Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2313 การต่อสู้นองเลือดที่ปะทุขึ้นหน้าประตูภูเขา

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2313 การต่อสู้นองเลือดที่ปะทุขึ้นหน้าประตูภูเขา

ตอนที่ 2313 การต่อสู้นองเลือดที่ปะทุขึ้นหน้าประตูภูเขา

โลกมืดจมสู่ความโกลาหลครั้งใหญ่อย่างสมบูรณ์

“บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนเชียวนะ ควบคุมดูแลแดนกษิติครรภ์ตั้งแต่สมัยบรรพกาลจนบัดนี้ ตอนนี้ถึงกับถูกดักสังหารระหว่างเดินทางมาสำนักโบราณจรัสเทพแล้ว!”

เสียงหวาดหวั่นนับไม่ถ้วนดังขึ้น

สามวันก่อนการต่อสู้บนยอดเขาหุบเหวโลหิตเพิ่งปิดฉาก สามวันให้หลังก็มีข่าวสามบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างต้าซวี คูหมิง ตู้เฉินร่วงหล่นแพร่ออกมา นี่สะท้านสะเทือนจิตใจผู้คนมากเกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย

“เป็นฝีมือใครกันแน่”

“ต้องเกี่ยวข้องกับจักรพรรดิเต้ายวนแน่นอน!”

“สวรรค์ นี่โลกมืดจะเปลี่ยนฟ้าแล้วหรือ”

“จักรพรรดิเต้ายวนเขา… คิดจะทำอะไรกันแน่”

…คำวิพากษ์วิจารณ์ เสียงถกต่างๆ ดังขึ้นในพื้นที่แต่ละแห่งของโลกมืด ล้วนถูกข่าวนองเลือดนี้ทำให้สะท้านสะเทือน

และหลังจากได้รู้ข่าวนี้ เหล่าคนใหญ่คนโตสำนักโบราณจรัสเทพซึ่งมีบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงเป็นผู้นำ ล้วนจิตใจสั่นสะท้าน หน้าถอดสีซีดเซียว

“เป็นไปได้อย่างไร”

คนมากมายไม่อยากจะเชื่อ

บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนเป็นกำลังพลที่น่าสะพรึงปานใด ล้วนสามารถอาละวาดทั่วหล้า เหยียดหยันฟ้าดารา แต่ตอนนี้กลับประสบเคราะห์พร้อมกัน ใครจะกล้าเชื่อ

ในวันนี้ทั่วทั้งสำนักโบราณจรัสเทพล้วนจมสู่ความสั่นสะท้าน ผู้คนจิตใจหวาดผวา

สามวันก่อน เจ้าสำนักและผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิเจ็ดคนของพวกเขาตายจมกองเลือดที่ยอดเขาหุบเหวโลหิต

สามวันให้หลัง บรรพจารย์จักรพรรดิสามคนจากแดนกษิติครรภ์ที่ถูกพวกเขาเชิญมาเสริมทัพก็ประสบเคราะห์ระหว่างทาง ไม่ต้องคิดสักนิด ต่อให้ไม่ใช่ฝีมือของหลินเต้ายวนนั่น ก็ต้องเกี่ยวข้องกับเขาชนิดแยกจากกันไม่ออกแน่นอน!

และควรรู้ว่าไม่นานก่อนหน้านี้ บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงเพิ่งออกคำสั่งให้หลินเต้ายวนนั่นมารับผิดที่สำนักโบราณจรัสเทพภายในสิบวัน

ตอนนี้ก็เกิดเรื่องใหญ่นองเลือดเช่นนี้ขึ้นแล้ว จะไม่ให้คนสงสัยได้อย่างไรว่านี่คือการแก้แค้นจากหลินเต้ายวน

เมื่อเผชิญหน้ากับโศกนาฏกรรมที่มาแบบปุบปับเช่นนี้ คนแข็งแกร่งอย่างบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงก็ยังนิ่งเงียบอยู่นาน ในใจมีความแค้นปนเศร้าอย่างบอกไม่ถูก

เจ้าหลินเต้ายวนคนเดียว!

คิดจะล้มล้างโครงสร้างของโลกมืดหรือ

รังแกกันเกินไปแล้ว!

“ใครก็ได้ โยกย้ายกองกำลังทั้งหมดในสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเรา สืบข่าวแหล่งกบดานของหลินเต้ายวนนั่นเต็มกำลัง ข้าอยากรู้เดี๋ยวนี้ว่าเขาซ่อนตัวอยู่ที่ใดกันแน่!”

บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงที่นิ่งเงียบเนิ่นนานระเบิดขึ้นมาดุจภูเขาไฟ ในเสียงเผยความเดือดดาลและเกรี้ยวกราดไม่รู้จบ

หากเป็นไปได้ เขาแทบอยากลงมือกำจัดหลินสวินด้วยตัวเองเสียเดี๋ยวนี้

“แล้วก็พวกเจ้า”

ขณะพูดบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงกวาดสายตามองบรรดาคนใหญ่คนโตในที่นี้ “จะรอฟังข่าวอยู่เฉยๆ ต่อไปไม่ได้แล้ว ออกไปให้หมด ลาดตระเวนทุกที่ทั่วหล้า ขอเพียงค้นพบร่องรอยของหลินเต้ายวนในรีบรายงานในทันที!”

“ขอรับ!”

ทุกคนในโถงใหญ่ขานรับแล้วพากันออกไป

มองส่งพวกเขาจากไป บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงที่กำลังเดือดดาลเกิดความรู้สึกไร้แรงขึ้นมาในใจ

เขารู้ดียิ่งว่าครั้งนี้หากไม่จับตายหลินเต้ายวน สถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งเป็นไปได้ยิ่งว่าอาจสั่นคลอนรากฐานของสำนักโบราณจรัสเทพ

ลองคิดเอาเถิด มกุฎมหาจักรพรรดิคนหนึ่งเดิมก็พลิกฟ้าหาใดเปรียบ ข้างกายยังมีหญิงที่มีพลังสังหารบรรพจารย์จักรพรรดิด้วยอีกคน การรวมตัวกันเช่นนี้ หากคิดจะหลบซ่อนใครจะหาเจอบ้าง

หากคิดมุ่งมั่นจะแก้แค้น ขุมอำนาจไหนบ้างจะทนรับไหว

ขุมอำนาจสำนักโบราณจรัสเทพที่กระจายตัวในโลกมืดมากมาย ใครจะกล้ารับประกันว่าขุมอำนาจเหล่านี้จะไม่ถูกโจมตีและกำจัดสิ้นซากบ้าง

กล่าวได้ว่าหากระบุร่องรอยของหลินสวินไม่ได้สักที สำนักโบราณจรัสเทพของพวกเขาก็ไม่มีวันสงบสุข!

“หลินเต้ายวน… หลินเต้ายวน… อย่าให้ข้าจับเจ้าได้เชียว หาไม่ ข้าจะทำให้เจ้าร้องขออยู่ก็ไม่ได้ร้องขอความตายก็ไม่สามารถ!”

บนใบหน้าหล่อเหลาราวเด็กหนุ่มของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงเผยแววเกรี้ยวกราดมืดทะมึน

ยอดเขาจรัสนภา นอกประตูภูเขา

“ต้าหวง เจ้าถึงกับบาดเจ็บแล้วหรือ” หลินสวินประหลาดใจ มองต้าหวงที่กลับมา เดินกะโผลกกะเผลกเหมือนถูกตัดขาสุนัขขาด

ต้าหวงแยกเขี้ยวกล่าวอย่างหงุดหงิด “ลาหัวโล้นพวกนั้นอันตรายเกินไป ฮึดสู้กลับก่อนตาย ถูกเจ้าเฒ่าที่ชื่อคูหมิงอะไรนั่นกัดเข้าเต็มเปาเลย”

ขณะพูดมันครางคราหนึ่ง ก็เห็นบนขาขวาของมันแหว่งขาดไปหนึ่งชิ้น เนื้อถูกกัดไปชิ้นใหญ่

หลินสวินส่งเสียงหัวเราะอย่างไม่เห็นอกเห็นใจ สุนัขกัดคนพบบ่อย คนกัดสุนัข… ช่างหายากเกินไปจริงๆ

ทว่าเขาก็มองออกว่าต้าหวงเจ็บไม่มากนัก จึงวางใจไม่น้อยในทันที

เมื่อมองซี เงาร่างอรชร ละอองแสงรัดพันดุจเซียนดั่งเทพี และไม่ได้รับบาดเจ็บใด

ลองคิดดูก็จริง ด้วยพลังต่อสู้ของซีบวกกับต้าหวง หากยังสังหารระดับบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนจากแดนกษิติครรภ์ไม่ได้ นั่นต่างหากถึงเป็นเรื่องแปลก

“ต่อไปจะทำอย่างไร”

ต้าหวงรักษาแผลไปพลางเอ่ยถามไปพลาง

หลินสวินกล่าว “หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ต้องทำให้สำนักโบราณจรัสเทพและแดนกษิติครรภ์สั่นสะเทือนแน่ ถ้าข้าเดาไม่ผิด พวกเขาต้องไม่ยอมถูกกระทำเช่นนี้อีก รอไปก่อน ดูว่าจะมีใครโผล่ออกมาหรือไม่แล้วค่อยตัดสินใจ”

สิ่งที่เฝ้ารอ ย่อมต้องเป็นเหยื่อ

ตอนนี้หน้าประตูภูเขาสำนักโบราณจรัสเทพแห่งนี้ถูกกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญปิดผนึกไว้แล้ว เหยื่อที่กระโดดออกมายิ่งมากเท่าไหร่ ผลเก็บเกี่ยวย่อมต้องมากตามเป็นธรรมดา

ไม่ปล่อยให้พวกหลินสวินรอนานเกินไป ไม่นานในประตูภูเขายอดเขาจรัสนภานั่นก็เกิดระลอกคลื่นขึ้น เงาร่างระดับจักรพรรดิคนแล้วคนเล่าหลั่งไหลออกมา เป็นภาพตระการตาถึงขั้นสะเทือนไปถึงผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่ดูแลพื้นที่บริเวณใกล้เคียง

“ในที่สุดเหยื่อเฒ่าพวกนี้ก็ออกมากันเป็นฝูงแล้ว!” ต้าหวงกระปรี้กระเปร่า สายตาเป็นประกาย

ในหัวหลินสวินแวบภาพสุนัขไล่ต้อนกระต่ายขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ สายตาเริ่มแปลกไป เขากระแอมไอคราหนึ่ง หยัดตัวลุกขึ้นกล่าวว่า “ต้าหวง ยังสู้ไหวไหม”

“เหลวไหล!”

ต้าหวงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ ยกขาสุนัขที่บาดเจ็บขึ้น บาดแผลบริเวณนั้นสมานกันเหมือนเก่าแล้ว

หลินสวินหันหน้าไป “คราวหน้าอย่าลืมใส่เสื้อผ้าให้รัดกุมหน่อย”

บนตัวต้าหวงปกคลุมด้วยเกราะจักรพรรดิชั้นหนึ่ง แต่พอมันยกขาขึ้น ภาพนั้นก็ไม่ค่อยเจริญตาสักเท่าไหร่…

ต้าหวงทั้งอายทั้งโกรธ หากไม่ใช่เพราะติดที่สถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยมันคงกระโจนไปกัดหลินสวินสักคราแล้ว ตอนนี้เจ้าหนูนี่… นับวันยิ่งไม่เคารพผู้อาวุโสอย่างมันแล้ว!

“ลงมือ!”

กระทั่งหลังจากเห็นระดับจักรพรรดิมากถึงสิบเก้าคนเดินออกมา หลินสวินก็ไม่ลังเลสักนิด เริ่มเคลื่อนไหวทันที

ตูม!

เตากระบี่พุ่งโฉบ โผนทะยานขึ้นสูง สาดประกายเทพแสงมรรคมากมาย ทำลายบรรยากาศฟ้าดินที่สงบเงียบร่มเย็นแห่งนี้

“แย่แล้ว!”

ผู้แข็งแกร่งสำนักโบราณจรัสเทพที่เดินออกจากประตูภูเขาเหล่านั้นแต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี แทบไม่กล้าเชื่อสายตาตัวเอง

นี่เป็นถึงประตูภูเขาสำนักโบราณจรัสเทพของพวกเขาเชียวนะ!

แต่ศัตรูกลับบุกเข้ามาแบบเทพไม่รู้ผีไม่เห็น นี่เห็นได้ชัดว่าปุบปับเกินไปจริงๆ ไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึง

และเมื่อมองเห็นเงาร่างที่บุกเข้ามาสายนั้น ระดับจักรพรรดิพวกนี้ก็ลูกตาแทบหลุดออกมา

“หลินเต้ายวน!?”

ครั้งนี้พวกเขาออกไปเคลื่อนไหวข้างนอก จุดประสงค์ก็เพื่อค้นหาร่องรอยของหลินสวิน แต่ใครจะไปคิดว่าศัตรูที่ทำให้พวกเขาเจ็บแค้นหาใดเปรียบคนนี้กลับปรากฏตัวที่หน้าประตูภูเขาของพวกเขาตรงๆ!

เหตุการณ์เหนือคาดทั้งหมดนี้ทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเหล่านี้ตั้งตัวไม่ทันโดยสมบูรณ์ รู้สึกประหนึ่งขนมเปี๊ยะที่ถวิลหาทุกเช้าค่ำ จู่ๆ ก็ร่วงลงมาจากฟากฟ้า

กะทันหันเกินไป!

แต่ในฐานะระดับจักรพรรดิ การตอบสนองของพวกเขาก็ไม่ได้ชักช้า พร้อมๆ กับที่หลินสวินบุกเข้ามา ระดับจักรพรรดิเหล่านี้ก็เริ่มโจมตีโดยไม่ลังเลใดๆ

ตูมโครม!

ฟ้าดินโกลาหล ภูผาธาราปั่นป่วน

ศาสตราจักรพรรดิและมรรควิชาทุกรูปแบบราวเขาถล่มคลื่นโหมซัด ชั่วอึดใจก็ทะยานพวยพุ่ง เบียดเต็มพื้นที่แถบนี้ ระเบิดห้วงอากาศ

แต่การโจมตีเหล่านี้มีหรือจะอยู่ในสายตาหลินสวิน เมื่อเตากระบี่อึงอลบดทับ บดขยี้การโจมตีต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาโดยตรง ทะลวงผ่านสิ่งกีดขวางด้วยอานุภาพดุจผ่าลำไผ่

ชิ้ง!

กระบี่มรรคเคลื่อนขวางออกไป เสียงกระบี่ครวญดังก้องเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน

ก็เห็น…

ปราณกระบี่เจิดจ้ามหาศาลราวรุ้งเทพหมื่นจั้ง สำแดงนัยเร้นลับมหามรรคไร้สิ้นสุด มีความสง่างามไร้ทัดเทียมประหนึ่งตัดขาดหมื่นกาลเจืออยู่รางๆ

พร้อมกับปราณกระบี่พาดขวาง ก็มีผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งมีปราณต่ำกว่าระดับจักรพรรดิขั้นห้าสองสามคนถูกสังหารคาที่ จิตสิ้นวิญญาณสลาย

กระบี่เดียวสังหารเหล่าจักรพรรดิ!

ภาพนองเลือดน่าสะพรึงนี้กระตุ้นระดับจักรพรรดิคนอื่นๆ จนหนังหัวชาหนึบ ฉุกนึกถึงศึกนองเลือดบนยอดเขาหุบเหวโลหิตขึ้นมา นึกถึงพวกอวี้คุนจื่อที่ร่วงหล่น…

คนตรงหน้าคนนี้ เป็นถึงมกุฎมหาจักรพรรดิที่อานุภาพยิ่งยง ดุจดั่งตำนานคนหนึ่ง!

“รีบกลับประตูสำนักเร็ว!”

มีคนคำรามลั่น ตั้งท่าจะถอยเข้าประตูภูเขาในทันที

คนอื่นๆ ล้วนหน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน หมายจะเก็บการเคลื่อนไหว ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขาย่อมไม่กล้าไปปะทะแข็งขืนกับหลินสวินสักนิด

“พวกกระต่ายเฒ่า คิดหนีเอาตอนนี้ก็สายไปแล้ว!” เสียงหัวเราะบ้าคลั่งที่เจือแววฮึกเหิมของต้าหวงดังขึ้น

ตูม!

กรงเล็บยักษ์ครอบฟ้าเจือพลังกฎเกณฑ์แสงมรรคไร้สิ้นสุดข้างหนึ่งปิดครอบลงมา เปรียบดั่งปราการสวรรค์พาดขวาง ปิดกั้นทางถอยหนีทั้งหมดของระดับจักรพรรดิเหล่านั้น

“ฆ่า!”

ระดับจักรพรรดิเหล่านั้นราวกับเสียสติ บุกโจมตีสุดชีวิต อานุภาพจักรพรรดิที่ปลดปล่อยออกมาสั่นสะเทือนฟ้าดิน หอบม้วนสิบทิศ พลังผนึกที่แผ่ครอบภูผาธาราในละแวกหมื่นลี้นั่นล้วนได้รับแรงโจมตีมหาศาล

พวกเขารู้ดี ตอนนี้มีแต่ต้องหนีเข้าประตูภูเขาถึงจะมีทางรอด!

แต่เห็นได้ชัดว่าหลินสวินและต้าหวงไม่คิดจะให้โอกาสพวกเขาสักนิด

ตูม!

ร่างกายหลินสวินส่องแสง เตากระบี่พุ่งทะยาน อานุภาพดุจฟากฟ้าหมื่นกาล มีพลังไร้ทัดเทียม ผงาดกร้าวทั่วหล้า

เมื่อเขาออกโจมตี กระบี่มรรคพุ่งยิง เตากระบี่อึงอล ชั่วพริบตาก็เรียกพายุเลือดขึ้นในสนามรบ

ต้าหวงก็ออกโจมตีจากอีกฝั่ง ทุกครั้งที่กรงเล็บโบกขยับก็ทำให้ระดับจักรพรรดิหนึ่งคนเลือดกระเซ็น ตายอนาถคาที่ อำมหิตดุดันยิ่ง

คนที่สามารถทัดเทียมกับบรรพจารย์จักรพรรดิสามคน การสังหารระดับจักรพรรดิเหล่านี้ย่อมง่ายดาย

เพียงชั่วอึดใจ

ระดับจักรพรรดิสิบเก้าคนก็ถูกโจมตีจนเสียกระบวน ร่วงหล่นดั่งสายฝน เลือดจักรพรรดิราวน้ำตกไหลรดทั่วลาน

ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่ดูแลในพื้นที่ใกล้เคียงแทบสติแตก ร้องแหกปากลั่น หนีตายกันทั่วทิศ

แต่เมื่อการต่อสู้ของระดับจักรพรรดิครั้งนี้ประทุขึ้น ลำพังแค่อานุภาพควันหลงที่แผ่ออกไป ก็เหมือนพายุคลั่งสูบกลืนชีวิตพวกเขาทั้งหมดแล้ว

ผู้ที่ต่ำกว่าระดับจักรพรรดิล้วนไม่รอดสักคน!

ทว่าความวุ่นวายและการต่อสู้นี้ไม่ได้ดำเนินต่อไปนานนัก

“ผู้ใดถึงขั้นกล้ามาก่อเรื่องในสำนักโบราณจรัสเทพของข้า!?”

เสียงตวาดลั่นสะเทือนฟ้าดินสายหนึ่งดังขึ้น พร้อมกันนั้นระดับบรรพจารย์จักรพรรดิที่อานุภาพดุจท้องนภาพคนหนึ่งก็พุ่งออกมาจากสำนักโบราณจรัสเทพ

นี่เป็นชายที่หนวดผมสีดอกเลา หน้าตาท่าทางน่าเกรงขามคนหนึ่ง หลังสะพายกระบี่โบราณ ดูมีสง่าราศี กลิ่นอายบรรพจารย์จักรพรรดิทั่วตัวทำให้เมฆลมทั่วทิศปั่นป่วน

แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัว ยังไม่ทันทำได้เข้าใจสถานการณ์ กรงเล็บสุนัขใหญ่ยักษ์หาใดเปรียบข้างหนึ่งก็แหวกอากาศตะปบเข้ามาแล้ว แสงมรรคแสบตา เผด็จการไร้สิ้นสุด

“ในที่สุดก็จับปลาตัวใหญ่ได้!” ต้าหวงร้องคำรามเสียงดัง พุ่งกระโจนเข้าใส่ คล้ายเหยื่ออ้วนพีที่สุดซึ่งรอมานานมาเสียที

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท