Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ – ตอนที่ 2315 นับจากวันนี้ โลกไม่มีสำนักโบราณจรัสเทพอีกต่อไป

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์ - ตอนที่ 2315 นับจากวันนี้ โลกไม่มีสำนักโบราณจรัสเทพอีกต่อไป

ตอนที่ 2315 นับจากวันนี้ โลกไม่มีสำนักโบราณจรัสเทพอีกต่อไป

เฝ้ารอเหยื่อจนเหยื่อมาแล้ว มีหรือจะปล่อยให้หนีได้อีก

และก็ถึงเวลาเก็บตาข่ายแล้ว!

นี่ก็คือการจัดวางของหลินสวิน กระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญคือไพ่ตายที่จะหว่านแหรวบคู่ต่อสู้ในคราวเดียว

หากให้อีกฝ่ายหนีเข้าประตูภูเขาไป ต้องเกิดตัวแปรขึ้นมากมายเป็นแน่

ตูม!

เสี่ยวอู่ที่สั่งสมพลังรออยู่นานแล้วเปิดใช้งานกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญทันที ก็เห็นในพื้นที่ใกล้เคียงลายมรรคปรากฏดั่งกระแสน้ำหลาก เดือดพล่านแผ่กว้าง ครอบคลุมเก้าฟ้าสิบแผ่นดิน สัญลักษณ์เจิดจ้าแน่นขนัดนับไม่ถ้วนประหนึ่งร่างแปลงของมหามรรค พริบวาบไหลหลั่ง

ชั่วพริบตาฟ้าดินแถบนี้พลันเปลี่ยนไปทันควัน

ดุจดั่งกรงขัง พาดตัดมหามรรค ปิดฟ้าบังตะวัน

ระดับจักรพรรดิหลายคนที่เหลือรอดก่อนหน้านี้ รวมถึงสองบรรพจารย์จักรพรรดิอย่างหนิงเจิน เล่อหรงที่เพิ่งคิดหนีล้วนถูกกักขังไว้ภายในนั้น

สิ่งที่ทำให้หลินสวินแปลกใจที่สุดคือ ช่วงคับขันเช่นนี้บรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉงนั่นถึงกับดุกร้าวหาใดเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เร่งกระตุ้นพลังระเบียบต้องห้ามที่ใช้บรรทัดหยกเป็นตัวนำ แหวกทางหนีขึ้นมาสายหนึ่ง หลุดออกจากวงล้อมของกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ

ทว่าบริเวณประตูภูเขานั่นถูกปิดผนึกไว้นานแล้ว และด้านหลังเขายังมีซีไล่ตามมาติดๆ!

“โอม!”

เสี่ยวอู่ควบคุมกระบวนค่ายกล โคจรอานุภาพทั้งหมดของกระบวนค่ายกลมรรคสิ้นฟ้าอาสัญ ชั่วขณะเดียวในกระบวนค่ายกลพายุอสนีเดือดพล่าน เพลิงลมโหมระอุ เกิดการทำลายล้างน่าสะพรึงที่น่าเหลือเชื่อท่วมท้น

ทันใดนั้นระดับจักรพรรดิหลายคนนั่นก็รับไม่ไหว ถูกสังหารอยู่ในกระบวนค่ายกลทั้งหมด

ส่วนบรรพจารย์จักรพรรดิสองคนที่ถูกกักขังอยู่ในนั้นก็แทบจะโจมตีและต้านทานสุดชีวิต ทว่าพร้อมๆ กับเวลาที่เคลื่อนคล้อย ก็ยังได้รับบาดเจ็บไม่ขาดสาย

เพียงชั่วอึดใจพวกเขาก็บาดเจ็บสะสม เลือดสดย้อมตัว เสียงร้องอนาถ คำรามเดือด โพล่งผรุสวาทก็ดังไปทั่วจากตรงนี้เช่นกัน

หลินสวินและต้าหวงยืนอยู่นอกกระบวนค่ายกล สายตาเย็นเยียบ ล้วนไม่มีความหวั่นไหวทางอารมณ์ใดๆ

ตูม!

สุดท้ายพร้อมๆ กับเสียงระเบิดดังลั่นที่สะเทือนจนหูจะหนวก เงาร่างของบรรพจารย์จักรพรรดิหนิงเจิน เล่อหรงล้วนถูกละอองแสงนับไม่ถ้วนท่วมมิด พังทลายและแตกสลายภายในนั้น กลายเป็นเถ้าธุลีปลิวหายไปกับอากาศ

เสี่ยวอู่เหมือนยังไม่หนำใจ กล่าวว่า “เพิ่งเจ้าเฒ่าแค่สองคนเอง เป็นการลงทุนมากได้ผลน้อยไปหน่อยแล้ว”

“เจ้าก็ไม่ลองคิดดูบ้าง ตอนที่วางกระบวนค่ายกลเช่นนี้สิ้นเปลืองเจตวัตถุชั้นเลิศไปกี่มากน้อย!” ต้าหวงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

หลินสวินก็ทอดสายตามองออกไปไกลๆ

ไม่นานนักเสียงตะโกนลั่นเกรี้ยวกราดหาใดเปรียบสายหนึ่งก็ดังลอยมา “จักรพรรดิสวรรค์ดำรงจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่ ไม่มีทาง…!”

นี่คือเสียงของบรรพจารย์จักรพรรดิอวี่ฉง กรีดแหวกเวิ้งฟ้า เผยแววไม่ยินยอมและเดือดดาล

แต่ไม่นานก็หยุดชะงักไป

และเงาร่างของซีก็โฉบพุ่งมาจากไกลๆ อรชรคลุมเครือ ละอองแสงตัดสลับ ท่วงท่างามสง่าเหนือโลกเช่นนั้นส่องสว่างภูผาธารา!

หลินสวินราวยกภูเขาออกจากอก เผยรอยยิ้มออกมา

สี่ทิศเงียบสงัด มีแต่ภาพเสื่อมทรุดพังทลายไม่เหลือชิ้นดี กลางห้วงอากาศยังอบอวลกลิ่นคาวเลือดและควันคลุ้งแสบจมูก

การต่อสู้ครั้งนี้สังหารบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คน ระดับจักรพรรดิสิบเก้าคนของสำนักโบราณจรัสเทพ!

ส่วนผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่ดูแลพื้นที่ในบริเวณใกล้เคียงยิ่งนับจำนวนไม่ถ้วน

ตามที่เขาเข้าใจ หลังผ่านการต่อสู้ครั้งนี้ บวกกับพวกอวี้คุนจื่อที่ตายบนเขาหุบเหวโลหิตเมื่อหลายวันก่อน ระดับจักรพรรดิในสำนักโบราณจรัสเทพก็แทบจะไม่เหลือ ไม่มีภัยคุกคามอีกต่อไป!

เมื่อนึกถึงตรงนี้หลินสวินพลันหัวใจพองโต

ความเคียดแค้นครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะมหาจักรพรรดิปาฉี สืบเรื่อยมาหลายปีให้หลัง สุดท้ายวันนี้ก็ถึงคราวยุติลง!

“ภายในประตูภูเขาแห่งนี้ เกรงว่าคงมีการซุ่มโจมตีอื่นอีกมาก”

ขณะพูดต้าหวงก็หัวเราะขึ้นมา “แต่น่าเสียดาย กระต่ายเฒ่าเหล่านั้นล้วนตายกันหมดแล้ว การซุ่มโจมตีพวกนี้สำหรับพวกเราแล้วไม่มีภัยคุมคามอีกต่อไป”

“ไป บุกเข้าไป!”

ต้าหวงเคลื่อนไหวก่อนใคร

“เสี่ยวอู่ เจ้าควบคุมกระบวนค่ายกลอยู่ที่นี่ ไม่ว่าใครคิดหนี ฆ่าสถานเดียว!”

หลินสวินทิ้งท้ายไว้แล้วไล่ตามต้าหวงไปติดๆ เข้าสู่ประตูภูเขานั่นพร้อมกับซี

โลกลับของสำนักโบราณจรัสเทพไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าถิ่นฐานของขุมอำนาจเก่าแก่ใดๆ สักนิด ทุกแห่งหนล้วนเป็นแดนมงคลถ้ำสวรรค์ที่งดงามวิจิตร บรรยากาศห่อหุ้มด้วยกลิ่นอายแรกกำเนิดที่เข้มข้นราวหมอก นกวิญญาณบินฉวัดเฉวียน สัตว์ป่าเดินขวักไขว่ ดุจดั่งแดนพิสุทธิ์เทพศักดิ์สิทธิ์

หลังผ่านการเสริมเพิ่มเติมในกาลเวลาไร้สิ้นสุด รากฐานพลังและทรัพย์สมบัติที่สั่งสมในโลกลับแห่งนี้ก็ถึงขั้นที่ทำให้คนไม่อาจจินตนาการได้นานแล้ว

อันที่จริงแดนมงคลที่สามารถรองรับการเคี่ยวกรำของบรรพจารย์จักรพรรดิจำนวนมากได้ ในทั่วหล้าฟ้าดาราก็เรียกได้ว่าล้ำค่าและหายากเช่นเดียวกัน

เมื่อพวกหลินสวินพุ่งเข้าไป ผู้สืบทอดสำนักโบราณจรัสเทพที่อาศัยอยู่ในโลกลับล้วนแล้วแต่ตกใจหน้าถอดสี ตกอยู่ในความชุลมุนวุ่นวาย

และสำหรับพวกหลินสวิน ที่แห่งนี้ไม่ได้เป็นภัยคุกคามอะไรนานแล้ว แทบจะบดขยี้แผลงศักดาตลอดทาง

เวลาเพียงหนึ่งถ้วยชา

สำนักโบราณจรัสเทพทั้งบนล่างล้วนถูกกำราบสิ้น!

กระทั่งมาถึงพื้นที่หวงห้ามสูงสุดของสำนักโบราณจรัสเทพ หลังจากมั่นใจว่าไม่มีภัยคุกคามใดๆ แล้ว หลินสวินก็อดใจเต้นไม่ได้

สำนักโบราณจรัสเทพ ขุมอำนาจใหญ่ที่ผงาดง้ำในโลกมืดมาเนิ่นนาน บัดนี้ถูกเขาหลินสวินเหยียบราบแล้ว!

ในวันนี้ข่าวที่สำนักโบราณจรัสเทพถูกทำลายแพร่สะพัด ทำให้โลกมืดตกอยู่ในความโกลาหลโดยสมบูรณ์ คนไม่รู้เท่าไหร่สั่นสะท้าน หวาดหวั่นเพราะเรื่องนี้!

“จักรพรรดิเต้ายวน เหตุใดถึงแข็งแกร่งเช่นนี้”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ไม่รู้เท่าไหร่ดังขึ้น

ไม่กี่วันก่อนศึกบนเขาหุบเหวโลหิตทำให้ชื่อของจักรพรรดิเต้ายวนโดดเด่นดั่งดวงตะวัน สาดส่องเหนือโลกมืด ชักนำให้มีการถกกันนับไม่ถ้วน

และช่วงนี้เมื่อสำนักโบราณจรัสเทพล่มสลาย ก็ทำให้อิทธิพลของหลินสวินกดครอบเหนือโลกมืด ดุจดั่งนายเหนือหัว!

“หวนนึกถึงอดีต สำนักโบราณจรัสเทพคือหนึ่งในสามนายเหนือหัวใหญ่ คอยควบคุมโลกมืดมานาน อำนาจอิทธิพลล้วนทำให้ผู้แข็งแกร่งบางส่วนในทั่วหล้าฟ้าดาราขวัญผวา ใครจะไปคิดว่าเพียงชั่วข้ามคืน อานุภาพคับฟ้านั่นกลับกลายเป็นควันเมฆในอดีต!”

เสียงทอดถอนใจที่เจือความสะท้านสะเทือนยิ่งดังไปตามที่ต่างๆ ในโลกมืด

“หลินเต้ายวน… นี่เป็นตำนานที่มีชีวิต เป็นเรื่องเล่าขานแห่งยุคชัดๆ! ชื่อของเขาต้องเลื่องลือหมื่นกาล สะเทือนทั่วหล้าแน่นอน!”

ทุกคนล้วนตระหนักได้ว่านับแต่วันนี้ไป สถานการณ์ในโลกมืดได้ถูกหลินสวินคนเดียวเขียนขึ้นใหม่แล้ว

และตั้งแต่วันนี้ สำนักโบราณจรัสเทพถูกลบชื่อออกจากโลกแล้ว!

แดนอำพราง

หลังจากเหล่าคนเก่าแก่ของหอวิหคทองแดงอย่างพวกชิงอิงรู้ข่าวเหล่านี้ก็อดสะท้านสะเทือนไม่ได้ เนิ่นนานก็ยังไม่อาจดึงสติกลับมา

การต่อสู้ในเขาหุบเหวโลหิต สังหารพวกอวี้คุนจื่อ กำจัดบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิง!

นี่เดิมก็เรียกว่าเป็นผลงานการต่อสู้ที่หายากในโลกแล้ว ทว่าตอนนี้แม้แต่สำนักโบราณจรัสเทพยังถูกเหยียบราบและลบล้าง นี่อยู่เหนือความเข้าใจของพวกชิงอิงโดยสิ้นเชิง

เนิ่นนานชิงอิงถึงค่อยๆ สงบลง จากนั้นออกคำสั่ง “ถึงตอนนี้แล้ว ก็ถึงตาหอวิหคทองแดงของพวกเราเคลื่อนไหวบ้าง ทุกท่านโปรดมุ่งหน้าไปตามที่ต่างๆ รวบรวมขุมอำนาจของหอวิหคทองแดง ทวงคืนอาณาเขตของพวกเรากลับมา!”

สำนักโบราณจรัสเทพล่มสลาย ขุมอำนาจและพื้นที่ใต้ปกครองยังคงอยู่ แต่ก็ต้องกระจัดกระจายไร้หัวดั่งแพะรอโดนเชือด ถูกฉกปล้นช่วงชิง!

หากไม่อาศัยจังหวะนี้ลงมือ แล้วจะรอถึงเมื่อไหร่

ในวันนี้ ขุมอำนาจของหอวิหคทองแดงที่หลบซ่อนตามที่ต่างๆ ในโลกมืดต่างออกเคลื่อนไหว ดุจดั่งภูเขาไฟที่อัดอั้นมานานเริ่มระเบิดปะทุ!

ผลกระทบจากการที่สำนักโบราณจรัสเทพล่มสลายไม่ใช่จะง่ายดายเพียงเท่านั้น

ไม่นานนักคนทั่วหล้าก็พบว่า ขุมอำนาจและอิทธิพลที่อยู่ใต้อาณัติแดนกษิติครรภ์ซึ่งกระจายอยู่ในโลกมืดเหล่านั้นล้วนถูกโยกย้าย และค่อยๆ หายไป

ขณะเดียวกันประตูภูเขาแดนกษิติครรภ์ก็ปิดสนิท ตัดขาดจากโลกภายนอก!

เหตุการณ์นี้ดึงดูดสายตาคนทั่วหล้า เรียกคลื่นลมปั่นป่วน

“นี่หมายความว่าแดนกษิติครรภ์ตระหนักได้ว่าสถานการณ์ร้ายแรงแล้วเหมือนกัน เพื่อปกป้องตนเองจึงตัดสินใจเป็นเต่าหดหัวเช่นนี้ใช่หรือไม่”

คนมากมายคาดเดาออกมาเช่นนี้

“นี่มันแน่อยู่แล้ว หลังจากสำนักโบราณจรัสเทพล่มสลาย คนที่จักรพรรดิเต้ายวนจะจัดการต่อไปต้องเป็นแดนกษิติครรภ์อย่างไม่ต้องสงสัย!”

“และควรรู้ว่าบนเขาหุบเหวโลหิต ระดับจักรพรรดิสิบเก้าคนในกลุ่มของบรรพจารย์จักรพรรดิขู่เซิงล้วนตายกันหมด ก่อนหน้านี้ไม่นานบรรพจารย์จักรพรรดิสามคนอย่างต้าซวี คูหมิง และตู้เฉินก็ถูกสังหารเหมือนกัน!”

“ลองคิดดู แดนกษิติครรภ์ในตอนนี้สูญเสียบรรพจารย์จักรพรรดิสี่คนและระดับจักรพรรดิไปแล้วหลายคน บวกกับแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการล่มสลายของสำนักโบราณจรัสเทพอีก มีหรือจะยังกล้าต่อต้านจักรพรรดิเต้ายวนอีก”

“เต่าหดหัว เป็นวิธีที่ชาญฉลาดที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย”

…เสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับแดนกษิติครรภ์ก็เหมือนลมพายุ หอบม้วนโลกมืด

มีคนดูแคลน คิดว่าในอดีตแดนกษิติครรภ์แข็งแกร่งปานใด ทั่วสำนักทั้งบนล่างไม่กลัวความเป็นความตาย แต่ตอนนี้กลับหดหัวทั้งที่ยังไม่ได้เริ่มสู้ด้วยซ้ำ!

มีคนทอดถอนใจ คิดว่าพร้อมๆ กับที่เกิดการล่มสลายของสำนักโบราณจรัสเทพ และการหลบซ่อนของแดนกษิติครรภ์ หลังจากวันนี้ไปโลกมืดแห่งนี้เกรงว่าจักรพรรดิเต้ายวนจะเป็นใหญ่แล้ว!

มีคนมองไกลยิ่งกว่านั้น มั่นใจว่ายามจักรพรรดิสวรรค์ดำรงกลับจากแหล่งสถานคุนหลุน ความสำเร็จที่จักรพรรดิเต้ายวนได้รับในวันนี้ต้องถูกลมพายุพัดหาย และเจ้าตัวก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยแน่นอน

โลกภายนอกต่างวิพากษ์วิจารณ์กันถ้วนทั่ว

หลินสวินนับจำนวนทรัพย์สมบัติที่สำนักโบราณจรัสเทพสั่งสมมาเนิ่นนานเสร็จสิ้นแล้ว

โดยสรุป ยามเมื่อเผชิญหน้ากับทรัพย์สมบัติที่ขุมอำนาจเก่าแก่แห่งหนึ่งสะสมไว้เช่นนี้ หลินสวินยังหวั่นไหวอยู่บ้าง

เยอะเกินไปแล้ว!

เจตวัตถุ ลูกกลอนโอสถ ตำราโบราณ สมบัติล้ำค่านับไม่ถ้วนกองสุมอยู่ด้วยกัน ล้วนสามารถกองรวมกันเป็นภูเขาสมบัติสูงตระหง่านลูกหนึ่งได้เลย!

ลำพังแค่ผลึกมรรคก็ใช้หน่วยหมื่นล้านมานับได้แล้ว สมบัติอื่นๆ อีกมากมายยิ่งนับไม่หวาดไม่ไหว ประเมินมูลค่าไม่ได้

“สำนักโบราณจรัสเทพนี่… ช่างร่ำรวยอู้ฟู่จริงๆ…” ต้าหวงยังรำพันไม่ขาด มันนอนในกองสมบัติแปลกประหลาดล้ำค่านับไม่ถ้วน ดวงตาสุนัขเคลิ้มล่องลอย

แต่ครู่ต่อมามันก็ดีดตัวผึง ถูไม้ถูมือกล่าวว่า “ไปแดนกษิติครรภ์ สมบัติที่ลาหัวโล้นพวกนั้นสะสมต้องเยอะกว่าสำนักโบราณจรัสเทพไม่ใช่น้อยๆ แน่!”

เห็นได้ชัดว่ามันตื่นเต้นมาก แรงใจเต็มเปี่ยม

หลินสวินกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “หลังรู้ข่าวว่าสำนักโบราณจรัสเทพถูกทำลาย แดนกษิติครรภ์มีหรือจะไม่ระวังตัว แม้จะต้องบุกไปแต่ก็ไม่ต้องรีบร้อนในตอนนี้หรอก”

เขากำลังสำรวจและอ่านตำราโบราณที่ตกทอดในสำนักโบราณจรัสเทพ ตำราโบราณเหล่านี้จารึกไว้ในม้วนหยก กองพะเนินดั่งเขาลูกย่อมๆ มีมากละลานตา ครอบคลุมหลายด้าน

ตามความเห็นหลินสวิน มรดกตำรามรรคที่ขุมอำนาจเก่าแก่แห่งหนึ่งสั่งสมไว้นานปีในกาลเวลาไร้สิ้นสุดเช่นนี้ ล้ำค่ายิ่งกว่าสมบัติอื่นๆ เหล่านั้นเสียอีก

“หลินสวิน เจ้าดูของสิ่งนี้” จู่ๆ ซีที่อยู่ไม่ไกลก็เอ่ยปาก ในมือของนางประคองหินสีเทาขุ่นก้อนหนึ่ง ไม่สะดุดตาเป็นที่สุด

แต่สิ่งที่ถูกซีต้องตา ย่อมไม่ใช่ของธรรมดาอย่างแน่นอน

หลินสวินเดินไปหมายจะถือไว้ในมือ กลับเห็นซีสะบัดมือโยนให้หลินสวิน ราวกับกลัวว่าจะถูกหลินสวินแตะโดนมือของตนอีกอย่างไรอย่างนั้น

หลินสวินอึ้งไป ก่อนจะประคองหินก้อนนี้ขึ้นมาสำรวจโดยละเอียด

ก้อนหินสีดำสนิท น้ำหนักชวนตกใจยิ่ง ดุจดั่งถือภูเขาใหญ่ลูกหนึ่ง คนทั่วไปไม่สามารถรับน้ำหนักของมันได้สักนิด

พื้นผิวของมันลื่นวาวดั่งกระจก เสมือนถูกของมีคมหาใดเปรียบขัดเกลามานับครั้งไม่ถ้วนในกาลเวลาไร้สิ้นสุด มีความเว้าแหว่งเล็กน้อย

ด้านหลังของมันสลักอักษรโบราณเอาไว้สี่คำ

ลับจิตดั่งคม

——

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Battling Records of the Chosen One บันทึกศึกผู้กล้าท้าสวรรค์

Status: Ongoing
 ณ มหาทวีปชางถูอันกว้างใหญ่ไพศาล มีเซียนอมตะผู้อยู่เหนือสวรรค์ชั้นฟ้า มีเทพมารบรรพกาลผู้ควบคุมโลกันต์ ก่อเกิดเป็นตำนานอันรุ่งโรจน์ไม่รู้จบบนหน้าประวัติศาสตร์
ในโลกใบเดียวกันนั้น เด็กชายนามว่าหลินสวินจำต้องอาศัยการฝึกปราณและการจารึกรอยสลักวิญญาณ บากบั่นมุ่งหน้าไปบนหนทางสู่ความเป็นหนึ่งแต่เพียงลำพัง
หลินสวินเป็นผู้เดียวที่หนีรอดมาได้จากคุกใต้เหมือง ที่ที่เขาถูกเลี้ยงดูจนเติบใหญ่ เขาไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองเป็นใคร ยกเว้นเพียงความจริงไม่กี่อย่างที่ท่านลู่ ผู้อุปการะของเขาเป็นคนเล่าให้ฟัง ด้วยเครื่องมือวิญญาณโบราณสองอย่างที่ท่านลู่มอบไว้ให้ก่อนคุกใต้เหมืองจะถล่ม หลินสวินเริ่มออกเดินทางสู่จักรวรรดิจื่อเย่า เพื่อค้นหาว่าเพราะเหตุใดชีพจรวิญญาณของเขาจึงถูกพรากไป และใครที่เป็นคนสังหารครอบครัวของเขา จนทำให้เด็กชายต้องโดดเดี่ยวอ้างว้างอย่างที่เป็นอยู่นี้
แม้ภายนอกจะเป็นเพียงเด็กชายตัวผอมแห้งอายุสิบสองสิบสามที่ดูไร้พิษสง แต่ภายในนั้นเด็ดขาดและไร้ความปราณีเป็นที่สุด ท่านลู่เปรียบเสมือนแสงแดดอุ่นที่คอยสอนไม่ให้หลินสวินหยุดเรียนรู้และสอนวิชาเอาตัวรอดให้เขา ในทางกลับกัน ทหารยามและนักโทษทั้งหลายทำให้เขารู้จักว่าความดำมืดที่แท้จริงเป็นเช่นไร และมนุษย์คนหนึ่งจะชั่วช้าได้สักแค่ไหน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท