เขาสีหน้าคร่ำเคร่งยิ่ง แต่กลับไม่มีแววกระวนกระวาย

ผู้สืบทอดแดนกษิติครรภ์ ไม่ว่าพลังปราณจะสูงหรือต่ำต่างไม่กลัวความตาย ดังนั้นจึงทำให้ใต้หล้าเกรงกลัวพวกเขา

แต่ความสิ้นหวังเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่ดี

และหลินสวินก็ลงมือโดยไม่ยั้งมือแต่อย่างใด

สวบ!

ประกายกระบี่โชติช่วง สายรุ้งศักดิ์สิทธิ์ม้วนตลบท้องฟ้าอย่างกราดเกรี้ยว นำอานุภาพแข็งแกร่งเกินต้านทานฟันลงมา

จักรพรรดิธรรมเทียนตูพนมมือ ปากเอ่ยเสียงธรรม สีหน้าแน่วแน่ ร่างกายถึงกับมีเพลิงมรรคถาโถมโหมคลั่ง สะท้านฟ้าสะเทือนดิน

ท่ามกลางความคลุมเครือ ประหนึ่งมีสามพันนรกอุบัติ มีมุนินทร์บัญชาการอยู่บนนั้น ท่องสวดคัมภีร์เสียงธรรมดังก้องไปทั้งเก้าชั้นฟ้าสิบแผ่นดิน

พลังชำระล้างเผาโลกาอันน่าครั่นคร้ามแผ่ขยาย หมายจะยับยั้งกระบี่นี้

แต่พร้อมๆ กับเสียงดังเลื่อนลั่น เงาร่างมุนินทร์พังทลายไป เสียงธรรมขาดหาย ภาพสามพันนรกสลายราวกับฟองสบู่

จักรพรรดิธรรมเทียนตูเงยหน้าขึ้น เอ่ยเสียงขื่นว่า “มีหลินเต้ายวนอยู่… กษิติครรภ์… อันตรายแล้ว…”

ฟุบ!

ร่างของเขากลายเป็นเถ้าธุลีทุกกระเบียด ปลิวว่อนไปในความว่างเปล่า

เมื่อหลินสวินสะบัดแขนเสื้อก็กวาดทรัพย์หลังศึกในที่นั้นจนเกลี้ยง จากนั้นจึงจากไป หายลับไปในมหาสมุทรเลือดไร้สงบอันไร้ขอบเขตอย่างรวดเร็ว

……

แดนอำพรางก็เหมือนกับแดนลับแห่งหนึ่ง เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณสงบนิ่ง ตัดขาดจากโลกภายนอก

ปีนั้นที่หลินสวินเข้ามาที่นี่ ได้รู้เรื่องในอดีตบางประการของท่านลู่จากปากชิงอิง ได้รับคัมภีร์ลายมรรคที่ท่านลู่ทิ้งไว้ให้

และเป็นที่นี่ที่ทำให้หลินสวินมีโอกาสเข้าไปเคี่ยวกรำในนรกอำพราง ไม่เพียงแต่ได้แปรสภาพมรรควิถีของตนถึงขีดสุด ยังได้รับทวนไร้สวรรค์ รากปฐมจิตวิญญาณของไม้เทพคุนอู๋ วิญญาณกระบี่ที่เคยติดตามจักรพรรดิกระบี่ไท่เสวียนนไปกรำศึกอยู่นานปี…

และเป็นแดนอำพรางนี้เช่นกัน ที่ทำให้หลินสวินเข้าสู่แดนปรินิพพาน เปิดเส้นทางบรรลุมกุฎจักรพรรดิ…

หนึ่งก้านธูปผ่านไป

หลินสวินเข้าสู่แดนอำพราง ก็พบว่าทุกหนแห่งมีแต่ความชำรุดทรุดโทรมราวกับภาพซากปรักหักพัง กลิ่นควันเขม่ายังหลงเหลืออยู่ในอากาศ

นี่ทำให้หลินสวินจิตใจบีบคั้น

ไม่ต้องสงสัยเลยว่าก่อนหน้านี้มีการต่อสู้อันดุเดือดหาใดเทียบเกิดขึ้นในแดนอำพราง!

หลินสวินแผ่จิตรับรู้เข้าสำรวจ ไม่นานนักก็จับร่องรอยที่ต้าหวงทิ้งไว้ได้ และตามไปในทันที

ไม่นานเท่าไรหลินสวินก็ปรากฏตัวใกล้ทางเข้านรกอำพราง

‘เจ้าหนู รีบเข้ามาเถอะ’ แล้วก็ในตอนนี้เองเจตจำนงของต้าหวงก็ส่งออกมา

หลินสวินหรี่ตาลงเล็กน้อย ฟังน้ำเสียงเศร้าใจที่เจืออยู่ในเสียงของต้าหวงออก เขาไม่กล้าชักช้า ทะยานตัวเข้าไปในนั้น

นรกอำพรางชั้นสิบแปด

ที่นี่เคยเป็นสถานที่จำศีลของเจตจำนงเสี้ยวหนึ่งของจอมกระบี่จูคง ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยบรรยากาศเศร้าสร้อยอึดอัด

เพลิงเทพถาโถม ป้ายฝังศพสิบกว่าป้ายตั้งอยู่บนพื้น

เงาร่างต้าหวง ชิงอิงรวมถึงอีกหลายสิบร่างต่างยืนอยู่หน้าป้ายฝังศพ

เมื่อหลินสวินมาถึง ก็พบว่าป้ายฝังศพนั้นยังใหม่อยู่อย่างเห็นได้ชัด บนนั้นสลักอักษรจำนวนหนึ่ง รวมถึงวีรกรรมอันเรืองรองครั้งยังมีชีวิตอยู่

แววตาของชิงอิงเหม่อลอย ขอบตาแดงเรื่อ ใบหน้าขาวสะอาดงามล้ำมีแววเสียใจเจ็บปวด

สีหน้าของคนอื่นที่อยู่ใกล้เคียงก็เผยแววอ้างว้างเศร้าสร้อย

“เจ้าพวกนี้เป็นคนเก่าแก่ที่อยู่ในหอวิหคทองแดงทั้งนั้น ยามยังมีชีวิตอยู่ทุกคนต่างเป็นระดับจักรพรรดิที่สะท้านยุค หลายปีมานี้ติดตามนายท่านไปทุกที่ สร้างชื่อมากมาย…”

ต้าหวงเอ่ยปากเสียงต่ำลึก “แต่ไม่นานมานี้ เพื่อต้านศัตรูภายนอกที่บุกเข้ามาในแดนอำพราง พวกเขาแต่ละคน… ต่างประสบเคราะห์แล้ว…”

ดวงตาดำหลินสวินหดรัดเล็กน้อย จ้องป้ายหลุมศพเหล่านั้นแล้วเอ่ยว่า “เป็นสิ่งที่แดนกษิติครรภ์กับสำนักโบราณจรัสเทพทำหมดเลยหรือ”

ต้าหวงพยักหน้า แววชิงชังเข้ากระดูกดำเผยออกมาจากดวงตา “ความแค้นนี้จะต้องชำระด้วยเลือดสดๆ เป็นสิบเป็นร้อยเท่า!”

“คุณชาย ท่านกลับมาแล้ว” ตอนนี้ชิงอิงถึงคล้ายเพิ่งตื่นจากฝัน เห็นหลินสวินที่มาถึงเงียบๆ

นางสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง เก็บกลั้นความเศร้าที่อยู่ในใจ “ก่อนเจ้าหอวิหคทองแดงไป ได้สั่งไว้ว่าถ้าท่านกลับมาก็ให้มอบสิ่งนี้ให้ท่าน”

ขณะที่พูดนางแบมือขาวเปล่งปลั่งเรียวยาวออก ยันต์วิหคทองแดงที่สยายปีกกำลังจะโบยบินชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายลึกลับคลุมเครือ

“นี่คืออะไรหรือ” หลินสวินอึ้งไป

หลังจากชิงอิงส่งยันต์วิหคทองแดงให้หลินสวิน ก็เห็นว่าต้าหวงรวมถึงเงาร่างอื่นอีกหลายสิบร่างต่างหันมามองหลินสวิน และคารวะในยามนี้

“คารวะเจ้าหอ!”

“คารวะเจ้าหอ!”

“คารวะเจ้าหอ!”

…เสียงคารวะเสียงแล้วเสียงเล่าดังขึ้นอย่างพร้อมเพรียง ก้องสะท้อนในโลกของนรกอำพรางชั้นสิบแปดแห่งนี้

หลินสวินสั่นสะท้านในใจ รู้สึกไม่ทันตั้งตัว

ต้าหวงเอ่ยเสียงเข้ม “นานมาแล้วนายท่านได้ตั้งกฎไว้ว่า ผู้ถือยันต์นี้ก็คือเจ้าหอวิหคทองแดงคนใหม่ หลินสวิน เจ้าเป็นศิษย์น้องของนายท่าน ยันต์นี้ก็เป็นสิ่งที่นายท่านทิ้งไว้ให้เจ้า รับไว้เถอะ”

หลินสวินนิ่วหน้า “ตอนนี้ศิษย์พี่ยังอยู่ที่แหล่งสถานคุนหลุน ไม่รู้เป็นตาย ตอนนี้ข้าจะมาปกครองหอวิหคทองแดงแทนที่เขาได้อย่างไร”

ชิงอิงมอบม้วนหยกหนึ่งให้หลินสวิน “นี่เป็นสิ่งที่เจ้าหอวิหคทองแดงทิ้งไว้ให้ก่อนจะไปแหล่งสถานคุนหลุน”

หลินสวินเปิดดู บนม้วนหยกเขียนว่า

‘ศิษย์น้อง หลังจากศึกนี้ข้าปฏิบัติตนตามอาจารย์ ข้ามผ่านฟ้าดารา มุ่งหน้าสู่โลกฟากฝั่ง หอวิหคทองแดงเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้น ถ้าไม่มีคนสืบทอดคงทนไม่ได้ ขอวานให้ศิษย์น้องจัดการแทนไปก่อน วันหน้าถ้าหาผู้ที่สามารถสืบทอดตำแหน่งใหญ่ได้ก็มอบยันต์วิหคทองแดงให้เขาเสีย’

ลงชื่อ จ้งชิว

หลินสวินอึ้งไปทันที ทำหน้าไม่ถูก เหมือนไหล่ทั้งสองข้างของตนมีภาระไร้รูปร่างเพิ่มขึ้นมาอย่างเงียบเชียบอย่างหนึ่ง

“ศิษย์พี่ไม่ได้กำชับอย่างอื่นอีกหรือ” หลินสวินถาม

ชิงอิงเอ่ยเสียงเบา “สองปีก่อน เจ้าหอวิหคทองแดงออกจากการปิดด่าน จู่ๆ ก็ตัดสินใจว่าจะไปท้าสู้จักรพรรดิสวรรค์ดำรง คิดว่าโอกาสมาแล้วต้องถือโอกาสนี้สังหารจักรพรรดิสวรรค์ดำรง หาไม่รอให้พลังของจักรพรรดิสวรรค์ดำรงฟื้นคืนมา แพ้ชนะจะคาดเดาได้ยาก”

หลินสวินขมวดคิ้วแน่น อดกังขาไม่ได้ว่าหรือศิษย์พี่ไม่ได้หลอมพลังระเบียบแดนปรินิพพาน

ในใจเขามีข้อสงสัยมากมาย รู้สึกอยู่ตลอดว่าการตัดสินใจเมื่อสองปีก่อนของศิษย์พี่รองมีความฉุกละหุกอยู่

น่าเสียดาย พวกชิงอิงก็ไม่รู้แน่ชัด

จ้งชิวเป็นคนหยิ่งทระนงจองหองหาใดเทียบคนหนึ่ง หลังจากเขาตัดสินใจแล้วย่อมไม่อาจไปอธิบายให้คนอื่นฟัง

“หลินสวิน!”

ต้าหวงพลันตวาดลั่น “นี่มันเวลาไหนกัน เจ้ายังชักช้าลังเล ถ้านายท่านรู้ว่าเจ้ามีท่าทางแบบนี้จะไม่ปวดใจหรือ”

หลินสวินสูดหายใจเฮือกหนึ่ง มองดูต้าหวง แล้วก็มองดูพวกชิงอิง ก่อนเอ่ยว่า “ยันต์วิหคทองแดงนี้ข้ารับไว้แล้ว แต่ตอนนี้ข้าจะไม่สืบทอดตำแหน่งเจ้าหอวิหคทองแดง”

ต้าหวงพูดอย่างโมโหว่า “หรือเจ้ากลัวแล้ว เห็นว่าหอวิหคทองแดงตกต่ำถึงจุดนี้เลยไม่อยากมายุ่งกับของเละเทะนี่แล้วใช่ไหม”

ชิงอิงนิ่วหน้าเอ่ย “ต้าหวง เจ้าพูดแบบนี้ได้อย่างไร คุณชายเพิ่งกลับมา จู่ๆ ก็เจอเรื่องมากมายขนาดนี้จะตัดสินใจทันทีได้อย่างไร”

หลินสวินโบกมือพูดว่า “ชิงอิงไม่ต้องพูดแล้ว ต้าหวงเป็นห่วงเลยเข้ามายุ่ง ความรู้สึกของมันข้าเข้าใจ”

ต้าหวงเดินงุ่นง่าน เหมือนความคับข้องเต็มอกไม่มีที่ระบายออก “เพิ่งสามปีเท่านั้นก็เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้แล้ว ข้า… ข้าแทบอยากไปขยี้แดนกษิติครรภ์ ทำลายล้างสำนักโบราณจรัสเทพ!”

พูดจนจบมันก็คำรามออกมา

กลับมาคราวนี้ แรกสุดก็ได้ยินว่าเจ้าหอวิหคทองแดงกับจักรพรรดิสวรรค์ดำรงนัดสู้กันที่แหล่งสถานคุนหลุน จนตอนนี้เป็นตายมิอาจรู้ได้ จากนั้นก็ได้ยินเรื่องสถานการณ์ในโลกมืดเปลี่ยนแปลงวุ่นวาย สองยักษ์ใหญ่อย่างแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพโจมตีพื้นที่อาณาเขตหอวิหคทองแดง

จนกระทั่งกลับสู่แดนอำพรางแห่งนี้ ถึงกับพบเจอความวินาศ คนเก่าแก่ในหอวิหคทองแดงจำนวนหนึ่งร่างตายมรรคสลายเพราะเรื่องนี้!

ในสถานการณ์เช่นนี้ ความรู้สึกของต้าหวงก็เหมือนภูเขาไฟคุกรุ่นพลุ่งพล่าน จะปะทุเมื่อไรก็ได้

หลินสวินย่อมเข้าใจได้

ในใจเขาจะไม่กดดัน ไม่อัดอั้น ไม่แค้นเคืองได้อย่างไร

จะว่าไปเขากับแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพก็ผูกแค้นฝังลึกกันมานานแล้ว!

“เจ้าหอ ยังขอให้ท่านรีบตัดสินใจ ตอนนี้เขตอิทธิพลและกำลังพลของหอวิหคทองแดงเราที่กระจายตัวอยู่ในโลกมืดถูกจู่โจมอย่างรุนแรงยิ่ง อาณาเขตที่เคยควบคุมอยู่ในอดีตถูกยึดครอง ตกอยู่ในมือศัตรูแทบทั้งนั้น”

มีคนเอ่ยปากอย่างทุกข์ร้อน “ถ้าพวกเราไม่เคลื่อนไหวอีก เกรงว่าหอวิหคทองแดงแห่งนี้… จะถูกคนอื่นขุดรากถอนโคน!”

“เจ้าหอ สถานการณ์ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวานยิ่ง ต้องเปลี่ยนแปลงทันที หาไม่แล้วหอวิหคทองแดงของพวกเราคงจบเห่จริงๆ แล้ว”

“เจ้าหอ ขอให้ตัดสินใจโดยเร็วด้วย!”

คนอื่นๆ ก็พากันเอ่ยปาก คนเหล่านี้เป็นคนเก่าแก่ในหอวิหคทองแดงทั้งนั้น ในอดีตเคยควบคุมดูแลอาณาเขตต่างๆ ในโลกมืด ครองพื้นที่แถบหนึ่ง อานุภาพคับฟ้า

แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงซ่อนตัวที่นี่ ในใจจะขมขื่นแค่ไหนแค่คิดก็รู้

ยามนี้สายตาของชิงอิงกับต้าหวงก็มองมาที่หลินสวินเช่นกัน

หลินสวินนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ชิงอิง ช่วยข้าเตรียมข้อมูลแดนกษิติครรภ์กับสำนักโบราณจรัสเทพที ยิ่งละเอียดยิ่งดี”

ทุกคนใจเต้นระส่ำ

“ได้” ชิงอิงตอบรับอย่างรวดเร็ว

“อีกอย่าง ช่วยรวบรวมข้อมูลเรื่องที่เกิดขึ้นในสามปีนี้ให้ข้าชุดหนึ่งด้วย”

ดวงตาดำหลินสวินลุ่มลึก วาจาสงบนิ่ง ตัดสินใจออกมา “ต้าหวง อีกสิบวันเจ้าเคลื่อนไหวไปพร้อมกันข้า คนอื่นรอฟังข่าวที่นี่”

คนเก่าแก่หอวิหคทองแดงเหล่านั้นพลันร้องออกมาทันทีว่า “เจ้าหอ พวกเราก็ช่วยได้”

หลินสวินปฏิเสธเด็ดขาด “หอวิหคทองแดงมีคนบาดเจ็บล้มตายมากไปแล้ว จะให้เกิดเรื่องแบบนี้อีกไม่ได้แล้ว ถ้าพวกเจ้ายอมรับฐานะของข้า เรื่องนี้ก็ให้ทำตามนี้”

ทุกคนสีหน้าเหยเก สุดท้ายทำตามคำสั่ง

ต้าหวงกลับไม่เข้าใจ “ทำไมต้องรออีกสิบวัน”

“รู้ข้อมูลก่อน รู้เขารู้เรา” หลินสวินหยุดไป แววตาเรียบเฉย “อีกอย่าง ข้าใกล้จะทะลวงขั้นแล้ว”

ตั้งแต่ตอนอยู่แดนหงส์เซียน หลินสวินก็สังหรณ์ได้ถึงเค้าลางการทะลวงขั้น ตั้งแต่กลับสู่ทางเดินโบราณฟ้าดาราจนถึงตอนนี้ก็เดือนกว่าแล้ว

ตอนนี้ศึกใหญ่ใกล้เข้ามา จะได้ถือโอกาสบรรลุได้พอดี!

ไม่นานนักชิงอิงก็เตรียมข้อมูลที่แม่นยำชุดหนึ่ง บนนั้นบันทึกเรื่องอิทธิพล รากฐานพลังและกำลังพลของแดนกษิติครรภ์และสำนักโบราณจรัสเทพ รวมถึงสถานการณ์ของอาณาเขตแต่ละแห่งโดยละเอียด

หลังจากหลินสวินอ่านอย่างจริงจัง ก็จำได้ขึ้นใจ

จากนั้นเขาก็ออกจากนรกอำพรางมายังเหนือมหาสมุทรเลือดไร้สงบที่มีคลื่นเลือดถาโถม เสื้อผ้าไหวกระพือ มองไปยังเวิ้งฟ้า

ยืนเงียบๆ เช่นนี้อยู่สามวันเต็มๆ

วันนี้

เวิ้งฟ้ากดดัน สิบทิศล้วนเงียบสงัด

จู่ๆ หลินสวินที่คล้ายกับรูปปั้นก็ขยับแล้ว เขาปัดเสื้อผ้าเอ่ยเสียงเบาว่า

“วันนี้ ข้าหลินเต้ายวนเข้าสู่ขั้น ‘แจ้งปริศนา’!”

……………………..

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท